จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
เมษายน 25, 2024, 05:01:57 am *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
ยินดีต้อนรับสมาชิก และผู้เยื่ยมชมทุกๆท่าน
 
  หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
  แสดงกระทู้
หน้า: 1 ... 83 84 [85] 86 87 ... 95
1261  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / สรุปงานสำคัญ สภาวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร ๒ ไตรมาสแรกปี ๒๕๕๓ เมื่อ: กันยายน 23, 2010, 11:52:49 am
โครงการหมู่บ้านวัฒนธรรมย้อนอดีตกำแพงเพชร ประจำปี ๒๕๕๓
สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร ร่วมกับ สภาวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร  จัดโครงการหมู่บ้านวัฒนธรรมย้อนอดีต ประจำปี ๒๕๕๓ ในระหว่างวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ ถึงวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๓ ณ อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร เพื่อเป็นการอนุรักษ์  และพัฒนาไปสู่แหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม เพื่อให้ตระหนัก เกิดความภาคภูมิใจในศิลปะ วัฒนธรรมพื้นถิ่นที่มีอยู่ในท้องถิ่นของตนอย่างรู้คุณค่าและเกิดประโยชน์ และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดกำแพงเพชร









              การสาธิตงานหัตถศิลป์ ?แกะสลักพระเครื่อง?                  การเสวนาวิชาการ







             จำหน่ายอาหารโบราณ ?ข้าวแกงหม้อดิน?                การจำลองวิถีชีวิตชนเผ่า






      
                   จำหน่ายสินค้าพื้นบ้าน                    การแสดงบริเวณเวทีกลาง

- ๒ -
โครงการสืบสานประเพณี นบพระ เล่นเพลง
การแสดงแสง เสียง สื่อผสมสามมิติ ประกอบจินตนาการ ประจำปี ๒๕๕๓
การจัดการแสดง แสงเสียง ในงานประเพณี นบพระ เล่นเพลง  เป็นการย้อนรอยอดีต เพื่อให้มีความภูมิใจในบ้านเมืองของตน รักในบ้านเมืองของตน และที่สำคัญที่สุดคือให้ผู้ชมที่เป็นคนต่างจังหวัดและชาว ต่างชาติ ได้รู้จักกำแพงเพชร และซาบซึ้งในประวัติความเป็นมาของประเพณี นบพระ เล่นเพลง  เพื่อพัฒนากำแพงเพชรให้เป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยวตลอดไป
สภาวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร ร่วมกับ องค์การบริหารส่วนจังหวัดฯ จึงได้กำหนดจัดการแสดงแสงเสียง สื่อผสมสามมิติ ประกอบจินตนาการ เรื่อง กำแพงเพชร ใต้ร่มพระบารมีเทิดวงศ์จักรีนฤบดินทร์ระหว่างวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ ถึงวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๓ ณ บริเวณวัดพระแก้ว อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร







องก์ที่ ๑  พระเจ้าพรหมมหาราชพิฆาตขอมดำ


   





องก์ที่ ๒  กำแพงเพชรใต้ร่มพระบารมี จักรีวงศ์








องค์ที่ ๓ เทิดองค์ภูมิพลมหาราช
- ๓ -
โครงการโทรทัศน์วัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร
สภาวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร ดำเนินโครงการโทรทัศน์วัฒนธรรมดำเนินการมากว่า ๗ ปี โดยได้รับการสนับสนุนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชร และทิพย์เคเบิลทีวี ในการให้ทุนดำเนินการ ถ่ายทำรายการโทรทัศน์วัฒนธรรม  ออกอากาศทางทิพย์เคเบิลทีวี และจัดบันทึกลงในระบบอินเตอร์เน็ต เผยแพร่ไปทั่วโลกทาง Google Video และ Youtube เพื่อประโยชน์แก่สังคมกำแพงเพชร ทำให้จังหวัดกำแพงเพชรเป็นที่รู้จักทางในด้านภูมิปัญญา วัฒนธรรมประเพณี และแหล่งท่องเที่ยว ทั้งทางอารยธรรม วัฒนธรรม และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ 



























- ๔ -
งานเผยแพร่เอกสารทางวัฒนธรรมผ่านสื่ออินเตอร์เน็ต
   สภาวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร ได้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการเผยแพร่เอกสารทางวัฒนธรรม ให้อยู่ในรูปแบบที่สามารถสืบค้นได้สะดวกและเป็นการเก็บรักษาข้อมูลทางวัฒนธรรมให้คงอยู่ตลอดไป โดยรวบรวมเอกสารทางวัฒนธรรม ประเพณี พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ และภูมิปัญญาของจังหวัดกำแพงเพชร อาทิ หนังสือพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์และภูมิปัญญากำแพงเพชร การแสดงพื้นบ้านของชุมชนโบราณเมืองกำแพงเพชร ทัศนาวัฒนธรรมกำแพงเพชร ทุ่งมหาราชกับประวัติศาสตร์เมืองกำแพงเพชร ประมวลภาพเสด็จประพาสต้นกำแพงเพชร ฯลฯ  กว่า ๑๐๐ เรื่อง โดยผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปสืบค้นข้อมูลได้เสมือนเปิดอ่านหนังสือเล่มจริง ได้ที่ http://sunti-apairach.com/book


         




















- ๕ -
งานประชาสัมพันธ์ทางสถานีวิทยุ
สภาวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร ดำเนินการประชาสัมพันธ์ทางสถานีวิทยุ   โดยนำสาระความรู้เกี่ยวกับเมืองกำแพงเพชร และวิถีชีวิตของชาวกำแพงเพชร บอกเล่าผ่านทางสถานีวิทยุชุมชนเครือข่ายกำแพงเพชร เพื่อเป็นสื่อในการเผยแพร่องค์ความรู้ ด้านศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมเมืองกำแพงเพชร  ตลอดจนวิถีชีวิตของชาวกำแพงเพชร ให้ผู้ที่สนใจและเครือข่ายวัฒนธรรมทุกระดับ ดังนี้ รายการ ?รู้เรื่องเมืองกำแพง?ออกอากาศทางสถานีวิทยุเครือข่ายประชาชนกำแพงเพชร คลื่นความถี่ ๑๐๐.๒๕ MHZ  รายการ ?ลั่นเมือง?ออกอากาศทางสถานีวิทยุ อสมท. กำแพงเพชร คลื่นความถี่ ๙๒.๗๕ MHZ  และรายการ ?รักชาติ รักถิ่น รักแผ่นดินคนกำแพง? ออกอากาศทางสถานีวิทยุกองทัพภาคที่ ๓ คลื่นความถี่ ๑๐๕.๐๐ MHZ























- ๖ -
รายการจดหมายเหตุวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร
สภาวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร ดำเนินการจัดทำจดหมายเหตุวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร
เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ ข่าวสาร กิจกรรมต่างๆ ของสภาวัฒนธรรมจังหวัดฯ และเป็นการจุดประกายให้ เกิดการจดบันทึกข้อมูลเป็นลายลักษณ์อักษร โดยผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปเปิดอ่านได้ที่ http://sunti-apairach.com/letter


























- ๗ -
กิจกรรมการแข่งขันประกวดโต๊ะหมู่บูชา สัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา
เนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชา ประจำปี ๒๕๕๓
   สภาวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร ร่วมกับ วัดพระบรมธาตุ ตำบลนครชุม อำเภอเมืองฯ จังหวัดกำแพงเพชร จัดกิจกรรมการแข่งขันประกวดโต๊ะหมู่บูชา สัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชา ในวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๓ ณ วัดพระบรมธาตุ พระอารามหลวง ตำบลนครชุม อำเภอเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร โดยกิจกรรมการแข่งขันแบ่งเป็น ๒ ระดับ ได้แก่ ระดับประถมศึกษา และระดับมัธยมศึกษา









นักเรียนจากโรงเรียนต่างๆ ขณะจัดโต๊ะหมู่บูชา









     คณะกรรมการพิจารณาให้คะแนน                โต๊ะหมู่บูชาที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ









รับโล่รางวัลจากรองผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร      คณะครูและนักเรียนถ่ายภาพร่วมกัน
- ๘ -
โครงการประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินงานวัฒนธรรม
เครือข่ายวัฒนธรรม ร่วมกับ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
จังหวัดกำแพงเพชร ประจำปี ๒๕๕๓
สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร ร่วมกับ สภาวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร  จัดโครงการ ประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินงานวัฒนธรรมเครือข่ายวัฒนธรรม ร่วมกับ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัดกำแพงเพชร  ในวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๓ ณ หอประชุมศาลากลางจังหวัดกำแพงเพชร เพื่อให้เกิดพลังขับเคลื่อนเป็นรูปธรรมในการปฏิบัติจริงในพื้นที่ โดยเฉพาะโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน ซึ่งถือเป็นหัวใจของการสร้างสังคมอย่างยั่งยืน โดยใช้มิติวัฒนธรรมเป็นหลักในการบูรณาการร่วมกับกิจกรรมอื่นๆ


   




นายวันชัย  สุทิน ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธาน               ผู้เข้าร่วมประชุมลงทะเบียนรับเอกสาร







ผู้เข้าร่วมประชุม                    วิทยากรบรรยาย จากกรมศิลปากร






       มอบของที่ระลึกให้วิทยากร                         ผู้เข้าประชุมรับประทานอาหารร่วมกัน
- ๙ -
โครงการอบรมยุวมัคคุเทศก์ ประจำปี ๒๕๕๓
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกำแพงเพชร  กำหนดจัดโครงการอบรมยุวมัคคุเทศก์ ในวันเสาร์ ที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๓  ณ หอประชุมอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร โดยนายสันติ  อภัยราช ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร เป็นวิทยากรให้ความรู้เทคนิคการเป็นมัคคุเทศก์ มีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมจากโรงเรียนกำแพงเพชรพิทยาคม โรงเรียนวชิรปราการวิทยาคม และโรงเรียนวัชรวิทยา จำนวน ๑๕๐ คน







นายวันชัย  สุทิน ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธาน            วิทยากรบรรยายให้ความรู้








นายสันติ  อภัยราช ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัด เป็นวิทยากรให้ความรู้








คณะกรรมการดำเนินงานและผู้เข้าร่วมกิจกรรมถ่ายภาพร่วมกัน

- ๑๐ -
กิจกรรมเสริมสร้างวัฒนธรรมประชาธิปไตย วัฒนธรรมความปลอดภัย
และไทยโปร่งใส ไทยเข้มแข็ง ระดับจังหวัด
   สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร ร่วมกับ สภาวัฒนธรรมจังหวัดฯ ได้ดำเนินการตามโครงการส่งเสริมบทบาทสภาวัฒนธรรม ในการเฝ้าระวังและสร้างสรรค์วัฒนธรรมของชุมชน เพื่อส่งเสริมให้เด็ก เยาวชน และประชาชน ได้เข้าร่วมกิจกรรม เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ และปลูกฝังจิตสำนึกเรื่องวัฒนธรรมประชาธิปไตย วัฒนธรรมความปลอดภัย และไทยโปร่งใส ไทยเข้มแข็ง จนเกิดการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน โดยกิจกรรมการประกวด ในระดับจังหวัด  ได้แก่ การประกวดวาดภาพ  การประกวดเรียงความ การประกวดกล่าวสุนทรพจน์ และการประกวดแต่งเพลงพื้นบ้านประกอบชุดการแสดง








        คณะกรรมการตัดสินการประกวดวาดภาพ         คณะกรรมการตัดสินการประกวดเรียงความ







คณะกรรมการตัดสินการประกวดกล่าวสุนทรพจน์   คณะกรรมการตัดสินการประกวดแต่งเพลงพื้นบ้าน





         
     
              ผู้เข้าประกวดกล่าวสุนทรพจน์               คณะกรรมการและผู้เข้าแข่งขันถ่ายภาพร่วมกัน

- ๑๑ -
การประชุมคณะกรรมการบริหารสภาวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร
สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร ร่วมกับ สภาวัฒนธรรมจังหวัดฯ จัดประชุมคณะกรรมการบริหารสภาวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร เพื่อเสริมสร้าง แลกเปลี่ยน เรียนรู้ ประสานความสัมพันธ์ระหว่างเครือข่ายดำเนินงานวัฒนธรรม และพิจารณาแผนปฏิบัติการการดำเนินงานตามโครงการส่งเสริมบทบาทสภาวัฒนธรรมในการสร้างสรรค์วัฒนธรรมของชุมชน ของสภาวัฒนธรรม ๑๑ อำเภอ ให้เกิดการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามโครงการส่งเสริมบทบาทสภาวัฒนธรรมในการสร้างสรรค์วัฒนธรรมของชุมชน ในวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ณ ห้องประชุมสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร



























- ๑๒ -
การประชุมคณะอนุกรรมการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์จังหวัดกำแพงเพชร
   จังหวัดกำแพงเพชร โดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร จัดประชุมคณะอนุกรรมการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์จังหวัด ในวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ณ ห้องประชุมทุ่งเศรษฐี ศาลากลางจังหวัดกำแพงเพชร เพื่อร่วมกันพัฒนาสื่อในระดับภูมิภาคให้เกิดการบูรณาการระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในจังหวัดและอำเภอ เกิดสื่อดี ปลอดภัยและสร้างสรรค์ ไม่เป็นภัยต่อชุมชน รวมทั้งเป็นการขยายพื้นที่สื่อที่ส่งเสริมการเรียนรู้ โดยเฉพาะต่อเด็กและเยาวชน อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาทรัพยากรบุคคลของชาติให้มีคุณภาพในอนาคตต่อไป



























- ๑๓ -
งานประเพณีแข่งเรือยาวลำน้ำปิง  จังหวัดกำแพงเพชร ประจำปี ๒๕๕๓
กิจกรรมการแสดง แสง สี เสียง สื่อผสมม่านน้ำสามมิติ
เรื่อง พระบารมีมากล้น เสด็จประพาสต้นกำแพงเพชร
สภาวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร ร่วมกับ องค์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชร กำหนดจัดกิจกรรมการแสดงแสง เสียง เรื่อง พระบารมีมากล้น เสด็จมากล้นเมืองกำแพงเพชร เนื่องในประเพณีแข่งขันเรือยาวลำน้ำปิง จังหวัดกำแพงเพชร ประจำปี ๒๕๕๓ จำนวน ๓ คืน ในระหว่างวันที่ ๒๖-๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ณ บริเวณริมแม่น้ำปิง หน้าลานอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย อำเภอเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร
























- ๑๔ -
งานประเพณีแข่งเรือยาวลำน้ำปิง  จังหวัดกำแพงเพชร ประจำปี ๒๕๕๓
กิจกรรมตลาดย้อนอดีต
สภาวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร ร่วมกับ องค์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชร กำหนดจัดกิจกรรมตลาดโบราณสมัยรัชกาลที่ ๕ เนื่องในงานประเพณีแข่งเรือยาวลำน้ำปิง จังหวัดกำแพงเพชร ในระหว่างวันที่ ๒๖-๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ณ บริเวณริมแม่น้ำปิง หน้าลานอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย อำเภอเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร






































1262  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / การประชุมคณะกรรมการสภาวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร ครั้งที่ ๒/๒๕๕๓ เมื่อ: กันยายน 22, 2010, 02:46:05 pm
วันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๕๓ ประชุมคณะกรรมการสภาวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร เวลา ๑๓.๐๐ น. ณ ห้องประชุมสภาวัฒนธรรมดำเนินการประชุมโดยอาจารย์สันติ อภัยราช ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร



เรียนเชิญอาจารย์มานพ ศิริไพบูลย์ คณะกรรมการสภาวัฒนธรรมจังหวัด มอบช่อดอกไม้ต้อนรับ นางสาวปริญญา มธุรส (ขวัญ) อาสาสมัครวัฒนธรรมคนใหม่



เรียนเชิญนายเกรียงศักดิ์ รักพานิชมณี ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอขาณุวรลักษบุรี มอบช่อดอกไม้ต้อนรับ นายพงษ์ธรรม ยอดธรรม (โดม)   นักวิชาการวัฒนธรรรมมาบรรจุใหม่ ด้วยความยินดียิ่ง



