จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
เมษายน 16, 2024, 07:30:54 pm *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
ยินดีต้อนรับสมาชิก และผู้เยื่ยมชมทุกๆท่าน
 
  หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
  แสดงกระทู้
หน้า: 1 ... 85 86 [87] 88 89 ... 94
1291  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / ชมภาพตลาดย้อนยุคสมัยรัชกาลที่ ๕ จำนวน ๕๐ร้านค้า ชมสาวชาวเขา ชมช่างฝีมือเรือไทย เมื่อ: กันยายน 02, 2010, 11:22:47 am
 วันที่ ๒๕ ถึง ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๓  จัดตลาดย้อนยุคสมัยรัชกาลที่ ๕ เสด็จเมืองกำแพงเพชร ชมสาวงามขายอาหาร คาวหวาน แต่งตัวย้อนยุค เมื่อ ๑๐๔ ปีก่อน จำนวน ๕๐ ร้านค้า สวยทั้งคนขาย สวยทั้งร้านค้า อร่อยทั้งอาหารโบราณ เชิญทัศนา ภาพอย่างจุใจ ไร้คำบรรยาย ขอบคุณองต์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชร ที่มอบหมายให้ อาจารย์สันติ อภัยราช ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร ดำเนินการจัดตลาดย้อนยุค ให้น่าสนใจที่สุด ในงานประเพณี แข่งเรือยาวกลางลำน้ำปิง จังหวัดกำแพงเพชร

ภาพบรรยากาศตลาดย้อนยุค วันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๓































































































ภาพบรรยากาศตลาดย้อนยุค วันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๓





























































ภาพบรรยากาศตลาดย้อนยุค วันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๓












































                                                                                                              
                                                                                                              สันติ อภัยราช
1292  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / โครงการร่วมใจไกล่เกลี่ย โดยอาจารย์วันชัย กลิ่นหอม เมื่อ: สิงหาคม 31, 2010, 04:08:15 pm
   จากการที่สำนักงานศาลยุติธรรม  มีนโยบายในการสนับสนุนและพัฒนาระบบการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทของศาลยุติธรรมเพื่อเป็นการรักษาความเข้มแข็งและมุ่งสู่ความเป็นเลิศในการอำนวยความยุติธรรม  มีการนำระบบการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทมาปรับใช้ควบคู่กับการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีของศาล  เป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับประชาชนในการยุติข้อพิพาท  สนับสนุนการระงับข้อพิพาทด้วยหลักสมานฉันท์  และสันติวิธี  สร้างจิตสำนึกให้คนในสังคมมีความรู้รักสามัคคี  ทางศาลจังหวัดกำแพงเพชร  ได้สนองนโยบายนี้และจัดโครงการ  ร่วมใจใกล่เกลี่ย  ประจำปี  2553  ขึ้นระหว่างเดือน  มิถุนายน -  กรกฎาคม  2553 

   



   







ศาลจังหวัดกำแพงเพชรแถลงข่าวโครงการ ? ร่วมใจไกล่เกลี่ย ประจำปี 2553 ?

       คนไทยส่วนใหญ่ที่นับถือศาสนาพุทธและสนใจเกี่ยวกับเรื่องพระพุทธรูป  คงเคยเห็นหรือเคยได้ยินได้ฟังเกี่ยวกับเรื่อง  พระพุทธรูปปาง  ? ห้ามญาติ  ? กันมาบ้าง  พระพุทธรูปปางนี้เกิดขึ้นมาจากเมื่อครั้งสมัยพุทธกาล  ซึ่งครั้งหนึ่งได้เกิดการทะเลาะวิวาทกันระหว่างญาติทางฝ่ายบิดาและญาติทางฝ่ายมารดาของพระพุทธเจ้า  สาเหตุเกิดจากการแย่งน้ำในแม่น้ำโรหินีเพื่อทดน้ำขึ้นมาทำนา  โดยทางกรุงกบิลพัสดุ์ซึ่งเป็นฝ่ายพุทธมารดาทดน้ำเข้าทำนาทางใต้คือนครเทวทหะก็ขาดน้ำ  ทั้งสองฝ่ายแม้พยายามจะแก้ปัญหาด้วยการประชุมกันแต่ก็ไม่สำเร็จ  จนเกิดเป็นเรื่องราวเตรียมจะทำสงครามกัน  ดีที่พระพุทธเจ้าล่วงรู้เสียก่อนและไปห้ามทัพทัน  โดยพระองค์ชี้ให้เห็นว่า  ?  ระหว่างน้ำกับชีวิต  ?  อะไรมีความสำคัญกว่ากัน  ควรแล้วหรือที่จะต้องมาทำสงครามกัน  เมื่อทุกฝ่ายได้คิดก็สามารถแก้ปัญหาได้
      นี่คือวิธีการไกล่เกลี่ยที่พระพุทธเจ้าได้ทรงทำขึ้นในสมัยพุทธกาล  ปัจจุบันปัญหาต่าง ๆ  ที่มนุษย์ทุกคนต่างต้องเผชิญมีมากมาย  เพราะการอยู่ร่วมกันในสังคมหมู่ใหญ่  หลายครั้งถึงกับลงไม้ลงมือกันเป็นปัญหาบานปลายออกไปอีกมากมาย  ทั้ง ๆ  ที่ไม่อยากให้เกิด  หลายครั้งต้องเสียทั้งทรัพย์สินเงินทอง  บางรายต้องเสียชีวิตไปก็มี  ทำไมเราไม่หันมาพูดคุยกัน  ร่วมกันแก้ปัญหาโดยสันติวิธี  ด้วยตัวเราเองหรือคู่กรณีของเรา  สาเหตุอาจจะมาจาก  อารมณ์  ของผู้ที่เกี่ยวข้องเมื่อเจอความขัดแย้งที่รุนแรงก็ควบคุมไม่ได้  ขาดสติและมุ่งมั่นที่จะเอาชนะอีกฝ่ายหนึ่งให้ได้  เลยขาดเหตุผลหรือไม่คิดที่จะนำข้อเท็จจริงออกมาเจรจากัน  อีกปัญหาหนึ่งที่ทำให้ร่วมมือกันแก้ปัญหาไม่ได้ก็คือ  ทิฐิ  ซึ่งเป็นธรรมดาที่มนุษย์ทุกคนย่อมเชื่อมั่นในตนเองมากกว่าคนอื่น  เมื่อเกิดความขัดแย้งก็จะเข้าข้างตนเองก่อนอื่น  เห็นฝ่ายตรงข้ามพูดหรือทำอะไร  จะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องไปเสียหมด  จึงยากที่จะแก้ไขปัญหาได้  ความหวาดระแวง  ก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้แก้ปัญหาความขัดแย้งไม่ได้  เพราะเมื่อเกิดปัญหาขึ้นมา  เราย่อมจะมีความรู้สึกไม่ดีกับอีกฝ่ายหนึ่ง  ความรู้สึกนี้จะค่อย ๆ  พัฒนาตัวเองไปเรื่อย ๆ  จนกลายเป็นความไม่เชื่อใจและระแวงสงสัย  โดยเฉพาะถ้าเป็นเรื่องที่มีปัญหา  เป็นเรื่องที่มีผลประโยชน์เป็นตัวเงินมาก ๆ  ยิ่งจะทำให้เกิดความระแวงสงสัยมีมากขึ้น  จะพูดจะคุยตกลงกัน  อาจจะส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์  จึงไม่กล้าที่จะแก้ปัญหานั้น ๆ  เพราะกลัวจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบนั่นเอง
 
คณะสื่อมวลชน จ.กำแพงเพชร
      จากสาเหตุหรือเหตุผลดังกล่าว  ทำให้การพูดคุยหรือเจรจากันเองระหว่างคู่กรณีประสบปัญหา  ไม่สามรถจะตกลงกันได้  จำเป็นต้องมีคนกลางมาช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้โดยวิธีการไกล่เกลี่ยที่ทางศาลจังหวัดกำแพงเพชรได้จัดทำขึ้นมา  โดยใช้ชื่อโครงการว่า  ?  ร่วมใจไกล่เกลี่ย  ?  คำว่าไกล่เกลี่ย  หมายถึง  การพูดจาให้ปรองดองกัน, พูดจาให้ตกลงกัน  เป็นการเจรจา เพื่อทำการตกลงกันด้วยความพึงพอใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย  โครงการร่วมใจไกล่เกลี่ยนี้จะจัดให้มีคนกลางคอยประสานความเข้าใจระหว่างคู่กรณี  เนื่องจากในการเจรจาปัญหาต่าง ๆ  ที่เกิดขึ้นอาจจะมีความเข้าใจไม่ตรงกัน  คนกลางหรือผู้ไกล่เกลี่ยจะช่วยในการสื่อสารข้อมูล  ความคิดหรือความเข้าใจที่ถูกต้องให้แต่ละฝ่ายรับรู้  เพื่อจะทำให้แต่ละฝ่ายเข้าใจปัญหาและมุมมองของอีกฝ่ายหนึ่ง  ก่อนที่จะหาทางแก้ไขปัญหาที่เหมาะสม  ความเข้าใจที่ถูกต้องจะช่วยลดความหวาดระแวงสงสัย  ความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างคู่กรณี  เพราะเมื่อเข้าใจเหตุผล  เข้าใจแนวคิดอันเป็นสาเหตุของปัญหาให้เข้าใจตรงกัน  ความรู้สึกอคติเป็นศัตรูก็จะลดน้อยลงไป  ทิฐิที่เคยมีก็อาจลดตามไปด้วย  การแก้ปัญหาก็ย่อมง่ายขึ้น  ฉะนั้นคนกลางหรือผู้ไกล่เกลี่ยจึงมีความสำคัญมาก  ซึ่งมีทั้งคนนอกหรือคนที่ทางศาลจัดขึ้นมาโดยมีคุณสมบัติพร้อมตามที่ศาลกำหนด
      เมื่อเห็นรูปแบบโครงการแล้วเชื่อว่า  โครงการนี้จะทำให้ทุกฝ่ายเกิดความพอใจ  ปัญหาต่าง ๆ  คงจะตกลงกันได้ด้วยดีมากยิ่งขึ้น  ช่วยแก้ปัญหาสังคมไทยได้ในระดับหนึ่ง  ทุกวันนี้ปัญหาบ้านเมืองก็มากอยู่แล้ว  ถ้าทุกฝ่ายนำโครงการนี้ไปใช้แก้ปัญหา  ไม่ว่าจะเป็นปัญหารัฐบาลกับกลุ่มประชาชน  ปัญหาชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน  ปัญหาเขาพระวิหาร  เป็นต้น  เป็นอีกโครงการหนึ่งที่ศาลจังหวัดกำแพงเพชรนำมาเผยแพร่ให้กับชุมชนได้อย่างถูกเวลาถูกจังหวะ  นอกเหนือโครงการดี ๆ  อื่น ๆ  ในวันรพีที่ผ่านมา  ถือเป็นการทำงานเชิงรุกที่มีคุณค่ายิ่งให้กับสังคม
 
