จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
เมษายน 26, 2024, 05:16:00 am *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
ยินดีต้อนรับสมาชิก และผู้เยื่ยมชมทุกๆท่าน
 
  หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
  แสดงกระทู้
หน้า: 1 ... 84 85 [86] 87 88 ... 95
1276  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / ชุมชนโบราณบ้านโคน เมืองคณฑี เมื่อ: กันยายน 13, 2010, 01:12:00 pm
เมืองคณฑี

ถิ่นกำเนิดพ่อขุนศรี  ปราสาทเก่าเจ็ดร้อยปี        คณฑี เมืองโบราณ
            เล่าขานพระพุทธลีลา         กราบวันทาหลวงพ่อโต

ตำบลคณฑี หรือตำบลบ้านโคน หรือ  เมืองคณฑี เมืองที่ยิ่งใหญ่ ในอดีต มีคำขวัญประจำตำบล
ที่นำเสนอเอกลักษณ์ของตำบลอย่างชัดเจนคือ

ถิ่นกำเนิดพ่อขุนศรี  มีหลักฐานชัดเจนจากชินกาลมาลีปกรณ์  ว่า พ่อขุนศรีอินทราทิตย์มีกำเนิดที่บ้านโคน ยังมีชายคนหนึ่ง(จันทราชา)รูปงามมีกำลังมาก ท่องเที่ยวอยู่ในป่า  มีนางเทพธิดาองค์หนึ่ง(สาวชาวบ้านเมืองคณฑี)เห็นชายคนนั้นแล้ว  ใคร่ร่วมสังวาสด้วยจึงแสดงมารยาหญิง  ชายคนนั้นก็ร่วมสังวาสกับนางเทพธิดาองค์นั้น  เนื่องจากการร่วมสังวาสของทั้งสองคนนั้นจึงเกิดบุตรชายคนหนึ่ง  และบุตรชายคนนั้นมีกำลังมาก  รูปงาม  เพราะฉะนั้น  ชาวบ้านทั้งปวงจึงพร้อมใจกันทำราชาภิเษกบุตรชายคนนั้น  บุตรชายซึ่งครองราชย์สมบัติในเมืองสุโขทัยนั้น ปรากฏพระนามในครั้งนั้นว่า  โรจราช    ภายหลังปรากฏพระนามว่าพระเจ้าล่วง (ร่วง)
   ปราสาทเก่าเจ็ดร้อยปี  ซึ่งหมายถึง   สิ่งก่อสร้างคล้ายพระเจดีย์ทรงปราสาท ภายในวัดปราสาท เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองคณฑี  ปราสาท ที่ไม่มีใครกล้าแตะต้อง วันดีคืนดี มีพระพุทธรูปทองคำออกมาจากปราสาท ซึ่งแสดงปาฏิหาริย์ให้ชาวบ้านพบเห็นเนืองๆเป็นที่สักการะของชาวกำแพงเพชรและชาวจังหวัดใกล้เคียง
   คณฑีเมืองโบราณ   ซึ่งหมายถึง  เมืองคณฑีเป็นเมืองยุคแรกๆของกำแพงเพชร ตามตำนานเมืองเหนือกล่าวไว้ว่า พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ แห่งกรุงสุโขทัย เสด็จไปจากบ้านโคน หรือเมืองคณฑี แสดงว่า เมืองคณฑีนี้เก่าแก่กว่าสุโขทัยเจริญรุ่งเรืองมาก่อนกรุงสุโขทัย นับร้อยปี ทำให้ชาวบ้านโคนภูมิใจในบรรพบุรุษจึงนำมา
เป็นคำขวัญประจำเมือง
   เล่าขานพระพุทธลีลา   ที่เมืองคณฑีมีพระพุทธรูปลีลา ปางประทานพร ขนาดใหญ่สูงถึง 1.50เมตรมีพุทธลักษณะที่งดงามมาก เชื่อกันว่าสวยงามที่สุดในประเทศไทย เป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัย ประดิษฐานที่ วัดปราสาทมาช้านาน แม้จะถูกโจรกรรมไป ด้วยอภินิหารของพระพุทธลีลา ทรงเสด็จกลับมาประดิษฐานที่วัดปราสาทดังเดิม
   กราบวันทาหลวงพ่อโต       หลวงพ่อโต   เป็นพระพุทธรูปสำคัญ ในวิหารวัดปราสาท ทรงความศักดิ์สิทธิ์และศรัทธายิ่งแก่ประชาชน เป็นที่พึ่งทางจิตใจ เมื่อสังเกตดูให้ดีพระพุทธรูปหลวงพ่อโต ได้มีปูนฉาบไว้ภายนอก องค์จริงน่าจะเป็นทองสัมฤทธิ์ ที่มีพุทธลักษณะงดงามมากประชาชนพากันมากราบไหว้มิได้ขาด
   เมืองคณฑี จึงมีคำขวัญที่อธิบายเรื่องราวของบ้านเมืองไว้อย่างชัดเจนยิ่งนัก........เมืองคณฑีมีประวัติความเป็นมาที่พิสดารยิ่ง เกินพรรณนา
เมืองคณฑี  เป็นชุมชนโบราณ ที่ไม่มีคูน้ำและคันดินล้อมรอบ ตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกของลำน้ำปิง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช  มหาวชิราวุธ สยามมกุฏราชกุมาร  เสด็จมาเมืองกำแพงเพชรครั้งที่ 2 เมื่อปี 2450 ทรงกล่าวถึงชุมชนบ้านโคนว่า
   คงเป็นเมืองมาแต่โบราณ แต่หาคูหรือเชิงเทินและกำแพงไม่ได้    วัดเก่าที่อยู่ในบริเวณนี้คือวัดกาทึ้ง มีสิ่งก่อสร้างสำคัญ อุโบสถก่อด้วยอิฐแผ่นใหญ่  ถัดจากอุโบสถไปทางทิศตะวันออก เป็น
วิหารที่มีขนาดใหญ่กว่า ก่อด้วยอิฐแผ่นใหญ่เช่นเดียวกัน พระประธานภายในวิหารมีพระพุทธรูปเป็นพระพุทธรูปหมวดเมืองกำแพงเพชร  ตามโคกเนิน พบเศษภาชนะดินเผา แบบธรรมดาและแบบเผาไม่แกร่ง ไม่เคลือบ และเครื่องเคลือบแบบสุโขทัย ชุมชนโบราณบ้านโคนนี้ เชื่อกันว่าน่าจะเป็นเมืองคณฑี ตามที่กล่าวไว้ในจารึกหลักที่ 1  ว่าเมืองหัวนอน รอดคณฑี พระบาง นอกจากนี้ยังมีตำนานเกี่ยวกับบรรพบุรุษของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์อีกด้วย
   ตามตำนานเมืองเหนือ กล่าวว่า ที่บ้านโคน มีชายรูปงาม รูปร่างใหญ่โต แข็งแรง  ได้เป็นที่พอใจของนางเทพธิดา จึงได้ร่วมสังวาสด้วย จึงเกิดบุตรชายที่สง่างาม มีบุญยิ่ง ชื่อโรจราช ได้ไป
เป็นกษัตริย์องค์แรกของเมืองสุโขทัย พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ จึงน่าจะมาจากเมืองคณฑี หรือบ้านโคนแห่งนี้
   เมืองคณฑี เป็นเมืองใหญ่ มาก่อนเมืองใดๆในลุ่มน้ำปิง  ดังจารึกหลักที่ 1 ที่กล่าวถึงอาณาจักรสุโขทัยว่า ทิศใต้ ได้เมืองคณฑี ดังความว่า
   สุโขทัยมีเมืองกว้างช้างหลาย ปราบเบื้องตะวันออก รอดสระหลวง สองแคว  ลุมบาจาย
สคา  เท้าฝั่งของ เถิงเวียงจันทร์ เวียงคำเป็นที่แล้ว  เบื้องหัวนอน  รอดคณฑี  พระบาง แพรก สุพรรณบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ศรีรรมราช ฝั่งมหาสมุทรเป็นที่แล้ว?ฮืม?.
   ในจารึกหลักที่ 3  กล่าวถึงเมืองคณฑี  ตั้งตนเป็นใหญ่ประกาศอิสรภาพ ตอนที่พญาลิไท เสด็จมาเมืองกำแพงเพชร ในปี พ.ศ. 1900 ประกาศตนเป็นเอกราช มีเจ้าผู้ครองนครของตน ความว่า
ฮืม.. หาเป็นขุนหนึ่ง   เมืองคณฑีพระบาง  หาเป็นขุนหนึ่ง เมืองเชียงทอง หาเป็นขุนหนึ่ง เมืองบางพานหาเป็นขุนหนึ่ง  จากนั้นเมืองคณฑี แทบจะหายไป จากประวัติศาสตร์
   จากการสำรวจครั้งสุดท้าย ปี 2549 เมืองคณฑี ที่มีที่ตั้งบริเวณวัดกาทึ้ง น่าใช้ลำคลองกาทึ้งเป็นคูเมืองป้องกัน อาจใช้ไม้เป็นระเนียด แทนแนวกำแพงเมือง หรือมีแนวกำแพงเมืองแต่ร้างไปนาน จึงทำให้ กำแพงเมืองซึ่งเป็นกำแพงดิน สลายตัวไปตามสภาพ  สภาพวัดกาทึ้งอยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์ ถูกรุกที่ ไม่เห็นความสำคัญ ที่เป็นโบราณสถานที่มีอายุนานนับพันปี น่าเสียดายยิ่ง?
   นอกจากวัดกาทึ้ง แล้ว ยังมีวัดปราสาท ที่เก่าแก่ใกล้เคียงกัน น่าจะมีอายุราวสมัยทวารวดี
จากการวิเคราะห์  สภาพโบราณสถาน โบราณวัตถุ พบซากโบราณสถานโบราณวัตถุจำนวนมาก
ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาตั้งแต่พ.ศ. 2450 มีเจดีย์ทรงปราสาทที่เรียก กันว่าวัดปราสาท
ทำให้วัดนี้น่าสนใจยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พิพิธภัณฑวัดปราสาท ที่งดงาม และมีโบราณวัตถุที่ยิ่งใหญ่มาก
โดยเฉพาะพระปางลีลา ที่งดงามที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา
??.    เมื่อรัชกาลที่ 5 เสด็จผ่านวัดปราสาทว่า วันที่ 21 สิงหาคม 2449 ออกเวลา 2โมงเช้า 4โมงขึ้นเรือเหลือง
จนถึงบ้านโคน  ซึ่งเดากันว่าเป็นเมืองเทพนคร แต่ไม่มีหลักฐานอันใด  บ้านเรือนดี มีวัดใหญ่ เสาหงส์มากเกินปกติ?ฮืม?
           เมืองคณฑี จึงเป็นเมืองที่เก่าแก่ เสมอด้วยนครไตรตรึงษ์ เมืองเทพนคร เมืองคลองเมือง อายุกว่าพันปี จึงเป็นเมืองที่น่าศึกษายิ่ง ....3วันที่ศึกษาอยู่ที่เมืองคณฑี ทำให้เห็นภาพเมืองคณฑีชัดเจนกว่าที่เคยเห็นมา...
            สันติ อภัยราช..



