เรียนเชิญ นายธำรงค์  จันคง ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอลานกระบือ มอบช่อดอกไม้ต้อนรับ นางปฐมาภรณ์ บุญผดุงชัย  (นุ้ย) นักวิชาการวัฒนธรรมบรรจุใหม่ ด้วยความรัก



เรียนเชิญ นางศรีสมร เทพสุวรรณ วัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร มอบช่อดอกไม้แสดงความยินดี ในโอกาสที่อาจารย์ไพศาล เรียนทัพ ได้รับการคัดเลือกเป็นผู้ทำคุณประโยชน์ ต่อกระทรวงวัฒนธรรม ด้วยความภูมิใจ



นายสันติ อภัยราช ดำเนินการประชุม โดยบอกเล่า ถึงการดำเนินงานของสภาวัฒนธรรมจังหวัด โดยละเอียดเมื่อเรียบร้อยแล้วเชิญประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอรายงาน ทุกอำเภอ

1263  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / รายนามและหน่วยงานที่ได้รับโล่และเกียรติบัตรผู้ทำคุณประโยชน์ต่อกระทรวงวัฒนธรรม๕๓ เมื่อ: กันยายน 22, 2010, 12:18:07 pm
กระทรวงวัฒนธรรม ทำพิธีมอบโล่และเกียรติบัตรผู้ทำคุณประโยชน์ต่อกระทรวงวัฒนธรรม ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๓ วันศุกร์ที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๓  ณ โรงแรมรอยัลซิตี้ กรุงเทพมหานคร



 ๑.  ด้านศิลปะ มีผู้ได้รับ ๒๓ ราย จังหวัด กำแพงเพชร ผู้ได้รับคือ
         นายปริพนธ์ กรรณิกา

๒.   ด้านผู้ส่งเสริมศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม ภาคราชการ มีผู้ได้รับ ๒๑ ราย จังหวัดกำแพงเพชร คือ
         นายไพศาล เรียนทัพ



๓,   ด้านองค์กรที่ส่งเสริม ศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม จำนวน ๗๘ ราย จังหวัดกำแพงเพชร คือ
        องค์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชร

            นายจุลพันธ์ ทับทิม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชร

 จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร   ขอจารึก ท่านผู้มีเกียรติข้างต้น ให้เป็นประวัติศาสตร์วัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชรสืบไป
        
1264  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / โรงเรียนบ้านวังตะเคียน ตำบลอ่างทอง อำเภอเมือง กำแพงเพชร เด็กเล็กแต่น่ารักมาก เมื่อ: กันยายน 19, 2010, 11:36:18 am
ศุกร์ที่ ๑๗ กันยายน ๕๓ ไปบรรยายที่วัดหนองปลิง ให้ต้นกล้าจริยธรรมเล็กๆฟัง ถึงพระเจ้าอยู่หัวของเรา เป็นนักเรียนจากโรงเรียนบ้านวังคะเคียน ประถมปีที่ ๓ ถึง ประถมปีที่ ๖ เป็นเด็กเล็ก ครั้งแรกคิดว่าคงไม่รู้รื่อง แต่พอสร้างความคุ้นเคยแล้ว เด็กๆ น่ารักมากตอบปัญหาได้ดี กระตือรือร้น แย่งกันตอบปัญหา ได้บันทึกไว้ถึงคนเก่งและน่ารักดังต่อไปนี้
 
         


 ภาคภูมิ ศรีสะอาด (ต่อ) นักเรียนชั้นประถมปีที่ ๕ มีความตั้งใจมาก ตอบปัญหาได้ดี ตรงประเด็น


 อนันดา กาลยะ (มายด์)  นักเรียนชั้นประถมปีที่ ๕ ตั้งใจตอบ ขยัน มีแนวคิดที่ดี



ขนิษฐา สะอาดละออ (ลูกน้ำ) นักเรียนชั้นประถมปีที่ ๖ ตอบเก่ง   ร้องเพลงเพราะ






ศิริพร ไก่แก้ว (ปังปอนด์)    นักเรียนชั้นประถมปีที่ ๔ น่ารัก กล้าหาญ สนใจ ตอบปัญหาได้ดี



ทัศนัย  วิมลศรี (อาร์ม)  นักเรียนชั้นประถมปีที่ ๔  ตอบปัญหาเล่านิทานไผ่รวมกอได้เป็นอย่างดี



นัฐพล วังแพน  (ก๊อก)  นักเรียนชั้นประถมปีที่ ๖ ตอบปัญหา เรื่องของขวัญจากก้อนดินได้ดี



รวิวรรณ เรื่อศรีจันทร์ (มินท์) ทำหน้าที่เลขา จดบันทึก เรื่องราวของการเรียนการสอน










เลิกเกือบสามทุ่ม นับว่าเก่ง เหมือนเด็กในเมืองเลย บ้านเมืองมีอนาคตแน่ๆ ถ้าเยาวชนเป็นต้นกล้าจริยธรรมจริงๆ


                                                                                        สันติ อภัยราช
1265  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / เหรียญปลอดภัย อานุภาพแห่งเหรียญรูปเหมือนเมืองกำแพงเพชร เมื่อ: กันยายน 17, 2010, 12:28:11 pm
เหรียญปลอดภัย อานุภาพแห่งเหรียญรูปเหมือนเมืองกำแพงเพชร


    
http://lh6.ggpht.com/_0m7IBKlXi6Q/TJL_SKs3mhI/AAAAAAAABxI/7kItv2jLkWE/IMG_0046%20%28Small%29.JPG

   สุดยอดแห่งเหรียญ รูปเหมือน เมืองกำแพงเพชร ต้องยกให้ เหรียญรูปเหมือนของหลวงปู่พระวิบูลวชิรธรรม (สว่าง อุตตโร)  วัดคฤหบดีสงฆ์ ตำบลท่าพุทรา อำเภอคลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหรียญปลอดภัย
      เหรียญปลอดภัย สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึก เนื่องจากการประสบอุบัติเหตุของหลวงปู่แล้วปลอดภัย  มีคุณอภินิหารอย่างมากมาย ทำให้ต้องสร้างขึ้นอีกหลายครั้ง มีข้อสังเกตว่าเหรียญยอดนิยมนี้ ที่ตัว ป ปลา มีขีด เหรียญอื่นไม่มี จึงเป็นจุดสังเกตที่สำคัญ
         ลักษณะด้านหน้าเป็นรูปครึ่งองค์ ด้านบนมีตัวอักษรว่า ที่ระฤก ? ปลอดภัย? ด้านล่างมีชื่อ พระวิบูลวชิรธรรม (อุตตโร)  สร้างด้วยเนื้ออัลปาก้า เพียงเนื้อเดียว ด้านหลัง เป็นยันต์ปลอดภัย และ ๒๖ เม.ย ๒๕๑๐ รุ่นแรก สร้าง หนึ่งพันเหรียญ
         รุ่นที่ ๑ หมดไปอย่างรวดเร็ว  หลวงปู่จึงสร้างเพิ่มเติม เป็นรุ่นที่ ๒ ในปีเดียวกัน มึข้อแตกต่างเล็กน้อย ที่ สระ อะ คำว่าที่ระฤก  เลือนไป จึงกลายเป็นข้อสังเกต
   รุ่นที่ ๓ พิมพ์เดียวกัน  มีข้อสังเกตสำคัญคือ เนื้ออัลปาก้า ชุบนิเกิล  รุ่นนี้มีประมาณ ห้าพันเหรียญ สร้างในปี เดียวกัน
   รุ่นที่ ๔ พิมพ์เดียวกัน กับรุ่นแรก มี สองพิมพ์ คือที่บ่าของ หลวงปู่ มีรอยแตก สร้างด้วยอัลปาก้า ชุบนิเกิล เช่นกัน สร้างประมาณ ๕๐๐๐ เหรียญ
              รุ่นที่ ๕ พิมพ์ เศียรโล้น แกะแม่พิมพ์ใหม่ ไม่มีผม เนื้ออัลปาก้า ชุบนิเกิล  สร้างห้าพันเหรียญ
     รุ่นที่ ๖ พิมพ์สายฝน เหตุที่เรียกเช่นนี้เพราะ มาลายขนแมวทั่วไป เต็มเหรียญ  เนื้ออัลปาก้า ชุบนิเกิล สร้างสามพันเหรียญ
      นอกจากนั้น มีการสร้างอีกหลายรุ่น ทั้งผู้สร้างถวาย ทั้งของลูกศิษย์แล้วให้หลวงพ่อปลุกเสก ทำให้ เหรียญปลอดภัยมีมากมาย ในตลาดพระ ในการประกวดพระเครื่อง ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชร ทำให้ราคาของ เหรียญปลอดภัยมีราคาสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นที่ต้องการของคนทั่วไปทั้งแผ่นดิน บางเหรียญมีราคาเช่าถึง เลข หกหลัก  และนับว่าเหรียญปลอดภัย หาได้ยากขึ้นทุกวัน
         ส่วนคุณวิเศษ ของเหรียญปลอดภัย ขึ้นอยู่กับ ความเชื่อถือ และประสบการณ์ที่ได้พบของแต่ละท่าน ไม่สามารถ บอกได้ว่า มีคุณวิเศษอย่างไรบ้าง จึงได้บันทึกเรื่องของเหรียญปลอดภัย ไว้ ในรายการโทรทัศน์วัฒนธรรม





http://lh6.ggpht.com/_0m7IBKlXi6Q/TJL_AxNU6hI/AAAAAAAABw4/Pbjr805O2Hg/IMG_0045%20%28Small%29.JPG





                                                                               สันติ อภัยราช

1266  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / คณะกรรมการประเมินศูนย์สายใยชุมชนตำบลนครชุมจากคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ เมื่อ: กันยายน 16, 2010, 10:06:58 pm
           เมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๓ คณะกรรมการประเมินจากสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ เข้าประเมิน       ศูนย์ส่งเสริมวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน  ตำบลนครชุม วัดพระบรมธาตุ อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร ให้เป็นศูนย์วัฒนธรรมไทยระดับ ๕ ดาว คือดีที่สุดในระดับประเทศ  คณะกรรมการประกอบด้วย
                        1.นางสาวกุลวดี  เจริญศรี  ผู้ทรงคุณวุฒิ
                        2.นายชัชวาลย์  ทองดีเลิศ  ผู้ทรงคุณวุฒิ
                        3.นางสาวมรกต  งามภักดี  นักวิชาการวัฒนธรรมปฏิบัติการ
                        4.นายเฉลิมพงษ์  เรือนเย็น  นักวิชาการวัฒนธรรมปฏิบัติการ
ภาคเช้า เป็นการรายงานการดำเนินการของ ศูนย์ส่งเสริมวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน  โดยพระศรีวชิราภรณ์ ประธานศูนย์ และนำชมสิ่งสำคัญในศูนย์ส่งเสริมวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน
 คณะกรรมการจะประเมินทั้งหมด ๖ ด้าน คือ

           ๑.  ด้านคลังสมองท้องถิ่นหรือภูมิปัญญาท้องถิ่น
           ๒. ด้านอาชีพและศิลปวัฒนธรรม
           ๓. ด้านพัฒนาคุณธรรมและจริยธรรม
           ๔. ด้านลานวัฒนธรรม
           ๕. ด้านศูนย์ความรู้ และห้องสมุดชุมชน
           ๖. ด้านพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน
ภาคบ่ายนำกรรมการ ออกพื้นที่ ชมเรื่องต่างๆ จน ๑๗.๐๐ นาฬิกา ได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายอย่างดียิ่ง
ได้รับความชื่นชม จากคณะกรรมการประเมินอย่างดี
          สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร นำโดย นางศรีสมร เทพสุวรรณ วัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชรและคณะ ทำงานกันอย่างเข้มแข็ง และเป็นคณะทำงานที่มีประสิทธิภาพ ขอชื่นชม


                         พระศรีวชิราภรณ์ประธานศูนย์ฯ


                              คณะกรรมการประเมิน






          อาจารย์สันติ อภัยราช ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชรกล่าว


           นางศรีสมร เทพสุวรณ วัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร นำชมภูมิปัญญาท้องถิ่น




 


























                                                                          
นับว่าเป็นก้าวสำคัญอีกก้าวหนึ่งของ  ศูนย์ส่งเสริมวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน  ตำบลนครชุม
คุณจันทรา กุลนันทคุณ นำภาพการประเมิน ตอนนำไปชมภูมิปัญญาท้องถิ่นของศูนย์สายใย มาเพิ่มเติม  ขอขอบคุณ

                


                                               สันติ อภัยราช บันทึก

1267  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / สโมสรฝึกการพูดกำแพงเพชร วันพุธที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๓ มีคนมาฝึกพูด จำนวนมาก เมื่อ: กันยายน 15, 2010, 11:10:23 pm
จำนวนผู้มาฝึกพูดที่สโมสรฝึกการพูดกำแพงเพชร วันพุธที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๓ จำนวนเกือบ ๒๐ท่าน หลากหลายมาก
ดังต่อไปนี้

พิธีกรประจำวัน อาจารย์มงคล มั่นเขตวิทย์



ประธานเปิดการประชุมประจำวัน คุณสุทัศน์ ทัศนะแจ่มสุข



ประธานฉับพลันประจำวัน อาจารย์สุเทพ ปานพรหม



ผู้ตอบฉับพลันท่านที่ ๑  อาจารย์รัชนีย์  ศรีศักดา ได้รับรางวัลชนะเลิศตอบฉับพลันดีเด่น



http://lh6.ggpht.com/_0m7IBKlXi6Q/TJDyBFohBoI/AAAAAAAABoY/X6SaVLu7_Ms/SAM_5573%20%28Small%29.JPG

ผู้ตอบฉับพลันท่านที่ ๒ คุณสายรุ้ง วงศ์สมบูรณ์



ผู้ตอบฉับพลันท่านที่ ๓ คุณสยาม โสภาเพีย




ผู้ตอบฉับพลันท่านที่ ๔ นภิสรา ศรีศักดา




พูดแบบเตรียมตัว บทที่ ๑ คุณชูสุดา เข็มทิศ     ไม่ผ่าน



พูดแบบเตรียมตัวบทที่ ๑ ท่านที่ ๒ คุณนิตย์ ทับหร่าย      ไม่ผ่าน




พูดแบบเตรียมตัว บทท่ ๓  พันตำรวจเอกกวีรัชต์  กตัญญู      ผ่านบทที่ ๓




พูดเตรียมตัวบทที่ ๔ คุณวิชุดา แซ่โซ้ง                           ผ่านบทที่ ๔




ผู้รายงานเวลา คุณอมร ถาวรศักดิ์





ผู้มาร่วมรับฟัง คุณจันจิรา แซ่กือ    คุณหนึ่งฤดี ชื่นชอบ







ผู้วิจารณ์ทั่วไป อาจารย์สันติ อภัยราช




บรรยากาศในห้องประชุม









รับรางวัลพูดบทดีเด่นประจำคืน ท่านผู้กำกับกวีรัชต์  กตัญญู





คุณปรีชา แก้วสุข นายกสโมสรฝึกการพูดกำแพงเพชร คนปัจจุบัน


                                                                        สันติ อภัยราช บันทึก
1268  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / อาจารย์อังสุรีย์ อาจารย์ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏนำนักศึกษา ป.บัณฑิต ชมนครชุม เมื่อ: กันยายน 15, 2010, 06:43:46 pm
๔ กันยายน ๒๕๕๓ นำนักศึกษา ป.บัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร ชมประเพณีวัฒนธรรม ของเมืองนครชุม
นักศึกษากว่าร้อยคน ให้ความสนใจเป็นอย่างดี ใช้รถไฟฟ้าเป็นรถนำทาง พบลูกศิษย์ หลายคน โดยเฉพาะกาญจนา ยังน่ารักเหมือนเดิม นักศึกษารับปากจะส่งรูปมาให้ จึงจะลงข้อมูล




 
    นักศึกษามีน้ำใจดี มาส่งกลับที่วัดพระบรมธาตุ ต้องชื่นชม ที่คนจะจบการศึกษาไปเป็นครู มีความรู้เรื่องของบ้านเมือง จะทำให้นักเรียนรักบ้านเมืองมากขึ้น


