จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
เมษายน 18, 2024, 08:22:05 pm *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
ยินดีต้อนรับสมาชิก และผู้เยื่ยมชมทุกๆท่าน
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องสั้น เรื่อง สะพานแห่งความเหนื่อยยาก นางสาวสมพร หงษ์ยิ้ม โปรแกรมวิชาภาษาไทย  (อ่าน 3034 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
apairach
Administrator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1413


ดูรายละเอียด อีเมล์
| |
« เมื่อ: สิงหาคม 26, 2012, 12:25:05 pm »

เรื่องสั้น
เรื่อง  สะพานแห่งความเหนื่อยยาก
นางสาวสมพร  หงษ์ยิ้ม  โปรแกรมวิชาภาษาไทย  คณะครุศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร
   ? ขณะนี้เวลาแปดนาฬิกา   ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย........?  พรพรรณนั่งเตรียมการสอนอยู่ที่โต๊ะในห้องพักอาจารย์  เสียงที่ดังแว่วมาจากเครื่องกระจายเสียงของโรงเรียน  มันทำให้เธอนึกถึงเสียงๆ  หนึ่งที่คุ้นเคยคล้ายเคียงกับเสียงนี้   ถึงแม้มันผ่านมาหลายปีแล้วแต่พรพรรณยังจำเรื่องราวและความรู้สึกเหล่านั้นได้ดี  
   ?พรลูกแต่งตัวเสร็จหรือยัง  สายมากแล้วนะลูก?  เสียงแม่ยังแว่วมาจากในครัวเพื่อเตรียมให้ลูกสาวได้รู้ว่าได้เวลาที่จะต้องไปแล้ว
   ?เสร็จแล้วจ้า?  เสียงตอบจากลูกสาวคนเดียวของอำพร  ที่พึ่งจะกลับมาบ้านในวันสงกรานต์   อำพรเลี้ยงลูกสาวมาเพียงลำพังหลังจากที่สามีเขาถูกโรคร้ายพรากจากไป  ตั้งแต่พรพรรณอายุเพียงสองขวบ  อำพรทำอาชีพรับจ้าง  ส่งเสียให้ลูกสาวเรียน  อีกเพียงครึ่งปีเท่านั้นวันที่เธอรอคอยมาทั้งชีวิตก็จะมาถึง  อำพรมีความภาคภูมิใจที่สุดที่ลูกสาวของเธอเลือกเรียนครู  เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งในความฝันของเธอด้วย
   ?แม่วันนี้พรสวยไหม?  พรพรรณถามแม่แบบเขินๆ
   ?ลูกของแม่สวยที่สุด  เดี๋ยวนี้นี่โตเป็นสาวแล้ว  จะมองตรงนั้นก็สวย  หิหิ?
   พรพรรณเริ่มไม่มันใจสักเท่าไรเพราะหลังจากแม่พูดเสร็จก็หัวเราะเหมือนกับว่าสิ่งที่เธอมันตลกเสียมากมาย
   ทั้งสองเตรียมข้าวของที่เตรียมไว้พร้อมที่จะไปวัดถือคนละไม้ละมือ  แล้วออกเดินไปที่วัด  บ้านของพรพรรณอยู่ไม่ไกลจากวัดมากนัก  จึงไม่จำเป็นต้องมีพาหนะอะไรให้ต้องสิ้นเปลือง
   เมื่อมาถึงที่วัดพรพรรณต้องยกมือไหว้เป็นพัลวัน  เช่นเดียวกับแม่ของเธอที่ต้องตอบคำถามผู้คนที่มาทำบุญกันอยู่บนศาลาอย่างไม่หยุด  
   ?อ้าว!  แม่อำพรนี่หรอลูกสาวที่ไปเรียนครู?  ยายชิดถามเชิงทักทาย  ขณะที่คนอีกหลายคนต่างมองมาที่พรพรรณด้วยความสนใจใคร่รู้
   ?นี่เหละจ้า  พรลูกสาวฉันเอง  เรียนครูอยู่ที่กำแพง  พอดีปีนี่ใกล้จะเรียนจบแล้วงานการก็เริ่มเบาบางลงบางแล้ว  เลยมีเวลากลับมาเที่ยวบ้าน?  อำพรตอบอย่างภูมิใจ
   ?สวัสดีจ้ายายชิด?  พรพรรณยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อม
   ?เรียนครูใกล้จบแล้วหลอเถาน๊อะ  แหม!  ตอนแรกนึกว่าจะไปไม่รอดซะแล้ว  ก็เด็กสมัยนี้ก็เหมือนๆกัน  ท้องคาโรงเรียนกันทั้งนั้น  นี่แป๊บๆ  ก็จบแล้วเอ่อไวดีเหมือนกัน  เรียนจบได้ก็ดี?  ทุกคนในที่นั้นต่างพากันยิ้มย่องในคำพูดของยายชิด
   ?เอ่อ  จะพูดไปเรียนมาจนจบขนาดนี่ได้ก็ดีแล้ว  แม่เอ็งจะได้สบายกับเขาเสียที่?  ลุงสนิทพูด  