1277  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / กำสรวล กำแพงเพชร แด่ สมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชน เมื่อ: กันยายน 13, 2010, 12:41:47 pm
                                        กำสรวล กำแพงเพชร
แด่
 สมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
                                                                               
                  
         ฟ้ามืดมิดสนิทปฐพี   ราวอสุนีบาต ฟาดสยาม  ในยามพระพี่นางเสด็จสวรรคาลัย
ประชาไทยทวยเทศ   พระปกเกศมานิราศ     กำแพงเพชรขาดโพธิ์ทอง  พระแม่แบบของปวงประชา
การศึกษาทรงสนุก   สาธารณสุขใครดูแล   พระจริยวัตรต่อแต่นี้ใครฤาเห็น ทรงเป็นพระบรมครู  
ใครจะชื่นชูสยามทรงนิราศ   พระพี่นางประพาสสรวงสวรรค์   ไทยโศกศัลย์ทั่วทั้ง   สยามประเทศหยุดยั้ง
โศกแล้วอาดูร....
            ๑ สูญสิ้นโคมสวรรค์แล้ว   ฤาสยาม  
            ปฐพี มืดสนิทยาม         ย่างย้ำ
             เราจะหลงสู่คาม         เคืองเข็ญ  แน่ฤา
             สองมกราคมซ้ำ         สูญสิ้นโคมทอง
            
                           


    ๒ มองกำแพงเพชรกล้า      กลับเงียบ  สงบนา
         ทุกทั่วเขตเย็นเฉียบ         ฉ่ำพื้น
          นองเนตรพระพี่นางเปรียบ      คือแม่   เรานา
         โศกสลดหมดมิฟื้น         สิ้นแล้วแสงรวี
            ๓ปฐพีอำเภอเมืองเศร้า            โศกระงม  
         ต้นโพ กลางเมืองตรม         สลดแห้ง
         ต้นสักศักดิ์สิทธิ์ราวล้ม         เคยเด่น  เมืองนอ
         สลัดใบ สลัดร่มแล้ง         ร่มได้หายไป
         ๔หลักเมืองใดขาดหลักแล้ว      ครองกำแพง
         ขาดหลักพระพี่นางแสยง      ยิ่งฟ้า
         พระหลักเมืองสำแดง         เดชต่อ  พระนา
         คุ้มกำแพง คุ้มพสกเจิดจ้า      ร่มคุ้มพระพี่นาง




                                            


๕ พรานกระต่าย ต่างเต้น      หม่นหมอง
      ชาวประชาปรองดอง            เด่นล้ำ
      เสียงร่ำไห้เขานางทอง            ดังเกริก  นภานอ
      บึงสาปน้ำอุ่นย้ำ            ระลึกแล้วระลวงใจ
         ๖ ลานกระบือฤทัยเบิกฟ้า      ระงมเสียง
      บ่อน้ำมัน ไร้สำเนียง            พร่ำเพ้อ
      วัดแก้วสุริฉายเพียง            ตะวันดับ      
      กู่เพรียกเรียกกับเก้อ            พรากแล้วหลังเลือน
         ๗ ขาณุ แสนตอเตือน ต่อเจ้า      พระพี่  นางเฮย
      พระคุณ ท่าน ล้ำปฐพี              แหล่งหล้า
      เขากะล่อน เพรียกกวี            คืนกลับ มานา
      แม่น้ำปิงร่ำร่วมล้า            หยุดแล้วหลับใหล

       ๘ คลองขลุงใจ ขาดแล้ว      ขอดคลอง  ขลุงนา
                  เสียงพร่ำเพรียกน้ำตานอง      ท่วมฟ้า
                  ท่ามะเขือ มีครรลอง         สลดโศก
                  วัดศรีภิรมย์เจิดจ้า         กลับไร้เลือนแสง
                  ๙. โกสัมพีแรงร่ำไห้         ริมนคร
                          เมืองคลองเมืองทอดถอน      จิตหว้า
                  ขาดผู้ปรีชาชาญเรื่องสอน      ฝรั่งเศส นาพ่อ
                  ศาล ท้าวเวสสุวรรณว้า         โศกซ้ำโกสัมพี
      ๑๐. ทรายทองวัฒนาฤดีช้ำ      ทรายทอง
      พระเกื้อการุณผอง         ราษฎรแจ้ง
      แม่น้ำกงจีนถวิลมอง         ปรเมศ  สูญนา
      ทรายทองเหมือนทรายแล้ง      นิราศแล้ววิเศษสยาม



 

      ๑๑. ร่มไทรจากร่มแล้ว         ไทรงาม
      เคยร่มเย็นทุกโมงยาม         ย่ำแล้ว
      พระพี่นางเอกนารีนาม         เลอสว่าง   หนเอย
      สองกษัตริย์คู่แก้ว         นุชน้องนางอนงค์
      ๑๒. ปางศิลาทองทรงเพริศแพร้ว   พิจิตร  เลขนอ
      ศิลาทองสลายสนิท         ยุ่ยย้ำ
      ปรีชาการบินนิรมิต         บินเก่ง  
      จากไปใครมิช้ำ            แน่แล้วคือศิลา
      ๑๓.คลองลานหน้าผากว้าง      ธารตก  สง่านอ
      น้ำหลากไหลนองอุทก         สนั่นคุ้ง
      ไทยภูเขาสะอื้นตีอก         สะทก หวั่นนา
      พระองค์งามดั่งรุ้ง         เพริศแพร้วภูผา
      ๑๔. บึงสามัคคี นภาร้าง      จันทรา
      ขาดพระพี่นางวิทยา         หย่อนแล้ว
      ครูของครูเลอบา         เคยพบ  พระนอ
      รุ้งงามพาดฟ้าดั่งแก้ว         เหตุให้เจียรนัย

      ทรงเรียบง่ายงดงาม    จริยวัตรยามทุกบท      งามงดเหลือคำกล่าว
   ราวรุ้งร่วงจากนภา    ปวงประชาเย็นสยบ     ทั้งพิภพเย็นสดับ     ใครเข้าเฝ้ารับทรงเดช   
   จะยินเหตุแห่งองค์    เมื่อทรงนิราศราษฎร์    ไทยทั้งชาติโศกา   อีกนัครากำแพงเพชร
กำสรดโศกส่งเสด็จ  กำแพงเพชรนองน้ำตา  ทั่วนคราฟ้าหม่นหมอง  ปองพระองค์สู่สวรรคาลัย
ไทยทั่วไทยทุกด้าว   อกระบมรวดร้าว     จากแล้วพระนิพพาน

                           สันติ อภัยราช
                     ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร   




























1278  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / ๑๑ กันยายน ออกอากาศที่ อสมท. เรื่องหลวงพ่อปลอดภัย คุณอมร ถาวรศักดิ์ เป็นวิทยากร เมื่อ: กันยายน 11, 2010, 01:26:16 pm
หลวงพ่อปลอดภัย หรือพระวิบูลวชิรธรรม (สว่าง เจริญศรี) เกจิอาจารย์ชื่อดังของจังหวัดกำแพงเพชร แห่งวัดคฤหบดีสงฆ์ ตำบลท่าพุทรา อำเภอคลองขลุงจังหวัดกำแพงเพชร
   มีอภินิหาร และราคา ในตลาดพระกำแพงเพชร ถึงเลข ๖ หลัก ซึ่งนับว่าเป็นพระเหรียญ ที่ดังที่สุดในจังหวัดกำแพงเพชร ในงานประกวดพระ ปี๒๕๕๓ ในงานแข่งเรือ ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชร หนังสือ ที่พิมพ์จำหน่าย ในราคา ถึง๑๖๐๐ บาท
หายวับไปกับตา เพราะมีผู้ต้องการมาก



   คุณอมร ถาวรศักดิ์ เจ้าของร้านเพชรคัลเลอร์แลป ผู้เชี่ยวชาญเรื่องเหรียญหลวงพ่อปลอดภัย กรุณาให้ความรู้ และเป็นวิทยากรทางสถานีวิทยุอสมท.
   รายละเอียด จะนำเสนอภายหลัง

                                                                                                


   สันติ อภัยราช
1279  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / โรงเรียนชุมชนบ้านหนองปลิง ๑๐ กันยายน ๒๕๕๓ สนใจดี ฉลาดกล้าตอบ ซน แต่น่ารัก เมื่อ: กันยายน 10, 2010, 11:35:16 pm
 บรรยาย เรื่องพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ กับสังคมไทย ให้โรงเรียนชุมชนบ้านหนองปลิงฟัง
มีเด็กนักเรียนเข้าฟัง ประมาณ ๑๕๐ คน
 มีนักเรียนออกมาแสดงความคิดเห็นหลายคนดังนี้
       ตาล ปิยธิดา พงษ์วิรัตน์
      สุ     สุกัญญา คนโทเงิน
      เล็ก  วีรศักดิ์ สี่สาย
      อ๊อฟ  นนทวัฒน์ สินเนียม
     เบียร์   พัลลภ กล่อมยัง
     เนย    วีรนุช สุขสวัสดิ์
     อ้อม   พัชราภรณ์ น้อยปานะ
    พลอย  กานดา ดาราน้อย
  ขวัญ       กนกพร  ยืนยก


















1280  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / ๑๐ กันยายน ๒๕๕๓ บรรยายจิตสำนึกและจริยธรรม ในการทำงาน อบต. ท่าขุนราม กำแพงเพชร เมื่อ: กันยายน 10, 2010, 10:57:52 pm
 ได้รับเชิญไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ที่องค์การบริหารส่วนตำบลท่าขุนราม อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร  เจ้าหน้าที่ทุกคนน่ารักมาก นายประจวบ ชุมพู เป็นนายก รองนายกเป็นบุคคลที่ น่านับถือมาก หัวหน้าฝ่าย เก่ง คุณสงกรานต์ ผู้ประสานงานน่ารักมาก
ทุกท่านให้ความสนใจดีมาก สองชั่วโมงได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างทรงคุณค่ายิ่งนัก

                                                 สันติ อภัยราช






1281  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / ชมรมสวดพระมาลัยที่ตำบลบ่อถ้ำ สามัคคีกันดีมาก สามารถรักษาภูมิปัญญาไว้ได้น่าชื่นชม เมื่อ: กันยายน 10, 2010, 09:35:14 pm
 วันที่ ๙ กันยายน ๒๕๕๓ ไปทำรายการโทรทัศน์วัฒนธรรม ที่ตำบลบ่อถ้ำอำเภอขาณวรลักษบุรี จังหวัดกำแพงเพชร  มีชมรมสวดพระมาลัย รออยู่กว่า ๒๐ ท่าน ตั้งแต่อายุ ๔๐ ปีจนถึง ๗๐ปี แต่ละท่านมีความตั้งใจที่จะ สืบทอดการสวดพระมาลัยไว้ มีความตั้งใจเป็นอย่างมาก สมควรได้รับการยกย่อง ในความรักในวัฒนธรรมอย่างสูงส่ง
  การสวดพระมาลัย เริ่มตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย ประพันธ์โดย เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร พระมาลัยเป็นพระอรหันต์องค์สุดท้าย ที่มีฤทธิ์อำนาจมาก สามารถเดินทางไปนรก และสวรรค์ นำเรื่องที่ไปนรกสวรรค์มาเล่าให้ประชาชนฟัง การสวดมาลัย จึงเกิดขึ้นในอดีตกว่า ๓๐๐ ปี เดิมใช้สวดเพื่อสั่งสอนบ่าวสาว ในงานแต่งงาน เป็นเรื่องที่ประชาชนสวด ไม่จำเป็นต้องเป็นพระสวด มีหลายทำนอง
ต้องตั้งใจฟังจึงจะเข้าใจ
   ปัจจุบันมาใช้สวดในงานศพ  ยังมีการสวดอยู่บ้างในบางแห่ง เป้าหมายที่ซ่อนไว้ คือการอยู่เป็นเพื่อนของเจ้าภาพ โดยมีน้ำใจในการทำให้ สวดให้โดยไม่คิดมูลค่า นับเป็นภูมิปัญญาที่สำคัญอย่างหนึ่ง ของสังคมไทย ที่จำเป็นต้องสืบทอดไว้ให้นานแสนนาน
   การสวดมาลัย พัฒนามาเป็นการสวดคฤหัสถ์ การสวดคฤหัสถ์พัฒนามาเป็นจำอวด การเล่นจำอวด พัฒนามาเป็นตลกในปัจจุบัน
ที่ตำบลบ่อถ้ำ มีชมรมสวดพระมาลัย มีนายพยงค์ งาเนียม อายุ ๖๗ ปี เป็นหัวหน้าคณะ มีสมาชิกอีกกว่า ๒๐ มีเนื้อหาที่สวดบางตอน กล่าวถึงการไปชมนรกสวรรค์ของพระมาลัย ดังตัวอย่างบางตอนว่า

"พระคุณเจ้าขอรับ ได้โปรดเวทนาพวกข้าพเจ้าด้วย เมื่อพระคุณเจ้ากลับไปถึงโลกมนุษย์แล้ว ขอได้แวะไปบ้านนั้น เมืองนั้น บอกญาติของข้าพเจ้าชื่อนั้น ให้เร่งทำบุญ แล้วอุทิศส่วนบุญมาให้ข้าพเจ้าด้วยเถอะ ข้าพเจ้าจะได้พ้นกรรมเร็วๆ เจ้าข้า"
ฝ่ายพระมาลัยครั้นกลับมาถึงโลกมนุษย์ ก็นำความตามที่สัตว์นรกพวกนั้นสั่งมาบอกแก่ ญาติ พี่ น้อง ตามตำบลที่ระบุไว้ทุกประการ บรรดาญาติ ครั้นได้ฟังท่านบอก ก็ทำบุญให้ทานอุทิศส่วนกุศลไปให้ โดยไม่รั้งรอ สัตว์นรกผู้เสวยกรรม เมื่อได้อนุโมทนาส่วนกุศลแล้ว ก็พ้นกรรมไปเกิดบนสวรรค์ เสวยสมบัติทิพย์เป็นที่สำราญในทันที.......
  การสวดพระมาลัย ควรได้รับการสืบทอดเพราะเรื่องที่สวดนั้น เป็นคำสอนให้คนทำแต่ความดี หลีกเลี่ยงความชั่วทั้งปวง ต้องชื่นชมชาวบ่อถ้ำอำเภอขาณุวรลักษบุรี  จังหวัดกำแพงเพชร ที่สามารถรักษาวัฒนธรรมสำคัญนี้ไว้ได้ สมควรได้รับการยกย่องและบันทึกไว้ในรายการโทรทัศน์วัฒนธรรม