นายวันชัย  สุทิน  ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชรเยี่ยมชมการออกร้านโครงการร่วมใจไกล่เกลี่ย
      การรณรงค์ให้มีการไกล่เกลี่ย  สร้างการมีส่วนร่วมของบุคลากรและหน่วยงานศาลยุติธรรม  ร่วมถึงการเปิดโอกาสให้ประชาชนผู้มีคดีความได้รับประโยชน์  โดยมีเป้าหมายสำคัญที่จะทำให้การยุติข้อพิพาทเป็นไปด้วยความสะดวก  รวดเร็วและเป็นธรรม  สร้างความพึงพอใจร่วมกันทุกฝ่าย  ไม่มีฝ่ายใดแพ้  ไม่มีฝ่ายใดชนะ  ทั้งสองฝ่ายชนะร่วมกัน  อีกทั้งยังสามารถรักษาสัมพันธภาพอันดีต่อกัน  ย่อมทำให้เกิดการสงบสุขในสังคม  ในฐานะสื่อมวลชนขอสนับสนุนโครงการนี้อย่างจริงใจที่สุด  ?  ความยุติธรรมไม่จำเป็นต้องมาจากกฎหมาย  แต่กฎหมายต้องมาจากความยุติธรรม  ปัญหาต่าง ๆ  จะคลี่คลายลงได้  ถ้าร่วมใจไกล่เกลี่ยอย่างยุติธรรม  ?
                                 จาก....วันชัย  กลิ่นหอม
                                                                          นายกสมาคมสื่อสารมวลชนเพื่อสังคมกำแพงเพชร
      

1293  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ เชื้อสายบ้านโคนเมืองกำแพงเพชร สืบค้นโดย นายรุ่งเรือง สอนชู เมื่อ: สิงหาคม 31, 2010, 03:43:51 pm
พ่อขุนศรีอินทราทิตย์  :  เจ้าเมืองสุโขทัยเชื้อสายเมืองกำแพงเพชร
สืบค้นโดย นายรุ่งเรือง  สอนชู

               ข้อความในจารึกหลักที่ 2  ศิลาจารึกวัดศรีชุม  ในหนังสือประชุมศิลาจารึกภาคที่ 1
หน้าที่ 37-39  อธิบายว่าก่อนที่พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ได้ขึ้นครองราชย์เป็นเจ้าเมืองสุโขทัยนั้น   
พ่อขุนศรีนาวนำถม ได้ครอบครองเมืองสุโขทัยและเมืองศรีสัชชนาลัยมาก่อน  แต่ถูกขอมขยายอำนาจมาครอบครอง   พ่อขุนผาเมือง เจ้าเมืองราดซึ่งเป็นโอรสของพ่อขุนศรีนาวนำถม ได้นำทหารเข้าร่วมวางแผนกับพ่อขุนบางกลางหาว ที่เมืองบางยาง เพื่อขับไล่ขอมออกไป    โดยพ่อขุนบางกลางหาวยึดได้เมืองศรีสัชชนาลัย  พ่อขุนบางกลางหาวและพ่อขุนผาเมืองร่วมกันไล่ขอม
สมาดโขลญลำพง แตกหนีไป  พ่อขุนผาเมืองได้เข้าเมืองสุโขทัยและได้อภิเษกพ่อขุนบางกลางหาวขึ้นเป็นเจ้าเมืองสุโขทัยทรงพระนามว่า ?ศรีอินทรบดินทราทิตย์?    
                   ข้อความในจารึกหลักที่ 1 ศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง ในหนังสือประชุมศิลาจารึก
ภาคที่ 1 หน้า  17 ได้กล่าวถึงราชวงศ์พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ว่า มีมเหสีชื่อนางเสือง  โอรสองค์โตเสียชีวิตเมื่อยังเล็ก  โอรสองค์ที่  2  พ่อขุนบานเมือง โอรสองค์ที่  3 พ่อขุนรามคำแหง หรือรามราช  องค์ที่ 4  และ 5  เป็นราชธิดา
                    จากจารึกหลักที่ 2 และ 1  นั้นไม่ได้กล่าวถึงเชื้อชาติตระกูล หรือถิ่นฐานของ
พ่อขุนศรีอินทราทิตย์  ว่ามาจากที่ใด   
              การขื้นครองราชย์และสิ้นรัชกาลของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์นั้น ผู้เขียนจะขอกล่าวถึงเอกสารต่าง ๆ ที่มีผู้มีความรอบรู้ทางประวัติศาสตร์นำข้อมูลมาเสนอลงในเอกสารดังต่อไปนี้
                   ในหนังสือประวัติศาสตร์ไทย ตั้งแต่สมัยเริ่มแรกจนถึงสิ้นอยุธยา  หน้าที่ 85-86 กล่าวถึงบุคคล  2  ท่านที่เกี่ยวข้องกับพ่อขุนศรีอินทราทิตย์
                     1   นายตรี  อมาตยกุล    เสนอว่าพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ขี้นครองราชย์    เมื่อ 
พ.ศ.  1781  ไม่ระบุว่าสิ้นรัชกาล เมื่อใด                   
                     2.  ดร. ประเสริฐ ณ นคร เสนอว่าพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ขึ้นครองราชย์เมื่อ 
พ.ศ. 1762-1781 ไม่ระบุว่าสิ้นรัชกาล เมื่อใด                 
                     ในหนังสือประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เล่ม 1 หน้า 371 ทำตารางเสนอว่า  พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ขึ้นครองราชย์เมื่อ พ.ศ.  1792   ไม่ระบุสิ้นรัชกาล แต่ระบุสิ้นรัชกาล
ของพ่อขุนบานเมืองว่า พ.ศ. 1822  และพ่อขุนรามคำแหงขึ้นครองราชย์เมื่อ พ.ศ. 1822
                     ในหนังสือชินกาลมาลีปกรณ์  หน้า 108  ไม่ระบุการขึ้นครองราชย์ และสิ้นรัชกาลของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์  แต่ระบุว่าพ่อขุนบาลเมืองขึ้นครองราชย์เมื่อ พ.ศ. 1821 และพ่อขุนรามคำแหงขึ้นครองราชย์ในปีเดียวกันคือ  พ.ศ. 1821

2

                   ตามหลักฐานของการขึ้นครองราชย์และสิ้นรัชกาลนั้น  ผู้เขียนพอจะสรุปได้ว่า
พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ขึ้นครองราชย์  พ.ศ. 1762-1792  และสิ้นรัชกาลเมื่อ  พ.ศ. 1821
พระร่วงเจ้าเมืองสุโขทัยมีเชื้อสายเป็นชาวเมืองกำแพงเพชร
                   จากหนังสือประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เล่ม 1  หน้า  177-188  ได้กล่าวถึงพระร่วงองค์หนึ่งซึ่งภายหลังได้ขึ้นเป็นเจ้าเมืองสุโขทัย  โดยมี อัยกา(ปู่) และ ชนก (พ่อ) เป็นเจ้าเมืองกำแพงเพชร  โดยจะขอนำเรื่องราวโดยย่อมาเสนอดังนี้
                    เมื่อ จุลศักราช  536   พระเจ้าสุริยราชาเชื้อพระวงศ์ของพระเจ้าปทุมสุริยวงษ์ได้มาครอบครองเมืองพิจิตรปราการแล้วขึ้นครองราชย์  หลังสิ้นพระชนม์ลง  โอรสคือพระเจ้าจันทกุมาร ขึ้นครองราชย์ต่อมาเมื่อจุลศักราช 570  ทรงพระนามว่าพระเจ้าจันทราชา  ในเวลาต่อมาทรงทิ้งเมืองกำแพงเพชรไปสร้างเมืองสุโขทัย
              อยู่มาวันหนึ่ง พระเจ้าจันทราชาเสด็จประพาสป่าพร้อมด้วยทหารจำนวนมาก พบหญิงสาวนางหนึ่งมีรูปโฉมงดงาม พระองค์มีความเสน่หา  รักใคร่และได้นางนั้น  ชักชวนให้เข้าไปอยู่ในวังเพื่อให้เป็นเอกอัครนารี  แต่นางปฏิเสธ ทำให้พระเจ้าจันทราชากลับคืนสู่พระราชวังโดยไม่มีหญิงงามนั้นติดตามไปด้วย   ต่อมาหญิงนั้นตั้งครรภ์และคลอดออกมาเป็นบุตรชาย  ทิ้งไว้ในไร่อ้อย  ตากับยายเจ้าของไร่อ้อยมาพบเข้าจึงนำไปเลี้ยงไว้  เมื่อโตขึ้นอายุได้ 15 ปี มีรูปโฉมลักษณะงดงาม มีอานุภาพมากจะออกปากสิ่งใดก็เป็นไปตามนั้น และได้ตั้งชื่อว่า พระร่วง
                      กิตติศัพท์อันนี้ทราบไปถึงพระเจ้าจันทราชาผู้ปกครองกรุงสุโขทัย  จึงเกิดสงสัย
ตรัสสั่งทหารให้ไปหาตายายเจ้าของไร่อ้อยพร้อมเด็กหนุ่มนั้นเข้าเฝ้า  ตาและยายได้เล่าถึงการได้มาของเด็กหนุ่มนั้นตามลำดับ  พระเจ้าจันทราชาจึงเชื่อว่าเด็กหนุ่มนั้นเป็นโอรสของพระองค์เองที่เกิดกับหญิงสาวในคราวที่ออกประพาสป่าและนางนั้นไม่ยอมที่จะเข้าไปอยู่ในวังด้วย  จึงให้รับพระร่วงนั้นเลี้ยงไว้เป็นพระราชโอรสของพระองค์ในพระราชวัง
                     ในช่วงระยะนั้นเมืองสุโขทัยได้ถูกขอมขยายอำนาจมาครอบครอง จำเป็นต้องส่งส่วยน้ำให้กับขอม  พระร่วงได้ทูลให้พระเจ้าจันทราชา งดส่งส่วยน้ำ   ทางฝ่ายขอมเห็นว่าสุโขทัยเริ่มแข็งข้อกระด้างกระเดื่อง จึงยกทัพมาปราบปราม  พระร่วงได้นำกองทัพเข้าต่อสู้จนสามารถขับไล่กองทัพขอมออกไป และได้ช่วยดูแลเมืองสุโขทัยตลอดมา  พระเจ้าจันทราชาขึ้นครองราชย์ได้ 30 ปี ก็สิ้นพระชนม์  พระร่วงได้ขึ้นครองราชย์เป็นเจ้าเมืองสุโขทัยต่อมา
                       ในปลายรัชกาลนั้น มีชาวมอญชื่อมะกะโท้ เข้ามาค้าขายในเมืองสุโขทัย  แล้วเลิก 
เข้าไปฝากตัวอยู่กับนายช้างพระที่นั่งโรงใน ช่วยดูแลรักษาเก็บกวาดมูลช้างทำให้โรงช้างสะอาด

