หัวข้อ: เรื่องสั้น เรื่อง สะพานแห่งความเหนื่อยยาก นางสาวสมพร หงษ์ยิ้ม โปรแกรมวิชาภาษาไทย เริ่มหัวข้อโดย: apairach ที่ สิงหาคม 26, 2012, 12:25:05 pm เรื่องสั้น
เรื่อง สะพานแห่งความเหนื่อยยาก นางสาวสมพร หงษ์ยิ้ม โปรแกรมวิชาภาษาไทย คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร ? ขณะนี้เวลาแปดนาฬิกา ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย........? พรพรรณนั่งเตรียมการสอนอยู่ที่โต๊ะในห้องพักอาจารย์ เสียงที่ดังแว่วมาจากเครื่องกระจายเสียงของโรงเรียน มันทำให้เธอนึกถึงเสียงๆ หนึ่งที่คุ้นเคยคล้ายเคียงกับเสียงนี้ ถึงแม้มันผ่านมาหลายปีแล้วแต่พรพรรณยังจำเรื่องราวและความรู้สึกเหล่านั้นได้ดี ?พรลูกแต่งตัวเสร็จหรือยัง สายมากแล้วนะลูก? เสียงแม่ยังแว่วมาจากในครัวเพื่อเตรียมให้ลูกสาวได้รู้ว่าได้เวลาที่จะต้องไปแล้ว ?เสร็จแล้วจ้า? เสียงตอบจากลูกสาวคนเดียวของอำพร ที่พึ่งจะกลับมาบ้านในวันสงกรานต์ อำพรเลี้ยงลูกสาวมาเพียงลำพังหลังจากที่สามีเขาถูกโรคร้ายพรากจากไป ตั้งแต่พรพรรณอายุเพียงสองขวบ อำพรทำอาชีพรับจ้าง ส่งเสียให้ลูกสาวเรียน อีกเพียงครึ่งปีเท่านั้นวันที่เธอรอคอยมาทั้งชีวิตก็จะมาถึง อำพรมีความภาคภูมิใจที่สุดที่ลูกสาวของเธอเลือกเรียนครู เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งในความฝันของเธอด้วย ?แม่วันนี้พรสวยไหม? พรพรรณถามแม่แบบเขินๆ ?ลูกของแม่สวยที่สุด เดี๋ยวนี้นี่โตเป็นสาวแล้ว จะมองตรงนั้นก็สวย หิหิ? พรพรรณเริ่มไม่มันใจสักเท่าไรเพราะหลังจากแม่พูดเสร็จก็หัวเราะเหมือนกับว่าสิ่งที่เธอมันตลกเสียมากมาย ทั้งสองเตรียมข้าวของที่เตรียมไว้พร้อมที่จะไปวัดถือคนละไม้ละมือ แล้วออกเดินไปที่วัด บ้านของพรพรรณอยู่ไม่ไกลจากวัดมากนัก จึงไม่จำเป็นต้องมีพาหนะอะไรให้ต้องสิ้นเปลือง เมื่อมาถึงที่วัดพรพรรณต้องยกมือไหว้เป็นพัลวัน เช่นเดียวกับแม่ของเธอที่ต้องตอบคำถามผู้คนที่มาทำบุญกันอยู่บนศาลาอย่างไม่หยุด ?อ้าว! แม่อำพรนี่หรอลูกสาวที่ไปเรียนครู? ยายชิดถามเชิงทักทาย ขณะที่คนอีกหลายคนต่างมองมาที่พรพรรณด้วยความสนใจใคร่รู้ ?นี่เหละจ้า พรลูกสาวฉันเอง เรียนครูอยู่ที่กำแพง พอดีปีนี่ใกล้จะเรียนจบแล้วงานการก็เริ่มเบาบางลงบางแล้ว เลยมีเวลากลับมาเที่ยวบ้าน? อำพรตอบอย่างภูมิใจ ?สวัสดีจ้ายายชิด? พรพรรณยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อม ?เรียนครูใกล้จบแล้วหลอเถาน๊อะ แหม! ตอนแรกนึกว่าจะไปไม่รอดซะแล้ว ก็เด็กสมัยนี้ก็เหมือนๆกัน ท้องคาโรงเรียนกันทั้งนั้น นี่แป๊บๆ ก็จบแล้วเอ่อไวดีเหมือนกัน เรียนจบได้ก็ดี? ทุกคนในที่นั้นต่างพากันยิ้มย่องในคำพูดของยายชิด ?เอ่อ จะพูดไปเรียนมาจนจบขนาดนี่ได้ก็ดีแล้ว แม่เอ็งจะได้สบายกับเขาเสียที่? ลุงสนิทพูด ?