                                                                          




[
    
        สันติ อภัยราช


1282  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / เลี้ยงส่ง ภัณฑิรา รามสูต (หม้ำ) จากอาสาสมัครวัฒนธรรมสู่พนักงานราชการครู เมื่อ: กันยายน 08, 2010, 05:23:34 pm
 ๗ กันยายน ๒๕๕๓ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร เลี้ยงส่งสาวน้อย คนสวย งามทั้งจริตกิริยา มารยาท พูดน้อยทำงานเก่งรับผิดชอบสูง คือภัณฑิรา รามสูต (หม้ำ)

    เธอจบจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขนกรุงเทพ เกียรติยม เมื่อสอบสัมภาษณ์เธอเข้าทำงาน ในฐานะของเจ้าหน้าที่สภาวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร ปัจจุบันเรียกว่า อาสาสมัครวัฒนธรรม มีคนเข้าสัมภาษณ์ มากพอสมควร แต่พอเห็นหม้ำก็ตัดสินใจรับเธอเข้าทำงาน
 
    เธอทำงานเกือบสองปี เป็นที่รักใคร่ ของพี่ๆชาววัฒนธรรมทุกคน โดยเฉพาะผู้บันทึก ในฐานะผู้ดูแลโดยตรง ดูแลเธออย่างลูกหลาน เพราะรู้จักทั้งคุณพ่อและคุณแม่ของเธอ

    เข้าใจในวิธีทำงานของเธอ เธอมาพบ มาปรึกษา มาให้ลงนามหนังสือ นับว่าเป็นร้อยครั้ง  ไม่นับในการโทรศัพท์ การส่งเมลล์ ที่ติดต่อกัน เกือบทุกวัน
   
 ภัณฑิรา กำลังจะไปเป็นพนักงานราชการ ของโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ฯ กำแพงเพชร จึงสนับสนุนให้เรียนประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู ในเสาร์อาทิตย์ และกำลังจะจบการศึกษา
 
    เมื่อเธอไปทำงานที่ก้าวหน้ากว่าปัจจุบัน ก็ต้องส่งเสริม ด้วยความรัก  แม้ไม่อยากให้ไป วิ่งเต้นให้ต่อสัญญาจ้างมาทุกปี เมื่อจำเป็นที่ก้าวหน้ากว่า ก็ส่งเสริมกัน

   เมื่อวันที่ ๗กันยายน ๒๕๕๓ เธอมาให้ลงนาม รับเงินเดือนงวดสุดท้าย  และบอกว่าสำนักงานวัฒนธรรมจะเลี้ยงส่ง แม้เรามีงานบรรยาย ถึงสามทุ่ม ก็ต้องไปเพราะ เธอทำงานให้สภาวัฒนธรรมมานาน และรักเธอราวกับหลานแท้ๆ

  คืนวันที่ ๗ กันยายน พี่ๆทุกคน แสดงความรักต่อเธอกันทุกคน ขอบันทึกเรื่องราวของ สาวน้อย ภัณฑิรา รามสูต ลงจดหมายเหตุวัฒนธรรมไว้ด้วยความรักยิ่ง คนวัฒนธรรมที่ต้องไปทำงานวัฒนธรรมที่อื่น

















                                                                     สันติ อภัยราช ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร
1283  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / ๗ กันย์ ๕๓ โรงเรียนวัดคูยาง กว่า ๒๐๐ คน สนใจดี พูดเก่ง ครูอาจารย์สนใจดีมาก เมื่อ: กันยายน 08, 2010, 03:57:44 pm
 นักเรียนชั้นประถมปีที่ ๖ โรงเรียนวัดคูยาง มาอบรมต้นกล้าจริยธรรม ที่วัดหนองปลิง นักเรียนกว่า สองร้อยคนให้ตวามสนใจดีมาก
ฉลาดเก่ง เข้าใจตอบ มีนักเรียนที่ทำได้ดีมากจำนวน ๑๐ คน แต่มีนักเรียนจำนวนมากที่เก่งแต่ไม่มีโอกาสออกมา อีกมากมายเพราะจำกัดด้วยเวลา จึงนำเสนอ ดังนี้

         พิชญาภรณ์ คมารักษ์ (บายศรี)
         เพ็ญประภา  ตันกร๊วด (นาย)
         กุลสตรี       แสนสุข  (อ้อนแอ้น)
         ศุภกิจ        เรืองแจ่ม (โบ้)
         พรรณธิดา   ตราชู     (พรรณ)
        มัทวรรณ     เพชรรัตน์ (แจม)
        สรวิทย์       สร้อยมุข  (ซิน)
        ชัยวัฒน์      นารอด   (เปญ)
        ธัญวรรณ     แก้วศิริ   (ตอย)
        วสุพล         รักษ์ชนม์ (ดล)




















ครูอาจารย์ทุกท่านสนใจดูแลนักเรียนเป็นอย่างดีขอชื่นชม

                                                                                 สันติ อภัยราช

1284  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / ศุกร์ที่ ๓ กันยายน โรงเรียนวังตะเคียนประชานุสรณ์ เข้ารับฟัง ที่วัดหนองปลิง เมื่อ: กันยายน 07, 2010, 02:40:08 pm
 มีนักเรียน เก่งมากหลายคน เข้ารับฟังประมาณ ๑๐๐ คน ต้องชื่นชม นักเรียนที่มีรายชื่อต่อไปนี้ ฉลาดและตั้งใจฟังตอบปัญหาแก้คำถามได้ดี
         สุกัญญา (ยา)
         ถนอม สุภาษิต (บอม)
         จิรายุส แจ้งสว่าง (บอส)
         น้ำเพชร เกษมสุข (น้ำ)
         ศรีสุดา  ยมรัตน์ (พลอย)
         สตาภิรมย์ ค้าวัตถุ (หญิง)
         มัลลิกา    สระแก้ว ( ตั๊กแตน)
         วีระ    มิก็ (ปิงปอง)
         อุทัย  สาริสิทธิ์ (โจโจ้)






   


  
 

     เด็กทั้งหมดมีอนาคตไกล ถ้าใฝ่รู้ใฝ่เรียนเช่นนี้ตลอดไป

                                                              สันติ อภัยราช
1285  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / ใบบอกเมืองกำแพงเพชร เมื่อ: กันยายน 07, 2010, 01:50:37 pm
สกุลของคุณครูวัฒนา ศุภดิษฐ์
จากใบบอกเมืองกำแพงเพชร และจดหมายเหตุประพาสต้นกำแพงเพชร
เอกสารสำคัญ ของเมืองกำแพงเพชร
 
                     บันทึกโดยอาจารย์สันติ อภัยราช
      ในสมัยโบราณ การติดต่อระหว่างหัวเมืองประเทศราช เมืองพระยามหานคร และเมืองต่างๆในพระบรมโพธิสมภาร มีการติดต่อและรายงานโดยการใช้ ใบบอก มีประโยชน์ในการรายงาน เรื่องราชการ ใบบอกเป็นเอกสารทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญอย่างหนึ่ง อาจมีข้อเท็จจริงอยู่ในใบบอก ประสมกันอยู่ แต่อาจเป็นต้นเค้าของหลักฐานในการสืบค้นให้ลึกลงไปในอดีตที่ยังไม่มีใครสนใจนัก ประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่เป็นประวัติศาสตร์ของเมืองหลวงของราชธานี ส่วนประวัติศาสตร์ของหัวเมืองมิใคร่มีผู้ใดใส่ใจ ใบบอกจึงเป็นหลักฐานที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ฉายภาพในอดีตของแต่ละเมืองอย่างชัดเจนในสมัยนั้นๆ
        ใบบอกเมืองกำแพงเพชร มีจำนวนมาก ตั้งแต่สมัย รัชกาลที่ 1 จนถึงรัชกาลที่ 8 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ก่อนหน้านั้นเราไม่พบ อาจมีแต่ถูกทำลายไปสิ้นในสมัยเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2
ใบบอกของเมืองกำแพงเพชรมีมากในสมัยปฏิรูปการเมืองของรัชกาลที่ 5 เพื่อให้หัวเมืองได้รายงานความเคลื่อนไหวทุกเรื่อง แม้แต่เรื่องเล็กน้อยเพื่อสะดวกในการควบคุมดูแล มิให้กระด้างกระเดื่องหรือแข็งเมือง และสามารถควบคุมจัดการมิให้หัวเมืองได้มีโอกาสจัดการอะไรด้วยตนเองได้ นับว่าเป็นการลด ความสำคัญของเจ้าผู้ครองนครลง กำแพงเพชรก็เช่นกัน
        ใบบอกเมืองกำแพงเพชร จะขึ้นต้นด้วย ที่ตั้งคือเมืองกำแพงเพชร ใช้จุลศักราช เป็นสำคัญในการวันเดือนปี และจะขึ้นต้นด้วยคำว่า???
      ข้าพเจ้า พระยารามรณรงคสงครามรามภักดีอภัยพิริย์ภาหะ ผู้สำเร็จราชการเมือง
พระอินทแสนแสง ปลัดเมือง พระมนตรีราชยกบัตร...... ซึ่งทั้งสามท่านเป็นกรรมการเมืองกำแพงเพชร แสดงถึงมิให้รายงานคนเดียวเพื่อให้ข้อความเป็นจริง ตอนจบลงนาม พร้อมประทับตราทุกท่าน บางฉบับจะมีเฉพาะชื่อของพระยารามรณรงคสงครามรามภักดีอภัยพิริย์ภาหะเพียงท่านเดียว และต่อด้วยกรมการเมืองเลย
       เจ้าเมืองกำแพงเพชร มีชื่อราชทินนามว่า พระยารามรณรงคสงครามรามภักดีอภัยพิริย์ภาหะ มาตั้งแต่สมัยอยุธยามักเรียกกันสั้นๆว่าพระยาราม น่าจะสืบเชื้อสาย ในคนตระกูลเดียวกันมาหลายยุคหลายสมัย... มีหลักฐานจากหลายแห่งในพงศาวดารเกือบทุกฉบับ ซึ่งเราจะมิได้กล่าวถึงในที่นี้แต่จะกล่าวถึงเฉพาะ พระยารามรณรงคสงครามรามภักดีอภัยพิริย์ภาหะ ในใบบอกเมืองกำแพงเพชรที่ค้นคว้ามา เริ่ม
ตั้งแต่ พระยารามรณรงคสงครามรามภักดีอภัยพิริย์ภาหะ (เกริก) ในสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี คือราวพุทธศักราช 2310 ? 2325 เรียกกันโดยสามัญว่าเจ้าคุณเกริก ไม่ทราบชื่อภริยา เจ้าคุณเกริก มีบุตรหนึ่งคนชื่อเจ้าคุณนุชๆมีภริยาชื่อเกา ภายหลังบวชเป็นชี และได้สร้างวัดมีนามว่าวัดชีนางเกา(อยู่บริเวณเยื้องกับที่ทำการไปรษณีย์กำแพงเพชร) ในสมัยรัชกาลพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ได้โปรดให้นายนุช ร่วมทัพไปตีทัพแขกที่เมืองปัตตานี กับนายบุญศรี บุตรชาย ได้ชัยชนะกลับมา ได้รับพระราชทานความดีความชอบให้ดำรงตำ แหน่งพระยารามรณรงคสงครามรามภักดีอภัยพิริย์ภาหะแทนบิดาเมื่อบิดาถึงแก่อนิจกรรมแล้วพระราชทานครอบครัวแขก มาหนึ่งร้อยครอบครัว มาอยู่ที่บริเวณเกาะแขก ซึ่งอยู่ตอนใต้โรงพยายาบาลกำแพงเพชร (ปัจจุบันไม่มีแขกปัตตานีในบริเวณบ้านแขกแล้ว) และพระราชทานดาบฝักทอง ให้เป็นบำเหน็จมือ ซึ่งต่อมาดาบฝักทองได้เป็นพระแสงราชศัตราประจำเมืองกำแพงเพชร ส่วนคุณบุญศรีบุตรชาย ได้พระราชทานให้ไปกินเมืองศรีสัชชนาลัย นามว่าพระยาฤทธิเดช และได้พระราชทาน
หม่อมฉิม ให้เป็นภริยา นับว่ามีความดีความชอบมาก สังเกตจากการพระราชทานสิ่งของและบุคคลให้
ในส่วนของพระยาฤทธิเดช กับหม่อมฉิม มีธิดาชื่อคุณหญิงพลับๆ ได้สมรสกับพระยายกบัตรเมืองสุโขทัย
มีบุตรธิดา 4 คน คือ พระยานิ่ม พระยาพุ่มพิจิตร เจ้าคุณอ่อง และพระยารณชัย...และเนื่องจากไปกินเมืองอื่น จึงมิได้สืบค้นต่อ...
        ส่วนพระยารามรณรงคสงครามรามภักดีอภัยพิริย์ภาหะ (พระยากำแพง นุช) กับท่านผู้หญิงเกาหรือท่านผู้หญิงชี มีธิดาท่านหนึ่งนามว่า ท่านผู้หญิงแพง ท่านผู้หญิงแพงได้สมรสกับ เจ้าคุณนาค และได้รับพระราชทานตำแหน่ง เป็นพระยากำแพง พระยากำแพงนุชและท่านผู้หญิงแพง มีบุตรธิดา 7 ท่าน ล้วนได้รับพระราชทานตำแหน่งที่สำคัญทั้งสิ้น แสดงถึงบารมีของพระยากำแพงนุช ยังมีถึงลูกหลานอย่างทั่วถึงจึงได้รับพระราชทานตำแหน่งสำคัญเรียงตามอายุคือ
        1. พระยากำแพง(บัว) ได้เป็นเจ้าเมืองกำแพงเพชร ต่อจากพระยากำแพงนาค นามพระราชทานว่าพระยารามรณรงคสงครามรามภักดีอภัยพิริย์ภาหะ (บัว)
        2. พระยากำแพง(เถื่อน) ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นถวิล ได้เป็นเจ้าเมืองกำแพงเพชร ต่อจากพระยากำแพง(บัว) ได้รับพระราชทานให้เป็นเจ้าเมืองกำแพงเพชรนามพระยารามรณรงคสงครามรามภักดีอภัยพิริย์ภาหะ (เถื่อน)
        3. พระยากำแพง(น้อย) ได้เป็นเจ้าเมืองกำแพงเพชร ต่อจากพระยากำแพง(เถื่อน) ได้รับพระราชทานนามว่า พระยารามรณรงคสงครามรามภักดีอภัยพิริย์ภาหะ (น้อย)
        4. พระยากำแพง(เกิด) ได้เป็นเจ้าเมืองกำแพงเพชรต่อจากพระยากำแพง(น้อย) ได้รับพระราชทานนามว่า พระยารามรณรงคสงครามรามภักดีอภัยพิริย์ภาหะ(เกิด)
        5. หม่อมสุดใจ ได้ถวายตัวเป็นพระสนมในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2
        6. พระยาพลไกร(อ๋อง)
        7. คุณฉิม ( สืบไม่ได้น่าจะเป็นสตรี)