3

อยู่เสมอ นายช้างให้ความเมตตารักใคร่  นายมะกะโท้ทำความดีเรื่อยมาจนเป็นที่โปรดปรานของพระร่วงเจ้า จนได้เลื่อนให้มะกะโท้ขึ้นเป็นขุนวัง  ตำแหน่งกรมวัง 
                       เกิดขบถขึ้นตามชานเมือง  พระร่วงทรงเสด็จกรีฑาทัพไปปราบปรามด้วย
พระองค์เอง ตรัสสั่งให้มะกะโท้ผู้เป็นกรมวังเฝ้ารักษาพระนคร  มะกะโท้ซึ่งมีความรักใคร่ต่อนางสุวรรณเทวีพระราชธิดาของพระร่วงอยู่แล้ว  ก็ลอบรักใคร่กับพระราชธิดานั้น  ข้าราชการทั้งหลายในวังนั้นรู้เรื่องทั้งหมด   ทำให้มะกะโท้กลัวพระราชอาชญาสมเด็จพระร่วงเจ้า  จึงตัดสินใจพาพระราชธิดานั้นหนีออกจากสุโขทัยไปอยู่ที่บ้านตะเกาะวุนซึ่งเป็นบ้านเดิมของตน
                           เมื่อพระร่วงเจ้าได้ปราบปรามชาวขบถตามชายแดนจนราบคาบแล้วก็เสด็จกลับเมืองสุโขทัย  ข้าราชการได้รายงานเรื่องการกระทำของมะกะโท้ให้พระร่วงเจ้าทรงทราบ 
พระร่วงเจ้าทรงโปรดปรานมะกะโท้อยู่ก่อนแล้ว  จึงไม่ทรงพิโรธแต่ประการใด แต่กลับทรงอวยพรให้ไป ทั้งนี้ด้วยอำนาจบุญบารมีของมะกะโท้ จะได้เป็นกษัตริย์ใหญ่ในประเทศรามัญ
                          ในเวลาต่อมา  ด้วยอำนาจวาสนาของมะกะโท้  ได้ตั้งตัวขึ้นเป็นกษัตริย์เมือง
เมาะตะมะ  ทรงพระนามว่า พระเจ้าฟ้ารั่ว
                           พระร่วงได้ครองราชย์สมบัติเป็นเป็นสุขมาช้านาน เมื่อแรกขึ้นครองราชย์สมบัติ
มีพระชนม์ได้ 35 พรรษา อยู่ในราชสมบัติได้  40  พรรษา รวมพระชนมายุ 75 พรรษาก็เสด็จสวรรคต
ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของผู้เขียน
                          ผู้เขียนได้สืบค้นหาชื่อเมืองพิจิตรปราการที่พระเจ้าสุริยราชาเชื้อสายเขมร
มาครอบครอง เมื่อจุลศักราช 536 หรือ พ.ศ. 1717 ได้พบในหนังสือคำให้การชาวกรุงเก่า
หน้า 11, 180 และ201 ได้อธิบายว่าเมืองพิจิตรปราการนั้นคือเมืองกำแพงเพชร
                           จากเรื่องราวที่นำมาเสนอนั้น สรุปได้ว่าพระร่วง มีอัยกาและชนก เป็นเจ้าเมืองกำแพงเพชร จริง พระร่วงได้เป็นเจ้าเมืองสุโขทัยเมื่อ พ.ศ. 1781 และสิ้นรัชกาลเมื่อ พ.ศ. 1821
                           หนังสือคำให้การกรุงเก่า หน้า 180 พระเจ้าจันทราชาได้ไปครอบครอง
เมืองสวรรคโลกด้วย  ผู้เขียนเชื่อว่าคงทิ้งเมืองกำแพงเพชรไปสวรรคโลกก่อนที่จะมาครอบครองสุโขทัยในคราวหลัง
                    จากการตรวจสอบเรื่องราวของมะกะโท้ ในระยะเวลาที่เข้ามาอยู่ที่เมืองสุโขทัย
ในหนังสือประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เล่ม 10  หน้า  14  ซึ่งเป็นพงศาวดารของพม่ารามัญ พบว่ามะกะโท้ได้เข้ามารับราชการที่กรุงสุโขทัยในรัชกาลของพระร่วง

             4
เมื่อ จุลศักราช 634 (พ.ศ. 1815)  ในคราวหลังได้หลบหนีกลับไปอยู่ที่เมืองเมาะตะมะ  เมื่อถึงจุลศักราช 643 (พ.ศ. 1824) คิดขบถจับอลิมามางเจ้าเมืองเมาะตะมะฆ่าเสีย มะกะโท้ก็ได้เป็นใหญ่ในเมืองเมาะตะมะ  ครั้นต่อมามีอานุภาพมาก แล้วตั้งตัวข้นเป็นกษัตริย์ทรงพระนามว่า ?สมิงวาโร? แต่คนไทยเรียกว่า  ?พระเจ้าฟ้ารั่ว?
                         เมื่อมะกะโท้เข้ามารับราชการที่เมืองสุโขทัย เมือจุลศักราช 643 (พ.ศ. 1815) นั้นแสดงว่ามาในปลายสมัยของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ก่อนที่พ่อขุนบานเมืองและพ่อขุนรามคำแหงจะขึ้นครองราชย์  6-7 ปี 
                         หลักฐานจากศิลาจารึก  หลักที่ 2 และหลักที่ 1 ได้กล่าวถึงการขึ้นครองราชย์
เมืองสุโขทัย ใช้พระนามว่า พ่อขุนศรีอินทราทิตย์   ส่วนประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เล่ม1 
ใช้พระนามว่า พระร่วง  ระยะเวลาการขึ้นครองราชย์นั้นมีทั้งตรงกันและแตกต่างกัน ส่วนวัน
สิ้นรัชกาลนั้นตรงกัน
                           ดังนั้น เจ้าเมืองสุโขทัย ทรงพระนามว่า ?พ่อขุนศรีอินทราทิตย์?  จากศิลาจารึก  และ ?พระร่วง?  จากประชุมพงศาวดารฯ ย่อมเป็นบุคคลคนเดียวกัน โดยอาศัยหลักฐานต่อไปนี้
                           1.เป็นไปได้ยากที่เจ้าเมืองสุโขทัยจะมีเจ้าเมืองสองพระองค์ ขึ้นครองราชย์ ในเวลา
เดียวกันหรือใกล้เคียง และสั้นรัชกาลในปีเดียวกัน 
                           2.พ่อขุนบานเมืองและพ่อขุนรามคำแหงคงไม่ยอมที่จะให้ผู้อื่นเป็นเจ้าเมืองคู่กับ
พ่อขุนศรีอินทราทิตย์
                           3. พงศาวดารพม่าได้บันทึกว่า มะกะโท้ เข้ามารับราชการที่กรุงสุโขทัยกับพระร่วง
 เมื่อ พ.ศ. 1815  พระร่วงยกกองทัพไปปราบขบถที่ชานเมือง โดยมอบมะกะโท้ อยู่รักษาพระราชวัง  ย่อมหมายถึงไม่มีเจ้าเมืองสุโขทัยอีกแล้วถึงต้องมอบอำนาจ ให้กับมะกะโท้
                  4. จากหนังสือชินกาลมาลีปกรณ์  หน้า 112  เจ้าเมืองสุโขทัยมีพระนามได้ 3 พระนาม คือพระโรจราช  หรือพระร่วง  หรือ  พ่อขุนศรีอินทราทิตย์
พ่อขุนศรีอินทราทิตย์หรือพระร่วงประสูติที่ใด
                        จากชินกาลมาลีปกรณ์ ในหน้า 112-113 ตอนหนึ่งมีข้อความถึงการประสูติ
                    ? ได้ยินว่า  ที่ตำบลที่บ้านโค  ยังมีชายคนหนึ่งรูปงาม มีกำลังมาก  ท่องเที่ยวอยู่ในป่า มีนางเทพธิดาองค์หนึ่ง  เห็นชายคนนั้นแล้ว ใคร่จะร่วมสังวาสด้วย  จึงแสดงมารยาหญิง  ชายคนนั้นก็ร่วมสังวาสกับนางเทพธิดาองค์นั้น  เนื่องจากการร่วมสังวาสของเขาทั้งสองนั้น  จึงเกิดบุตรชายหนึ่ง


และบุตรชายคนนั้นมีกำลังมาก  รูปงาม เพราะฉะนั้น  ชาวบ้านทั้งปวงจึงพร้อมใจกันทำราชาภิเษกบุตรชายคนนั้น  บุตรชายซึ่งครองราชย์สมบัติในเมืองสุโขทัยนั้น ปรากฏพระนามในครั้งนั้นว่า
โรจราช ภายหลังปรากฏพระนามว่า พระเจ้าล่วง?
                              ผู้แปลหนังสือเล่มนี้มีคำอธิบายว่า   บ้านโค  อาจเป็น  บ้านโคน จังหวัดกำแพงเพชร   
                              ผู้เขียนเชื่อว่า บ้านโค ก็คือ บ้านโคน อันเป็นที่เกิดของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์เพราะมีอัยกาและชนกเป็นเจ้าเมืองกำแพงเพชรอยู่แล้ว และพระร่วงนั้นเกิดก่อนที่พระเจ้าจันทราชาจะขึ้นเป็นเจ้าเมืองกำแพงเพชร 6-7 ปี 
                               ประชุมศิลาจารึก ภาค 1 ในหน้า  144-146  เป็นจารึก หลักที่ 13  จารึกบนฐานรูปพระอิศวรสัมฤทธิ์ สร้างเมื่อพ.ศ. 2053 โดยเจ้าเมืองกำแพงเพชร คือเจ้าพระยาศรีธรรมมาโศกราช ปัจจุบันอยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จังหวัดกำแพงเพชร  เรื่องราวที่จารึกนั้นข้อความตอนหนึ่งเมื่อแปลแล้วได้ความว่า ? อนึ่งท่อปู่พระยาร่วงทำเอาน้ำไปถีงเมืองบางพานนั้น ก็ถมหายสิ้นและเขาย่อมทำนาทางฟ้า และหาท่อนั้นพบ กระทำท่อเอาน้ำเข้าไปเลี้ยงนา? 
                                แสดงว่า พระร่วงองค์นั้นจะต้องเป็นชาวกำแพงเพชรด้วย เพราะมี ปู่เป็นเจ้าเมืองกำแพงเพชร จึงมีความสามารถที่สั่งให้ขุดคลองส่งน้ำจากกำแพงเพชรไปถึงเมืองบางพานได้  และอาจเป็นเป็นไปได้ว่า ปู่พระยาร่วงองค์นั้น คือ พระเจ้าสุริยราชา พระอัยกาของ
พ่อขุนศรีอินทราทิตย์นั่นเอง
บรรณานุกรม
กรมศิลปากร, คำให้การชาวกรุงเก่า  คำให้การขุนหลวงหาวัด และ พระราชพงสาวดารกรุงเก่า ฉบับ         
                   หลวงประเสริฐอักษรนิติ์. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์คลังวิทยา,2515.
คณะกรรมการพิจารณาและจัดพิมพ์เอกสารทางประวัติศาสตร์, ประชุมศิลาจารึก ภาคที่ 1. 
                    กรุงเทพมหานคร : สำนักนายกรัฐมนตรี, 2521.
คณะกรรมการอำนวยการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี, ประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนา
                    ภิเษก เล่ม 1. กรุงเทพมหานคร : กรมศิลปากร, 2542.
คณะกรรมการอำนวยการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี, ประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนา
                    ภิเษก เล่ม 10. กรุงเทพมหานคร : กรมศิลปากร, 2542.
ถนอม  อานามวัฒน์และคณะ,ประวัติศาสตร์ไทยตั้งแต่สมัยเริ่มแรงจนถึงสิ้นอยุธยา. 
                     กรุงเทพมหานคร : คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ,  2528.
แสง  มนวิทูร, ร.ต.ท.  ชินกาลมาลีปกรณ์.(พิมพ์อนุสรณ์นายกี่  นิมมานเหมินทร์) มิตรนราการพิมพ์,
                      2510.