    

 ขอบคุณมหาวิทยาลัย ที่ให้ความสำคัญเรื่องของท้องถิ่น  จะทำให้บ้านเมืองไม่ถูกทำลาย ในอนาคต  ใครมีรูปเพิ่มส่งมาให้ด้วยจะขอบคุณมาก

                                                                                                             สันติ อภัยราช
1269  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / โรงเรียนสาธิต ฯ เข้าค่ายที่วัดหนองปลิงกระตือรือร้นมาก ครูขึ้นมาฟังดูแลเด็กทุกคน เมื่อ: กันยายน 15, 2010, 02:30:44 pm
  ๑๔ กันยายน ๕๓ โรงเรียนสาธิต ฯ มาเข้าค่ายที่วัดหนองปลิง ผู้ปกครองมาเยี่ยมเต็มลานวัด ทดสอบเด็กๆ กระตือรือร้น ใฝ่เรียนใฝ่รู้ดีมาก  นักเรียนแย่งกันออกมาตอบ  ไม่สงวนท่าที ถือว่าน่ารักมาก ครูอาจารย์สนใจเด็กดีมาก ขอบคุณผอ.เนาวรัตน์
   มีนักเรียนเก่งน่ารัก จำนวนมาก ในเวลา สองชั่วโมง ออกมาได้ ๑๒ คน นับว่ามากที่สุด มีใครบ้างลองดู

   น้องออม สมพรรัตน์ รอดรักษา ป.๕/๑ อออกมาร้องเพลง เอกลักษณ์ไทย ได้ไพเราะน่าฟังมาก



มีพัฒนเนตร แก้วหรั่ง โดนัท

ชญานิตย์ สถิตย์อยู่ เอย

จิตวัต กันยะมูล เปา

ฟังเพลงนิทานไผ่รวมกอแล้วออกมาเล่า




ปุณณวิทย์ บดีรัฐ เอิร์ท

ณัฐณิชา ป้อมภา เนส

นันทร์ ศศิร์ ชุเวทย์คู ฟ้า

นิชาดา ศักดิ์เพชร  นัท

สิริรัตน์ จึวตระกูลพาณิชย์  ป๊อบ

[imghttp://lh3.ggpht.com/_0m7IBKlXi6Q/TJBzlNVKhHI/AAAAAAAABhw/5OFOdOqZceg/SAM_5524%20%28Small%29.JPG]http://[/img]
























ตอนแรกกล้องมีปัญหา เด็กๆเก่งมาก แก้ปัญหาได้ ภาพแรกๆจึงไม่ชัด ขอบคุณเด็กๆทุกคน

วันนี้ พบเหลน ชิ้อน้องอาย หลาน ปู่ขวัญ   เรียกเราว่าคุณทวด มาอบรมด้วย แก่แล้วจริงๆเรา
1270  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / ครูประวัติศาสตร์เขตการศึกษากำแพงเพชรเขต๑ สนใจมากในประวัติศาสตร์กำแพงเพชร ขอชมเชย เมื่อ: กันยายน 15, 2010, 01:55:00 pm
๑๕ กันยายน ๒๕๕๓ ศูนย์พัฒนาการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ เขตการศึกษากำแพงเพชร เขต ๑ โรงเรียนกำแพงเพชรพิทยาคม  เชิญให้ไปพบกับครูอาจารย์ ด้านประวัติศาสตร์  จำนวนเกือบสองร้อยคน
  ใช้ห้องประชุมใหม่ เอี่ยม ยังไม่เคยใช้เลย สวยมาก ระบบเสียง เสียง วิเศษ เลยได้ทดลองใช้เป็นคนแรก ภาพจากโปรเจคเตอร์ สวยคม
  ได้รับการต้อนรับจาก ผู้อำนวยการอำนวย อภิชาตกูลประธานศูนย์  จากอาจารย์ประไพศรี อังสุโชติเมธี รองประธาน อาจารย์ไพศาล เรียนทัพ อาจารย์วันชัย กลิ่นหอม และครูอาจารย์จากโรงเรียนกำแพงเพชรพิทยาคม อย่างดีที่สุด

     ครูอาจารย์ ที่มาอบรม ส่วนใหญ่คุ้นเคยทั้งสิ้น  ทุกท่านให้ความสนใจอย่างมาก ต้อง ขอบคุณ  เราจะได้กู้บ้านกู้เมืองร่วมกัน ด้วยวิชาประวัติศาสตร์ ซึ่งความจริงมีความสำคัญมากๆ กับบ้านเมือง แต่กลับไม่ได้รับการดูแล จากกระทรวงศึกษากลายเป็นวิชาที่สำคัญน้อย ความจริงสำคัญมาก

   ครึ่งแรก พูดถึงประวัติศาสตร์เมืองกำแพงเพชร ครึ่งหลังพูดถึงสื่อ ที่ทำไว้  ให้ครูหยิบฉวยได้ง่ายที่สุด ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ให้ทุกคนเข้ามาคัดลอกได้เลย

  ประวัติศาสตร์กำแพงเพชร มีโอกาสก้าวหน้าถ้าครูทุกคนสนใจอย่างนี้ ขอบคุณทุกท่าน ถิอว่า ประสบความสำเร็จในการบรรยาย
ได้ถ่ายภาพ มาแค่สามภาพ ใครมี มากกว่านีส่งมาให้ด้วย ขอบตุณล่วงหน้า




                                                                                       สันติ  อภัยราช
1271  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / ตำนานพระซุ้มกอ ฉบับสมบูรณ์ โดยอาจารย์สันติ อภัยราช เมื่อ: กันยายน 14, 2010, 12:10:16 pm
  ตำนานพระซุ้มกอ



มีกูไว้แล้วไม่จน  คือถ้อยคำประจำองค์พระซุ้มกอ  ซึ่งหมายถึง พระซุ้มกอสุดยอดทางโชคลาภ เมตตามหานิยม ใครมีไว้แล้วจะร่ำรวย เป็นมหาเศรษฐี เจริญรุ่งเรือง ในชีวิต  ทำให้ผู้คนทั้งประเทศปรารถนาที่จะเป็นเจ้าของพระซุ้มกอ การเช่าจึงอยู่ที่หลักล้านขึ้นไป พระซุ้มกอจึงกลายเป็น หนึ่งในเบญจภาคี  หรือหนึ่งในจักรพรรดิแห่งวงการพระเครื่อง
 เบญจภาคี คือ การนำเอาพระเครื่องที่เป็นพระเครื่องชั้นยอดมารวมกัน ๕ องค์ โดยผู้ทรงคุณวุฒิท่านหนึ่ง ในวงการพระเครื่องยุคแรก ที่วงการพระรู้จักท่านในนามปากกา " ตรียัมปวาย " เป็นผู้บัญญัติจัดตั้งขึ้น จนเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป พระเบญจภาคี ๕ องค์ ประกอบด้วย
 
                                                                 พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่
.   พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์พระประธาน หรือที่นิยมเรียกว่า พระพิมพ์ใหญ่ เป็นพระพิมพ์ที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในบรรดาพระสมเด็จวัดระฆังทั้ง ๔ พิมพ์ ด้วยความสง่างดงาม  ขององค์พระ และความสมบรูณ์
สมส่วนขององค์ประกอบโดยรวมขององค์ประกอบศิลป์ทั้งหมด ประกอบกับจำนวนพระที่มีปริมาณเหมาะสม จึงส่งผลให้พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์พระประธานนี้ นับเป็นสุดยอดของพระในตระกูลสมเด็จทั้งหมด
      พระสมเด็จวัดระฆังโฆษิตาราม
พระสมเด็จวัดระฆังเป็นพระที่สร้างจากเนื้อผงวิเศษ ๕ ชนิด คือ ปถมัง , อิทธเจ , มหาราช , พุทธคุณ และตรีนิสิงเห ตามลำดับ การเกิดผงวิเศษทั้ง ๕ นี้ นับเป็นขบวนการหล่อหลอมพระเวทย์วิทยาคมอันศักดิ์สิทธิ์ทั้ง ๕ มาเป็นหนึ่งเดียว วิธีการสร้างผงวิเศษนั้นเริ่มมาจากการบริกรรมพระคาถา เขียนสูตร ชักยันต์ด้วยชอล์กลงในกระดาษชนวน เขียนแล้วลบ ลบแล้วเขียนใหม่ทำเช่นนี้นับเป็นร้อยๆครั้ง จนเกิดเศษ ชอล์ก จากการลบ ซึ่งถือว่าเป็นผงศักดิ์สิทธิ์ที่เกิดจากการตั้งจิตบริกรรมพระเวทย์ในขณะที่เขียนให้ครบถ้วนตามจำนวนที่พระเวทย์ในแต่ละบทกำหนดไว้ ขั้นผงที่ได้ออกมาเป็นผงที่ได้ออกมาเป็นผงที่มีชื่อ ? ปถมัง ? .....เมื่อได้ผง ? ปถมัง ? แล้ว นำผงนี้มาปั้นเป็นดินสอ ตากแห้ง แล้วนำแท่งดินสอชอล์กที่เกิดจากผงปถมัง มาเขียนสูตรพระเวทย์อีกบทหนึ่งเขียนแล้วลบ ทำซ้ำกันตามจำนวนครั้งที่พระเวทย์บทใหม่กำหนด จนเกิดผงชอล์กครั้งใหม่ ที่เรียกว่า ? ผงอิทธเจ ? แล้วก็ผงอิทธเจมาปั้นเป็นแท่งชอล์ก เขียนสูตรพระเวทย์อีก เขียนแล้วลบ ลบแล้วเขียนเช่นนี้จนได้ ผงมหาราช แล้วก็ผงมหาราช กระทำเช่นเดียวกับขั้นตอนการทำตอนการผงอื่นๆ หากแตกต่างกันที่สูตรในการเขียน อักขระเลขยันต์ และจำนวนครั้งที่ถือเป็นเฉพาะแต่ละสูตรจนได้ ผงพุทธคุณ และสุดท้ายคือ ผงตรีนิสิงเห อันเกิดจากหลอมรวมสูตรทั้ง ๕ มาเป็นหนึ่งเดียวจากนั้นสมเด็จพระพุฒาจารย์ ( โต พรหมรังษี ) จึงนำผงวิเศษนี้มาผสมรวมกันกับเปลือกหอยที่บดหอยที่บดละเอียดอันเป็นส่วนผสมหลัก นอกจากนี้ก็จะมีข้าวสุก ดินสอพอง กล้วย โดยมีน้ำตังอิ๊วเป็นตัวประสานส่วนผสมเหล่านี้ จากนั้นจึงนำพระที่ผสมเสร็จแล้วนั้น กดลงในแม่พิมพ์ซึ่งแกะพิมพ์โดย นายเทศ แห่งช่างหล่อ ทำให้ พิมพ์งดงามและสมบูรณ์แบบ
                     พระรอด วัดมหาวัน จ.ลำพูน

 
                                                                 พระรอด วัดมหาวัน จ.ลำพูน
วัดมหาวัน จ.ลำพูน พระอารามที่มีชื่อเสียงเลื่องลือไป ทั่วทุกภูมิภาคของเมืองไทย ทั้งนี้มิใช่เพราะเรื่องอื่นใด นอกจากเพียงประการเดียวคือ เป็นแหล่งกำเนิดของ "พระรอด" ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องชุดเบญจภาคี พระรอด วัดมหาวัน มีพระพุทธศิลป์เป็นยุคสมัยทวาราวดี ประทับนั่งปางมารวิชัยและขัดเพชรบนฐานบัว ๒ ชั้น ด้านหลังขององค์พระเป็นปรกโพธิ์เรียงตั้งแต่หัวเข่าขององค์พระขึ้นเป็นซุ้มครอบองค์พระ จำนวนใบโพธิ์และเอกลักษณ์ของ ก้านโพธิ์ที่ชัดเจนในแต่ละพิมพ์จะมีจำนวนไม่เท่ากัน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของพระรอดในแต่ละพิมพ์ การขุดหาพระรอดมีกันหลายครั้งหลายหน จนประมาณครั้งมิได้ เท่าที่สืบทราบมีดังนี้  การพบกรุพระรอดในสมัยเจ้าหลวงเหมพินธุไพจิตร เมื่อปี ๒๔๓๕-๒๔๔๕ พระเจดีย์มหาวันชำรุดทรุดโทรมและพังทลายลงมาเป็นส่วนมาก ดังนั้น เจ้าเหมพินธุไพจิตร จึงดำริให้มีการบูรณะปฏิสังขรณ์องค์พระเจดีย์ขึ้นใหม่ โดยการสร้างสวมครอบองค์เดิมลงไป ส่วนเศษปรักหักพังที่กองทับถมกันอยู่นั้น ได้จัดการให้โกยเอาไปถมหนองน้ำซึ่งอยู่ระหว่างหอสมุดของวัด โอกาสนั้นได้พบพระรอดเป็นจำนวนมากมายภายในกรุพระเจดีย์มหาวัน พระรอดส่วนหนึ่งได้รับการบรรจุ กลับคืนเข้าไปในพระเจดีย์ตามเดิม อีกส่วนหนึ่งมีผู้นำไปสักการบูชา และส่วนสุดท้ายได้ปะปนกับสร้างกรุและ เศษดินทรายจมอยู่ในหนองน้ำพระรอดได้ขุดพบที่วัดมหาวัน พุทธศิลป์อยู่ในยุคกลางของสมัยหริภุญไชย (ลำพูน) อาณาจักรหริภุญไชย สร้างขึ้นราวต้นศตวรรษที่ ๑๓-๑๔ เป็นอาณาจักรของ กลุ่มชนมอญโบราณ ทางภาคเหนือของประเทศไทย นับถือพระพุทธศาสนาหินยาน ใช้ภาษาบาลีจดคำสอนทางศาสนา ได้มีการกำหนดอายุและ ศิลปะพระรอดว่า สร้างในสมัยกษัตริย์จามเทวี เป็นยุคต้นของสมัยหริภุญไชย มีศิลปะสมัยทวารวดี ในทางพุทธศิลป์แล้ว พระรอดน่าจะมีอายุอยู่ในช่วงหลังสมัยทวาราวดี รูปแบบของพระรอดคือประทับพระบาทสมาธิเพชร (ท่านั่งขัดสมาธิเพชร) ในสมัยทวาราวดีสร้างพระพุทธรูปนั่งขัดหลวมและหงายฝ่าพระบาทกางออก และไม่ปรากฏพระพุทธรูปนั่งขัดเพชรในศิลปะทวาราวดี พระพุทธรูปนั่งขัดเพชรเป็นแบบอย่างเฉพาะของพระพุทธรูปอินเดียฝ่ายเหนือ (มหายาน) พระพุทธรูปและพระเครื่องในลำพูนได้ปรากฏศิลปะสมัยต่างๆ รวมอยู่หลายสมัย คือ สมัยทวาราวดี ลพบุรี แบบหริภุญไชย พุกาม อู่ทองและสมัยล้านนา
พระนางพญา
 