        พระยากำแพง(เกิด) กับท่านผู้หญิงทรัพย์ มีบุตรธิดา 9คน คือ
        1. คุณย่าหุ่น แต่งงานกับหลวงพินิจ
        2. คุณย่านก แต่งงานกับคุณปู่เสือ
        3. คุณย่าขำ ถึงแก่กรรมตั้งแต่เยาว์วัย
        4. หลวงวิเศษสงคราม(ดิศ)
        5. คุณย่าผึ้ง แต่งงานกับพระพล( เรียม นุชนิยม)
        6. หลวงพิพิธอภัยผู้ช่วย (ต่าย)
        7. พระยากำแพง (อ้น)
        8. คุณหญิงภู่ (ภริยาพระยารามรณรงคสงคราม หรุ่น อินทรสูต) คือพระยากำแพงคนสุดท้าย ในสกุลนี้
        9. คุณย่าหญิงทองหยิบ ถวายตัวเป็นนางห้าม รัชกาลที่ 4
        หลวงพิพิธอภัยผู้ช่วย (ต่าย) มีภรรยาชื่อคุณหญิงกระจับๆ เป็นภรรยาในนามของพระยากำแพง (อ้น)ซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่สะใภ้ สันนิษฐานว่า เมื่อหลวงพิพิธอภัยผู้ช่วย (ต่าย) ถึงแก่กรรม หลวงพิพิธอภัย (หวล)ผู้เป็นบุตร ได้มาเป็นบุตรบุญธรรมของพระยากำแพง(อ้น) จากพระราชนิพนธ์จดหมายเหตุประพาสต้นกำแพงเพชรในรัชกาลที่ 5 บันทึกว่า หลวงพิพิธอภัย( หวล) เป็นบุตรพระยากำแพง(เกิด) ผู้ถวายดาบ
ฝักทองแด่รัชกาลที่ 5
        หลวงพิพิธอภัย (หวล) มีภรรยา 2 คน คือนางจัน มีบุตร ธิดา 2 คน คือ
1.นางหวีด รามสูต ภรรยารองอำมาตย์ตรี ขุนทรงราชผล (พลี ศุภดิษฐ์) ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสาวงามกำแพงเพชร ในพระราชนิพนธ์จดหมายเหตุประพาสต้น ของพระพุทธเจ้าหลวง ได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าหลวง พระองค์บันทึกไว้ว่า...... ผู้หญิงเมืองนี้ นับว่ารูปพรรณสัณฐานดีกว่าเมืองอื่นในข้างเหนือ คนงามทั้ง 4 ที่จะให้ถ่ายรูปนั้น เขาให้ถือกระเช้าหมากคอยแจก คือหวีด บุตรหลวงพิพิธอภัย อายุ 16 ปี คนนี้รุ้จักโปสต์ถ่ายรุป จึงได้ถ่ายรูปเฉพาะคนเดียว......... แม่หวีดผู้นี้คือมารดาของ คุณครูวัฒนา ศุภดิษฐ์
ขุนทรงราชผล (พลี ศุภดิษฐ์) ได้บันทึกไว้ว่า ได้แต่งงานกับแม่หวีด เมื่อเดือนแปด ปีมะแม พุทธศักราช 2450 หลังจากพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จกลับ 1 ปี แม่หวีด ถึงแก่กรรม เมื่อวันเสาร์แรม สองค่ำ เดือนยี่ ปีมะเมีย ตรงกับวันที่ 18 มกราคม พุทธศักราช 2461 เวลา 7 นาฬิกา อายุได้ 29 ปี (แม่หวีดเกิดเมื่อวันศุกร์ เดือนสาม ปีขาน พุทธศักราช 2433 )
2.นายหอม รามสูต (มีรายละเอียดมากยังไม่นำเสนอ)
ส่วนภรรยาอีกคนหนึ่งคือ นางพัน มีบุตรธิดา 8 คน จะไม่นำเสนอในครั้งนี้
.....นับว่าสิ้นสุดประวัติศาสตร์กำแพงเพชร เมื่อสิ้นสุดสมัยรัชกาลที่ 5 ส่วนรายละเอียดได้เก็บไว้นำเสนอในคราวต่อไป

                                ใบบอกกำแพงเพชร ในสมัยรัชกาลที่ 5 มีจำนวนมากแต่จะนำเสนอในบางส่วนที่น่าสนใจ
เรื่องที่ 1 การเบิกเงินของหัวเมืองกำแพงเพชร เพื่อจ่ายค่าทำทางสายโทรเลข เมื่อวันพุธขึ้นหนึ่งค่ำเดือนสิบ ปีระกาสัปตศก ศักราช 1247
        ความโดยย่อกล่าวถึงสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภานุรังษีสว่างวงษ์ กรมหลวงภานุพันธ์
วรเดช สำเร็จราชการกรมไปรษณีย์โทรเลข กราบทูลว่า ให้หม่อมเทวาธิราชนุกุล ไปทำทางสายโทรเลข เบิกเงิน 1,400 บาทจากเมืองกำแพงเพชรเป็นเงินเดือน จำนวน 7 เดือน
เรื่องที่ 2 รายงานการสืบสวนจับกุมผู้ร้ายระหว่าเมืองกำแพงเพชรกับเมืองตากเมื่อวันพุธขึ้นหนึ่งค่ำเดือนสิบ ปีระกาสัปตศก ศักราช 1247

เรื่องที่ 2 รายงานการสืบสวนจับกุมผู้ร้ายระหว่าเมืองกำแพงเพชรกับเมืองตากเมื่อวันพุธขึ้นหนึ่งค่ำเดือนสิบ ปีระกาสัปตศก ศักราช 1247
        ความโดยย่อกล่าวถึง ระหว่างเมืองกำแพงเพชรกับเมืองตากมีโจรผู้ร้ายชุกชุมมาก ลูกค้าอังกฤษทำมาค้าขายเป็นที่ลำบากมาก ให้พระยารามฯแต่งพระมนตรีราชยกระบัตรออกชำระจับตัวผู้ร้ายให้ได้ จับได้ไอ้เสือถิ่น ไอ้เสือแย้ม ปล้นจีนถุ้ง และ ไอ้เอมผู้ร้ายปล้นฆ่าที่เมืองตาก มาซ่อนตัวที่ลานดอกไม้ จับตัวได้และพิจารณาตัดสินความแล้ว
        
เรื่องที่ 3 การขอเปลี่ยนทนายความของพระยากำแพงเพชร จากจีนแดงเป็นหลวงเทพสุภา ณ วันศุกร์แรมสองค่ำเดือนสิบปีระกาสัปตศก 1247
        ความโดยย่อกล่าวถึง นายกัก ฟ้องกล่าวโทษพระยากำแพง หลวงวัง หลวงแพ่ง หลวงพิไชยภักดี หลวงพรหม หลวงเทพอาญา นายขุนทอง นายเชยผู้คุม โดยมีจีนแดงเป็นทนายความให้ พระยากำแพงกับพวก ต่อมาพระยากำแพงกับพวก ขอเปลี่ยนทนายความจากจีนแดง เป็นหลวงเทพสุภาแพ่ง

เรื่องที่ 4 รายงานการติดตามเก็บส่วยคงค้างเพื่อนำส่งเข้าพระคลังมหาสมบัติ ณ วันพุธ ขึ้นสิบสามค่ำ
เดือนสิบเอ็ด ปีระกาสัปตศกศักราช 1247
        ความโดยย่อกล่าวถึง ตามที่ให้เก็บส่วยส่งถึงพระคลังมหาสมบัติให้เต็มเม็ดเต็มหน่วยนั้นได้พยายามเก็บส่วยอย่างละเอียดแล้ว รวมเงิน หกชั่ง สิบห้าตำลึง พร้อมบัญชีหางว่าว ให้ขุนรักษาพลคุมลงมาส่ง กรุงเทพมหานคร (ส่วยในที่นี้คือเงินรัชชูปการเงินที่เรียกเก็บจากราษฎรชายที่มิได้รับราชการทหารเป็นรายบุคคล )

เรื่องที่ 5 รายงานการใช้เงินหลวง ให้สำหรับซื้อข้าว จ่ายราชการ ณ วันศุกร์ขึ้นสิบเอ็ดค่ำเดือนยี่ ปีระกาสัปตศกศักราช 1247
        ความโดยย่อกล่าวถึง พระยารามได้แต่งขุนพิพิธสาลี ว่าที่หลวงนา ไปเบิกเงินพระราชทาน หกชั่ง
เพื่อจัดซื้อข้าวสารจ่ายข้าราชการ ข้าวเปลือกเกวียนละห้าตำลึง และจัดทำฎีกาเพื่อเบิกเงินหลวงอีกสิบชั่ง เพื่อจัดซื้อข้าวอีกสำหรับจ่ายราชการบ้านเมือง

เรื่องที่ 6รายงานการตัดไม้จากกำแพงเพชร เพื่อนำไปใช้ในการทำพระเมรุงานพระราชทานเพลิงพระศพ
กรมพระราชวังบวรสถานมงคล ณ วันศุกร์ขึ้นสิบเอ็ดค่ำเดือนยี่ ปีระกาสัปตศกศักราช 1247
        ความโดยย่อกล่าวถึงพระยารามฯ ได้รับตราพระราชสีห์ โดยหลวงพิจารณาถือมา ว่ากรมพระราชวังบวรสถานมงคลทิวงคต ให้หาไม้ไปทำพระเมรุที่ท้องสนามหลวง จึงได้ให้พระสวัสดิ์ภักดี คุมไพร่ออกตัดไม้ ได้ไม้รวมทั้งสิ้น หนึ่งร้อยหกสิบเจ็ดต้น แต่ปีนี้น้ำน้อยทำแพมาส่งไม่น่าจะทันราชการแต่ส่งไม้ไผ่สองพันลำไม้ใช้ร้อยห้าสิบต้น ได้ผูกแพบรรทุกเครื่องพระเมรุมาแล้ว