1294  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / ชมภาพการแสดงแสงเสียงสื่อผสมม่านน้ำสามมิติท้าทายที่สุดเท่าที่เคยทำมากว่า๓๐ครั้ง เมื่อ: สิงหาคม 31, 2010, 10:04:02 am
      จัดการแสดง แสงเสียงมาตั้งแต่ ปี ๓๕ ในงานประเพณี นบพระเล่นเพลง ทำที่วัดพระแก้วเป็นส่วนใหญ่ วัดพระสี่อิริยาบถ ๒ ครั้ง วัดช้างรอบ ๑ครั้ง ครั้งที่พิสดารที่สุดคือ การทำในคูเมืองปี ๒๕๕๐ จัดให้เทศบาลเมืองกำแพงเพชร ๒ ครั้ง ในงานลอยกระทง จัดให้คลองขลุง ๑ครั้ง คราวเปิดบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ ๕ จัดให้วัดพระบรมธาตุอีกกว่า ๑๐ครั้ง
                          จัดการแสดงแสงเสียงครั้ง ที่ท้าทายที่สุด ในการดำเนินการมากว่า ๒๐ ครั้ง  การแสดง แสงเสียงครั้งที่สำคัญที่สุดครั้งนี้คือ การแสดง แสงเสียงสื่อผสมสามมิติ ผ่านม่านน้ำ เรื่อง พระบารมีมากล้น เสด็จประพาสต้น กำแพงเพชร  ในงานแข่งขันเรือยาว ประเพณีลำน้ำปิง ประจำปี ๒๕๕๓เหตุที่ท้าทายที่สุดเพราะจัดกลางลำน้ำปิง และไม่มีสะพานข้ามไป ใช้เรือขนส่งนักแสดงและผู้กำกับ
             ความจริงกลางลำน้ำปิงได้จัดการแสดงมา สองครั้งแล้ว งานของเทศบาลเมืองกำแพงเพชร แต่ทำได้ง่ายกว่า ในคราวนี้มีการจัดสื่อผสมม่านน้ำด้วย ทำให้การดำเนินการลงตัวได้ยากยิ่ง นับว่าเป็นการแสดงที่ท้าทายความสามารถทั้งหมด ของเรา
         เริ่มต้นอาจารย์สันติ อภัยราช ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร ได้รับมอบหมาย การจัดงานสองงานพร้อมกัน จากนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชร คุณจุลพันธ์ ทับทิม และคุณจักรไตรภพ หนุนเพชร ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชร ประมาณ เดือนพฤษภาคม ๒๕๕๓ ความจริงท่านทาบทามไว้ ตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๕๒ แล้ว สองเรื่องดังกล่าวคือ
๑.   การแสดงแสงเสียง สื่อผสมสามมิติ ผ่านม่านน้ำ เรื่องเกี่ยวกับพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสต้นกำแพงเพชร ในเดือนสิงหาคม ๒๔๔๙
๒.   การแสดงตลาดย้อนยุคสมัยพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จประพาสต้นกำแพงเพชรกว่า ๕๐ร้านค้า
เป็นอาหารคาวหวาน สมัยรัชกาลที่ ๕
          รับปากว่าจะทำให้ดีที่สุดเริ่มเขียนบทใช้เวลา สามสัปดาห์  เป้าหมายให้คนรักบ้านเมืองมากที่สุด โดยอ่านวรรณกรรมทุ่งมหาราชใหม่อีก ๒ จบ เพื่อนำตัวละครสำคัญคือ พะโป้ ทิด รื่น มาพบกันอย่างอาจหาญและจงใจอย่างที่สุด บรรจงเขียนอย่างตั้งใจที่สุด เพื่อให้คนในชาติเกิดความสามัคคีกัน
และให้คนกำแพงเพชร ระลึกถึงพระปิยมหาราชและพระเจ้าอยู่หัวของเราอย่างดีที่สุด
          ที่สำคัญที่สุดคือการสอดแทรกวัฒนธรรมประเพณีของกำแพงเพชร ลงไปให้มากที่สุด
โดยใส่เพลงเรือ เพลงแม่ศรี รำกลองยาว รำโทน ลงไปอย่างแนบเนียนที่สุด และสิ่งที่ให้เป็นเอกที่สุดคือการนำเสนอภาพของพระพุทธเจ้าหลวงผ่านม่านน้ำ ประมาณ ๑๕๐ ภาพจะทำอย่างไรให้ดีที่สุด
เป็นการบ้านที่แสนท้าทายมากที่สุด





           ต้นเดือนกรกฏาคม ๒๕๕๓ บทเสร็จ วางแผนเสร็จ ส่งบทไปให้อาจารย์ชนินทร์ อ้นอารี อ่าน
ส่งบทไปให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดดู ทาบทามนักแสดง จากวิทยาลัยภักดีพณิชยการและเทคโนโลยี
โดยผ่านอาจารย์ธิติมา มหะบุญพาชัย (อาจารย์จ๋า) ได้รับการตอบรับอย่างดีที่สุด คือใช้จินตลีลาชุด    เพลง ปิยราชาบารมี ของคุณอธิคม สือพัทธิมา เพลงที่บรรยายถึงพระพุทธเจ้าหลวงอย่างดีที่สุดเห็นภาพชัดเจนที่สุด และขอจินตลีลาชุด จบอีกหนึ่งชุด อาจารย์จ๋า แนะนำให้ใช้ เพลงแผ่นดินของเรา เพลงพระราชนิพนธ์ เพราะในเพลงมีบรรยากาศคล้ายของเมืองกำแพงเพชร มากที่สุด ตกลงเรื่องชุดและค่าใช้จ่ายทั้งหมด อาจารย์จ๋า น่ารักที่สุด คือทำให้ ซ้อมให้ หาชุดให้ เบ็ดเสร็จหมดเลย เบาใจไปหนึ่งเรื่อง



     มาถึงตอนหนักใจอีกตอนหนึ่ง ประสานงานไปทางวชิรปราการวิทยาคม ถึงอาจารย์สุปราณี แสงทอง น้องสาวที่น่ารัก เรื่องขอนักเรียนวชิรปราการวิทยาคม  ประมาณ ๒๐คน เพื่อเล่นเพลงเรือ และรำโทนตลอดจนเป็นชาวบ้าน ทั้งเรื่อง และขอพระเอก คือทิดรื่น  (เพราะพระเอกเก่าของเรา       คือเทพนิมิตร คุณุ ถึงแก่กรรม ไปเมื่อต้นปี) อาจารย์สุปราณี แสงทอง แนะนำ ให้รู้จักธวัช ให้พร ครูจ้างสอนโรงเรียนกำแพงเพชรพิทยาคม ว่าเป็นคนเก่งมีฝีมือ เป็นศิลปิน     และให้หมายเลขโทรศัพท์มา
เมื่อได้คุยกับครูธวัช ให้พร แล้วไม่ผิดหวัง เพราะนับว่าเป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง จึงเลือกครูธวัชเป็นพระเอกคือทิดรื่น ครูธวัช ได้แนะนำให้รู้จัก อาทิตยา ทองคลัง นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ จากโรงเรียนกำแพงเพชรพิทยาคม ซึ่งพอใจในความสามารถและคุณสมบัติของเธอมากที่สุดเธอชื่อเล่นชื่ออูม ตกลงได้คนเก่งสองคนแล้ว
      คนสำคัญอีกคนคือป้าแคล้ว ผู้หญิงแกร่งของปากคลอง นักแสดงที่เหมาะสมสองคน    คืออาจารย์สุภาณี พิทักษ์วงษ์  และอาจารย์กรองใจ สว่างแจ้ง ทาบทามอาจารย์สุภาณี สายันต์ (ครูตุ่ม) ตกลงเพราะท่านเข้าใจในบุคลิกของป้าแคล้วเป็นอย่างดี ลงตัวไปอีกคน งานใกล้สำเร็จแล้ว



    พะโป้ เป็นคนสำคัญมาก เลือกหลายคน แต่คุณสมบัติไม่ครบ เพราะพะโป้ เป็นคนที่มีบทบาทดีและมากที่สุด  ในเรื่อง ต้องเป็นคนอ่อนนอกแข็งใน ใจเหี้ยม คุณจันทรา กุลนันทคุณ นักวิชาการวัฒนธรรมแนะนำ ให้เลือกครูเผ (ครูสะเทื้อน นาคเมือง ) เจ้าของคณะลิเกเด็กคลองขลุงบำรุงศิลป์  ท่านมีคุณสมบัติใกล้เคียงพะโป้มาก จึงตกลง ให้ครูเผ เป็นพะโป้ เบาใจไปอีกคน



   พระยาวิเชียรปราการ เจ้าเมืองกำแพงเพชร ท่านเป็นคนมีบุคลิกเป็นผู้ใหญ่และสง่างามมาก เยือกเย็น พูดเพราะ เป็นยอดทางมนุษยสัมพันธ์  มองไปที่น้องรัก ของเรา อาจารย์สมพร จันทรปิฎก บุคลิก ตรงที่ สุด แต่มีปัญหาว่า จะว่างหรือไม่ จึงโทรไปทาบทาม  อาจารย์สมพร จันทรปิฎก ตอบตกลง เบาใจไปอีกเรื่อง



     สุดใจ นางเอก มองไปที่สุชาดา บางโปร่ง ( อ้อ) นักเรียนโรงเรียนวชิรปราการวิทยาคม ถามไปทางวชิรปราการวิทยาคม ตอบตกลง เธอรำแม่ศรีได้สวยมาก จำเป็นต้องเป็นสุชาดา บางโปร่ง
และเธอเป็นศิลปินเต็มตัว ไม่ให้ด้อยไปกว่า อาทิตยา ทองคลัง (แม่ทองย้อย) เพราะสร้างบุคลิกไว้เสมอกัน



      เพลงเรือ ได้ร้องขอให้ ครูลมัย มีขันหมาก ช่วยประพันธ์ให้ และอัดเสียงให้ด้วย ได้รับความกรุณาจากครู ลมัย พี่เกริก และหลานๆของครูละมัย
ท่านอาจารย์เกริก   เกิดพันธุ์   นักร้องเพลงพื้นบ้านกิตติมศักดิ์
นางสาว ปัทมา  มีขันหมาก  นศ.ปี 4   คณะศึกษาศาสตร์   สาขาวิชาภาษาไทย ,มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
เด็กหญิง พิมพ์ลภัส  วัดพ่วงแก้ว
เด็กหญิง  หทัยภัทร  แกมสุข
เด็กชาย  จักรณรงค์  อินพหล
เด็กชาย  ตะวัน  ปรารสุนทร
     อาจารย์ขนินทร์ อ้นอารี มาอัดเสียงสำเร็จ เกือบ ๖ โมงเย็น  
จบไปอีกเรื่อง





     ส่วนกลองยาว ได้ไปพบครูสกุล ตะปินตา ท่านตกลงและ แต่งเพลงให้ด้วย นำเสนอนักแสดงกว่า ๔๐คน เราไม่ขัดข้อง ขอให้เริ่มฝึกซ้อมและอัดเสียง ทำได้ดีมากทั้งคณะ