ดูคนอื่นที่เขาไม่เรียนสิทำไร่ทำนากันอยู่อย่างนี้ทั้งชาติ มีลูกมีผัวก็พากันลำบาก? ป้าละม้อมพูด พรพรรณฟังคำคนเหล่านั้นพรางนึกถึงวันที่เธอเรียนจบมอปลายและตั้งใจขอแม่ไปเรียนต่อ ยายชิดและคนอื่นๆในหมู่บ้านต่างพากันพูดต่อว่าต่างๆ นานา พูดกรอกหูแม่เธอทุกวัน พรพรรณต้องแอบมานอนร้องไห้อยู่หลายๆ หน แต่โชคดีที่แม่ของเธอไม่เคยใส่ใจเก็บคำพูดเหล่านั้นไปคิด เพียงบอกให้พรพรรณเรียนต่อไปตามแต่ใจของพรพรรณ แม่มีปัญญาที่จะส่งเสียให้ลูกเสมอ แม่ของพรพรรณต้องตื่นแต่เช้าเพื่อออกรับจ่างตามแต่จะมีคนจ้างให้ทำอะไร พรพรรณรู้ดีว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ที่แม่ได้มานั้นต้องแลกมาด้วยความเหนื่อยความลำบากใจแทบขาด ?แม่วันนี้ทำงานเหนื่อยไหม? ? เหนื่อยสิลูก แดดก็ร้อนมากด้วย? ? เหนื่อยมากหยุดบางก็ได้นะแม่ หยุดสักวันนะแม่? ?ไม่ได้หรอกลูก เรายังต้องใช้เงินอีกเยอะ พรรู้ไหมลูกว่าเหนื่อยกายพอพักก็หายเหนื่อย แม่มีลูกที่แม่รักที่สุด เป็นเด็กดีตั้งใจเรียน ต่อให้แม่เหนื่อยกว่านี่แม่ก็ทนได้? ทุกคำพูดของแม่ดังก้องอยู่ในหูของพรพรรณเสมอ ในวันที่เธอเรียนจบ คว้าใบปริญญามามอบให้แม่ได้นั้นมันมีค่าและมีความหมายมากมายเกินคำบรรยาย แต่เกินกว่านั้นเธอได้เป็นครูตามที่ตั้งใจ หลายเดือนต่อมาแม่ของพรพรรณล้มป่วย เมื่อเธอได้มาพบกับคุณหมอที่รักษาแม่ เธอจึงได้ทราบว่าแม่ของเธอป่วยมาหลายปีแล้วด้วยโรคมะเร็งแต่ไม่ยอมรักษาตัว แล้วยังทำงานหนักไม่พักผ่อนทำให้ป่วยหนักจนหมดทางรักษา อำพรนอนหลับตาอยู่บนเตียงผู้ป่วย เธอยิ้มอย่างมีความสุข เธอมองลูกสาวที่ตอนนี้โตเป็นผู้ใหญ่ได้เป็นครูตามที่เธอตั้งใจ เธอไม่เอ่ยอะไรกับพรพรรณแม้แต่น้อย นอนนิ่งๆ จนในที่สุดเธอได้สิ้นใจลงอย่างสงบโดยมีใบปริญญาของลูกอยู่ในอ้อมอกอย่างภูมิใจ ?แม่อย่าทิ้งพรไป ทำไมแม่ไม่บอกพรว่าแม่ป่วย จะได้รักษาแม่จะได้อยู่กับพรนานกว่านี้หรือเป็นเพราะพร ถ้าพรไม่เรียนแม่ก็คงไม่ตาย ถ้าแม่ไม่ส่งพรเรียน แม่คงมีเงินเก็บไว้รักษาตัวเอง แม่ทำไมไม่บอกพร พรเสียใจ? พรพรรณร้องไห้แทบขาดใจ เธอเสียใจที่ไม่มีโอกาสได้ทดแทนบุญคุณของแม่ ไม่มีโอกาสได้ดูแลท่านให้สุขสบายกว่านี้ ความเสียใจถาถมลงมาที่ใจของเธอ เธอเสียใจมากเกินกว่าอะไรทั้งสิ้น พรพรรณสำนึกเสมอว่าความสำเร็จที่เธอได้มานั้นมีค่ามากมายนัก เพราะมันต้องแลกมาด้วยชีวิตของผู้หญิงที่ชื่อว่าแม่ ที่พร้อมจะเป็นสะพานทอดผ่านขวากหนามให้ลูกได้เดินผ่านไปอย่างสบาย เพียงได้เห็นว่าลูกประสบผลสำเร็จ ความเจ็บปวดทุกอย่างก็มลายหายไปที่เหลือไว้คือความสุขความภูมิใจที่แสนยิ่งใหญ่ เสียงระฆังดังเพื่อบอกเวลาเริ่มการเรียนการสอน ?ครูพรพรรณครับ ครูครับ? เสียงนั้นทำให้เธอสะดุ้งตื่นจากความคิด ?ครูครับผมมาช่วยครูยกสมุดการบ้านครับ? ?ได้จ้ะ ครูตรวจเสร็จพอดี ยกไปรอครูที่ห้องเรียน บอกเพื่อนด้วยว่าอย่าเสียงดังเดี๋ยวครูตามไป? ใจของพรพรรณยังคงรู้สึกสะเทือนกับเหตุการณ์ที่เธอคิดถึง ถึงแม้ว่าแม่จะจากเธอไปนานหลายปีแล้วแต่ความเจ็บปวด ความเสียใจเหล่านั้นดูเหมือนว่ายังมิได้เบาบ้างลงไปได้เลย |