เรื่องที่ 7 คดีหลวงบรรเทา ณ วันจันทร์ขึ้นหกค่ำปีระกาสัปตศกศักราช 1247
        ความโดยย่อกล่าวถึง พระยารามฯ ได้ชำระคดีระหว่างขุนทรมาทิพย์ โจทย์ หลวงบรรเทา จำเลย ขัดข้อง จึงส่งสำนวนใส่ชะลอม และให้หลวงพิชัยภักดี ผู้ช่วย นำหลักฐานและนำทั้งโจทก์และจำเลย มาส่งที่กรุงเทพ เพื่อให้ตัดสินความ

เรื่องที่ 8 ขุนบานบุรี ฟ้องนายศิษย์กับพวก คดีทำร้ายร่างกายณ วันจันทร์ขึ้นหกค่ำปีระกาสัปตศกศักราช 1247
        ความโดยย่อว่า พระยารามบอกมาว่า ขุนบานบุรี ฟ้องนายศิษย์กับพวกทำร้ายร่างการแต่คดีซับซ้อนมาก จึงมอบให้หลวงพิไชยภักดี นำ เรื่องมาส่ง ณ กรุงเทพมหานคร

เรื่องที่ 9 เกณฑ์กองทัพกำแพงเพชร เพื่อไปทัพเมืองพิชัย ณวันจันทร์ แรมสิบสามค่ำ ปีระกาสัปตศก 1247
        ความโดยย่อว่า พระยารามฯว่าได้มีตราพระราชสีห์ ให้เกณฑ์ พระอินทรแสนแสง ปลัดหนึ่ง
ขุนหมื่น ไพร่ร้อยหนึ่งช้างสิบช้าง เข้ากองทัพเจ้าหมื่นไวยวรนาถ พร้อมอาวุธไปคอยรับกองทัพที่เมือง
พิไชย และให้เพิ่มอีกยี่สิบช้างรวม สามสิบช้าง แต่ในกำแพงเพชรมีช้างทั้งสิ้นยี่สิบสองช้าง พระอินทรแสนแสง ได้ไปส่งให้พระยาสีสิงหเทพ ณ เมืองพิไชยแล้ว

เรื่องที่ 10 หม่อมเทวาธิราชทำสายโทรเลขเมืองกำแพงเพชร ณวันจันทร์ เดือนเก้า ขึ้นสิบสามค่ำ ปีระกาสัปตศก 1247
        ความโดยย่อว่าหม่อมเทวาธราชเจ้าพนักงานโทรเลข เบิกเงินเดือน 1,400 บาท พระยารามได้แจ้งให้ทราบและให้หลวงพิไชยภักดี นำฎีกามาถวายขอหักเงินค่าไม้เกณฑ์ตัด ประจำปีระกาเบญจศก ต่อเจ้าพนักงานแล้ว

        นอกจากเรื่องราวเหล่านี้แล้ว ยังมีเรื่อง ดังต่อไปนี้ คือ
        ? กงสุลอังกฤษแจ้งว่ากำแพงเพชรและตากมีโจรผู้ร้ายชุกชุม
        ? ให้หลวงชำนาญสิงขรกับหมื่นแสวงภุมรา เสียค่าตัดฟันไม้
        ? ตั้งหลวงพิไชยภักดีเป็นพระกำแหงสงครามพระพล
        ? การทำทะเบียนคนจีนในกำแพงเพชร
        ? มองม่อพม่าขอทำไม้ขอนสักที่คลองขลุง
        ? การจัดช้างไปเมืองพิชัย
        ? เรื่องฉลองพระบรมอัฐิรัชกาลที่ 4
        ? โจรผู้ร้ายชุกชุมที่ขาณุ
        ? กรมพระราชวังบวรสถานมงคลทิวงคต ใช้ชักลากไม้ทำพระเมรุ
        ? ให้ทำบัญชีวัดในกำแพงเพชร
        ? ผู้ร้ายลักม้าสีหมอกของหลวงประเวศ
        ? ค่าผูกปี ค่าแรงจีน
        ? เรียกตัวมองม่อ ไปกรมมหาดไทย
        ? จับโจรผู้ร้ายในแขวงเมืองกำแพงเพชร
        ? การลักช้างและพระรามยึดของกลาง
        ? การเกณฑ์ผู้คนดูแลเสาโทรเลขที่สร้างใหม่
        ? การผูกสีมาวัดบ้านลานดอกไม้
        ? การประเมินที่นาราษฎรกำแพงเพชร
        ? การติดตั้งสายโทรเลขประจำเมืองกำแพงเพชร
        ? หมื่นศรีสมบัติคุมเงินไปส่ง
        ? คดีหลวงพิพิธกับจีนชือเหียน
        ? ผู้ร้ายแย่งชิงนายร้อยคำปาง
        ? อำแดงแจงภรรยาหลวงพิพิธเป็นชู้กับจีนหวด
        ? เตือนนายกองปลัดกองให้เอาเงินส่วยของส่วยมาส่ง
        ? หลวงยกกระบัตรบัวชุม กล่าวโทษพระยากำแพงกับพวก
        ? พระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นพิชิตปรีชากร เสด็จลำปาง ลำพูน เชียงใหม่
        ? นายสงกล่าวโทษพระวรลักษณ์แลกรมการเมือง
        ? ให้เจ้าของไม้ยื่นบัญชีไม้ต่อกรมการเมือง
        ? การก่อสร้างพัทธสีมาที่วัดทุ่งสวน
        ? ให้ส่งตัวนายสงมายังเมืองขาณุบุรี
        ? นายฉ่ำกล่าวโทษนายยัง กำนันบ้านบ่อถ้ำแขวงเมืองขาณุ
        ? จีนชิงหิน ไม้ขอนหายที่ลานดอกไม้
        ? คดีกระบือนายฉ่ำกับพวกหาย
        ? การเก็บเงินค่านาในแขวงเมืองกำแพงเพชร
        ? มิสเตอร์ยอดคูปองชาวอเมริกัน ทำไม้ขอนสักที่วังเจ้า
        ? ขอเบิกจ่ายค่าเซอร์เวย์ทางจากเมืองกำแพงเพชร
        ? อำแดงนวลกล่วโทษนายฉาย
        ? เอาตัวไอ้แยมมอบให้หลวงนามาส่งยังกรุงเทพ
        ? หลวงเทพนรินทร์ซื้อไม้ขอนสักจากกำแพงเพชรมาช่อมวิหารพระนอนจักรศรี
        ? ผู้ร้ายลักทรัพย์ลูกขุนตระเวณ
        ? ผู้ร้ายลักกระบือหลวงรามราชปลัดอำแดงกลีบตักยางของพระจัตุรงค์
        ? ขุนพินิจสุราการกล่าวโทษพระยาราม
        ? ให้ส่งพระยากำแพงกับพวกเข้ากรุงเทพ
        ? หลวงอินเกสรขอทำไม้ขอนสัก
        ? พระยากำแงแต่งหลวงเมืองเป็นทนาย
        ? พระยารามรณรงค์ยื่นทัณฑ์บนรับผิดขอกลับรับราชการตามเดิม
        ? มองเตงเผ่ ในบังคับอังกฤษ ขอเช่าไม้ตำบลคลองขลุง แขวงเมืองกำแพงเพชร
        รายละเอียดของใบบอกต่างๆนั้น ล้วนเป็นเรื่องที่ฉายภาพสังคมการเมืองและวัฒนธรรมในยุคสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวของเมืองกำแพงเพชรได้เด่นชัดมาก สมควรได้มีการศึกษาค้นคว้า เพื่อจะได้เข้าใจในสังคม เมืองกำแพงเพชรมากขึ้น
        ภาพที่ชัดที่สุดคือภาพการฉ้อราษฎรบังหลวง ของพระยากำแพงเพชร (หรุ่น)ในปีพ.ศ.2447 ก่อนที่พระพุทธเจ้าหลวงส่งพระวิเชียรปราการ (ฉาย อัมพเศวต) นายอำเภอสรรค์บุรี มาเป็นเจ้าเมืองกำแพงเพชรแทน และทำให้ตระกูลพระยากำแพงเพชร ตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี คือ พ.ศ. 2310 จนถึง 2447 เกือบหนึ่งร้อยสี่สิบปีที่ตระกูลพระยากำแพงมี อำนาจในกำแพงเพชรมีรายละเอียดจากใบบอกดังนี้



 
  
 
1286  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / มีไปทำไม ว วชิรเมธี เมื่อ: กันยายน 07, 2010, 12:18:22 pm
มีไปทำไม
1287  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / จะดีกว่าไหม ว วชิรเมธี เมื่อ: กันยายน 07, 2010, 12:15:06 pm
จะดีกว่าไหม
1288  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / คิดบวก ชีวิตบวก ว วชิรเมธี เมื่อ: กันยายน 07, 2010, 12:09:07 pm
คิดบวก ชีวิตบวก
1289  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / ขืนทำจะช้ำใจ ว วชิรเมธี เมื่อ: กันยายน 07, 2010, 11:56:16 am
ขืนทำจะช้ำใจ
1290  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / การทำงานที่ต้องยึดหลักคุณธรรม จริยธรรม เพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน เมื่อ: กันยายน 07, 2010, 11:47:06 am
จริยธรรมของข้าราชการการเมือง ข้าราชการ และลูกจ้าง จริยธรรมในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชา

บรรยายโดย
อาจารย์สันติ อภัยราช
นิติศาสตรบัณฑิต  การศึกษาบัณฑิต  ศิลปศาสตรมหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์
อาจารย์ ๓ ระดับ ๙   ผู้เชี่ยวชาญการพูดในที่ชุมชน
คนดีเมืองกำแพงเพชร    คนดีแทนคุณแผ่นดิน  ผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับสังคมกำแพงเพชร
อดีต ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร รองประธานสภาวัฒนธรรมภาคเหนือ
ครูต้นแบบแห่งชาติ     ครูภูมิปัญญาไทย
อาจารย์พิเศษ มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร
อาจารย์พิเศษ ศูนย์อบรม วัดหนองปลิง
๐๘๑   ๔๗๕ ๕๕๕๗


      จริยธรรมต่อตนเอง
         ๑.   เป็นผู้มีศีลธรรม  และประพฤติตนเหมาะสม
         ๒.   ซื่อสัตย์
         ๓.   มีทัศนคติที่ดีและพัฒนาตนเอง
      จริยธรรมต่อหน่วยงาน
         ๑.   สุจริต  เสมอภาค  ปราศจากอคติ
         ๒.   ทำงานเต็มความสามารถ  รวดเร็ว  ขยัน  ถูกต้อง
         ๓.   ตรงต่อเวลา
         ๔.   ดูแล  รักษา  และใช้ทรัพย์สินของทางราชการอย่างประหยัด
      จริยธรรมต่อผู้บังคับบัญชา  ผู้ใต้บังคับบัญชา  และผู้ร่วมงาน
         ๑.   ร่วมมือ  ช่วยเหลือ  แนะนำ  ทำงานเป็นทีม
         ๒.   เอาใจใส่ดูแลลูกน้อง
         ๓.   สร้างความสามัคคีในการปฏิบัติหน้าที่
         ๔.   สุภาพ  มีน้ำใจ  มีมนุษยสัมพันธ์
         ๕.   ละเว้นการนำผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตน

      จริยธรรมต่อประชาชนและสังคม
         ๑.   ให้ความเป็นธรรมเอื้อเฟื้อ  มีน้ำใจ  สุภาพอ่อนโยน
         ๒.   ประพฤติตนให้เป็นที่เชื่อถือแก่บุคคลทั่วไป
         ๓.   ละเว้นการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด  ซึ่งมีมูลค่าเกินปกติวิสัยจากผู้มาติดต่อ