   คราวนี้ ต้องไปหาเรือ หาแพ มาเข้าฉาก  ไปหานายเล็ก อาจหาญ ชาวเรือ ที่เคยมาช่วยงานแสง เสียงลอยกระทงของเทศบาลกำแพงเพชร
ไปยืมเรือ นายแหลม แห่งร้าน ซุ้มมะขาม เรือสวยแต่ต้องซ่อมทั้งหมดตกลงออกค่าใช้จ่ายในการซ่อมให้ทั้งหมด เป็นเรือชะล่า ร่อนกรวดเมื่อกว่า๕๐ปีที่ผ่านมา ไปหาเรือพระวิเชียรปราการ ไปได้เรือ ที่ร้านโมฬี คอมพิวเตอร์ คุณปุ๊  บ้านอยู่บ้านดิบให้ยืมมา แต่ต้องซ่อมทั้งหมด ไปยืมแพของคุณปรีดา ร้านเทคโน (เจ้าของเทคโน รีสอร์ท) ๒ แพ ต้องซ่อมตามปกติ  ไปเช่าเรือสำราญ ของอบต.ดำ มาอีกลำ เรือให้นักแสดงได้พักผ่อน
ให้นายเล็กพาลูกน้อง มาช่วยอีก ๑๐คน กว่าจะเสร็จเข้าไป ๑๐ กว่าวัน ขอให้คุณปรีชา แก้วสุข ปิยมิตร ที่น่ารัก ช่วยลำเลียงเรือให้ ทั้งหมด ต้องขอบคุณไว้มากอีกท่านหนึ่ง
  เรื่องเงินทุนในการดำเนินการ ทั้งสองเรื่องกว่าล้านบาทเป็นเรื่องใหญ่มาก แต่คงไม่พูดถึงเพราะมีเรื่องที่ซับซ้อนมากๆ และมีหลายอย่างที่ไม่สามารถกล่าวได้  แต่ก็ใช้เงินส่วนตัว ในการดำเนินการล่วงหน้าก่อน ขอบคุณเจ้าหน้าที่ อบจ.ทุกท่าน คุณเรียม คุณเพทาย ช่างป๊อบ ช่างโต










ท่านจุลพันธ์ ทับทิม นายก คุณจักรไตรภพ หนุนเพชร ปลัด ที่อำนวยความสะดวกให้ทุกเรื่อง  ขอบคุณคุณวิไล สรรพากรอำเภอเมือง ที่กรุณาชี้แนะทางออกไห้
  อาจารย์ชนินทร์ อ้นอารีแห่งวิทยาลัย เทคนิค ทำระบบเทคนิคทั้งหมด เพราะเป็นงานในน้ำยากมากๆ แต่ได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายอย่างยอดเยี่ยม ม่านน้ำและเครื่องฉายราคาสูงมาก แต่ก็สามารถประสานงานเอามาได้ ต้องขอบคุณ อาจารย์ชนินทร์ อ้นอารี อย่างมาก มันไม่ง่ายอย่างที่ทุกคนคิด เพราะตั้ง ทำเวที ให้เข้ากับการแข่งเรือด้วย วางแผนไว้เป็นแผนหนึ่ง แผนสอง แผนสาม ตกลงต้องใช้แผนพิเศษ เพราะทุกแผนใช้ไม่ได้ เพราะสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้คือธรรมชาติ ระดับน้ำ ในแม่น้ำ และฝน ที่ตกอย่างไม่ลืมหูลืมตา

 ต้องพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คือ เจ้าพ่อหลักเมืองกำแพงเพชร  หลวงพ่อโม้ พระยาวชิรปราการ บนบานศาลกล่าวให้ท่านช่วย ในการ ดำเนินการทั้งหมด คือให้ปลอดภัย และฝนไม่ตก เพราะแสดงในน้ำอันตรายมากๆ
  ตกลงท่านช่วยเราจริงๆ คือปลอดภัย แบบไม่มีปัญหาตามมา สามารถแสดงได้อย่างดีมากๆ คนชมกันทั้งเมือง คงเป็นเพราะความตั้งใจจริงที่จะรับใช้บ้านเมือง

  พิธีกร กิตติมศักดิ์ ครูอ้อย อารีรักษ์ ปานพรหม ทำหน้าที่อย่างมีหัวใจทองคำ ช่วยอย่างดีที่สุด ต้องบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์กำแพงเพชรหน้าหนึ่ง
  ครูชุติมา เคหะลูน ครูยุพิน เรียนทัพ ครูปองสุข แดงศิริ ครูสุปราณี แสงทอง ครุศิริลักษณ์ ยศปัญญา  และน้องๆอีกหลายท่าน ช่วยกำกับการแสดงได้อย่างคาดไม่ถึง แก้ปัญหาให้ทุกเรื่อง ขอขอบคุณแทนกำแพงเพชร   ครูเรืองศักดิ์ แสงทอง ช่วยถ่ายภาพ เพราะท่านเป็นยอดฝีมือ  คุณจักรพรรดิ์ ร้องเสียง  ตากล้องบันทึกวิดิทัศน์    อาจารย์ศิรินุช ศิริชัย บริการเรื่องอาหาร อย่างน่ารัก



 คุณจันทรา กุลนันทคุณ คุณพชรพรรณ ขุ่มเปี่ยม ดูแล ช่วยเหลือ และให้กำลังใจอย่างดีมาก ตลอดงาน คุณอธิคม สือพัทธิมา หาเสื่อยางมาให้ปูเวที คุณสุรศักดิ์ (ร้านศ.ศิลป์) ช่วยแต่งเวทีให้ ทำให้ดูดีขึ้น


  ความจริงแล้ว เป็นบุญของเรา และบ้านเมือง  ที่มีคนช่วยมากขนาดนี้ เริ่มซ้อม วันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๓ สิงหาคม ซ้อมใหญ่ ๒๔ สิงหาคม
ฝนตกทุกวันแต่ไม่เป็นอุปสรรค เพราะสามารถซ้อมได้ นักแสดงทุกคน ให้ความร่วมมืออย่างดีเยี่ยม ไม่มีใครย่อท้อต่อความยากลำบาก ทุกคนทำงานเพื่อบ้านเมืองร่วมกัน อย่างสุดจิต สุดใจ และอาจเป็นบุญบันดาล ให้มาพบแต่คนดีๆ มารับใช้กำแพงเพชรร่วมกัน งานจึงมีข้อบกพร่องน้อยที่สุด การซ้อมผ่านไป ถามว่าเหนื่อยไหม เหนื่อยมาก เพราะเป็นงานยากที่สุด ท้าทายที่สุด เท่าที่เคยทำมา และการติดต่อไม่มีสะพาน นับว่ายากที่สุด แต่แล้ว ด้วยความตั้งใจจริงใจ กับบ้านเมืองทำให้ทุกอย่างผ่านพ้นไป อย่างงดงามที่สุด ท่ามกลางคำยกย่องชมเชยจากทุกฝ่าย มีอุบัติเหตุ วันซ้อมวันสุดท้าย แต่ไม่มีใครเป็นอะไร สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ช่วยจริงๆ










 การแสดงวันแรก วันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๓ เรียบร้อยดี มีผู้คนชมมากมาย หลวงพ่อพระศรีวชิราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุ รองเจ้าคณะจังหวัดกำแพงเพชร ให้กำลังใจออกอากาศทาง สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดกำแพงเพชร ตอนเช้าวันที่ ๒๖ สิงหาคม ต้องขอบพระคุณท่านที่ท่าน ดูการแสดงอย่างเข้าใจ ในบทประพันธ์ ท่านชื่นชม อย่างจริงใจ และท่านมาชมอีกในวันที่ ๒๗ สิงหาคม ได้มีโอกาส ไปนมัสการท่าน















  การแสดงวันที่ ๒ วันที่ ๒๖ สิงหาคม  มีฝนตกลงมา หนักมากในตอนหัวค่ำ ตอนแสดงตกพรำๆ แต่คนชมไม่ถอย นักแสดง ไม่ถอย สำเร็จไปด้วยดี วันนี้ ต้องไปนั่งเฝ้า นักแสดงด้วนตนเองบนแพ เพื่อให้กำลังทุกคน ที่เสียสละเพื่อบ้านเมืองร่วมกัน แม้สาหัสเพียงใดก็ต้องทน เพราะทุกคนทนเพื่อบ้านเมืองร่วมกัน วันนี้เมื่อแสดงเสร็จต้องรื้อเวทีการแสดงออกเพื่อแข่งเรือ เลยกลับดึกมาก แต่โก้ (ณัฏฐ์พล สุขสอน) ลูกศิษย์ ทำหน้าที่เหมือนเลขา ช่วยดูแล ทำให้สบายมากขึ้น ต้องขอบคุณ




















 วันสุดท้าย ๒๗ สิงหาคม ต้องนำเวที มาติดตั้งใหม่ เสร็จเกือบสองทุ่ม เริ่มแสดง วันนี้ มีคนชมมากจริง ๆ คิดว่านับหมื่นคน นักแสดง แสดงอย่างสุดชีวิต ฝนไม่ตก อากาศดีมาก ทุกอย่างสำเร็จ ไปด้วยดี ขอบคุณทุกท่าน ที่กรุณาทำให้งานสำเร็จไปด้วยดี พระบารมี มากล้น เสด็จประพาสต้นกำแพงเพชรจริงๆ





























  เหลือเบิกเงิน ที่ จ่ายล่วงหน้าไปแล้ว  และตามใช้หนี้ ทุกคน เพื่อไม่ให้ติดค้าง คืนของทุกอย่างที่ยืมมาในสภาพดีกว่าเดิม มีเวลาจะเล่าให้ฟังต่อถึงเมื่องานสำคัญเสร็จแล้ว

                                                                                                               สันติ อภัยราช
                                                                                                                ๑ กันยา ๕๓



  
1295  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / เชิญ ชม และ ชิม ตลาดวัฒนธรรมย้อนยุคสมัยพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จประพาสต้น เมื่อ: สิงหาคม 18, 2010, 12:09:37 pm
เชิญ ชม  และ ชิม
         ตลาดวัฒนธรรมย้อนยุคสมัยพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จประพาสต้นเมืองกำแพงเพชร
๑๐๔ ปี ที่ผ่านมา ชมการแต่งกายของบรรดาแม่ค้า พ่อค้า สวยสดงดงาม เหมาะสมยุคสมัย
ชิมอาหารหลากหลาย นานาชนิด ที่แทบจะหารับประทานไม่ได้ ในปัจจุบัน บรรยากาศย้อนอดีต ท่านจะประทับใจไม่รู้ลืม  ท่ามกลางบรรยากาศริมน้ำปิง
เชิญชาวกำแพงเพชร และนักท่องเที่ยว แต่งกายย้อนยุค สมัยรัชกาลที่ ๕ ถ้าท่านแต่งกายสมัยรัชกาลที่ ๕ มาชมงานท่านสามารถมารับหอยเบี้ย และเงินพดด้วง
จากเจ้าหน้าที่ต้อนรับได้ และไปแลกซื้ออาหารได้ทุกร้านและหางบัตร ยังสามารถ
จับสลากเรือพระที่นั่งหางแมงป่องจำลองเป็นของที่ระลึกได้ ฟรี
ระหว่างรับประทานอาหารอร่อย  ชมการแสดงของ ศิลปินพื้นบ้านกำแพงเพชร
อาทิ สะล้อซอซึง จากบ้านแม่นารี    ,    รำโทน รำเพลงพวงมาลัย ของศิลปินบ้านบุ่ง อำเภอขาณุวรลักษบุรี , รำชี้บท รำวงย้อนยุคบ้านเขาทอง ปากดง , ระบำเป่าแก้ว ทรายทองวัฒนา , การแสดงเทิดพระเกียรติจากโรงเรียนวรนาถวิทยา  การแสดงโปงลางของ ศิลปินชาวปางศิลาทอง การปักผ้า ของชาวเขากำแพงเพชร  หลากหลายวัฒนธรรมและชมการแสดงลำตัดของโรงเรียนอนุบาลกำแพงเพชร
ก่อนชมการแสดงแสงเสียงสื่อผสม  ม่านน้ำสามมิติ เรื่อง     พระบารมีมากล้น เสด็จประพาสต้นกำแพงเพชร
วันที่ ๒๕ ๒๖ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๓ ตั้งแต่เวลา ๑๗.๐๐ น. ? ๒๐.๐๐ น. ณ ริมน้ำปิง หน้าสนามกีฬา โรง เรียน อบจ.กำแพงเพชร  ดำเนินงานโดย สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร สภาวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร
นำเสนอโดย องค์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชร โดยการนำของนายจุลพันธ์  ทับทิม  นายกอบจ.และคณะผู้บริหาร
ประสานงานโดย นายจักรไตรภพ  หนุนเพชร ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชร

1296  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / เชิญชม การแสดง แสงเสียง สื่อผสมม่านน้ำ สามมิติ สูง ๑๒ เมตร กว้าง ๒๔ เมตร เมื่อ: สิงหาคม 18, 2010, 12:07:59 pm
เชิญชม
การแสดง แสงเสียง  สื่อผสมม่านน้ำ สามมิติ  สูง ๑๒ เมตร กว้าง ๒๔ เมตร        ฉายภาพ พระพุทธเจ้าหลวงเสด็จประพาสต้นกำแพงเพชร กว่าร้อยภาพ
เรื่อง
พระบารมี มากล้น เสด็จประพาสต้นกำแพงเพชร
แสดงในงานแข่งขันเรือยาวประเพณี ลำน้ำปิง จังหวัดกำแพงเพชร
ในวันที่ ๒๕-๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๓ เวลา ๒๐.๐๐ น. หน้าลานอนุรักษ์วัฒนธรรม
เป็น การแสดงที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ความรักและความแค้น ระหว่างหนุ่มใหญ่ต่างถิ่นคือพะโป้ และทิดรื่นเจ้าของพื้นที่ กำแพงเพชร พระบารมีปกเกล้าของพระพุทธเจ้าหลวงทำให้ สองผู้ทรงอิทธิพลสามัคคีปรองดอง กันได้อย่างไร
  ท่านจะได้ชมวัฒนธรรมกำแพงเพชร และซึมซาบ อย่างเอิบอิ่มที่สุดในเวลา ๖๐นาที
ประพันธ์บทและกำกับการแสดง       โดย   อาจารย์สันติ อภัยราช       ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร                                            กำกับเทคนิคระบบแสงเสียง ม่านน้ำ    โดย  อาจารย์ชนินทร์ อ้นอารี     วิทยาลัยเทคนิคกำแพงเพชร
กำกับการแสดงและแสดงโดย ศิลปินจาก  กำแพงเพชรพิทยาคม  วชิรปราการวิทยาคม  ภักดีพณิชยการและเทคโนโลยี อนุบาลกำแพงเพชร  ศิลปินกลองยาวจากวังแขม คณะลิเกเด็กคลองขลุงบำรุงศิลป์ และนักแสดงกิตติมศักดิ์จากหลายสถาบัน
นำเสนอโดย
องค์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชร โดยการนำของนายจุลพันธ์  ทับทิม  นายกอบจ.และคณะผู้บริหาร
ประสานงานโดย นายจักรไตรภพ  หนุนเพชร ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชร
เชิญ ชม  และ ชิม
1297  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / การฟื้นฟูและอนุรักษ์ศิลปะการแสดงพื้นบ้าน ลิเก ( คณะคลองขลุงบำรุงศิลป์) เมื่อ: สิงหาคม 17, 2010, 05:23:30 pm
                  ที่อำเภอคลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร มีลิเกเด็กอยุ่คณะหนึ่งชื่อว่า  คณะคลองขลุงบำรุงศิลป์ หัวหน้าคณะคือ นายสะเทื้อน นาคเมือง หรือครูเผ  ท่านทำหน้าที่ คณะกรรมการสภาวัฒนธรรมอำเภอคลองขลุง ด้วย  เนื่องจากลิเกเด็กคณะคลองขลุงบำรุงศิลป์  ได้ทำประโยชน์ต่อสังคมกำแพงเพชรอย่างมากมาย ล่าสุดตามโครงการ ทูบีนัมเบอร์วัน ลิเกเด็กของครูเผ มีส่วนทำให้จังหวัดกำแพงเพชร ชนะเลิศระดับประเทศ นับว่ามีผลงานที่สมควรได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
        เมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๓  ทางสภาวัฒนธรรมอำเภอคลองขลุง นำโดย นางมยุรี ทรัพย์ประสม ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอคลองขลุง ดำเนินโครงการ            การฟื้นฟูและอนุรักษ์ศิลปะการแสดงพื้นบ้าน                      ลิเก ( คณะคลองขลุงบำรุงศิลป์)  โดยมีนางจันทรา กุลนันทคุณ
วัฒนธรรมอำเภอคลองขลุงเป็นผู้ปฏิบัติงานในฐานะเลขาธิการสภาวัฒนธรรมอำเภอคลองขลุง มีการเรียนรู้ตามรอยยุคลบาทบนเศรษฐกิจพอเพียง
โดยอาจารย์สันติ  อภัยราชและการเรียนรู้เรื่องนาฏศิลป์ไทยเรียนรู้เรื่องลิเก โดยผู้เชี่ยวชาญ ทางด้านนาฏศิลป์หลายท่าน  เยาวชนคณะลิเกเด็กคลองขลุงบำรุงศิลป์ ให้ความสนใจในการเรียนรู้อย่างดียิ่งทุกคนใฝ่รุ้ใฝ่เรียนและทำบทบาทสมมุติเรื่องการเรียนรู้ตามรอยยุคลบาทได้ยอดเยี่ยม มีการประกวดกัน กลุ่มที่ทำได้ดีได้รับการนำเสนอในรายการโทรทัศน์วัฒนธรรม เยาวชนทั้งหมดได้รับความรู้เป็นอย่างดี เขาและเธอมีจิตสำนึกในการเป็นศิลปินลิเก ยอมรับและภาคภูมิใจในการทำงานของตนเองว่าเป็นงานมีเกียรติและมิได้ดูถูกเหยียดหยามวิชาชีพของตนแต่
ประการใด นับว่าน่ายกย่องผู้ใหญ่อย่างนางมยุรี ทรัพย์ประสม  ครูสะเทื้อน นาคเมืองและคุณจันทรา กุลนันทคุณ ที่สนับสนุนและร่วมฟื้นฟูและอนุรักษ์ศิลปะการแสดงลิเก อย่างต่อเนื่องและยาวนาน ขอขอบคุณผู้ใหญ่ที่รักในศิลปวัฒธรรมทุกคน
                                                                                                                  สันติ อภัยราช


1298  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / ตาลโตนด เมื่อ: สิงหาคม 17, 2010, 05:21:23 pm
เจ้าของตาลรักหวานขึ้นปีนต้น      ระวังตนตีนมือระมัดมั่น
เหมือนคบคนคำหวานรำคาญครัน   ถ้าพลั้งพลันเจ็บอกเหมือนตกตาล

ตาลถูกกล่าวขานเปรียบเทียบในวรรณกรรมมาช้านาน ตาลจึงเป็นพืชที่ชาวไทยรู้จักเป็นอย่างดี และนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างกว้างขวางและเหมาะสม ทุกส่วนของตาลล้วน นำมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งสิ้น
ตาลโตนด  เป็นต้นไม้ตระกูลเก่าแก่ มีมากกว่า 4000 ชนิด  ขึ้นอยู่ทั่วประเทศไทย มีอายุยืนนับร้อยๆปี นัก ชีววิทยา มีความเห็นว่า ตาลโตนด มีถิ่นกำเนิดทางฝั่งตะงันออกของอินเดีย ขยายไปสู่ศรีลังกา สหภาพเมียนม่าร์  ไทย อินโดนีเซีย กัมพูชา ในประเทศไทยะพบมากที่ จังหวัดเพชรบุรี สุพรรณบุรี   นครปฐม. มีปลูกมาก่อนสมัยทวาราวดี 
ตาลโตนดเป็นพืชตระกูลปาล์มพัด  มีชื่อหลายชื่อด้วยกัน เช่นตาลใหญ่ ตาลนา ภาคเหนือเรียกปลีตาล ภาคใต้เรียกโนด เขมรเรียกตะนอย
ตาลโตนดที่พบในจังหวัดกำแพงเพชร มีสามสายพันธ์ คือ
1.ตาลหม้อ?.. เป็นตาลที่มีลำต้นแข็งแรง ดูจากลำต้นไม่สามารถแบ่งแยกได้ สังเกตได้จากผลตาล ที่ให้ผลใหญ่ ผิวดำเป็นมันเรียบ แทบไม่มีสีอื่นปน  เวลาแก่ผลมีรอยขีดเป็นแนวยาวของผล  เปลือกหนา ในผลจะมี 2- 4เมล็ด  ในหนึ่งทะลายจะมีประมาณ 10 ? 20ผล จะให้ผลเมื่ออายุ 10 ปีขึ้นไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของต้น?..
2. ตาลไข่  มีลำต้นแข็งแรง ผลค่อนข้างเล็ก  ตลาดนิยมตาลหม้อมากกว่า สีผลค่อนข้างเหลือง ในหนึ่งทะลายจะมีผล 10 ?20 ผล  จะให้ผลเมื่ออายุ 10 ปีขึ้นไป
3. ตาลพันธุ์ลูกผสม   เป็นลักษณะสีดำผสมสีน้ำตาล พบที่จังหวัดเพชรบุรี ส่วนใหญ่จะให้ผลเมื่ออายุ 15 ปีขึ้นไป?
อาชีพขึ้นตาลเพื่อนำผลไปจำหน่าย ในจังหวัดกำแพงเพชร มีมาช้านาน ตาลจะนิยมปลูกไว้ตามหัวไร่ปลายนา?.ไม่ทำเป็นพืชเศรษฐกิจ เพราะโตช้า ให้ผลช้า การเก็บผลค่อนข้างยาก?
จึงไม่มีการปลูกไว้ เพื่อการค้าขาย? นักขึ้นตาลที่กำแพงเพชร มีไม่กี่คนที่ยังเหลืออยู่ พากันไปประกอบอาชีพอื่นๆ จนหมดสิ้น เนื่องจากเมื่อสูงอายุมากขึ้น ก็จะไม่สามารถขึ้นตาลได้ เพราะเต็มไปด้วยอันตราย
   ที่กำแพงเพชร เราพบหนุ่มสมชาย  ภู่สอน ที่สืบทอดอาชีพการขึ้นตาลมาจากพ่อของเขา
1299  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / สิบสาม สิงห์ ห้าสาม วันคล้ายวันเกิดน้องสาว สุปราณี แสงทอง เมื่อ: สิงหาคม 16, 2010, 09:32:47 am
                
                            สิบสาม สิงห์ ห้าสาม
            
                                    สานไกลสานเกือบใกล้             อรอุรา
                            สิบสามสิงห์ห้าสามมา                 เบิกฟ้า
                             สองฉนำยังตรึงตรา             จิตมั่น
                             ขอสุขสวัสดิ์เจิดจ้า                        เทิดล้ำมวลประชา
                                                                        