     จากหลักฐานทางด้านประวัติศาสตร์พบว่า วัดนางพญาสร้างโดยกษัตริย์กรุงศรีอยุธยา คือ พระวิสุทธิกษัตริย์ เป็นพระราชธิดา ท้าวศรี สุริโยทัย และเป็นพระมารดาขององค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ผู้สร้างวัดราชบูรณะ คือพระมหาธรรมราชา จากเหตุการณ์บ้านเมืองในขณะนั้นอยู่ในระ หว่างศึกสงครามถูกพม่ารุกราน จึงมีการสร้างพระเครื่องมอบให้เป็นขวัญและกำลังใจแก่ทหารที่ออกรบ พระเครื่องรุ่นแรกๆจะมีรูปทรงและองค์พระไม่สวย งาม การทำแม่พิมพ์ก็ทำกันแบบรีบร้อน คือพิมพ์ได้ครั้งละ 3 องค์ แล้วนำไปตัดแยกออกด้วยตอก เนื่องจากในขณะนั้นเป็นช่วงของสงครามถูกพม่ารุกราน จึงทำกันอย่างรีบร้อนทำให้บางองค์ไม่ได้ตัดแบ่งแยกออกจากกันก็มี คือ ยังติดกันเป็นแผงสามองค์   หลังจากองค์สมเด็จพระนเรศวรทรงประกาศอิสรภาพ เป็นกษัตริย์ครองกรุงศรีอยุธยาแล้ว จึงหันมาพัฒนาวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วัดนางพญา วัดราชบูรณะที่พระราชบิดาและพระราชมารดาทรงสร้างและสร้าง พระเครื่องให้เป็นขวัญและกำลังใจแก่ทหารที่ออกรบอีกครั้ง ที่เหลือก็นำไปบรรจุไว้ในกรุวัดทั้งสามเพราะมีเขตขัณฑสีมาติดต่อกัน
               พระนางพญาที่สร้างขึ้นมี ๖ พิมพ์ด้วยกัน คือพิมพ์เข่าตรง พิมพ์เข่าโค้ง พิมพ์สังฆาฏิ พิมพ์เทวดา พิมพ์อกนูนใหญ่ พิมพ์อกนูนเล็ก  ยุคแรกสร้างโดยพระวิสุทธิกษัตริย์ รูปทรงองค์พระไม่สวยงามนัก ยุคที่สองสร้างโดยองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช รูปทรงองค์พระสวยงามกว่ารุ่นแรกมาก พระนางพญาทั้งสองยุคนี้อายุการสร้างใกล้เคียงกัน มีพุทธคุณเหมือนกันคือเน้นหนักในเรื่องแคล้วคลาด อยู่ยงคงกระพัน โชคลาภ ค้าขายดี และเมตตามหา นิยมเป็นหลัก พิธีปลุกเสกใช้วิธีอัญเชิญเทพฯ เทวดา ฤาษี พระสงฆ์ผู้ทรงศีลและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในเมืองพิษณุโลกอันได้แก่หลวงพ่อพระพุทธชินราชเป็นต้น ปลุก เสกกันที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ
          มีประสบการณ์เล่าต่อๆกันมาว่า ทหารขององค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ไปรบที่ไหนก็ประสบชัยชนะที่นั่น เป็นที่หวั่นเกรงแก่พม่าในขณะนั้น และอีกประสบการณ์หนึ่งคือเมื่อครั้งที่ทหารไทยไปรบในสงครามอินโดจีนมีชัยชนะครั้งแล้วครั้งเล่า ต่อมามีนักสะสมพระเครื่องนำพระนางพญามาจัดเข้าชุด เบญจภาคี พุทธศิลป์ศิลปะอยุธยาประเภทเนื้อดินเผา ผสมมวลสารพระธาตุเหล็กไหล เหล็กน้ำพี้ โพรงเหล็กไหล พระธาตุสีขาวขุ่น พระธาตุสีชมพู ผงถ่าน ใบลาน เกสรดอกไม้ 108 ว่าน 108 น้ำมนต์ทิพย์ ดินมงคลตามที่ต่างๆ ทรายเงิน ทรายทอง และศาสตราวุธต่างๆ
               ความหมายของมวลสารที่นำมาผสมในพระสมเด็จนางพญามีดังนี้ 1. พระธาตุเหล็กไหล มีความสำคัญด้านคงกระพัน 2. เหล็กน้ำพี้ มีความสำคัญ ด้านแก้เคล็ดและความแข็งแกร่ง 3. โพรงเหล็กไหล มีความสำคัญด้านคงกระพัน แคล้วคลาด 4. พระธาตุสีขาวขุ่นและพระธาตุสีชมพู มีความสำคัญด้านสิริ มงคลและแก้อาถรรพ์ 5. ผงถ่านใบลาน มีความสำคัญด้านอยู่ยงคงกระพัน 6. เกสรดอกไม้ มีความสำคัญด้านเมตตามหานิยม 7. ว่าน 108 มีความสำคัญ ทางด้านแคล้วคลาดและคงกระพัน 8. น้ำมนต์ทิพย์ มีความสำคัญทางด้านแก้เคล็ดและแก้อาถรรพ์ 9. ดินมงคลตามที่ต่างๆ มีความสำคัญทางด้านสิริมงคล 10. ทรายเงินทรายทอง มีความสำคัญทางด้านโชคลาภและเงินทอง

พระผงสุพรรณ กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.สุพรรรณบุรี
 
พระผงสุพรรณ กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.สุพรรรณบุรี
   จังหวัดสุพรรณบุรี นอกจากเป็นดินแดนแห่ง ยุทธหัตถีแล้ว ยังเป็นเสมือนเมืองแห่งพระเครื่อง พระบูชา หลายสิบชนิด ตั้งแต่สมัยอมรวดี ทวาราวดี ศรีวิชัย ปาละ ลพบุรี อู่ทอง อยุธยา และรัตนโกสินทร์ ในจำนวนพระที่ขุดพบนั้น พระผงสุพรรณ กรุวัด พระศรีรัตนมหาธาตุ ถือว่าเป็นสุดยอดของพระทั้งหมด โดยจัดให้อยู่ในชุดพระเบญจภาคี วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ หรือที่ชาวสุพรรณเรียกสั้นๆ ว่า วัดพระธาตุ เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองสุพรรณ สมัยอู่ทองและอยุธยา ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี มีองค์พระปรางค์สูงตระหง่าน ส่วนใครเป็นผู้สร้างวัดนั้น นักประวัติศาสตร์ไม่กล้ายืนยัน เพียงแต่สันนิษฐานว่า น่าจะสร้างใน สมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๒ (เจ้าสามาพระยา) หรือ สมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ

พระซุ้มกอ

 
จากพระราชนิพนธ์ประพาสต้นกำแพงเพชรของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงบันทึกไว้ว่า นายชิด มหาดเล็กหลานพระยาประธานนคโรทัยจางวางเมืองอุทัยธานีเดิมได้รับราชการในกระทรวงมหาดไทยเป็นตำแหน่งนายอำเภอ อยู่ในมณฑลนครชัยศรี ป่วยลาออกมารักษาตัว อยู่บ้านภรรยาที่เมืองกำแพงเพชร ไปได้ตำนานพระพิมพ์มาให้  ว่ามีกษัตริย์องค์หนึ่งทรงพระนามว่า พระยาศรีธรรมาโศกราช จะบำรุงพระพุทธศาสนาจึงไปเชิญพระธาตุมาแต่ลังกา สร้างเจดีย์ บรรจุไว้แควน้ำปิงและน้ำยมเป็นจำนวนพระเจดีย์ 84,000 องค์ พระฤาษีจึงได้สร้างพระพิมพ์ขึ้นถวายพระยาศรีธรรมาโศกราชเป็นอุปการะ จึงได้บรรจุพระธาตุและพระพิมพ์ไว้ ในพระเจดีย์แต่นั้นมา เหตุที่จะพบพระพิมพ์กำแพงเพชรขึ้นนี้ว่า
เมื่อปีระกาเอกศก จุลศักราช 1211 สมเด็จพระพุฒาจารย์โต วัดระฆัง ขึ้นมาเยี่ยมญาติที่เมืองกำแพงเพชร ได้อ่านศิลาจารึกไทยโบราณมีอยู่ที่วัดเสด็จได้ความว่า มีพระเจดีย์โบราณบรรจุพระบรมาตุอยู่ริมน้ำปิง ฝั่งตะวันตกตรงข้ามเมือง จึงได้ค้นคว้ากันขึ้น พบพระเจดีย์สามองค์นี้ ชำรุดทั้งสามองค์ เมื่อพญาตะก่าขอสร้างรวมเป็นองค์เดียว รื้อพระเจดีย์ลงจึงได้พบพระพิมพ์กับได้ลานเงินจารึกอักษรขอม เป็นตำนานสร้างพระพิมพ์ และวิธีบูชา นายชิดได้คัดตำนานและวิธีบูชามาให้ด้วย ของถวายในเมืองกำแพงเพชรนี้มีพระพิมพ์เป็นพื้น ได้คัดตำนานติด ท้ายหนังสือเล่มนี้ไว้ด้วย

                     เมืองกำแพงเพชร
               วันที่ 25 สิงหาคม รัตนโกสินทร์ศก 125
ข้าพระพุทธเจ้า นายชิด มหาดเล็กเวร หลานพระยานคโรทัย จางวางเมืองอุทัยธานี เดิมได้รับราชการในกระทรวงมหาดไทย เป็นตำแหน่งนายอำเภอ อยู่มณฑลนครชัยศรี  ข้าพระพุทธเจ้า เจ็บทุพลภาพจึงกราบถวายบังคมลาออกจากหน้าที่ราชการ ขึ้นมารักษาตัวอยู่บ้านภรรยาที่เมืองกำแพงเพชร ข้าพระพุทธเจ้า ได้สืบเสาะหาพระพิมพ์ของโบราณ ซึ่งมีผู้ขุดค้นได้ในเมืองกำแพงเพชรนี้ ได้ไว้หลายอย่างพร้อมกัน พิมพ์แบบทำพระหนึ่งแบบ ขอพระราชทานทูลเกล้าถวาย
ข้าพระพุทธเจ้า ได้สืบถามผู้เฒ่าผู้แก่ถึงตำนานพระพิมพ์เหล่านี้ อันเป็นที่เชื่อถือกันในแขวงเมืองกำแพงเพชรสืบมาแต่ก่อน ได้ความว่า พระพิมพ์เมืองกำแพงเพชรนี้ มีมหาชนเป็นอันมากนิยมนับถือลือชามาช้านาน ว่ามีคุณาสงส์แก่ผู้สักการบูชาในปัจจุบัน หรือมีอานุภาพทำให้สำเร็จผลความปรารถนาแห่งผู้สักการบูชาด้วยอเนกประการ  สัณฐานของพระพุทธรูปพิมพ์นี้ ตามที่มีผู้ได้พบเห็นแล้วมีสามอย่าง คือ
   พระลีลาศ ( ที่เรียกว่าพระเดิน)  อย่าง1 พระยืนอย่าง 1 พระนั่งสมาธิอย่าง 1
วัตถุที่ทำเป็นองค์พระต่างกันเป็น 4 อย่างคือ ดีบุกหรือตะกั่วอย่าง 1 ว่านอย่าง 1 เกสรอย่าง 1
ดินอย่าง 1     พระพิมพ์นี้ ครั้งแรกที่มหาชนจะได้พบเห็นนั้น  ได้ในเจดีย์วัดพระธาตุฝั่งตะวันตกเป็นเดิม
และการสร้างพระพิมพ์นี้ขึ้นนั้น ตามสามัญนิยมว่า ณ กาลครั้งหนึ่ง เมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว มีพระบรมกษัตริย์พระองค์หนึ่งทรงพระนามว่า พระยาศรีธรรมาโศกราช เป็นพระเจ้าแผ่นดินใหญ่ ทรงมหิทธิเดชานุภาพแผ่ไปในทิศานุทิศ ตลอดจนถึงลังกาทวีปรวบรวมพระบรมธาตุ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นำมาสร้างสถูปเจดีย์บรรจุไว้ ในแควน้ำปิงและน้ำยม เป็นต้นเป็นจำนวนเจดีย์  84,000 องค์ ครั้งนั้นพระฤาษี จึงได้กระทำพิธีสร้างพระพิมพ์เหล่านี้ถวายแก่พระยาศรีธรรมาโศกราช  เป็นการอุปการะในพระพุทธศาสนา  ครั้งแรกที่จะได้พบพระเจดีย์ บรรจุพระบรมธาตุและพระพิมพ์เหล่านี้  เดิม ณ ปีระกาเอกศกจุลศักราช 1211 สมเด็จพุฒาจารย์(โต) วัดระฆัง  กรุงเทพ ขึ้นมาเยี่ยมญาติ ณ เมืองกำแพงเพชร  ได้อ่านแผ่นศิลาจารึกอักษรไทยโบราณที่ประดิษฐานอยู่ ณ อุโบสถวัดเสด็จ ได้ความว่า...
มีเจดีย์โบราณบรรจุพระบรมธาตุ อยู่น้ำปิงฝั่งตะวันตก ตรงหน้าเมืองเก่าข้ามสามองค์ ขณะนั้นพระยากำแพง(น้อย)  ผู้งว่าราชการเมืองได้จัดการ ค้นคว้า  พบวัดและเจดีย์สมตามอักษรในแผ่นศิลา จึงป่าวร้องบอกบุญราษฎร ช่วยกันแผ้วถาง และปฏิสังขรณ์ขึ้น เจดีย์ที่ค้นพบเดิมมีสามองค์  องค์ใหญ่ซึ่งบรรจุพระบรมธาตุอยู่กลาง ชำรุดบ้างทั้งสามองค์ ภายหลังพระยากำแพง(อ่อง) เป็นผู้ว่าราชการเมือง  แซงพอกะเหรี่ยง ( ที่ราษฎรเรียกพญาตะก่า) ได้ขออนุญาตรื้อพระเจดีย์สามองค์นี้ทำใหม่ รวมเป็นองค์เดียว
ขณะที่รื้อพระเจดีย์ 3 องค์นั้น ได้พบตรุพระพุทธรูปพิมพ์ และลานเงินจารึกอักษรขอม กล่าวตำนานการสร้างพระพิมพ์ และลักษณะการสักการบูชาด้วยประการต่างๆ  พระพิมพ์ชนิดนี้ มีผู้ขุดได้ที่เมืองสรรค์บุรีครั้งหนึ่งแต่หามีแผ่นลานเงินไม่ แผ่นลานเงินในตำนานนี้กล่าวว่า มีเฉพาะแต่ ในพระเจดีย์วัดพระธาตุฝั่งน้ำปิงตะวันตกแห่งเดียว มีสำเนาที่ผู้อื่นเขียนไว้ดังนี้

            ตำนานที่ปรากฏในจารึกลานเงิน
ตำบลเมืองพิษณุโลก  เมืองกำแพงเพชร เมืองพิชัยสงคราม เมืองพิจิตร เมืองสุพรรณบุรี  ว่ายังมีฤาษี 11 ตน ฤาษีเป็นใหญ่สามตน ตนหนึ่งฤาษีพิลาไลย  ตนหนึ่งฤาษีตาไฟ ตนหนึ่งฤาษีตางัว เป็นประธานแก่ฤาษีทั้งหลาย  จึงปรึกษากันว่า เราท่านทั้งนี้ จะเอาอะไรให้แก่พระยาศรีธรรมาโศกราช ฤาษีทั้งสาม จึงว่าแก่ฤาษีทั้งปวงว่า เราจะทำด้วยฤทธิ์  ทำด้วยเครื่องประดิษฐานเงินทอง ไว้ฉะนี้ฉลองพระองค์ จึงทำเป็นเมฆพัด  อุทุมพร เป็นมฤตย์พิศม์ อายุวัฒนะ  พระฤาษี         ประดิษฐานในถ้ำเหวน้อยใหญ่ เป็นอานุภาพแก่มนุษย์ทั้งหลายสมณชีพราหมณาจารย์เจ้าไปถ้วน 5,000 พระพรรษา   ฤาษีตนหนึ่งจึงว่าแก่ฤาษีทั้งหลายว่า ท่านจงไปเอาว่านทั้งหลาย อันมีฤทธิ์เอามาได้สัก 1000 เก็บเอาเกสรไม้อันวิเศษที่มีกฤษณาเป็นอาทิให้ได้ 1000  ครั้นเสร็จแล้ว ฤาษีจึงป่าวร้องเทวดาทั้งปวงให้ช่วยกันบดยาทำเป็นพระพิมพ์ไว้สถานหนึ่ง เมฆพัดสถานหนึ่ง  ฤาษีทั้งสามองค์จึงให้ฤาษีทั้งปวง ให้เอาว่านทำเป็นผง เป็นก้อนประดิษฐาน ด้วยมนตร์คาถาทั้งปวงให้ประสิทธิทุกอัน จึงให้ฤาษีทั้งนั้นเอาเกสรและว่านมาประสมกันดี เป็นพระให้ประสิทธิแล้ว  ด้วยเนาวหรคุณ  ประดิษฐานไว้บนเจดีย์อันหนึ่งถ้าผู้ใดถวายพระพรแล้วจึงเอาไว้ใช้ตามอานุภาพเถิด  ให้ระลึกถึงคุณพระฤาษีที่ทำไว้นั้นเถิด ฤาษีไว้อุปเทศดังนี้.
   1.แม้อันตรายสักเท่าใด ให้นิมนต์พระใส่ศีรษะ อันตรายทั้งปวงหายสิ้น
   2. ถ้าทำการสงคราม ให้เอาพระใส่น้ำมันหอม แล้วใส่ผม จะไม่ต้องศัตราวุธ
   3. ถ้าจะใคร่มาตุคาม (สตรี)  เอาพระสรงน้ำมันหอมใส่ ใบพลู ทาตัว
   4. ถ้าจะเจรจาให้สง่างาม คนเกรงกลัวเอาพระใส่น้ำมันหอมหุงขี้ผึ้งเสกทาปาก
   5.ถ้าค้าขาย หรือเดินทาง เอาพระสรงน้ำหอมเสกด้วยพระพุทธคุณ
   6. ถ้าเป็นความกัน ให้เอาพระสรงน้ำหอม เอาด้าย 11 เส้น ชุบน้ำมันหอมนั้นและทำไส้เทียนตามถวายพระ แล้วพิษฐานตามใจชอบ ......จารึกลานเงินยังบันทึกว่า.....พระเกสรก็ดี พระว่านก็ดี พระปรอทก็ดี  อานุภาพดังกำแพงล้อมกันภัยแก่ผู้นั้น