   ?ดูคนอื่นที่เขาไม่เรียนสิทำไร่ทำนากันอยู่อย่างนี้ทั้งชาติ  มีลูกมีผัวก็พากันลำบาก?  ป้าละม้อมพูด  
   พรพรรณฟังคำคนเหล่านั้นพรางนึกถึงวันที่เธอเรียนจบมอปลายและตั้งใจขอแม่ไปเรียนต่อ  ยายชิดและคนอื่นๆในหมู่บ้านต่างพากันพูดต่อว่าต่างๆ นานา  พูดกรอกหูแม่เธอทุกวัน   พรพรรณต้องแอบมานอนร้องไห้อยู่หลายๆ หน  แต่โชคดีที่แม่ของเธอไม่เคยใส่ใจเก็บคำพูดเหล่านั้นไปคิด  เพียงบอกให้พรพรรณเรียนต่อไปตามแต่ใจของพรพรรณ  แม่มีปัญญาที่จะส่งเสียให้ลูกเสมอ
   แม่ของพรพรรณต้องตื่นแต่เช้าเพื่อออกรับจ่างตามแต่จะมีคนจ้างให้ทำอะไร  พรพรรณรู้ดีว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ที่แม่ได้มานั้นต้องแลกมาด้วยความเหนื่อยความลำบากใจแทบขาด  
   ?แม่วันนี้ทำงานเหนื่อยไหม?  
   ? เหนื่อยสิลูก  แดดก็ร้อนมากด้วย?
   ? เหนื่อยมากหยุดบางก็ได้นะแม่  หยุดสักวันนะแม่?
   ?ไม่ได้หรอกลูก  เรายังต้องใช้เงินอีกเยอะ  พรรู้ไหมลูกว่าเหนื่อยกายพอพักก็หายเหนื่อย  แม่มีลูกที่แม่รักที่สุด  เป็นเด็กดีตั้งใจเรียน  ต่อให้แม่เหนื่อยกว่านี่แม่ก็ทนได้?
   ทุกคำพูดของแม่ดังก้องอยู่ในหูของพรพรรณเสมอ  ในวันที่เธอเรียนจบ  คว้าใบปริญญามามอบให้แม่ได้นั้นมันมีค่าและมีความหมายมากมายเกินคำบรรยาย  แต่เกินกว่านั้นเธอได้เป็นครูตามที่ตั้งใจ
   หลายเดือนต่อมาแม่ของพรพรรณล้มป่วย  เมื่อเธอได้มาพบกับคุณหมอที่รักษาแม่  เธอจึงได้ทราบว่าแม่ของเธอป่วยมาหลายปีแล้วด้วยโรคมะเร็งแต่ไม่ยอมรักษาตัว  แล้วยังทำงานหนักไม่พักผ่อนทำให้ป่วยหนักจนหมดทางรักษา
   อำพรนอนหลับตาอยู่บนเตียงผู้ป่วย  เธอยิ้มอย่างมีความสุข  เธอมองลูกสาวที่ตอนนี้โตเป็นผู้ใหญ่ได้เป็นครูตามที่เธอตั้งใจ  เธอไม่เอ่ยอะไรกับพรพรรณแม้แต่น้อย  นอนนิ่งๆ จนในที่สุดเธอได้สิ้นใจลงอย่างสงบโดยมีใบปริญญาของลูกอยู่ในอ้อมอกอย่างภูมิใจ  
   ?แม่อย่าทิ้งพรไป  ทำไมแม่ไม่บอกพรว่าแม่ป่วย  จะได้รักษาแม่จะได้อยู่กับพรนานกว่านี้หรือเป็นเพราะพร   ถ้าพรไม่เรียนแม่ก็คงไม่ตาย  ถ้าแม่ไม่ส่งพรเรียน  แม่คงมีเงินเก็บไว้รักษาตัวเอง  แม่ทำไมไม่บอกพร  พรเสียใจ?  พรพรรณร้องไห้แทบขาดใจ  เธอเสียใจที่ไม่มีโอกาสได้ทดแทนบุญคุณของแม่  ไม่มีโอกาสได้ดูแลท่านให้สุขสบายกว่านี้     ความเสียใจถาถมลงมาที่ใจของเธอ  เธอเสียใจมากเกินกว่าอะไรทั้งสิ้น
    พรพรรณสำนึกเสมอว่าความสำเร็จที่เธอได้มานั้นมีค่ามากมายนัก  เพราะมันต้องแลกมาด้วยชีวิตของผู้หญิงที่ชื่อว่าแม่  ที่พร้อมจะเป็นสะพานทอดผ่านขวากหนามให้ลูกได้เดินผ่านไปอย่างสบาย  เพียงได้เห็นว่าลูกประสบผลสำเร็จ  ความเจ็บปวดทุกอย่างก็มลายหายไปที่เหลือไว้คือความสุขความภูมิใจที่แสนยิ่งใหญ่
   เสียงระฆังดังเพื่อบอกเวลาเริ่มการเรียนการสอน
   ?ครูพรพรรณครับ  ครูครับ?
   เสียงนั้นทำให้เธอสะดุ้งตื่นจากความคิด  
   ?ครูครับผมมาช่วยครูยกสมุดการบ้านครับ?
   ?ได้จ้ะ ครูตรวจเสร็จพอดี  ยกไปรอครูที่ห้องเรียน  บอกเพื่อนด้วยว่าอย่าเสียงดังเดี๋ยวครูตามไป?  
   ใจของพรพรรณยังคงรู้สึกสะเทือนกับเหตุการณ์ที่เธอคิดถึง   ถึงแม้ว่าแม่จะจากเธอไปนานหลายปีแล้วแต่ความเจ็บปวด  ความเสียใจเหล่านั้นดูเหมือนว่ายังมิได้เบาบ้างลงไปได้เลย
   

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 26, 2012, 02:29:27 pm โดย apairach » บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.11 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!