จริยธรรมในฐานะหัวหน้างาน
      จริยธรรมพื้นฐานของหัวหน้างาน  มี  ๔  ประการ  คือ
      ๑.   ความซื่อสัตย์ต่อหน่วยงานแม่
      ๒.   ความซื่อสัตย์ต่อหน่วยงานของตน
      ๓.   ความรับผิดชอบต่อหน้าที่
      ๔.   ความเสียสละ
      ๕.   รับผิดชอบในความสำเร็จและความล้มเหลวของหน่วย
      ๖.   ต้องเป็นตัวอย่างที่ดี
              ๗.   สร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันภายในหน่วย
             ๘.   สั่งงานไม่เกินขีดความสามารถของหน่วยรอง
      ๙.        ตรงไปตรงมา
      ๑๐.     ยุติธรรม
      ๑๑.     ไม่เห็นแก่ตัว

จริยธรรมในฐานะฝ่ายบริการ และสนับสนุน
      ๑.   พึงปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต
      ๒.   ปฏิบัติงานด้วยความละเอียดรอบคอบ
      ๓.   มีความรับผิดชอบ
      ๔.   พัฒนาความรู้ความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่อยู่เสมอ
      ๕.   ประหยัดทรัพยากรของหน่วยงาน
      ๖.   ดำรงชีพให้เหมาะสมกับฐานะ  ไม่ฟุ่มเฟือย  ไม่สุรุ่ยสุร่าย
      ๗.   รักษาจรรยาวิชาชีพที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด
      ๘.   มีมนุษยสัมพันธ์อันดีกับทุกคน
 
    จริยธรรมในการทำงาน จากประสบการณ์

  ข้อที่พึงละเว้น
      -   ไม่นินทานาย หรือกล่าวถึงส่วนไม่ดีของนายให้ผู้ใดฟังทั้งสิ้น
      -   ไม่พูดเรื่องส่วนตัวของนายให้ผู้อื่นทราบแม้คนใกล้ชิดในครอบครัวของเรา
      -   ไม่ปิดบังเรื่องใด ๆ กับนายแม้ความผิดของตัวเองก็ยอมรับผิดอย่างตรงไปตรงมา
      -   ไม่ฟ้องนายในเรื่องที่เพื่อนร่วมงานหรือลูกน้องทำผิดพลาด บางเรื่องกลับต้องออกรับหน้าแทนเสียเอง
      -   ไม่เอาเปรียบเพื่อนร่วมงานในทุกเรื่อง
      -   ไม่เห็นแก่ตัวเอาความดีใส่ตัวเพียงคนเดียว หรือโยนความผิดให้ผู้อื่น
      -   ไม่งอนหรือแสดงสีหน้าไม่พอใจนาย เมื่อนายใช้อารมณ์กับเรา
      -   ไม่เถียงนายต่อหน้าผู้อื่น ใช้วิธีขออนุญาตชี้แจงเมื่อไม่มีคนอื่นแล้ว
      -   ไม่ต้องให้นายสั่งไปเสียทุกเรื่อง
      -   ไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของนาย
      -   ไม่ทำหรือส่งเสริมหรือสนับสนุนให้นายทำในสิ่งที่ผิดศีลธรรม, คุณธรรม, จริยธรรม, ระเบียบ, ข้อบังคับ ตลอดจนกฎหมายบ้านเมือง
      -   ไม่ประพฤติตนผิดศีลธรรม, จริยธรรม, ระเบียบ, ข้อบังคับ, กฎหมายบ้านเมือง จนมีเรื่องเดือนร้อนมาถึงนาย
      -   ไม่รับสินบนหรือของกำนัลในลักษณะสินบนจากบุคคลอื่น
      -   ไม่ใช้หน้าที่และฐานะที่อยู่หน้าห้องนาย เพื่ออำนวยประโยชน์ให้แก่พวกพ้อง หรือคนในครอบครัวในทางที่ไม่สมควร
      -   ไม่นำพวกพ้องหรือคนในครอบครัวมาเป็นภาระให้นายช่วยเหลือ
      -   ไม่ร้องขอความช่วยเหลือในเรื่องส่วนตัวใด ๆ จากนาย ยกเว้น นายยื่นมือเข้าช่วยเหลือเอง
      -   ไม่กีดกันบุคคลใด ๆ ไม่ให้เข้าพบหรือติดต่อกับนาย ยกเว้นบุคคลที่นายสั่งไว้ (ไม่หวงนาย)
      -   ไม่ตัดสินใจหรือออกความเห็นแทนนายในเรื่องที่บุคคลในหน่วยงานขอให้ถามนาย
      -   ไม่แก้หนังสือของหน่วยรอง และส่งกลับคืนเสียเองก่อนนำเรียนนาย
      -   ไม่ตอบนายว่า ?ไม่ทราบ? อยู่เสมอ ๆ ควรใช้คำพูดว่า ?ขออนุญาตไปตรวจสอบก่อน?
      -   ไม่ใช้โทรศัพท์ของนาย หรือเวลาที่จะต้องปฏิบัติหน้าที่ให้นายไปติดต่อเรื่องส่วนตัว
      -   ไม่ฉวยโอกาสแสวงประโยชน์ส่วนตัวจากบุคคลที่มาติดต่อกับนายหรือแขกของนาย
      -   ไม่เปิดเผยข้อราชการหรือการสั่งการของนายที่เป็นเรื่องลับ หรือเรื่องที่ไม่ควรเปิดเผยทั่วไป ให้แก่บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้อง
      -   ไม่อ้างนายหรือคำสั่งนาย หรือทำให้ผู้อื่นเข้าใจว่าเป็นคำสั่งนาย ต่อผู้อื่นเพื่อประโยชน์ตน
      -   ไม่ขออนุญาตไปทำธุระส่วนตัวโดยไม่คำนึงถึงความสำคัญของงานของนายในวันนั้น

ข้อที่พึงปฏิบัติ
      -   กล่าวสรรเสริญความดีของนายต่อบุคคลอื่นเสมอ (ถึงแม้มีส่วนที่ไม่ดีอยู่บ้างก็จะพูดเฉพาะส่วนที่ดี)
      -   รักษาความลับในเรื่องส่วนตัวของนาย
      -   กล้าพูด กล้าถาม กล้าแสดงความคิดเห็นทุกเรื่อง อย่างตรงไปตรงมา
      -   เสนอแนะนายในการดูแลสวัสดิการและความก้าวหน้าของเพื่อนร่วมงานและลูกน้อง
      -   ทำใจให้พร้อมที่จะรองรับอารมณ์โกรธหรือถูกด่าว่า ถูกตำหนิจากนาย (บางคน) โดยไม่แสดงออกซึ่งความไม่พอใจ
      -   ชี้แจงเหตุผลให้นายทราบเมื่อนายอารมณ์เย็นลงแล้ว
      -   ดูแลต้อนรับผู้มาติดต่อกับนาย และแขกของนายอย่างเท่าเทียมกัน โดยไม่ต้องให้นายสั่ง
      -   ริเริ่มวาดภาพล่วงหน้าเสมอ สมมุติว่าถ้าเราเป็นนายเราจะต้องไปไหน ทำอะไรบ้างในวันนี้และพรุ่งนี้  ควรจะต้องรับรู้หรือเตรียมการอย่างไรบ้าง แล้วเราก็เตรียมแบบนั้นให้นายโดยไม่ต้องรอให้นายสั่งก่อนจึงทำ
      -   ประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในศีลธรรมอันดี การพูดติดต่อประสานงานกระทำด้วยวาจาสุภาพ แต่งกายเรียบร้อยถูกระเบียบ มีวินัยในการแสดงการเคารพ ไม่ถือตัวว่าอยู่หน้าห้องนายแล้วไม่ต้องไหว้ใคร ทำตัวให้ผู้อื่นชื่นชม
      -   ปฏิบัติต่อบุคคลต่าง ๆ ตามนโยบายของนาย เช่น ผู้ใดไม่ต้องการพูดโทรศัพท์ด้วย หรือไม่อยากให้เข้าพบ เป็นต้น ต้องรู้จักหาวิธีพูดปฏิเสธโดยนุ่มนวล ไม่ให้เขารู้สึกว่านายสั่งไว้
      -   หากตรวจพบข้อผิดพลาดในหนังสือที่จะนำเรียนนาย ควรนำกลับไปถามนายรองคนสุดท้ายที่เซ็นเสนอขึ้นมาให้ท่านตัดสินใจและรับผิดชอบดำเนินการต่อไป ไม่ควรติดต่อกับเจ้าของ ยกเว้นเป็นคำผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่ควรกวนนายรอง
      -   มาถึงที่ทำงานก่อนนายและกลับหลังนายเสมอ
      -   ใช้คำพูดที่เหมาะสมในการตอบผู้มาติดต่อในขณะที่นายพักผ่อนอยู่ หรือออกไปรับประทานอาหารกลางวันแล้วยังไม่กลับเข้าสำนักงาน
      -   รีบติดต่อแจ้งให้นายทราบทันทีที่นายใหญ่เรียกพบ หรือมีบันทึกสั่งการในหนังสือ      -   ต้องเรียนรู้นิสัยใจคอของนายรู้ว่าสิ่งใดที่เราควรพูด ควรทำหรือไม่ แค่ไหน อย่างไร ในช่วงจังหวะเวลาใด