ขนาดของพระซุ้มกอ เท่าที่พบในจังหวัดกำแพงเพชร มีหลายขนาดคือ
   พระซุ้มกอพิมพ์ใหญ่
   พระซุ้มกอพิมพ์กลาง
   พระซุ้มกอพิมพ์เล็ก
   พระซุ้มกอพิมพ์คะแนน
พิมพ์ของพระซุ้มกอ มีหลายพิมพ์ คือ
   พระซุ้มกอพิมพ์ใหญ่ มีกนก
   พระซุ้มกอพิมพ์ใหญ่ ไม่มีกนก (ซุ้มกอดำ)
   พระซุ้มกอพิมพ์กลาง
   พระซุ้มกอพิมพ์เล็ก
   พระซุ้มกอพิมพ์ขนมเปี๊ยะ (ไม่ตัดปีก)
   พระซุ้มกอพิมพ์เล็ก พัดใบลาน
พระซุ้มกอที่นิยมกันมากที่สุดคือ พระซุ้มกอพิมพ์ใหญ่มีลายกนก พบที่กรุทุ่งเศรษฐี และพระบรมธาตุนครชุม เป็นพระดินเผาเนื้อค่อนข้างนิ่ม ละเอียดมาก มีว่านดอกมะขามปรากฏทั่วองค์ การที่มีเนื้อละเอียดและนิ่มทำให้พระซุ้มกอพิมพ์ใหญ่ มักหักชำรุดเสียหายเป็นส่วนใหญ่ เหลือที่สมบูรณ์จริงๆน้อยมาก ทำให้ราคาเช่าสูงมาก เป็นที่นิยมสูงสุด    คนกำแพงเพชร น้อยคนนักที่ได้มีโอกาสเห็นพระซุ้มกอองค์นี้ทั้งที่ กรุอยู่ที่กำแพงเพชร
พุทธลักษณะของพระกำแพงซุ้มกอ เป็นปางสมาธิ พบทั้งสมาธิราบ และสมาธิเพชร เป็นศิลปะเชียงแสนผสมกับสุโขทัย คือองค์พระอวบอ้วน พระอุระผึ่งนูนดูเด่นสง่างามมาก แบบเชียงแสนพระนาภีเรียว การทิ้งพระพาหา และขัดสมาธิงดงามแบบสุโขทัย มีประภามณฑลรอบพระเศียรคล้ายรูปตัว
ก ไก่ บางท่านว่าซุ้มที่องค์พระเหมือนรูปก.ไก่มาก จึงเรียกกันว่าพระซุ้มกอ
   พระซุ้มกอมีหลายประเภท  มีหลายสี มีทั้งสีแดง สีดำ สีขาว สีเขียว ชนิดซุ้มกอดำ เป็นพระที่ไม่ได้เผา องค์พระสร้างด้วยไส้ในของเม็ดมะค่าผสมปูนกินหมาก ผงอิทธิเจ เกสรดอกไม้ 108 ชนิด



ความเชื่อบุญฤทธิ์ของพระซุ้มกอ
   1.พระซุ้มกอดำ มีอิทธิฤทธิ์ อานุภาพ ในทางเมตตามหานิยมและอยู่ยงคงกระพัน
มีลักษณะเป็นพระนั่งสมาธิมือวางบนพระเพลา ไม่เผามีรักทาทั้งองค์
   2.พระซุ้มกอแดง ขาวและเขียว มีอิทธิฤทธิ์สูงทางเมตตามหานิยมสูง มีลักษณะเดียวกับพระซุ้มกอดำ โดยเฉพาะพระซุ้มกอแดง เผาแล้วซัดด้วยว่านผง องค์พระจึงสีสดงดงามมาก เนื้อมันปู มีความแข็งแกร่งคงทนกว่าสีดำ ยังพอมีให้เห็นบ้างในบ้านคหบดีที่กำแพงเพชร

การค้นพบพระซุ้มกอ
เมื่อสมเด็จพุฒาจารย์(โต)เสด็จมาเยี่ยมญาติที่กำแพงเพชร บางท่านว่า มาฌาปนกิจท่านผู้หญิงแพง ภริยาพระยากำแพง(นาค) มีศักดิ์เป็นป้า หลวงพ่อโต ได้เสด็จมาพักที่วิหารวัดเสด็จ ท่านได้นั่งทางใน พบว่าในจอมปลวก มีสิ่งสำคัญอยู่ จึงโปรดให้เลกวัด(ผู้ดูแลรับใช้ในวัด) ขุดพบศิลาจารึกนครชุม (ศิลาจารึกหลักที่สาม) ท่านได้อ่านได้ทราบว่า มีพระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่เมืองนครชุม
ตรงข้ามเมืองกำแพงเพชร จึงโปรดให้พระยากำแพงผู้เป็นหลาน ได้ไปแผ้วถางและค้นพบ พระเจดีย์สามองค์อยู่บนฐานเดียวกัน เมื่อสมเด็จพุฒาจารย์(โต) ไปค้นหาพระธาตุ พบพระบรมธาตุ และค้นพบพระพิมพ์จำนวนมาก  มีพระซุ้มกอจำนวนมากด้วย ทรงสั่งให้ปฏิสังขรณ์  และรับสั่งให้ฟื้นฟูวัดพระบรม
ธาตุใหม่ แล้วพระองค์เสด็จกลับกรุงเทพ
   พญาตะก่า (แซงพอ)ชาวกะเหรี่ยง มาทำไม้ขอนสักที่เมืองกำแพง ได้ขออนุญาตรื้อพระเจดีย์ทั้งสามองค์ และสร้างเจดีย์ทรงมอญครอบไว้ แต่พญาตะก่าทำไม่เสร็จถึงแก่กรรมก่อน
   พะโป้ น้องชายพญาตะก่า เป็นคนในบังคับอังกฤษ มาขอสัมปทานป่าไม้ในกำแพงเพชร ได้ผลประโยชน์มากมาย จึงได้บูรณะปฏิสังขรณ์ พระบรมธาตุต่อ สร้างเสร็จก่อนพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จกำแพงเพชร เพียงสามเดือน
   ระหว่างที่รื้อ เพื่อดำเนินการซ่อมพระบรมธาตุได้ค้นพบพระซุ้มกอจำนวนมาก ในสมัยนั้นประชาชนไม่นิยมนำพระไปไว้ที่บ้านถือว่าไม่เหมาะสม ไม่เป็นสิริมงคล เมื่อพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จเมืองกำแพงเพชร เมื่อเดือนสิงหาคม พุทธศักราช 2449  จึงมีผู้นำพระเครื่องมาถวายจำนวนมากพระองค์พระราชนิพนธ์ไว้ว่า
   ต่อเมื่อเสด็จมา จึงรู้ว่าพระพิมพ์ มีมากถึงเพียงนี้ ต่างคนต่างเตรียมกันออกมาถวาย ไม่ได้ถือหรือห่อมาตามปกติ จัดมาในพานดอกไม้นั่งราย ตามริมถนนได้เสมอทุกวันไม่ได้ขาด
เมื่อพระพุทธเจ้าหลวงพระราชทาน พระเครื่องให้พระบรมวงศานุวงศ์และผู้ติดตาม ทำให้ประชาชนนิยมแขวนพระเครื่องหรือเก็บพระเครื่องไว้ กับตัวเอง เพื่อเป็นสิริมงคล จึงทำให้ประชาชนแสวงหาพระเครื่องกันอย่างมากมาย แต่ความเชื่อที่ว่า พระควรอยู่วัด ไม่ควรอยู่ที่บ้าน ยังอยู่ในหัวใจประชาชน
การค้นพบครั้งต่อมา ประมาณพุทธศักราช 2490 โดยนาคนาค บุญปรี ได้ค้นพบพระเครื่องจำนวนมาก ที่บริเวณป้อมทุ่งเศรษฐี  แต่ความจริงการขุดสมบัติ จากพระวัด และปราสาทราชวัง มีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 แล้ว การขุดในสมัยโบราณ นิยมเลือกเอาเฉพาะทองคำ เครื่องเพชร และสิ่งมีค่าที่ฝังไว้  .....  พระเครื่องจะไม่นิยมกันเลย เมื่อขุดพบ จะสาดทิ้ง ในบริเวณใกล้เคียง   นำสิ่งมีค่าไปขาย มีผู้ลักลอบขุดกัน ทั่วทั้งกำแพงเพชร ทั้งวัดและวัง จึงพังพินาศหมด
   พระเครื่องเริ่มมีราคาสูงขึ้น เพราะมีผู้นิยมมากโดยเฉพาะข้าราชการชั้นผู้ใหญ่นิยมนำไปให้เจ้านาย
เพื่อ ผลประโยชน์หลายด้าน ที่บ้านของผู้เขียน ในราวพุทธศักราช 2499 มีผู้ขุดพระเกือบทุกคน นำพระเครื่องมามอบให้บิดา (ปลัดเสรี อภัยราช) ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งปลัดอำเภอเมืองกำแพงเพชร จำได้ว่าทุกวัน จะนำพระไปตากที่นอกชานบ้าน ขนาดสนามบาสเกตบอล ทุกวัน มีมากขนาดที่ไม่มีใครสนใจ เลย บิดา ได้นำพระที่ตากแล้วใส่กระป๋องยาเส้น แยกขนาดและประเภทวางไว้ตามคร่าวข้างฝาเรียงรายเต็มไปหมด แต่ไม่มีใครในบ้านสนใจมากมาย นอกจากช่วยกันนับแยกประเภทออกเท่านั้น ภาพเหล่านั้นยังซึมซับอยู่บ้าง ระยะหลังบิดาได้ให้พระแก่ผู้มาขอไปทั้งหมด โดยมิได้เก็บไว้เลยและหมดไป ในระยะเวลาไม่ถึง 20 ปี เหลือไว้แต่เพียงภาพในอดีตเท่านั้น
   การค้นพบระยะหลังๆเป็นสาเหตุทำให้ พระเจดีย์น้อยใหญ่ วิหารโบสถ์ ถูกทำลายโดยสิ้นเชิง การขุดพระ ทำกันอย่างซ้ำซ้อนครั้งแล้วครั้งเล่า ขุดค้นกันทุกตารางนิ้ว แบบนำดินมาบดให้ละเอียดด้วยมือ เนื่องจากพบพระจำนวนมาก ทำให้ทุกคนแสวงหาพระเครื่องกันมาก ถนนทุกสาย มุ่งมาที่กำแพงเพชร มือใครยาวสาวได้สาวเอา บ้านเมืองในขณะนั้น ปากว่าตาขยิบ เมื่อพระกรุใดแตก ก็แบ่งพระกันไป ผู้เขียนเคยไปดูรุ่นพี่ๆเขาขุดกัน ขุดกันอย่างเปิดเผยแม้จะผิดกฎหมาย พระเครื่องพระบูชากำแพงเพชรมากจริงๆ เมื่อขุดลงไปราวๆ 10 เมตร โรยเชือกและตะเกียงเจ้าพายุลงไป พบพระบูชาวางเรียงรายเต็มฐานพระเจดีย์ นับร้อยองค์ ค่อยๆมัดองค์พระใส่เข่ง ดึงพระขึ้นมาจากหลุม มาแบ่งกันปากหลุม บางที ก็ซื้อขายกันปากหลุมเหมือนเป็นเรื่องปกติธรรม ในเมืองกำแพงเพชรขณะนั้น
   แม้แต่เศษของพระซุ้มกอ ก็ยังแสวงหาเพราะทรงอานุภาพมาก อิทธิฤทธิ์ของผงอิทธเจ และคาถาอาคมที่กำกับ  เกจิทั้งหลาย ทดลองมาปลุก ยังกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าแม้แค่ชิ้นส่วนยังทรงอานุภาพ  ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่พระซุ้มกอกำแพงเพชร มีค่าและราคา เลขเจ็ดหลัก  ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมจึง มีผู้คนแสวงหากันมาก
   ด้วยเหตุสำคัญนี้จึงมี ผู้ทำพระซุ้มกอปลอมจำนวนมาก ทั้งทำเหมือนขุดจากกรุ และลือว่ากรุแตก
โดยนำพระไปโรยไว้ที่หลุมที่อ้างว่าพบ พระ  การซื้อขายพระซุ้มกอทำเหมือนเป็นสินค้าเลยทีเดียว  เซียนทั้งหลาย ที่ตั้งตนเป็นเกจิเชี่ยวชาญการดูพระ โดนต้มไปเป็นจำนวนมาก  คนในพื้นที่ ที่ทราบความจริง ก็ได้แต่หัวเราะ เพราะพระซุ้มกอที่เมืองกำแพงเพชรไม่มี อีกแล้ว พระที่ขึ้นมาใหม่ ล้วนเป็นพระที่ฝังไว้ในช่วง 50 -60 ปีเท่านั้น มิใช่พระสมัยโบราณจริงๆ
   กรุที่พบพระซุ้มกอ
   1. กรุทุ่งเศรษฐี  เมืองนครชุม   พบทุกกรุและมีจำนวนมากมาย  อาทิ
      1.1 กรุวัดพระบรมธาตุ นครชุม เป็นกรุแรกที่ ค้นพบพระซุ้มกอ มีการขุดค้นกันตลอด แม้ในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมายังมีการขุดค้นอยู่  อาจกล่าวได้ว่าเป็นต้นกำเนิดพระเครื่อง เพราะเนื่องจากพญาลิไท ได้บรรจุพระบรมธาตุและพระเครื่อง ที่วัดพระบรมธาตุแห่งนี้
      1.2 กรุเจดีย์กลางทุ่ง เป็นเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์  หรือเจดีย์ทรงดอกบัวตูมที่มีลักษณะงดงามมาก สร้างราวสมัยพญาลิไท มีการขุดค้นพบพระกำแพงซุ้มกออย่างมากมายที่วัดแห่งนี้ ทั้งในพระเจดีย์และบริเวณอุทกสีมา
      1.3 กรุวัดพิกุล วัดพิกุลมีมณฑปทรงเทวาลัย คาดว่าก่อนหน้าพระพุทธศาสนา วัดพิกุลเป็นเทวาลัยของศาสนาพราหมณ์มาก่อน ผู้ขุดค้นที่วัดพิกุลเล่าให้ฟังว่า เมื่อราวพ.ศ.2490 วัดพิกุลยังเป็นป่าทึบ ได้ขุดค้นพบสมบัติมากมาย พร้อมโครงกระดูกมนุษย์โบราณที่ฝังไว้พร้อมกับเครื่องแต่งกายสมัยทวาราวดี ใต้ฐานบันไดขั้นที่ 2ของเทวาลัย มีดาบ สังวาล แหวนและเครื่องประดับอื่นๆ เป็นจำนวนมาก
เมื่อขุดค้นพบ ได้แบ่งปันกันไป และทำลายกระดูกนั้นเสีย ส่วนพระเครื่องไปสาดทิ้งในบริเวณอุทกสีมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระกำแพงนางพญาที่วัดพิกุลนี้งดงามมาก
      1.4 กรุวัดซุ้มกอ วัดซุ้มกอเป็นวัดเล็กๆในเขตอรัญญิกนครชุม อยู่หน้าศูนย์ท่ารถบขส.ในปัจจุบัน ถนนเข้าเมืองกำแพงเพชรตัดผ่านวัด ทำให้เสียหายมาก พระซุ้มกอที่ค้นพบในวัดนี้ มีจำนวนมาก จนประชาชนเรียกขานวัดแห่งนี้ว่าวัดซุ้มกอ เนื่องจากมีพระดีจำนวนมาก วัดจึงถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง  แต่เดิมเหลือสภาพเป็นแค่เนินดินคล้ายจอมปลวก  เมื่อผู้เขียนเป็นเด็ก มีไร่มีสวนอยู่หลังวัดซุ้มกอได้มีโอกาสเดินผ่านเกือบทุกวัน พบเห็นผู้คนขุดค้นกันทั้งกลางวันและกลางคืน
      1.5 กรุบ้านเศรษฐี อยู่บริเวณป้อมทุ่งเศรษฐี ในบริเวณหลังป้อม มีวัดหลายวัด แต่ในบริเวณป้อมไม่มีวัดอยู่ จากการขุดแต่งของกรมศิลปากร ไม่พบสิ่งก่อสร้างในบริเวณป้อมเลย   เจดีย์วิหารและโบสถ์ทั้งหลาย  ได้ถูกไถทิ้งไป ในคราวขุดสระขนาดใหญ่ของเอกชน  มีการขุดค้นพบพระซุ้มกอบริเวณนอกป้อมทุ่งเศรษฐี จำนวนมาก
      1.6 กรุวัดหนองลังกา  เป็นเจดีย์ทรงลังกา งดงามมากอยู่กลางทุ่ง   สร้างสมัยสุโขทัย
สันนิษฐานว่าสมเด็จพระสังฆราชจากลังกา เสด็จมาประทับที่วัดหนองลังกาแห่งนี้  มีการขุดค้นพระเครื่องที่วัดหนองลังกา อยู่ตลอดเวลาแม้ในปัจจุบัน
   นอกจากนั้น ยังพบ พระซุ้มกอ ในกรุอื่นๆในบริเวณทุ่งเศรษฐี  อีกหลายสิบกรุ
แต่หลักฐานส่วนสำคัญ ได้ถูกทำลายไปโดยสิ้นเชิง
     เนื้อพระซุ้มกอบริเวณทุ่งเศรษฐีนี้ งดงามมาก ใช้ดินบริเวณทุ่งเศรษฐีนี้เองในการมาพิมพ์พระ นับว่าเป็นเคล็ดลับสำคัญอย่างหนึ่งของ พระซุ้มกอกรุทุ่งเศรษฐี
   2. กรุพระซุ้มกอฝั่งกำแพงเพชร
      2.1 กรุวัดพระแก้ว  เป็นวัดหลวงอยู่กลางเมืองกำแพงเพชร เป็นวัดมีขนาดใหญ่เชื่อกันว่า เมื่อครั้งพระแก้วมาประดิษฐานที่กำแพงเพชร ได้มาประดิษฐานที่วัดพระแก้วแห่งนี้ จึงเรียกขานกันว่าวัดพระแก้ว  พบพระซุ้มกอ   เนื่องจากวัดพระแก้วเป็นวัดหลวง จึงพบพระซุ้มกอโดยเฉพาะอย่างยิ่งพระซุ้มกอหน้าทองจำนวนมากที่วัดนี้
      2.2 วัดในเขตอรัญญิกของกำแพงเพชร ที่มีวัดอยู่กว่า 50 วัด อาทิวัดพระนอน วัดป่ามืด
วัดพระสี่อิริยาบถ วัดนาคเจ็ดเศียร วัดฆ้องชัย วัดสิงห์ วัดช้างรอบ  วัดกรุสี่ห้อง วัดริมทาง วัดอาวาสน้อย
วัดอาวาสใหญ่ วัดหมาผี วัดกำแพงงาม วัดช้าง  ฯลฯ  ปรากฏว่า ทุกวัดพบพระเครื่องซุ้มกอจำนวนมาก