                                                                                       สันติ อภัยราช
                                                                                        ๑๓  สิงห์  ๕๓
1300  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / 13 ส.ค. 53 โรงเรียนทรัพย์สถิตย์วิทยาคาร เมือง 150 คน ผอ.กรุณา รัตนเจริญ เมื่อ: สิงหาคม 15, 2010, 10:37:59 am
      ไปบรรยายที่วัดหนองปลิง โรงเรียนทรัพย์สถิตวิทยาคาร  มีนักเรียนโรงเรียนวัชรวิทยามาร่วมโครงการ ๑ คนคือ พรรณธิดา ตราชู ได้มาตอบปัญหาเรื่อง นิทานไผ่รวมกอ เป็นคนแรกต้องชื่นชม
     นักเรียนส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยกล้าแสดงออก เพราะ อาจเป็นเพราะว่ายังไม่ได้ฝึกฝน หรือไม่ได้แสดงออกบ่อยนัก แต่ชื่นชมครูอาจารย์เอาใจใส่นักเรียนดีมาก และดูแลวิทยากรเป็นอย่างดี เด็กผู้ชายซนตามธรรมชาติ มีนักเรียนออกมาตอบปัญหาหลายคนดังรายขื่อดังต่อไปนี้
             ศศิวิมล ช่างเหล็ก   สหรัฐ  สิงห์ทอง   นฤเบศ  ศิริธนากร   สมฤทัย เนื่องกัณทา
มีเด็กสองคนเก่งมากคือ
          พันธกาล ปทุมเมือง  (ยูโร)
          เกศไพลิน วิรัชวงษ์   (ไดมอนด์)

 สองคนหลังนี่เก่งมาก มีอนาคตไกล ได้ถ่ายรูป สองหนุ่มสาวเป็นพิเศษ ไว้

                                           สันติ อภัยราช

1301  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / บรรยาย เอกลักษณ์ของชาติ ๑๔ ส.ค. ๕๓ ที่โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติ สมเด็้จฯ เมื่อ: สิงหาคม 15, 2010, 10:12:48 am
เอกลักษณ์ของชาติ วันที่ 14 สิงหาคม 2553
เวลา 9.30-10.30 และ 10.45-12.00 น.
ณ ห้องประชุมโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์กำแพงเพชร
ตำบลเทพนคร อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร
ตามหลักสูตรอาสาสมัครเอกลักษณ์ของชาติบรรยายโดยอาจารย์สันติ อภัยราช ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร



1.เริ่มต้นด้วยเพลง เอกลักษณ์ไทย ของรัชนก ศรีโลพันธ์ อภิปรายร่วมกับผู้เข้าอบรม
นางสาว วาสนา  จรรยา (ป๊อบ) อายุ 16 ปี
ได้กล่าวว่า เอกลักษณ์ไทย ประกอบไปด้วย การเคารพผู้ใหญ่ ความกตัญญู วัด โบราณสถาน ในหลวง และศักดิ์ศรีคนไทย
นาย พิทักษ์  เงินทอง
ได้กล่าวว่า เอกลักษณ์ไทย ประกอบไปด้วย รอยยิ้ม การแสดงความเคารพ ความกตัญญูต่อครู อาจารย์ พ่อแม่ ผู้มีพระคุณ รักในหลวง รักษาดูแลวัด ของเก่าแก่ ทำความดี พระพุทธศาสนา การแต่งกาย ภาษาไทย และจิตใจ
นาย ทองสุข ศรีสง่า (โจม) อายุ 16 ปี
ได้กล่าวว่า เอกลักษณ์ไทย ประกอบไปด้วย ความกตัญญู รักในหลวง หวงประเทศ และบำรุงพระพุทธศาสนา  
นางสาว พัชรพร ไชยรัตน์  (โบ๊ต)
ได้กล่าวว่า เอกลักษณ์ไทย ประกอบไปด้วย วัฒนธรรม การศึกษา ศิลปะ รักในหลวง พระเครื่อง ความกตัญญ วัฒนธรรม และพระพุทธศาสนา
   ซึ่งสรุปได้ว่า เอกลักษณ์ของไทย ประกอบไปด้วย ชาติไทย ประวัติศาสตร์ไทย พระมหากษัตริย์ไทย เลือดไทย คนไทย ภาษาไทย มารยาทไทย วรรณคดีไทย ยิ้มแบบไทย อาหารไทย ดนตรีไทย มวยไทย นาฎศิลป์ไทย

2.เพลงพร้อมภาพ ชุดประวัติศาสตร์ไทย เพลงไทยเสียดินแดน อภิปรายร่วมกันระหว่างครูและนักเรียน
เมื่อฉายประวัติศาสตร์ชาติไทยเสร็จ ให้ผู้อบรมพูดถึงในหลวงของเรา
นางสาว อัครชา  นาคศิริ  โรงเรียนวัชรวิทยา ม.6
ได้พูดถึงในหลวงของเราว่า  พระองค์ทรงปกครองแผ่นดินโดยธรรม แก้ไขปัญหาต่างๆเพื่อให้ประเทศชาติสงบสุข
นาย บุญยัง บุตรนุรัก โรงเรียนวัชรวิทยา
ได้พูดถึงในหลวงของเราว่า เปรียบเสมือนพ่อของปวงชนชาวไทย พระองค์ทรงทำสิ่งหลายๆอย่าง เพื่อปวงชนชาวไทย เป็นความภูมิใจของประชาชนชาวไทย คนไทยรักในหลวง
เมื่อพูดถึง กรณี อ๊อฟ พงษ์พัฒน์  ผู้อบรมแสดงคววามคิดเห็นกัน
นาย ประสิทธิ์  คุธาโรจน์  (เจมส์) โรงเรียนกำแพงเพชรพิทยาคม
ได้พูดว่า ศรีษะนี้มอบให้ในหลวง

3.ได้เปิดวีดีโอ การเสียดินแดนของประเทศ จำนวน 14 แห่งให้ผู้อบรมได้รับชม และแสดงความคิดเห็นถึงการเสียดินแดนของไทยว่าเกิดจากสาเหตุอะไร
นักเรียนจากโรงเรียนวัชรวิทยาได้พูดว่า คนไทยประมาท และทะเลาะกันเอง
เปิดวีดีโอ เลือดไทยให้ผู้อบรมได้รับชม แล้วให้ผู้อบรมแสดงความคิดเห็นดังต่อไปนี้
นาย ทองสุข  ศรีสนณา โรงเรียนไทรงาม
กล่าวว่า บรรพบุรุษของเรามีความเสียสละ  มีน้ำใจ มีความกล้าหาญ มีความเสียสละ แต่คนไทยปัจจุบันไม่รักกัน อยากให้คนไทยรักกันสามัคคีกัน
นางสาว สุวรรณา รอดกสิกรรม โรงเรียนวัชรวิทยา
กล่าวว่า ต้องยอมทำทุกอย่างเพื่อชาติของเรา คนไทยทำแต่ผมประโยชน์ของตนเอง ไม่เห็นแก่ชาติไทย ความคิดเห็นต่างกัน ไม่หาสาเหตุแก้ไขที่แท้จริง
เปิดเพลง สยามเมืองยิ้ม ตั๊กแตน ชลดา  
นางสาวมรกต คำอ่อน โรงเรียนโกสัมพีนคร (มาย) เป็นตัวแทนร้องเพลง สยามเมืองยิ้ม
ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสยามเมืองยิ้มของผู้อบรม
นางสาว เสาวรส  หมอกเฆก โรงเรียนวัชรวิทยา
ได้กล่าวว่า คนไทยมีรอยยิ้มเป็นสยามเมืองยิ้ม เป็นเอกลักษณ์ของคนไทย
4.จบช่วงแรกด้วย ฉ่อยคุณพระช่วย เรื่องพยัญชนะไทย  ผู้อบรมสนุกกันมาก
ได้พูดถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทย นางสาว ชนาดา  เกิดพันธ์ (โรงเรียนลานกระบือ) ได้กล่าวว่า ประกอบด้วย ความสามัคคี การเคารพผู้ใหญ่ เพลงพื้นบ้านเพลงฉ่อย ภาษา อารมณ์คนไทย และมารยาทไทย
พักช่วงที่หนึ่ง
1.ในช่วงที่สอง เปิดเพลงรากไทย เป็นบทเพลงไพเราะมาก ได้ให้ผู้อบรมแสดงความคิดเห็นในหัวข้อ รากไทย ในความหมายของผู้อบรมเป็นอย่างไร
นายสาว ธิราพร  สวนศิลป์  (เอี้ยง) โรงเรียนเรืองวิทย์
ได้พูดเรื่อง รากไทย ว่า เป็นเสมือนรากของคนไทย ยึดมั่นในความเป็นคนไทย
นางสาว ฐิติมา นาน่าต๊ะ  โรงเรียนนาบ่อคำ
ได้พูดถึง รากไทย ว่า เป็นรากของคนไทย ถ้ารากของเราไม่แข็งแรงแล้ว ประเทศชาติของเราก็จะไม่เข้มแข็งตามไปด้วย ฉะนั้นคนรุ่นหลังควรให้ความสำคัญแก่รากไทย เพื่อให้ประเทศแข็งแรงและเป็นไทย
2.ดูวีดีโอเกี่ยวกับวรรณคดีของไทย  การแสดงโขน ละครอิเหนา คนไทยกับภาษาไทย ปนะชัดกลอนสด สยามนฤมิตร มวยไทย และ มิวสิกวีดีโอรวมไทย ผู้อบรมสนใจเป็นอย่างมาก สนใจในวัฒนธรรมของไทย สนุกกับกิจกรรมการอบรมในครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง







เมื่อการบรรยายจบให้นักเรียนออกมาแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่องที่อบรมมา นักเรียนแสดงความคิดได้อย่างดี เข้าใจเอกลักษณ์ไทยเป็นอย่างดี







1302  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / หัวข้อบรรยาย เรื่องเอกลักษณ์ของชาติ วันที่ ๑๔ ๒๑ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๓ เมื่อ: สิงหาคม 13, 2010, 02:02:42 pm
[center]
หัวข้อบรรยาย เรื่องเอกลักษณ์ของชาติ วันที่ ๑๔ ๒๑ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๓
[/center]
 
เวลา ๙.๓๐ ? ๑๐.๓๐ และ ๑๐.๔๕ ? ๑๒.๐๐ น.
ณ ห้องประชุมโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมด็จพระศรีนครินทร์ กำแพงเพชร  ตำบลเทพนคร อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร
ตามหลักสูตรอาสาสมัครเอกลักษณ์ของชาติ
[/color]
แผนการสอน โดยอาจารย์สันติ อภัยราช
เวลา ๙.๓๐ ? ๑๐.๓๐น.
๑.   เริ่มต้น ด้วยเพลง เอกลักษณ์ไทย คาราโอเกะ ของรัชนก ศรีโลพันธ์   เพลงจบ อภิปรายร่วมกับผู้เรียน เอกลักษณ์ไทยมีอะไรบ้าง
       สรุปมี               ชาติไทย  ประวัติศาสตร์ไทย  พระมหากษัตริย์ไทย  เลือดไทย  คนไทย  ภาษาไทย   มรรยาทไทย วรรณคดีไทย    ยิ้มแบบไทย อาหารไทย  ดนตรีไทย มวยไทย นาฏศิลป์ไทย
๒.    เพลงพร้อมภาพ ชุด ประวัติศาสตร์ไทย   เพลง  ไทยเสียดินแดน   ครูอธิบาย อภิปรายร่วมกัน กับผู้เรียน
๓.   เพลงพร้อมภาพ พระมหากษัตริย์ไทย  เพลง เลือดไทย และเพลง สยามเมืองยิ้ม อภิปรายสรุปตลอดเวลา
๔.   จบช่วงแรก ด้วย ฉ่อยคุณพระช่วย เรื่องพยัญชนะไทย
พักครึ่งแรก

ช่วงที่ ๒ เวลา  ๑๐.๔๕ ? ๑๒.๐๐ น.