เทคนิคบางประการในการทำงานทั่วไป
                  - สร้างความสัมพันธ์อันดีกับทุกคนในหน่วยงาน
      - มีของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ทุกคนในหน่วยงาน เมื่อถึงวันเกิดหรือเทศกาลปีใหม่
      - ถ้าผู้อาวุโสโทรมาบอกว่าจะมาประสานเรื่องงาน จะเป็นฝ่ายเดินไปหาผู้อาวุโสเอง
      - ใช้หลักธรรมะในการปฏิบัติงาน ที่ใช้ประจำได้แก่
           * เราจะให้อภัย ไม่โกรธ ไม่หงุดหงิด ไม่อึดอัดขัดเคืองผู้ใด  หรือเรื่องใด
           * เขามีส่วนเลวบ้างช่างหัวเขา จงเลือกเอาส่วนที่ดีเขามีอยู่?
          * แก้ที่คนอื่นยาก ต้องแก้ที่ใจเรา
          * กรรมบท ๑๐ ได้แก่  กาย  ๓  (ไม่ฆ่าสัตว์  ไม่ลักทรัพย์  ไม่ประพฤติผิดในกาม)  วาจา  ๔(ไม่พูดปด  ไม่พูดหยาบ  ไม่พูดส่อเสียด  ไม่พูดเพ้อเจ้อ)  ใจ  ๓  (ไม่คิดอยากได้ทรัพย์ผู้อื่น ? โลภะ  ไม่ผูกอาฆาต ? โทสะ  มีความเห็นถูกต้อง ? โมหะ)
       - ซื่อสัตย์ จริงใจต่อนายและลูกน้องในหน่วย  ถือหลัก รายงานนายทุกเรื่องกระจายข่าวสาร แลกเปลี่ยนความรู้ เพื่อนร่วมงาน
   - รายงานเรื่องที่ทำการแทนนายทันที่ที่ท่านกลับมา หรือเขียนโน้ตทิ้งไว้บนโต๊ะนาย
      - เมื่อหัวหน้าเรียกนาย ช่วยคิดและคาดเดาว่าจะเป็นเรื่องอะไร เสนอแฟ้มอะไรขึ้นไปหรือสอบถามเลขา ให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่นาย เอาเรื่องเดิมมาให้ท่านทบทวน เสนอแนะจุดที่คิดว่าน่าจะเป็นปัญหา และคำตอบหรือคำชี้แจงหัวหน้า
      - แสดงการเคารพผู้อื่นด้วยความเคารพ ยิ้มแย้มแจ่มใส
      - รักษาน้ำใจเพื่อนร่วมงาน และผู้ใต้บังคับบัญชา เช่น การแก้หนังสือ การรับประทานของว่าง
      - ให้ความเห็นใจต่อความจำเป็นส่วนตัวของแต่ละคน ถามทุกข์สุข ถามการเดินทางไป - กลับบ้าน เห็นใจไม่ใช้งานใกล้เวลากลับบ้าน
      - ก่อนเวลางาน หรือพักเที่ยง หรือเกินเวลางาน ถ้ามีงานด่วนมักจะพิมพ์เองทำเอง แล้วลูกน้องเขาก็มาช่วยเอง
      - ใช้คนให้เหมาะกับงาน รู้ว่าใครถนัดอะไร ไม่ถนัดอะไร สั่งแล้วทำไม่ถูก ใคร่ครวญดูว่าเขาเข้าใจผิดหรือเราสั่งไม่ชัดเจน
      - พูดกับลูกน้องที่เกเร แบบสองต่อสอง สอบถามความจำเป็นส่วนตัว ขอให้คิดถึงส่วนรวมไม่เอาเปรียบเพื่อนร่วมงาน ไม่ด่าว่าต่อหน้าคนอื่น
      - ไม่ทำลายบรรยากาศในสำนักงานด้วยการระบายอารมณ์ใส่ลูกน้อง
      - ขอโทษทุกคนเสมอ เมื่อความผิดพลาดนั้นเกิดจากเรา
      - ให้เกียรติด้วยคำพูดต่อผู้ที่มีอายุมากกว่า
      - ปฏิบัติตัวเป็นตัวอย่างทุกเรื่องที่คนทั่วไปมักจะปฏิบัติย่อหย่อน เช่น การตรงต่อเวลาในการเข้าทำงานเช้า พักกลางวัน และเวลากลับบ้าน การไม่ใช้โทรศัพท์ของหน่วยงานติดต่อเรื่องส่วนตัว การรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบของโต๊ะทำงาน การประหยัดไฟฟ้าด้วยการปิด - เปิดไฟ/เครื่องปรับอากาศ ตามเวลาที่กำหนด การไปร่วมฟังธรรม  การไม่กู้หนี้ยืมสิน ไม่เล่นหวยใต้ดินในที่ทำงาน ไม่สวมรองเท้าแตะออกนอกห้องทำงาน ใช้ห้องน้ำแล้วราดให้เรียบร้อยช่วยปิดก๊อกที่ปิดไม่สนิท ช่วยเก็บถ้วยจานที่ลูกน้องบริการของว่างบนโต๊ะทำงาน ช่วยปิดสำนักงานหน้าต่างประตูเมื่อจะกลับบ้าน เซ็นแฟ้มแล้วเดินเอาไปให้ลูกน้องที่โต๊ะ รีบทำเรื่องด่วนทันทีที่เห็นไม่รอให้ลูกน้องนำมาให้ตามขั้นตอน เซ็นแฟ้มทันทีที่ลูกน้องนำมาวางไม่ให้เรื่องแช่อยู่ที่โต๊ะเรา ไม่ใช้ลูกน้องทำธุระส่วนตัวมากจนเกินควร
   - ลูกน้องปฏิบัติไม่ถูกไม่เหมาะสมด้วยเรื่องใด ไม่ต่อว่าทันที ดูที่ตัวเราก่อนว่าสั่งผิดหรือเปล่า พูดหรือเขียนไม่ชัดเจนหรือเปล่า ถ้าตรวจสอบแล้วเราไม่ผิด จะใช้วิธีสอนและอธิบายในสิ่งที่ถูกให้ฟัง
      - ไม่โทษลูกน้องเมื่อนายตำหนิ เนื่องจากเอกสารผิดพลาดเพราะเราก็มีส่วนในการตรวจผ่านไป
      - หน้าห้องนายแก้หนังสือเรา ถ้าเราผิดจริงยอมแก้โดยดุษณีและขอบคุณเขาที่ช่วยดูไม่โกรธ แต่ถ้าเขาผิด ขึ้นไปอธิบายให้ฟังหรือเขียนโน้ตชี้แจง ขออนุญาตยืนยันตามเดิมยกเว้นนายสั่งแก้
      - เรื่องด่วนที่สุด สำคัญจริง ๆ ต้องรู้วิธีลัดขั้นตอน ทั้งการเสนอเซ็น และการให้ม้าเร็วไปส่งหนังสือถึงตัวผู้ดำเนินการต่อ ไม่ยึดติดกับระเบียบปฏิบัติจนเกินไป
   - ให้เกียรติหน้าห้องนายในการตรวจแก้หนังสือ ถึงแม้เขาจะอาวุโสน้อยกว่า ถือว่าเขาช่วยไม่ให้หนังสือของหน่วยผิดพลาด
   - ไม่แก้ร่างหนังสือของลูกน้องโดยฉีกทิ้งทั้งฉบับหรือร่างใหม่ทั้งหมด พยายามใช้กระดาษของเขาและข้อความของเขาให้มากที่สุด เพื่อรักษาน้ำใจและเสริมสร้างกำลังใจ
      - การแก้ร่างหนังสือหากงานไม่ยุ่งมากจะพยายามแก้ไขร่างที่ลูกน้องเขียนมาทุกเรื่อง จะไม่ใช้วิธี ?พูดอย่างเดียว?   ว่าให้ไปปรับอย่างนั้นอย่างนี้ เพื่อให้ลูกน้องไม่อึดอัดและบ่นในใจว่า ?ก็ผมคิดได้แค่นี้ จะให้แก้อย่างไรก็เขียนมาสิ?  และเพื่อให้เขามีตัวอย่างเก็บไว้ดูด้วยว่าเราคิดอย่างไรเขียนอย่างไร
   - สนับสนุนลูกน้องที่หารายได้พิเศษโดยสุจริต ไม่เบียดบังเวลางานจนเกินไป เช่น ช่วยซื้อของที่นำมาขายนอกเวลางาน ฯลฯ
   - กล่าวชมเชยและขอบคุณลูกน้องเสมอ ๆ
   - ดูแลให้มีเครื่องมือและอุปกรณ์ในการทำงานของลูกน้องอย่างเพียงพอไม่สั่งงานอย่างเดียว
   - ใช้งานลูกน้องออกนอกหน่วย ให้ค่าอาหาร ค่าน้ำมันรถ และใช้ในเส้นทางกลับบ้าน
   - รีบแจ้งเรื่องสำคัญเร่งด่วน ที่เกี่ยวข้องกับกำหนดการปฏิบัติของนายให้หน้าห้องทราบทางโทรศัพท์ในชั้นต้นก่อน แล้วจึงทำงานหนังสือ

ข้อคิดบางประการในการทำงานเกี่ยวกับการเงิน
      - มีความรู้สึกต่อเงินของหน่วยงานเสมือนหนึ่งเป็นผู้เก็บรักษาเศษกระดาษ (ไม่มีค่าสำหรับเรา)  แต่ต้องเก็บรักษาให้ดีเหมือนธนาคารรับฝากเงินคนอื่น
   - เก็บเงินของหน่วยงานกับเงินส่วนตัวคนละกระเป๋า คนละบัญชี เพื่อป้องกันการครหา
   - เงินแก้ปัญหาของผู้บังคับบัญชา ต้องสนับสนุนให้หน่วยเกี่ยวข้องเพื่อแก้ปัญหาในการปฏิบัติงานได้อย่างรวดเร็ว ทันเวลา ไม่กำหนดข้อปฏิบัติด้านเอกสารยุบยิบเกินไป เพื่อมุ่งแต่จะป้องกันตนเองไม่ให้ถูกกล่าวหาว่า  ทุจริต  หรือไม่รอบคอบ
   - ทำหน้าที่ถือเงินของหน่วย   ถ้าออกเงินให้กู้  (ถึงแม้จะเป็นเงินส่วนตัว)  จะทำให้ภาพพจน์เสียได้  อาจถูกมองว่า  นำเงินหน่วยมาให้กู้กินดอก
   - เจ้าหน้าที่การเงินเป็นผู้หนึ่งที่ช่วยสร้างและบำรุงขวัญของข้าราชการในหน่วยได้ เพราะทุกคนย่อมต้องการได้รับเงินโดยเร็ว ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน เงินตกเบิก เงินค่าเช่าบ้าน เงินค่ารักษาพยาบาล เงินค่าเล่าเรียนบุตร ฯลฯ  ฉะนั้น พึงปฏิบัติงานเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ให้รวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
   - ข้าราชการบางคนติดภารกิจสำคัญไม่สามารถไปเซ็นรับเงินด้วยตนเองได้ อาจขอให้ผู้อื่นมาเซ็นรับแทน เรื่องนี้ถ้าพออนุโลมได้น่าจะให้รับแทนได้ ไม่ทำตัวเป็นไม้บรรทัดเหล็กตรงเป๊ะ
    - ไม่ทำงานป้องกันตนเองจนเกินไป    โดยไม่คำนึงถึงภารกิจของหน่วยหรือความเดือนร้อนของข้าราชการในหน่วย
   - ไม่ห่วงเรื่องส่วนตัวมากกว่างานในหน้าที่  เช่น  ลาหยุด  ๓  วัน  เพื่อดูหนังสือเตรียมสอบวิชาที่กำลังเรียนนอกเวลาราชการ  ทำให้งานในส่วนที่รับผิดชอบอยู่ต้องชะงักล่าช้าไป  ๓  วัน  หรือบางครั้งเกินกำหนดส่งประจำงวดหรือประจำเดือน  กลายเป็นล่าช้าไปอีก  ๑  งวด  หรือ  ๑  เดือน
   - ไม่สะสมเรื่องไว้ทำพร้อมกันครั้งเดียวหลายเรื่อง  ทั้งที่เรื่องนั้นสามารถแยกทำทีละรายได้ ทั้งนี้  เพื่อความเป็นธรรมแก่ผู้ยื่นเรื่อง  ก่อน - หลัง
    - ไม่เลือกปฏิบัติกับคนที่คุ้นเคยกันโดยทำเรื่องให้เร็วหรือทำเรื่องให้ก่อน  และไม่ดึงเรื่องของคนที่ไม่ชอบกันให้ช้า  ควรแยกความรู้สึกส่วนตัวกับบุคคลต่าง ๆ  ออกจากความรับผิดชอบงานในหน้าที่

พฤติกรรมตัวอย่างที่เห็นว่าเป็นพฤติกรรมที่มีคุณธรรมและจริยธรรม
   ๑.   พาผู้ใต้บังคับบัญชาไปวัดฟังธรรมและนั่งสมาธิ
   ๒.   ให้หัวหน้าแผนกไปติดตามดูลูกจ้างที่ขาดราชการไปหลายวัน  ทราบว่าที่บ้านถูกน้ำท่วมจึงทำเรื่องขอความช่วยเหลือจากทางราชการและรวบรวมความช่วยเหลือขั้นต้นภายในหน่วย
   ๓.   ยอมรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายไม่ถือความคิดของตนเองเป็นใหญ่
   ๔.   สนับสนุนผู้ใต้บังคับบัญชาให้เข้าศึกษาอบรมหลักสูตรต่าง ๆ  เพื่อเพิ่มพูนความรู้
   ๕.   แยกเรื่องงานออกจากความขัดแย้งส่วนตัวได้
   ๖.   ถือว่าความสำเร็จของงานมาจากความสามารถของผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคน
   ๗.   ไม่ปล่อยให้งานคั่งค้าง ตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้องพร้อมให้ข้อมูลแก่ผู้บังคับบัญชาเสมอ
   ๘.   ได้รับสินน้ำใจจากผู้มาติดต่อ  นำเข้าเป็นส่วนรวมไม่เก็บไว้คนเดียว
   ๙.   เก็บเงินที่ผู้รับเงินทำตกไว้  คืนให้เจ้าของ
   ๑๐.   ไม่ใช้อารมณ์ในการทำงานไม่ใช้วาจาจาบจ้วงหรืออารมณ์ร้ายกับผู้ใต้บังคับบัญชา
   ๑๑.   เป็นครูของผู้ใต้บังคับบัญชาได้  ไม่สั่งการหรือควบคุมอย่างเดียว
   ๑๒.   แสดงความชื่นชมผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งต่อหน้าและลับหลัง
   ๑๓.   ค้นคว้าหาความรู้ใหม่ ๆ  นำมาบอกผู้ใต้บังคับบัญชาให้รู้ด้วย
   ๑๔.   ประดิษฐ์ดอกไม้มอบให้ลูกน้องในวันเกิด
   ๑๕.   เยี่ยมให้กำลังใจข้าราชการที่ป่วย  รวมทั้งบิดา - มารดา  ของข้าราชการที่ป่วยนอน  รพ.
   ๑๖.   สวดมนต์ไหว้พระและแผ่เมตตาทุกเช้าก่อนเริ่มงาน
   ๑๗.   ปกป้องลูกน้องที่ดีเมื่อทำงานผิดพลาดในบางครั้ง
   ๑๘.   ปฏิบัติงานก่อนและหลังเวลาราชการ  (มาทำงาน  ๐๗๐๐ - ๑๘๐๐)
   ๑๙.   กล้ารับผิดชอบงานที่ลูกน้องทำเสมอ
   ๒๐.   ต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิของผู้ใต้บังคับบัญชา
   ๒๑.   มาทำงานตรงต่อเวลาและไม่กลับก่อนเวลา
                  ๒๒.   ช่วยดูแลไม่ให้เพื่อนร่วมงานใช้วัสดุสิ้นเปลืองเกินจำเป็น และไม่ใช้วัสดุของทางราชการไปทำงานส่วนตัว  เช่น  การถ่ายเอกสาร  เป็นต้น
   ๒๓.   ช่วยปิดไฟฟ้าเมื่อหยุดพักทำงาน
   ๒๔.   ข้าราชการเข้าใหม่ผู้หนึ่ง  ใช้ความเป็นข้าราชการไปทำมาหากินโดยมิชอบ  เพื่อนำเงินทองมาเที่ยวเตร่เลี้ยงเพื่อนฝูงจนเกิดเหตุ  ผู้บังคับบัญชาได้ลงโทษพอควรแก่เหตุและให้โอกาสปรับปรุงตัว  และกระตุ้นเตือนเพื่อนร่วมงานอย่าได้ซ้ำเติม  ขอให้ช่วยเป็นกำลังใจและให้โอกาสแก่ข้าราชการผู้นั้น  ทำให้ข้าราชการผู้นั้นมีกำลังใจที่จะแก้ไขปรับปรุงตัว  จนเป็นข้าราชการที่ดีในที่สุด
   ๒๕.   เมื่อมีข้าราชการมีเหตุจำเป็น  ก็จัดเวรแทนกัน
   ๒๖.   มีความเป็นธรรมในการพิจารณาบำเหน็จประจำปี  โดยพิจารณาจากการทำงานทั้งปี  ไม่ได้ดูเฉพาะใกล้ ๆ  เวลาพิจารณาบำเหน็จ
   ๒๗.   เรียกผู้ใต้บังคับบัญชาไปตักเตือนตัวต่อตัว  ด้วยคำพูดแสดงความห่วงใย  ไม่ประจานต่อหน้าผู้อื่น
   ๒๘.   ข้าราชการผู้หนึ่งพบเห็นอุปกรณ์ของทางราชการชำรุด  ก็ซ่อมให้ด้วยความรู้ความ สามารถของตนด้วยใจ  โดยไม่คิดว่าธุระไม่ใช่
   ๒๙.   จ่ายเงินให้ลูกน้องเกินไป  ๕๐๐.- บาท  ลูกน้องผู้นั้นได้นำเงินมาคืนให้
   ๓๐.   ผู้บังคับบัญชาท่านหนึ่ง  ปกครองผู้ใต้บังคับบัญชาเหมือนพ่อแม่ที่ห่วงใยลูกหลาน  ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยใจจริง  และห่วงใยไปถึงครอบครัวและบุตรหลาน
   ๓๑.   ผู้บังคับบัญชาท่านหนึ่งมีความเป็นธรรมในการปกครองบังคับบัญชา  ผู้ใดทำงานดีท่านจะยกย่องและให้ความดีความชอบตามความเหมาะสม  ผู้ใดทำงานไม่ดีไม่มีผลงานท่านจะว่ากล่าวตักเตือนและพิจารณาผลงานตามความเป็นธรรม  ผู้ใต้บังคับบัญชาบางรายพยายามประจบประแจงทั้ง ๆ  ที่ตนไม่มีผลงานแต่ท่านก็ไม่หลงกลทำให้เสียความเป็นธรรมแต่อย่างใด