   พระซุ้มกอเมืองกำแพงเพชร เป็นเหมือนดั่งอัญมณีที่สำคัญของเมืองกำแพงเพชร ทำให้คำขวัญวรรคแรกของ จังหวัดกำแพงเพชร   ว่า กรุพระเครื่อง   เมืองคนแกร่ง    ศิลาแลงใหญ่  กล้วยไข่หวาน น้ำมันลานกระบือ  เลื่องลือมรดกโลก  ผู้คนรู้จักกำแพงเพชร เพราะพระกำแพงซุ้มกอ จำนวนมากเช่นกัน คนกำแพงเพชร สมควรที่จะภูมิใจในความเป็นคนกำแพงเพชร และเมืองมรดกโลก ไปนานแสนนาน                          
 



1272  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / พระซุ้มกอ ฉบับย่อ โดยอาจารย์สันติ อภัยราช เมื่อ: กันยายน 14, 2010, 12:05:30 pm
ในวงการพระเครื่อง    ถือกันว่า พระเครื่องที่มีผู้นิยมสูงสุด ที่เรียกกันว่าเบญจภาคี นั้น  นักเลงพระทุกคนแสวงหาให้ได้ครบทั้งห้าองค์   ซึ่งอาจเรียกบุคคลนั้นว่าจักรพรรดิ์ แห่งวงการพระเครื่อง  พระดังกล่าวคือ
1.   พระกำแพงทุ่งเศรษฐี  อันได้แก่พระกำแพงซุ้มกอ  พระกำแพงเม็ดขนุน  พระกำแพงพลูจีบ  ใช้องค์ใดองค์หนึ่งแทนกันได้
2.   พระสมเด็จพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆัง
3.   พระรอด กรุมหาวัน ลำพูน
4.   พระผงสุพรรณ กรุวันมหาธาตุ  สุพรรณบุรี
5.   พระนางพระยา วัดนางพระยา  พิษณุโลก
พระกำแพงซุ้มกอของจังหวัดกำแพงเพชร  มีชื่อเสียงในด้านความสง่างามด้วยศิลปะแห่งประติมากรรมของสกุลช่างกำแพงเพชร  มีลักษณะงดงามเป็นอันดับหนึ่งของพระนั่งตระกูลทุ่งเศรษฐี  มีทั้งเนื้อดิน เนื้อชิน และเนื้อว่าน พุทธลักษณะมีทั้งสมาธิเพชร และสมาธิราบ โดยเฉพาะพระกำแพงซุ้มกอพิมพ์ใหญ่  มีพุทธลักษณะ ศิลปะเชียงแสนผสมกับสุโขทัย คือพระองค์อวบอ้วน พระอุระผึ่งนูนแลเด่นสง่างามแบบเชียงแสน พระนาภีเรียว  การทิ้งพระพาหา และการขัดสมาธิงดงามแบบสุโขทัย องค์พระมี
ประภามณฑล รอบพระเศียรคล้ายรูปทรงของตัว ก  จึงเรียกกันว่าซุ้มกอ มี 2แบบ คือแบบที่มีลายกนก และแบบไม่มีลายกนก การพบพระซุ้มกอ มีสองระยะ
   ระยะแรก เมื่อสมเด็จพุฒาจารย์ ( โต) เสด็จมาเยี่ยมญาติที่ กำแพงเพชร ราวพุทธศักราช 2392 ได้ค้นพบพระเครื่องที่วัดพระบรมธาตุ นครชุม เป็นพระซุ้มกอจำนวนมาก เป็นขนาดพิมพ์ใหญ่อย่าง เดียว พบจารึกลานเงิน กล่าวถึงการสร้างพระเครื่อง พบคาถาและวิธีการในการสร้างพระเครื่อง เล่ากันว่าทรงนำไป สร้างสมเด็จวัดระฆังอันศักด์สิทธิ์
   ระยะที่ 2 ประมาณพุทธศักราช 2490  ที่กรุทุ่งเศรษฐี  มียอดเจดีย์หัก พบพระซุ้มกอจำนวนมากมีอักขระ  อุ นะ อุ  แบบเชียงแสน  พระพักตร์และสีเนื้องดงามมาก
   ตามตำนานการสร้างพระเครื่อง  จากจารึกลานเงิน ที่พบที่วัดพระบรมธาตุนครชุม กล่าวไว้ว่า
มีฤาษี 3 ตน  ตนหนึ่งฤาษีพิลาไลย  ตนหนึ่งฤาษีตาไฟ   ตนหนึ่งฤาษีตาวัว ป็นประธานแก่ฤาษีทั้งหลายได้ทำพระเครื่องขึ้น
   พระกำแพงซุ้มกอ มีหลายพิมพ์ คือ พิมพ์ใหญ่    พิมพ์กลาง พิมพ์เล็ก  และพิมพ์คะแนน มีคำนิยามสำหรับพระซุ้มกอว่า  มีกูไว้แล้วไม่จน
กรุที่พบพระกำแพงซุ้มกอคือ กรุวัดน้อย (บ้านไร่นครชุม ) กรุฤาษี   กรุกลางทุ่ง (นาตาคำ ) กรุบ้านทุ่งเศรษฐี  กรุวัดหนองพิกุล
   พระพุทธคุณ ของพระกำแพงซุ้มกอ คือ เป็นยอดทางเมตตามหานิยม โภคทรัพย์ โชคลาภ
เป็นสิริมงคล ไม่มี สิ่งใดทำลายล้างได้
   คนทั้งประเทศพากันแสวงหา พระกำแพงซุ้มกอไว้เพื่อสักการบูชา กันทุกคน  คนกำแพงเพชร
มีไม่กี่คนที่มีพระเครื่องกำแพงซุ้มกอ?.. หนึ่งในเบญจภาคี ??สุดยอดแห่งพระเครื่อง??
1273  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / กำแพงเพชรใต้ร่มฟ้ามหาบารมี โดยอาจารย์สันติ อภัยราช เมื่อ: กันยายน 14, 2010, 12:01:08 pm
ทุกรอยพระ ยุคลบาท ประกาศก้อง      กำแพงเพชร ทั้งผอง  ร่วมสรรเสริญ
ทรงปลูกสุข  ดับทุกข์  ไทยจำเริญ         ทอดพระเนตร บาทดำเนิน ทั่วแผ่นดิน
   พระการุณ  ทั้งสามครา มาปรากฏ      กำแพงเพชร เลอยศ  ทั่วทุกถิ่น
ดั่งฝนโปรย ดับร้อน ชนยลยิน            ทุกชีวิน  ใต้ร่มฟ้ามหาบารมี

   จังหวัดกำแพงเพชร เป็นเมืองโบราณที่สำคัญยิ่ง มาตลอดยุคสมัย และเกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์ไทยมาโดยตลอด อาจนับตั้งแต่ พระร่วงโรจนราช กษัตริย์ต้นราชวงศ์พระร่วง
จากตำนานชินกาลมาลีปกรณ์ว่ามาจากบ้านโคน เมืองคณฑี จังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งชาวบ้านโคนถือกันว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก แม้ตำนานท้าวแสนปม ได้กล่าวถึงท้าวแสนปมเป็นพระราชบิดาของ พระเจ้าอู่ทอง ปฐมกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา..เป็นความเชื่อทั้งสองเรื่องที่คู่กับจังหวัดกำแพงเพชรเล่าขานสืบต่อกันมาช้านาน...ว่าปฐมกษัตริย์ทั้งกรุงสุโขทัย และอยุธยามาจากกำแพงเพชรทั้งสองพระองค์  ....
   จากตำนานสิงหนวติกุมาร ฉบับสอบค้น ของนายมานิต  วัลลิโภดม ได้กล่าวถึงกำแพงเพชรที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์หลายตอนอาทิ....พระเจ้าพรหม  เป็นวีรบุรุษ เป็นศูนย์กลางของพวกเผ่าพันธุ์ที่อยู่ในตระกูลไทย-ลาว เป็นผู้นำขับไล่พวกขอมดำสำเร็จ ในตำนานสิงหนวติกุมาร บอกว่าพรหมกุมารกำจัดพญาขอมดำและพวกขอมบริวารทั้งหลาย หนีลงไปทางทิศใต้ พรหมกุมารตามพิฆาตเข่นฆ่า จนร้อนถึงพระอินทร์ต้องเนรมิตกำแพงหินกั้นกางขวางหน้าไว้ เพื่อช่วยชีวิตพวกขอมดำมิให้สูญเผ่าพันธุ์ กำแพงขวางกั้นกลายเป็นกำแพงเพชร ในกาลต่อมา  พระเจ้าชัยสิริ โอรสพระเจ้าพรหม หนีพระยาสุธรรมวดี มาเดือนหนึ่งถึงแนวกำแพงที่พระอินทร์เนรมิต จึงประกาศสร้างเมืองกำแพงเพชร ณที่นั้น....
   หลักฐานมาปรากฏชัดเจน เป็นที่ยืนยันได้อย่างแน่นอนว่า พญาลิไท กษัตริย์แห่งสุโขทัยเสด็จมาเมืองนครชุม โดยมีหลักฐานจากจารึกนครชุม (จารึกหลักที่ 3) ว่า
พระยาลือไทยราช ผู้เป็นลูกพระยาเลอไทย เป็นหลานแก่พระยารามราช เมื่อได้เสวยราชย์ในเมืองศรีสัชนาลัยสุโขทัยได้ราชาภิเษก อันฝูงเท้าพระยาทั้งหลายอันเป็นมิตรสหาย อันมีในสี่ทิศนี้ แต่งกระยาดงวาย ของฝากหมากปลามาไหว้อันยัดยัญอภิเษกเป็นท้าวเป็นพระยาจึงขึ้นชื่อศรีสุริยพงศ์มหาธรรมราชาธิราช...หากเอาพระศรีรัตนมหาธาตุอันนี้มาสถาปนาในเมืองนครชุมปีนี้นั้น พระมหาธาตุอันนี้ใช่ธาตุอันสามานย์ คือพระธาตุแท้จริงแล้ เอาลุกแต่ลังกาทวีปพู้นมาดาย เอาทั้งพืชพระศรีมหาโพธิ์ อันพระพุทธเจ้าเราเสด็จอยู่ใต้ต้นและผจญพลขุนมาราธิราช ได้ปราบแก่สัพพัญญุตญาณเป็นพระพุทธ มาปลูกเบื้องหลังพระมหาธาตุนี้ ผิผู้ใดได้ไหว้นบกระทำบูชาพระศรีรัตนมหาธาตุและพระศรีมหาโพธิ์นี้ว่าไซร้ มีผลอานิสงส์พร่ำเสมอดังได้นบตนพระเป็นเจ้าบ้างแล........
   ในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี พระมหากษัตริย์ในยุคนั้นได้เสด็จมากำแพงเพชรหลายครั้งดังปรากฏในพระราชพงศาวดาร
ครั้งแรกในปีพุทธศักราช 2088  สมเด็จพระชัยราชาธิราช ยกกองทัพไปเชียงใหม่ ประทับพักทัพหลวง ณ เมืองกำแพงเพชร ถึงหนึ่งเดือน ตามพระราชพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐบันทึกไว้ว่า สมเด็จพระชัยราชาธิราชเจ้าเสด็จไปทัพเชียงใหม่ ให้พระยาพิษณุโลกเป็นทัพหน้าและยกพลตั้งทัพชัยตำบลบางพาน (เมืองเก่าในอำเภอพรานกระต่าย) ทัพหลวงประทับแรมที่เมืองกำแพงเพชร 1 เดือน
ครั้งที่ 2  ในปีพ.ศ. 2102 สมเด็จพระมหาจักรพรรดิเสด็จมาคล้องช้าง ณ เมืองแสนตอ ซึ่งขึ้นกับเมืองกำแพงเพชร ได้ช้าง 40 เชือก
ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2127 สมเด็จพระนเรศวรยกกองทัพไปช่วยพระเจ้าหงสาวดีรบกับพระเจ้ากรุงอังวะจากพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐบันทึกไว้ว่า   ศักราช ๙๔๖ วอกศก (พ.ศ. ๒๑๒๗) ครั้งนั้นสมเด็จพระนารายณ์เป็นเจ้า เสวยราชสมบัติ ณ เมืองพิษณุโลก รู้ข่าวมาว่าพระเจ้าหงสากับพระเจ้าอังวะผิดกัน ครั้งนั้นเสด็จไปช่วยการเศิกพระเจ้าหงสาและอยู่ในวันพฤหัสบดี แรม ๓ ค่ำ เดือน ๕ ช้างต้นพลายสวัสดิมงคลและช้างต้นพลายแก้วจักรรัตน์ชนกัน และงาช้างต้นพลายสวัสดิมงคลลุ่ยข้างซ้าย และโหรทำนายว่าห้ามยาตรา และมีพระราชโองการตรัสว่าได้ตกแต่งการนั้นสรรพแล้ว จึงเสด็จพยุหยาตราไป ครั้งเถิง ณ วันพุธ แรม ๙ ค่ำ เดือน ๕ เสด็จออกตั้งทัพชัยตำบลวัดยม ท้ายเมืองกำแพงเพชรในวันนั้นแผ่นดินไหว แล้วจึงยกทัพหลวงเสด็จไปถึงเมืองแกรง แล้วจึงทัพหลวงเสด็จกลับคืนมาพระนครศรีอยุธยา ฝ่ายเมืองพิษณุโลกนั้นอยู่ในวันพุธ ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๑๐ เกิดอัศจรรย์แม่น้ำทรายหัวเมืองพิษณุโลกนั้น ป่วนขึ้นสูงกว่าพื้นน้ำนั้น ๓ ศอก อนึ่งเห็นสตรีภาพผู้หนึ่ง หน้าประดุจหน้าช้าง และทรงสัณฐานประดุจวงช้างและหูนั้นใหญ่ นั่งอยู่ ณ วัดประสาท หัวเมืองพิษณุโลก อนึ่ง ช้างใหญ่ตัวหนึ่งยืนอยู่ ณ ท้องสนามนั้นอยู่ก็ล้มตายลงกับที่บัดเดี๋ยวนั้น อนึ่งเห็นตักแตนบินมา ณ อากาศเป็นอันมาก และบังแสงพระอาทิตย์บดมาแล้วก็บินกระจัดกระจายสูญไป ในปีเดียวนั้นให้เทครัวเมืองเหนือทั้งปวง ลงมายังกรุงพระนครศรีอยุธยา ในปีเดียวนั้นพระเจ้าหงสาให้พระเจ้าสาวถี และพระยาพสิม ยกพลลงมายังกรุงพระนคร และ ณ วันพุธ ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๒ เพลาเที่ยงคืนแล้ว ๒ นาฬิกา ๙ บาท เสด็จพยุหบาตราไปตั้งทัพตำบลสามขนอน ครั้งนั้นเศิกหงสาแตกพ่ายหนีไป อนึ่งม้าตัวหนึ่งตกลูกและศีรษะม้านั้นเป็นศีรษะเดียวกัน แต่ตัวม้านั้นเป็น ๒ ตัว และเท้าม้านั้นตัวละสี่เท้า ประดุจชิงศีรษะแก่กัน
ครั้งที่ 4 พ.ศ. 2148 สมเด็จพระเอกาทศรถเสด็จเมืองกำแพงเพชร และประทับที่เมืองกำแพงเพชร 15 วัน
ครั้งที่ 5 พ.ศ. 2310 พระยาวชิรปราการ (พระเจ้ากรุงธนบุรี) ได้เป็นเจ้าเมืองกำแพงเพชร แต่มิทันได้มาครองเมือง ไปช่วยราชการที่กรุงศรีอยุธยาก่อน
ครั้งที่ 6 พ.ศ. 2317 สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี เสด็จไปตีเมืองเชียงใหม่ ยกกองทัพผ่านเมืองกำแพงเพชร
ครั้งที่ 7 พ.ศ. 2318  พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ครั้งเป็นพระยาจักรี ยกกองทัพมาตั้งที่เมืองกำแพงเพชร  เกิดตำนานสมเด็จพุฒาจารย์(โต)
ครั้งที่ 8 พ.ศ. 2488 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะดำรงพระอิศริยยศที่พระบรมโอรสาธิราช เพื่อทอดพระเนตรโบราณสถาน ในระหว่างวันที่ 16-17 มกราคม 2448  ประทับแรมที่พลับพลา หน้าวัดชีนางเกา 2 ราตรี
ครั้งที่ 9 พ.ศ. 2449  พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสต้นเมืองกำแพงเพชร
ตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม ถึงวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ.2449  ทรงนำความเจริญและความสงบสุขมาสู่เมืองกำแพงเพชรอย่างมากมาย ทรงถ่ายภาพเมืองกำแพงเพชร ไว้จำนวนมาก และบันทึกการเดินทางประพาสต้นเมืองกำแพงเพชรไว้อย่างละเอียด
   ครั้งที่ 10 พ.ศ.2450 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะดำรงพระอิศริยยศที่พระบรมโอรสาธิราช เพื่อทอดพระเนตรโบราณสถาน ในวันที่ 15 มกราคม 2450 ประทับแรมที่พลับพลา หน้าวัดชีนางเกา 1 ราตรี พระบรมโอรสามหาวชิราวุธสยามมกุฎราชกุมาร ได้เสด็เมืองกำแพงเพชรสองคราว มีการจารึกเล่าเรื่องราวการเสด็จประพาสไว้ในศิลาแผ่นหนึ่ง ความว่า