๑.   เริ่มด้วยเพลง เอกลักษณ์ไทย ของโรงเรียนอัมพวัน  ๒ เพลงรากไทย  ๓ วรรณคดีไทย ๔ โขนนางลอย
๕ ละครในอิเหนา
๒.   มารยาทไทย  คนไทยกับภาษาไทย   ประชันกลอนสด   สยามนฤมิต     มวยไทย   จบด้วยเพลงคิงออฟคิง


                           
                                                                 ....................................
             
1303  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / แทงหยวกมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้กำลังจะสาบสูญจากเมืองกำแพงเพชร เมื่อ: สิงหาคม 12, 2010, 08:05:17 pm

นายวุฒิชัย  ทองหล่อ บ้านปากคลองใต้ เรียนจบ ป.๔ วัดพระบรมธาตุ เรียนต่อโรงเรียนเมืองกำแพงเพชร ต่อ มศ๑ มศ๕ โรงเรียนกำแพงเพชรพิทยาคม เป็นครูบ้านหันน้ำดึง  เป็นบุคคลใกล้ชิดวัดพระบรมธาตุตั้งแต่ยังเล็ก คอยติดตามยายเลื่อนมาตลอด คอยติดตามพิธีต่างๆ ของวัดพระบรมธาตุ  ท่านจะเป็นคนสอนในงานพิธีต่างๆ ปรียบเทียบกับสมัยนี้มีการเปลื่ยนแปลงทางวัฒนธรรมมาก มีการผิดธรรมวินัย ปัจจุบันเป็นผู้ทำพิธีงานต่าง ทั้งศาสนาพุทธและศาสนาพราหมณ์
   ภูมิปัญญา
ครูต๊อด สามารถ ตัดกระดาษ ตอกกระดาษ ทำใบตอง บายศรี จัดขันหมาก วักเส้น(พิธีแต่งงาน) การจัดดอกไม้ต่างๆ  ได้อย่างดียิ่ง จนเป็นผู้เชี่ยวชาญ
งานแทงหยวก นิยมนำมาทำกระทง ได้วิชาแทงหยวกจากท่านมหาเพิ่ม ลายแทงหยวกที่ทำได้ อาทิเช่น ลายฟันปลา ลายฟันสาม ลายฟันห้า ลายกนก และอื่นๆ
นายอุบล โจดโจน ทำงานด้วยกันกับครูวุฒิชัย ทองหล่อมานาน มีการทำงานต่างๆก็จะไปทำงานด้วยกันเสมอ
ครูวุฒิชัย ทำงานครั้งแรกได้เงินจำนวน 300 บาทในสมัยปี 2510 เริ่มรับงานตอนเป็นครูเมื่ออายุ 27 ปี ช่วยงานหลวงตาแห้งทำแทงหยวกวัดพระบรมธาตุ
งานทุกงานที่ทำมา ภูมิใจและประทับใจในทุกผลงานที่ตัวเองสร้างมา


นายรุ่งเรือง ได้ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับภูมิปัญญาไทยแทงหยวกกล้วยนี้ว่า ให้ทำการสอนนักเรียน คนรุ่นหลังได้เรียนร็ สืบทอดภูมิปัญญาไทยเพื่อไม่ให้ภูมิปัญญาแทงหยวกกล้วยนี้หายไปกับกาลเวลา
นางลำจวน ได้ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับภูมิปัญญาไทยแทงหยวกกล้วยนี้ว่า ช่วยกันสร้างสรรค์ผลงานให้ผู้คนได้เห็น และถ่ายทอดวัฒนธรรมสู่คนรุ่นหลังไม่อยากให้สาปสูญไป
ภูมิปัญญาไทยการแทงหยวกกล้วย
กล้วยที่ใช้ ใช้กล้วยตานี เพราะว่ากล้วยละเอียด เหนียวทน สีขาวใช้แทงหยวกได้ง่าย เลือกกล้วยตานีที่มีอายุ 1 ปีขึ้นไป กล้วยที่ตกเครือแล้วนำมาทำไม่ค่อยได้ เลือกต้นกล้วยที่มีความยาว สูงประมาณ 3-4 เมตร ตัดจากโคนต้นประมาณ 1 ฟุต ตัดปลายยอด 1-2 ฟุต ลอกเปลือกนอก 5 กาบจนถึงแกน 1 ลายใช้ 2 กาบกล้วย
มีดแทงหยวกกล้วยทำขึ้นเอง เรียกว่า มีดหางหนูมีขนาดเล็ก สั้น  ปลายด้ามจับทำด้วยไม้ขนุน  เวลาทำบายศรีต้องทำตอกขึ้นมาเพื่อยึดหยวกกล้วยที่เราทำขึ้นมา ซึ่งตอกทำจากไม่ไผ่ นำมาเหลาเพื่อยึดกัน
ตัวอย่างพื้นฐานลายหยวกกล้วย

1.   ลายฟันปลา


2.   ลายฟันสาม


3.   ลายฟันห้า


4.   ลายสิงห์ หรือเสาสิงห์



5.   ลายประจำยามก้ามปู หรือลายยาม



6.   ลายเครือวัลย์


ครูต๊อด หรือหมอต๊อด เป็นครูภูมิปัญญาที่น่ายกย่องยิ่งในการสืบทอดมรดกวัฒนธรรมไทยที่จับต้องไม่ได้ ให้สถาพรคู่สังคมไทยตลอดไป






1304  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / ๑๐ สิงหา ๕๓ ไปบรรยายเรื่องแม่ี่ที่เรือนจำกลางกำแพงเพชร ผู้ต้องขังร้องไห้กันระงม เมื่อ: สิงหาคม 12, 2010, 12:21:03 pm
     เข้าไปบรรยาย เรื่อง แม่ เนื่องในวันแม่ มีผู้ต้องขังเข้าฟังจำนวนมาก ทั้งชายและหญิง มีโก้ เข้าไปช่วยฉายภาพให้คุมเครื่องอินเตอร์เนตให้ เจ้าหน้าที่ทุกคน ต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี ให้ความสำคัญกับเรามากๆ เลย เริ่มบรรยาย เวลา ๘.๓๐ น. อ่านบทกวี ฉายภาพ ที่สุทัศน์ ภักดีการส่งเมล์มาให้ ทุกคนเงียบกริบ น้ำตาเริ่มซึม
  
   ต่อด้วยเพลงค่าน้ำนม มีภาพวิดีโอแม่และลูกประกอบ ทุกคนเริ่มร้องไห้  เชิญผู้ต้องขังมาสัมภาษณ์ ๓ คน ชายหนึ่ง หญิง ๒ มี    วิจิตรา ลูกศิษย์ที่ วว. หนึ่งคน  เริ่มร้องไห้ทั้งหอประชุม ตามด้วยเพลงเกี่ยวกับแม่ อีก ประมาณ ๑๐ เพลงสลับกับ การพูดและอ่านบทกวี
วันนี้ ถือว่าได้ทำประโยชน์กับกับแผ่นดินอย่างคุ้มค่าเพราะ ได้ช่วยให้ผุ้ต้องขังนับพันคนได้ มีสำนึกในเรื่องแม่
 
   ขอบคุณเรือนจำกลางกำแพงเพชร ที่เห็นความสำคัญและ ให้โอกาส ไปบรรยาย โดยเฉพาะคุณสุริยา เจ้าหน้าที่การศึกษา น่านับถือมาก ผู้ต้องขังมีระเบียบวินัย ราวกับนักเรียนที่ได้รับการฝึกฝนมาดี ในโรงเรียนชั้นยอด

  เย็นไปสอน ที่วัดหนองปลิง กลุ่มโรงเรียนเทพนคร  นักเรียนราว หนึ่งร้อยกว่า พูดเรื่องแม่ ได้แค่ ๑๐นาที  เท่านั้น ร้องไห้กันทั้งห้อง จนครูกว่า ๓๐ คน ตัองเข้ามาปลอบ เด็ก เลยต้องหยุด ให้ทุกคนไปล้างหน้าล้างตา แล้วเริ่มต้นเรื่องพระเจ้าอยู่หัวของเราสถานการณ์ ดีขึ้นมาก

  แสดงว่าทุกคน มีแรงบันดาลใจและสะเทือนใจเรื่องแม่ทุกคน และมากด้วย ครูอาจารย์ จากสามโรงเรียน กลุ่มเทพนคร เอาใจใส่มาก ขอบคุณทุกท่าน ที่ตั้งใจ อย่างที่ สุด เสียดายไม่ได้ถามไถ่และคุยกันเลย

                                                                               สันติ อภัยราช
1305  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / ๙ สิงหา ๕๓ สืบค้นสัมมนาที่นครชุม และนครไตรตรึง ษ์ ประชาชนดีมาก เมื่อ: สิงหาคม 11, 2010, 05:51:13 pm
ที่นครชุม ศึกษา  บันทึก ถ่ายโทรทัศน์ เรื่อง
     ไม้หึ่ม    อีเตะ  และวัวล้อมคอก  ประชาชนให้ความร่วมมือและสนใจมาก จัดทำที่วัดพระบรมธาตุ นครชุม แต่ละเรื่องจะทำรายละเอียด ต่างหาก ตอนนี้ งานยุ่งมาก ยังไม่ได้เรียบเรียง อย่างเป็นทางการ


    ที่นครไตรตรึงษ์ ศึกษา และบันทึกเรื่องท้าวแสนปม  รายละเอียดจะบันทึกใหม่อีกหัวข้อ ได้รับการต้อนรับจากศิลปินพื้นบ้านเป็นอย่างดี  ได้ความรู้เพิ่มเติมคือ มะเขือพร้าว ที่ท้าวแสนปม เขียนสารใส่ลงไป ว่าลูกมะเขือใหญ่น้องๆมะพร้าว สีขาว เวลาเขียนมียาง ทำให้ถึงบางอ้อว่า ใช้มะเขืออะไรเขียน เสียดาย มะเขือพร้าวสูญพันธ์ุเสียแล้ว เลยไม่ได้ดู เสียดายมากๆ

 กลับมาถึงกำแพงเพชร ๔ โมงเย็นแวะจัดรายการวิทยุ สนทนาประสาคนกำแพงได้ ๑ ขั่วโมง เรื่องแม่ น่าสนใจมาก เพราะก้อยจัดเพลงได้ดีเข้ากับเรื่อง ที่พูดพอดี

กลางคืนไปจัดรายการวิทยุที่กองทัพภาค ๓ เรื่องแม่เหมือนกัน รายการรักชาติรักถิ่น รักแผ่นดินเมืองกำแพง กลายเป็นรักแม่ไป
เราไม่เปิดโอกาสให้ผู้ฟังโทรมา เพราะจะโทรมามากพูดต่อไม่ได้เลย


                                                                               สันติ อภัยราช
      
หน้า: 1 ... 85 86 [87] 88 89 ... 94
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.11 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!