พฤติกรรมตัวอย่างที่เห็นว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่มี  หรือขาด  หรือด้อย  คุณธรรมและจริยธรรม
   ๑.   ทราบข้อมูลใหม่ ๆ  แต่ไม่บอกเพื่อนร่วมงาน
   ๒.   ไม่ให้ความร่วมมือให้ข้อมูลแก่ผู้อื่น  จะเก็บไว้เรียนกับผู้บังคับบัญชาเอง
   ๓.   เอาแต่พวกพ้อง  พูดจาไม่ดีในการใช้งาน  ผู้ใต้บังคับบัญชามีปัญหาส่วนตัวซึ่งทำให้กระทบถึงการทำงาน  แต่ไม่สอบถามทุกข์สุขกลับรายงานผู้บังคับบัญชาชั้นสูงเพื่อลงโทษเลย
   ๔.   ใช้พระเดชมากกว่าพระคุณ  ถือความคิดเห็นของตนเองเป็นใหญ่  ไม่ฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
   ๕.   ไม่มีจุดยืนของตัวเอง  ขาดความเชื่อมั่นไม่กล้าตัดสินใจ
   ๖.   ไม่กล้าลงโทษผู้ใต้บังคับบัญชาที่ละทิ้งงาน
                  ๗.    เป็นเจ้าหน้าที่เบิกค่ารักษาพยาบาลและค่าเล่าเรียน  แต่มักจะพูดจาไม่ไพเราะเอาแต่ใจ  จนคนงานและลูกจ้างไม่กล้าติดต่อด้วย  ต้องติดต่อผ่านเจ้าหน้าที่คนอื่น
   ๘.   ยักยอก  ปลอมแปลงเอกสาร  ปลอมลายเซ็นผู้บังคับบัญชา
   ๙.   พิจารณาบำเหน็จไม่เป็นธรรม  งานคั่งค้างทำงานไม่ตรงต่อเวลาแต่ได้รับการปูนบำเหน็จ
   ๑๐.      พูดจาไม่เรียบร้อย  เสียงดัง  ข่มด่าข้ามหัวผู้อื่น  ชอบนำปมด้อยของผู้อื่นมาล้อเลียน  ชอบนินทา  ยุแยงตะแคงรั่วให้ผู้อื่นทะเลาะกัน
   ๑๑.      ปกครองผู้ใต้บังคับบัญชาแบบระบบอาญาสิทธิ์  ใช้อารมณ์  ไม่เป็นกลางในการตัดสินใจ
   ๑๒.   สั่งงานข้ามขั้นไม่สั่งตามสายการบังคับบัญชา
   ๑๓.   พูดคำด่าคำ  เช่น  โง่  บ้า  ปัญญาอ่อน  สมองหมา  ปัญญาควาย
   ๑๔.   หวงความรู้  หวงข้อมูล  ไม่ยอมบอกให้เพื่อนร่วมงานทราบ  เพราะเกรงว่าเพื่อนร่วมงานจะดีเด่นกว่า
   ๑๕.   เชื่อและฟังคนใกล้ชิดมากเกินไป  ทำให้เสียการปกครอง
   ๑๖.   บางคนทำผิดร้ายแรงแต่ไม่ลงโทษหรือลงโทษเบา  แต่บางคนทำผิดเล็กน้อยหรือด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์  และไม่ใช่ความผิดร้ายแรง  กลับได้รับโทษหนัก
   ๑๗.   เอาความดีใส่ตนโดยที่ตนเองไม่ได้ทำงานนั้นเอง
   ๑๘.   ผู้บังคับบัญชาบางคนไม่ชอบพอใครเป็นส่วนตัว  พยายามหาทางขัดขวางหรือทำลายให้เสียหาย
   ๑๙.   นำปัญหาของผู้อื่นไปเล่าให้คนอื่น ๆ  ฟังในลักษณะนินทา  แทนที่จะสงสารหรือคิดช่วยเหลือ
   ๒๐.   โกงกินกันเป็นกลุ่ม ๆ
   ๒๑.   มาทำงานสาย  กลับก่อน  ลาครึ่งวัน  ชอบเดินคุยตามห้อง  เวลาทำงานลงไปกินข้าว  เวลาคนอื่นทำงานก็นั่งหลับ  ทำงานส่วนตัวในที่ทำงาน  ทำงานราชการเป็นงานอดิเรก  ไม่เคยให้คำปรึกษาแก่ลูกน้อง  ไม่สนใจว่าลูกน้องมีปัญหาอะไร
   ๒๒.   เมื่อย้ายมารับหน้าที่ใหม่  นำพวกพ้องตามมาด้วยกลุ่มหนึ่ง  และร่วมกันทำการไม่โปร่งใส
   ๒๓.   ลูกน้องไปส่งหนังสือนอกหน่วย  รถจักรยานยนต์ล้มได้รับบาดเจ็บ  รถเสียหาย  หัวหน้ากลับเรียกมาด่า  หาว่าทำงานโดยความประมาทแทนที่จะให้กำลังใจ
   ๒๔.   คนที่ทำงานขยันมากไม่ได้รับบำเหน็จ  ๒  ขั้น  แต่เด็กของนายที่ไม่ค่อยทำงานเท่าไรนายกลับให้  ๒  ขั้น
   ๒๕.   ชอบบังหลวงเป็นประจำ  สร้างหนี้สินมากมาย
   ๒๖.   ผู้บังคับบัญชาบางคนพยายามสร้างความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับลูกน้องผู้หญิงที่หน้าตาดี
                  ๒๗.    ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ทั่วถึง  ให้ความสนิทสนมเฉพาะกลุ่ม
                  ๒๘.   มีอคติลำเอียง  มีความอยุติธรรม  ขาดเมตตาธรรม  ขาดภาวะผู้นำ  ให้สิทธิประโยชน์แก่คนใกล้ตัว  ตัดสินใจไม่เด็ดขาด
   ๒๙.   ผู้ร่วมงานบางคนหวงงาน  เอาเปรียบผู้อื่น  ทำงานหยิบโหย่ง  ชอบทำงานเอาหน้า  ชอบการหมกเม็ด
   ๓๐.   นินทาเพื่อนร่วมงาน  หาทางปัดแข้งปัดขาผู้อื่น
   ๓๑.   เอาเปรียบทางราชการ  มาสายกลับก่อน  ใช้วัสดุของทางราชการไปทำประโยชน์ส่วนตัว
   ๓๒.   ไม่ให้ความร่วมมือในการประหยัดพลังงานของหน่วย
   ๓๓.   เพื่อนร่วมงานมีงานเข้ามามากจะไม่ยอมช่วยเหลือ  แต่ถ้างานของตัวเองเข้ามามาก  ก็จะบ่นมากมายเพื่อให้ผู้บังคับบัญชาแบ่งงานของตนเองให้แก่ผู้อื่น
   ๓๔.   ผู้บังคับบัญชาท่านหนึ่ง  ปกครองผู้ใต้บังคับบัญชาโดยใช้อำนาจตามความพอใจของตนไม่เคยฟังความคิดเห็นของผู้ใต้บังคับบัญชา  หากไม่พอใจใครจะคอยหาโอกาสขัดขวางและทำลายให้เกิดความเสียหายโดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง  จนทำให้ข้าราชการดี ๆ  ที่มีความซื่อสัตย์สุจริตเกิดความท้อแท้อย่างมาก
   ๓๕.   บางคนหาทางก้าวหน้าโดยอาศัยคนรู้จัก  โดยไม่คำนึงถึงใครมาก่อนมาหลัง
   ๓๖.   ผู้บังคับบัญชาบางคนใจแคบ  ไม่ค่อยซื้ออะไรเลี้ยงลูกน้อง    แต่ชอบกินของลูกน้องเป็นประจำ  กว่าจะเลี้ยงลูกน้องบ้างก็ต้องถูกลูกน้องพูดจากถากถางเสียก่อน
   ๓๗.   เป็นผู้บังคับบัญชา  แต่พูดจาทะลึ่งไม่น่าเคารพ
   ๓๘.   ผู้เป็นหัวหน้างานควรมีความรับผิดชอบ  เมื่อลูกน้องทำผิดพลาดควรจะรับผิดชอบด้วยเพราะหัวหน้างานก็เซ็นผ่านไม่น่าอ้างว่าไม่เห็น  หรือโทษว่าลูกน้องเป็นคนทำ  ควรรับผิดด้วยไม่ใช่รับชอบอย่างเดียว
   ๓๙.   ข้าราชการบางคนดื่มสุราเป็นอาจิณ  ไม่รับผิดชอบต่อครอบครัว  เล่นการพนันในวันเงินเดือนออก
   ๔๐.   แก่งแย่งชิงดี  อิจฉาริษยาในวงราชการ
   ๔๑.   ข้าราชการบางคน  ไม่อุทิศกำลังกายกำลังใจในการปฏิบัติงาน  เมื่อไม่สมหวังก็เริ่มจะเกเรลาป่วย  ทำงานตอนเช้าตอนบ่ายหาย
   ๔๒.   ข้าราชการบางคนไม่ตั้งใจทำงานแต่พยายามเอาตัวรอดโดยการประจบประแจง  เช่นนำสิ่งของมาให้ผู้บังคับบัญชา  หรือพูดยกย่องผู้บังคับบัญชาโดยไม่เป็นจริง
   ๔๓.   มีความประพฤติเสื่อมเสียทางเพศ  ตนเองมีครอบครัวแล้ว  แต่ยังชอบคบกับคนต่างเพศอย่างใกล้ชิดจนเกินควร  เช่น  ไปไหนมาไหนด้วยกันตามลำพัง  เป็นต้น


                                                ................................................................























 

หน้า: 1 ... 84 85 [86] 87 88 ... 95
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.11 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!