   
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช  ทรงพระมหากรุณาธิคุณต่อประชาชนชาวไทยทั้งชาติทรงเสด็จไปเยี่ยมพสกนิกร ทั่วทั้งประเทศไม่มีสถานที่ใดในประเทศไทยที่พระเจ้าอยู่หัวไม่ได้เสด็จไปเยี่ยม นำความผาสุกร่มเย็นมาสู่คนไทยทั้งชาติ
ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ล้ำเลิศด้วยทศพิธราชธรรม เปี่ยมล้นด้วยพระเมตตาธิคุณ พระมหากรุณาธิคุณ มีน้ำพระราชหฤทัยห่วงใยประชาราษฏรทุกหมู่เหล่า ไม่ว่าท้องถิ่นนั้นจะทุรกันดารเพียงใด ทรงเสด็จไปทุกหนแห่ง ทำให้เกิดโครงการพระราชดำรินับร้อยนับพันโครงการ ซึ่งไม่มีพระมหากษัตริย์ใดในโลกเสมอเหมือน
   ตลอดระยะเวลา หกสิบปีที่เถลิงถวัลยราชสมบัติ   ระยะแปดสิบปีที่ปกครองดูแลพระบารมีแผ่ไพศาลทรง  ทรงมีพระราชอุตสาหะอันแรงกล้าที่จะบำเพ็ญพระราชกรณียกิจ เพื่อประโยชน์สุขแห่งราษฎรของพระองค์ที่อยู่ใต้ร่มฟ้าพระบารมีทั้งทางตรงและทางอ้อม พระบารมีที่ปกเกล้าปกกระหม่อมประจักษ์จิตชัดเจนทุกก้าวย่างจารจารึกในจิตใจประชนของพระองค์ไม่รู้ลืม
   โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดกำแพงเพชรของเรา ได้รับพระมหากรุณาธิคุณเสด็จมาเยือนถึงสามครั้ง แต่ละครั้งนำความปลื้มปิติ และสิ่งที่ดีมีมงคลมามอบให้ชาวกำแพงเพชรเสมอ
ทุกรอยละอองธุลีพระบาทที่ทรงยาตรย่ำลง ณ สถานที่ใด ชาวกำแพงเพชรยังจดจำอยู่มิรู้คลาย
ภาพต่างๆ ได้ประทับในดวงจิตชาวประชากำแพงเพชรมิลืมเลือน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถเสด็จพระราชดำเนินจังหวัดกำแพงเพชรครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ . 2510  ถึงกำแพงเพชรเวลา 10.30 น. เพื่อบวงสรวงสังเวยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (สมเด็จพระนเรศวรมหาราชเมื่อพ.ศ. 2126 ทรงกรีธาทัพผ่านเมืองกำแพงเพชร ประทับที่วัดยมท้ายเมืองกำแพงเพชรปัจจุบันคือวัดกะโลทัย วันรุ่งขึ้นพักทัพชัยที่ตำบลหนองปลิงสามเพลา)
นายร้อยตำรวจโทปิ่น  สหัสโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดในขณะนั้น เข้าเฝ้าถวายบังคมทูลอัญเชิญล้นเกล้าทั้งสองพระองค์เสด็จกระทำบวงสรวงสังเวยสมเด็จพระนเรศวร และเยี่ยมเยียนพสกนิกรของพระองค์ บรรดาราษฎรพากันตั้งโต๊ะหมู่บูชาสองข้างทาง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ทรงรับศีลก่อนทำพิธีบวงสรวง เมื่อเสร็จพิธีสงฆ์ จึงทรงบวงสรวงสังเวยสมเด็จพระนเรศวร แล้วเสด็จทอดพระเนตรผังเมืองเก่าและโบราณวัตถุที่กรมศิลปากรจัดให้ทอดพระเนตร จากนั้นเสด็จมายังศาลากลางจังหวัดกำแพงเพชร เพื่อเสวยพระกระยาหารกลางวัน จนกระทั่งเวลาประมาณ 14.30 น. จึงเสด็จออกมาปลูกต้นสัก ณ บริเวณ หน้าศาลากลางจังหวัด โดยมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปลูกต้นด้านขวา และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถทรงปลูกต้นด้านซ้าย ของศาลากลาง แล้วจึงเสด็จเยี่ยมราษฎรของพระองค์ เสด็จกลับด้วยเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง
เพื่อเสด็จสู่จังหวัดพิษณุโลกและประทับเครื่องบินพระที่นั่งเสด็จนิวัติพระนคร
ปัจจุบันต้นสักที่ทั้งสองพระองค์ทรงปลูกไว้  จังหวัดกำแพงเพชร ได้นำภาพถ่ายที่ทั้งสองพระองค์ทรงปลูกมาขยายใหญ่ประดิษฐานไว้ ณ ที่ นั้น นับว่าเป็นการทำที่ถูกต้องเหมาะสมยิ่ง และการได้ขยายพันธุ์สักพระราชทาน ไปปลูกทั่วทั้งจังหวัดกำแพงเพชร นับมีวิสัยทัศน์อันกว้างไกล สมควรได้รับการปรบมือให้
   ครั้งที่สอง ในวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2515 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธร เสด็จมาบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐินส่วนพระองค์ ณ วัดคูยาง อำเภอเมืองจังหวัดกำแพงเพชร ขณะนั้นพระวิเชียรธรรมคณี (ทองพาน) เป็นเจ้าอาวาส
ทรงถวายพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อเป็นทุนเริ่มต้นในการก่อสร้างพระอุโบสถซึ่งกรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ ร่วมถวายเงินโดยเสด็จพระราชกุศล เป็นเงินหก
หมื่นบาท ต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระปรมาภิไธยย่อ   ภ.ป.ร. มาประดิษฐานที่หน้าบันพระอุโบสถด้านหน้า และพระนามาภิไธยย่อ  ส. ก.มาประดิษฐานที่หน้าบันพระอุโบสถด้านหลัง เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมพ.ศ. 2523    และพระราชทานนามพระพุทธรูปประธาน ซึ่งหล่อแบบศิลปะสุโขทัย  หมวดกำแพงเพชร ขนาดหน้าตักกว้าง 6 ศอก 9 นิ้ว ว่าพระพุทธวชิรปราการ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2527    มีราษฎรมาเข้าเฝ้ารับเสด็จจำนวนมาก  ทั้งสามพระองค์ ทรงเกษมสำราญพระราชหฤทัย ทรงเยี่ยมเยียนราษฎรอย่างใกล้ชิดนำความสุขมาสู่ประชาชนอย่างถ้วนหน้า พระองค์ เสด็จนิวัติพระนครในวันเดียวกัน
   ครั้งที่สาม เมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2521 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จมาพระราชทานธงประจำรุ่นลูกเสือชาวบ้าน ของอำเภอต่างๆในจังหวัดกำแพงเพชรจำนวน 117  รุ่น ณ สนามหน้าศาลากลางจังหวัดกำแพงเพชร เมื่อพระราชทานธงประจำรุ่นลูกเสือชาวบ้านแล้วทรงพระราชทานพระบรมราโชวาท ต่อลูกเสือชาวบ้านและพสกนิกรที่มารับเสด็จ เมื่อเสร็จสิ้น
พิธีการทรงเสด็จพระราชดำเนิน เยี่ยมเยียนราษฎรที่เข้าเฝ้ารับเสด็จฯ ในบริเวณนั้น จำนวนมากมาย ในขณะนั้น ประชาชน บ้านกิโลสอง   บ้านกิโลสาม  และบ้านกิโลหก  และชาวบ้านใกล้เคียงในเขตอำเภอเมืองกำแพงเพชร ได้กราบทูลขอพระราชทาน ให้ทรงช่วยเหลือจัดหาน้ำให้เพื่อใช้ในการเพาะปลูกและในการอุปโภคและบริโภคได้ตลอดปี 
   พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงโปรดให้กรมชลประทานพิจารณาวางโครงการพระราชดำริเมื่อวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2521 ซึ่งในปัจจุบันประชาชน ทั้งหมดมีคลองชลประทาน ไปถึงหน้าบ้านและเรือกสวนไร่นาของประชาชน ทุกหนแห่ง สร้างความชื่นชมของชาวบ้านที่มีต่อพระองค์อย่างมิรู้คลาย
   การเสด็จกำแพงเพชรทั้งสามครั้งแม้เป็นเหตุการณ์ที่ ผ่านไปนานแสนนานแล้วก็ตาม แต่ประชาชนชาวกำแพงเพชร ทุกคนที่ได้ชมพระบารมี เมื่อไปสัมภาษณ์แต่ละท่าน ทุกท่านยังประทับใจในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์อย่างไม่ลืมเลือน  เพราะชาวกำแพงเพชร
จะอยู่ใต้ร่มฟ้ามหาบารมี   ของพระองค์ตลอดตราบนิจนิรันดร์     ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

                                            สันติ   อภัยราช
                     

1274  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / หลักคุณธรรมและจริยธรรม การบริหารงานบุคคล โดยอาจารย์สันติ อภัยราช เมื่อ: กันยายน 14, 2010, 11:53:58 am
   การบรรยายพิเศษเรื่อง
 ข้อระเบียบ กฎหมาย หนังสือสั่งการ หลักคุณธรรมและจริยธรรม การบริหารงานบุคคล
และหลักการบริหารงานยุคใหม่ 
แก่ข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชร
 ณ หอประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชร
โดย นายสันติ อภัยราช 
        กศบ. น.บ. ,ศิลปศาสตร์มหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (วัฒนธรรมศึกษา)
        อาจารย์ 3 ระดับ9 ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร

จุดอ่อนและภาพรวมเชิงลบ ของประเทศไทย ที่เป็นสาเหตุสำคัญให้สังคมไทยอ่อนแอ
   1.เป็นประเทศกำลังพัฒนา ยากจน
      หนี้สินครัวเรือน  หนี้นอกระบบ   หนี้กองทุนน้ำมัน   มากมาย
   2. สังคมไทยโดยพื้นฐาน ไม่มีกฏระเบียบ แสวงหาความสุข เที่ยวเตร่ ที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือวัยรุ่น
        ไม่ได้หาเงินเอง แต่ใช้เงินฟุ่มเฟือยมาก โดยไม่คำนึงถึงที่มาของเงินที่ใช้ ไร้ศีลธรรมอย่างไร
   3. ทำอะไร ผิดระเบียบผิดกฏหมายได้ ถือว่าโก้ เส้นใหญ่ เช่น การแซงคิว การใช้อำนาจผู้ใหญ่
        ขอใบขับขี่คืน ในกรณีถูกจับ
4. ระบบจราจร ไม่ยึดถือ ในกรณีของหมวกกันน็อค ไม่สามารถสร้างความตระหนักได้ จึงจับกันทุก
     วัน มีปัญหาหลายอย่างตามมา
5. การลุกล้ำที่ดินสาธารณะ ป่าสงวน โดยเฉพาะอุทยานประวัติศาสตร์ ทั้งสองฝั่งปิง กำลังมีปัญหาอย่างมากมาย ป่าแดง ป่าแม่ระกา ปัญหาซับซ้อนมาก
6. การค้าประเวณี  อายุลดมาเหลือแค่ 10 ขวบ ผู้ซื้อ เป็นพ่อค้า นักการเมือง ข้าราชการ  ครูซึ่งถือว่าน่าเป็นห่วงมาก
7. ยาเสพติด ยังมีทุกหัวระแหง หาซื้อง่าย เหมือนยาแก้ปวด ซึ่งรัฐกำลังหาทางแก้ปัญหาอยู่ นับว่าเป็นปัญหาระดับชาติ ที่แก้ได้ยากมาก
8. การฆาตรกรรม โจรผู้ร้าย ชุกชุมมาก มีการก่อดคีไม่เว้นวัน
9. มีการฉ้อราษฎร์บังหลวงในทุกวงการ  การฮั้วประมูล  เป็นเหมือน มอดที่ชอนไช ประเทศชาติ
10. ผู้นำทางศีลธรรม มีปัญหา พระ ครู สื่อมวลชน มีปัญหาทางศีลธรรมเอง
11. ผู้นำประเทศ และชนชั้นนำในสังคม ถูกกล่าวหาว่าล้มเหลวทางศีลธรรม
12. การเคารพ นับถือ คนมีเงิน มีอำนาจ โดยไม่คำนึงถึง ความประพฤติและสิ่งที่เขาปฏิบัติว่าถูกต้องเพียงใดหรือไม่
13. การอ่อนล้า ทางวัฒนธรรม ทางจิตใจ  ตัวอย่างจากเณรแอ จะเห็นได้ชัดว่าสังคมไทยอ่อนแอจนน่าเป็นห่วง
   จะอยู่อย่างไรให้มีคุณธรรมและจริยธรรมในสังคม  หรือช่วยให้สังคมดีขึ้น สังคมเข้มแข็งขึ้น เริ่มต้นที่ตัวเรา
1.   ยิ้มแย้ม  แจ่มใส ให้การต้อนรับ  ตามวิถีชีวิตของคนไทย
2.   พูดให้เป็น พูดให้เพราะ พูดให้สร้างสรรค์
3.   บุคลิกท่าทางดี
4.   ชมคนเป็น ชื่นชมผู้อื่นเป็น
5.   รักษาสุขภาพไว้ งามตามวัย
6.   พูดให้น้อยลง อย่าอวดเก่งมากไป
7.   อย่านินทา อย่าวิจารณ์ หรือติเตียน อย่างไม่สร้างสรรค์
8.   เรียบง่าย ไม่เรื่องมาก
9.   ซ่อมแซมร่างกายให้อยู่ในสภาพดี
10.   ภูมิใจในตนเอง เมื่อกระทำความดี  เตือนตนเองเมื่อกระทำความชั่ว
11.   ตั้งใจว่าจะมีชีวิตอย่างมีคุณค่า ทำประโยชน์แก่สังคม
12.   ลดความระแวงลง ถ่อมตัวมากขึ้น รักผู้อื่นมากขึ้น ช่วยเหลือผู้อื่นมากขึ้น
13.   ให้อภัยคนอื่นเป็น  โกรธให้น้อยลง  มีอารมณ์ขัน เปลี่ยนอิจฉา เป็นยินดี
14.   ยอมเป็น พอเป็น ทำความดี อย่างกว้างขวางแม้คนที่ไม่รู้จัก
15.   ให้คนอื่นเป็นพระเอกบ้าง อย่าเป็นพระเอกคนเดียว
16.   หาเพื่อนใหม่เสมอ ยืดหยุ่นเป็น ไม่สร้างศัตรู  ไม่หลงตัวเอง
17.   ขยัน อดทน ไม่อายการทำในสิ่งที่ถูกต้อง ทำในสิ่งใหม่ ๆอย่างท้าทาย
18.   อย่าช่วยเหลือ ทุกคนและทุกเรื่อง
19.   เริ่มต้นก่อน ได้รับก่อนเสมอ อย่าบ้างานเกินไป คนอื่นเขาก็ทำได้ถ้าไม่มีเรา
20.   เมื่อมีปัญหา ไม่ต้องหาคนถูกคนผิด ให้แก้ปัญหาก่อน
21.   แบ่งเวลาให้เป็น การทำงาน การพักผ่อน  ครอบครัว งานอดิเรก
22.   คนที่ประสบความสำเร็จ ขยัน อดทน หมั่นหาความรู้ใส่ตัว  เสี่ยงทำในสิ่งที่ควรทำ
มีคุณธรรม อาทิ กตัญญู กตเวที เสียสละ รับผิดชอบ ซื่อสัตย์ แลรักเพื่อนมนุษย์
      
1275  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / พูดอย่างไร ปฏิบัติอย่างไร ในแบบผู้นำ โดยอาจารย์สันติ อภัยราช เมื่อ: กันยายน 14, 2010, 11:47:20 am
พูดอย่างไร
          ปฏิบัติอย่างไร
   ในแบบผู้นำ







วิทยากร
อาจารย์สันติ   อภัยราช  กศ.บ. ,น.บ., ศิลปศาสตรมหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์
อาจารย์ 3 ระดับ 9    ผู้เชี่ยวชาญการพูดในที่ชุมชน
คนดีศรีกำแพงเพชร   ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร
ประธานชมรมผู้รักษ์เมืองกำแพงเพชร 
อุปนายกฝ่ายวิชาการสโมสรฝึกการพูดกำแพงเพชร
ลักษณะของผู้มีบุคลิกภาพที่ดีของผู้นำในองค์กร
                     เรื่อง   มากที่สุด   มาก   ปานกลาง   น้อย
1. มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์            
2. เป้าหมายแน่นอน มั่นคง            
3. ปรับบุคลิกให้น่าเชื่อถือได้            
4. มีความเชื่อมั่นในตนเอง            
5. อย่าเกรงสิ่งใด เมื่อถูกต้องจงลงมือทำ            
6. ทำงานเพื่อคุณภาพ มิใช่ปริมาณ            
7. ประพฤติตน ในศีลธรรม อันดีงามเสมอ            
8.ไม่เป็นคนบาป ชอบแก้ตัว            
9. ชนะทุกข์ได้แม้ทุกข์ยากเพียงใด            
10. กล้าหาญ ทนลำบาก เพื่อคนอื่น            

บุคลิกภาพ ทางกาย  ทางอารมณ์  ทางสังคม และทางสติปัญญา   ต้องดีทุกด้านจึงเรียกว่าผู้มีบุคลิกดี
1.   มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
   ต้องเชื่อว่า สิ่งที่ริเริ่มเป็นผลดี และทำให้สำเร็จอย่างแน่นอน
   ตัดคำว่าเป็นไปไม่ได้   ไม่มีประโยชน์ ป่วยการทำ   ออกไปเสีย
   หาทางออก หรือทางแก้ไข จุดบอด เตรียมไว้เมื่อถึงเวลาต้องแก้ไข
   ยอมรับความคิดใหม่  อย่าลืมของเก่า ทดลองสิ่งใหม่ คบเพื่อนใหม่ แต่งตัวใหม่
ทรงผมใหม่ จัดโต๊ะทำงานใหม่ ทำตัวใหม่ ศึกษาต่อ
   ทำอย่างไร ชนะใจเพื่อนร่วมงาน
   ทำอย่างไรให้ คนอยู่สูงกว่าและต่ำกว่าพอใจ
   วิธีที่ทำให้ผู้อื่นยอมรับ  แสดงฝีมือ ทำงานหนักทั้งกายใจ ทำดีที่สุดทุกวัน ทุกกรณี
กระตุ้นให้ผู้อื่นคิด นำความคิดของเขามาปฏิบัติเขาจะทำงานอย่างสุดฝีมือ
   หาวิธีคิดใหม่  ประชุมกับคนต่างอาชีพ  คบเพื่อนต่างอาชีพ  อ่านหนังสือดี
ดูภาพยนตร์ดี  ทบทวนความคิด
    2.เป้าหมายแน่นอนมั่นคง
   2.1   เริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ทุกวัน เมื่อรู้ว่าไม่ถูกต้องและดีงาม
   2.2   สร้างนิสัยที่ดี  ทำงานเพื่องาน  มิใช่เพื่อเงินอย่างเดียว  ทำงานหนักขึ้น มากขึ้น
      เริ่มต้นทำงานอย่างกระตือรือร้น  อย่างหวงงาน  คบเพื่อนดี  หนักแน่น ไม่ตามใจ
ตนเอง
2.3   ปรับปรุงตนเอง เรื่อง  นอนตื่นสาย  ซุบซิบนินทา  พูดหยาบคาย กินเหล้า
เมายา  ติดการพนัน  โกหกหลอกลวง
2.4   สร้างนิสัยที่ดี ไปทำงานตามกำหนดเวลา ทำหน้าที่พลเมืองดี ถ้ามีโอกาส
วางแผนการทำงาน สำหรับวันรุ่งขึ้น เคร่งครัดศีลห้า พูดจาไพเราะทุกโอกาส
พูดจริงทำจริง
2.5   ทบทวนงานที่ทำไปแล้ว เสมอ  ยกย่องชมเชยผู้อื่น แก้ไขข้อผิดพลาด ปรับ
ระบบงาน ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม
2.6   สิ่งที่ทำลายบุคลิกตัวเอง ดูถูกตนเอง ไม่เก่ง โง่ ไม่ฉลาด  ใจไม่สู้  มักน้อย
พ่อแม่ครอบครัวบัญชา  คิดว่าสายเกินไป
   2.7    แต่งกายดี  สุภาพ  การแสดงออกดี  เดินดี ยืนดี นั่งดี นอนดี พูดดี วางตัวเหมาะสม
ดี สะอาด สุขภาพดี  ดูแลตนเองดี
3. ท่าทางต้องดี  เป็นเรื่องสำคัญ
   3.1   ท่าทางกระตือรือร้น ศึกษาเรื่องที่รับผิดชอบ ทำงานอย่างตั้งใจ และเต็มใจ
      พูดแต่ข่าวดี
3.2   ยกย่องให้ความสำคัญผู้อื่น   ให้คนอื่นสำคัญกว่าเราเสมอ  ยกย่องชมเชยทั้งต่อหน้าและลับหลัง  อย่าเอาหน้าคนเดียว  จำชื่อคนแม่น
3.3   ทำงานโดยไม่หวังผลตอบแทน   แข่งกันทำความดี  ทำงานเป็นระบบ  ยิ่งยากยิ่งชอบ ประเมินผลงาน ไม่ผัดวันประกันพรุ่ง
4. มีความเชื่อมั่น จะทำให้บุคลิกดี
4.1    อย่าหวาดระแวงกันเอง  ขี้หึง ไร้เหตุผล อย่าเอาชนะด้วยวิชามาร  หาทางออกที่ดี
   เมื่อว้าเหว่   ไม่มั่นคง จะเสียบุคลิกทันที
4.2   อย่าติฉิน นินทา  ให้ร้ายป้ายสี  จะเสียบุคลิก ไม่น่าเชื่อถือ  เกียจคร้านเบื่อหน่าย
4.3   การสร้างบุคลิกที่ดี ด้วยวิธีง่ายๆ  หัดนั่งแถวหน้า  ถามตอบ อภิปรายได้ดี  สบสายตาผู้พูด ยิ้มๆๆ  ศึกษาแต่ละเรื่อง  เพื่อรู้ข้อเท็จจริงอย่างละเอียด คบคนดี คนฉลาด คนมีความคิดสร้างสรรค์  พบคนนอกวงการ ฝึกการพูดในที่ชุมชน
5. อย่าเกรงสิ่งใด เมื่อถูกต้อง จงลงมือทำ
      ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น สร้างศรัทธาให้ได้   ไม่รอราชรถมาเกย ไม่คอยบุญหล่นทับ
      ไม่คอยโอกาส ไม่ฉวยโอกาส   อะไรแก้ไขไม่ได้ ลืมเสีย เริ่มต้นใหม่  เป็นนักบุกเบิก
      ลงมือทำก่อน
6.ทำงานเพื่อคุณภาพ มิใช่ปริมาณ   
      พัฒนาตนเอง  รู้จักปฏิเสธตัวเอง  ทำสิ่งใหญ่ขึ้นและดีขึ้นเสมอ  งานนอกเวลาเป็น
                           ประสบการณ์ที่ล้ำค่า  สังเกต  จดจำ  ประเมินผล  สรุปบทเรียนหาทางแก้ไข
7. ประพฤติตนในศีลธรรมอันดีเสมอ
        ทำตนเป็นตัวอย่าง สุขภาพจิตดี   มีอารมณ์ขัน ยิ้มแย้มแจ่มใสเสมอ
8. อย่าเป็นคนบาปชอบแก้ตัว
   อย่าอ้างว่า   สุขภาพไม่ดี  อายุยังน้อย สมองไม่ดี  โชคไม่ดี ไม่มีเส้น  ลืมไป  ไม่มีเวลา
   ควร   สะสางงานทุกวัน ขอคำแนะนำจากผู้รู้   ตื่นแต่เช้า เพิ่มเวลาทำงาน พึงตนเองเป็น
                            หลัก
9. ชนะทุกข์ให้ได้แม้ยากเพียงใด
   เมื่อผิดพลาด ศึกษา หาทางแห้ไข   ต้องเชื่อว่าเราทำได้     ทดลองซ้ำแล้วซ้ำอีก  มีอุปสรรค 
              หยุดวิเคราะห์  แล้วเริ่มทำต่อ    ทำงานหนักอย่างต่อเนื่อง  ยิ่งทำงานต่อเนื่องยิ่งมีพลัง
               สุดยอดของความอดทนได้  จึงได้ชื่อว่ายอดคน   ความสำเร็จมิใช่อยู่ข้ามคืน
10. กล้าหาญ ทนลำบากเพื่อผู้อื่น
   กล้าพูด  กล้าคิดกล้าทำ ไม่หวาดกลัว   มีความเชื่อมั่นในตนเอง ควบคมตนเองได้

บุคลิกภาพทางสังคม  ต้องเป็นคนที่มีมนุษย์สัมพันธ์ดี  ในการปฏิบัติงาน
   1. อยากมีคนรักมากๆ    ต้องรู้จักเด็ก รู้จักผู้ใหญ่  ต้องรักคนอื่นสนใจคนอื่น ต้องให้เกียรติ
                   สุภาพสตรี  เคารพหน้าที่ตนเอง ไม่ก้าวก่ายหน้าที่ผู้อื่น
   2. อยากมีเพื่อนมากๆ  ต้องเอื้อเฟื้อ เสียสละ เมื่อถึงคราวเสียสละ   พูดจาน่าฟัง น่าเชื่อถือ
                  ชอบช่วยเหลือผู้อื่น  วางตนเสมอต้นเสมอปลาย
   3. อยากมีเพื่อนที่ดีนานๆ อย่าห่างกันเกินไป   อย่าใกล้ชิดกันเกินไป  อย่าขอความช่วยเหลือ
                  พร่ำเพรื่อ
   4. อยากมีเพื่อนแท้  ต้องรู้จักอุปการะกัน  รู้จักสงเคราะห์กัน  รู้จักเคารพในสิทธิ์และ
                   เสรีภาพของกันและกัน
   5. คนที่ลืมกันไม่ลง   ซื่อตรงต่อกัน  รู้คุณกัน และตอบแทนคุณกัน  จงรักภักดีต่อกัน
   6. ความสามัคคีเกิดจาก เอื้อเฟื้อกัน พูดจาอ่อนหวานต่อกัน ช่วยเหลือกันยามยาก วางตน
                  เสมอกัน ไม่ถือความขัดแย้งเป็นเรื่องสำคัญ  ไม่เอาแพ้ชนะกัน  ถือประโยชน์ส่วนรวม
   7. สิ่งที่ทำลายความสัมพันธ์และบุคลิกในการปฏิบัติงาน   อิจฉาริษยา   แก่งแย่งแข่งดี
                  ไม่รู้จักพฮ เอาเปรียบ  หลอกลวง  ประหัตประหารกัน หลงในรูปรสกลิ่น เสียง ลืมตัว


                                             .--------------------------------------------------------
                                  รู้มาก หากไม่ปฏิบัติ  ความรู้นั้นก็ไร้ประโยชน์







หน้า: 1 ... 83 84 [85] 86 87 ... 95
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.11 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!