จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
เมษายน 23, 2024, 04:00:39 pm *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
ยินดีต้อนรับสมาชิก และผู้เยื่ยมชมทุกๆท่าน
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องสั้น ?ช่วงชีวิตดอกปีบ? โดยน.ส.ภาวนา ท่วมไธสง มหาวิทยาลัยราชภักกำแพงเพชร  (อ่าน 3087 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
apairach
Administrator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1414


ดูรายละเอียด อีเมล์
| |
« เมื่อ: สิงหาคม 27, 2012, 07:02:53 pm »

เรื่องสั้น ?ช่วงชีวิตดอกปีบ?
บ้านเช่าเล็กๆหลังหนึ่งถูกปกคลุมรายล้อมไปด้วยต้นปีบดอกส่งกลิ่นหอมหวานชวนนึกถึง...
   ปีบ  หรือ  กาซะลอง  เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่มีความสูงประมาณ 10-20 เมตร  ผลัดใบเรือนยอดเป็นพุ่มทรงกระบอก  ใบปลายแหลม  โคนใบมน  ขอบใบหยักมนหรือเว้าเป็นคลื่นเล็กน้อย ดอกมีสีขาวหรือชมพู มีกลิ่นหอม  ออกเป็นช่อแบบช่อกระจุกซ้อนตามปลายกิ่ง  มีขน  กลีบเลี้ยงมีขนาดเล็ก โคนติดกันเป็นรูปถ้วย
ดวงตะวันค่อยๆเคลื่อนตัวลงช้าๆในที่สุดก็ลอยลับยอดปีบไป  สายลมพัดกระโชกแรงทำให้ดอกปีบร่วงหล่นลงบนพื้นดินกลิ่นนั้นหอมละมุนชวนทะนุถนอม  มันดูมีอายุมากทีเดียว ขนาดของมันใหญ่โตมองดูทะมึนๆลี้ลับอย่างบอกไม่ถูก  ขณะที่ฉันจ้องดูมันอยู่รู้สึกขนลุกไปทั้งตัว   กิ่งก้านของมันโอนเอนไปตามแรงลมปลายยอดนั้นสั่นระริกๆ เหมือนกำลังเต้นรำอยู่อย่างไงอย่างงั้น   พร้อมกับส่งเสียงดังเหง่งหง่างอยู่บนปลายยอดคอยทิ้งดอกลงมาเป็นระยะๆ   แสงสว่างจากพระจันทร์ส่องกระทบกับดอกขาวกลายเป็นสีเหลืองอ่อนๆน่าชื่นชมชูช่อระยิบระยับประกอบกับเสียงหรีดหริ่งเรไรที่ส่งเสียงร้องกึกก้องไปทั่วบริเวณ   มันช่างดูวังเวงสุดที่จะพรรณนา ฉันหยุดเหม่อดูธรรมชาติเล่นเพลงประสานเสียงอยู่พักใหญ่ราวกับว่าต้องมนต์สะกด   ฉันหอบกระเป๋าใบโตเดินผ่านรั้วหน้าบ้านมุ่งไปยังประตูที่ถูกปิดตาย ดูจากสภาพน่าจะล้างมานานพอสมควรฉันยืนเก้ๆกังๆอยู่หน้าประตูกวาดสายตามองรอบๆบ้านอีกครั้ง  ?ให้ตายสิมันช่างเงียบวังเวงอะไรเช่นนี้?  ฉันบ่นพรึมพรำในลำคอพร้อมกับใช้มือล้วงกุญแจที่ได้มาจากเจ้าของบ้าน  ฉันมาที่นี่เพราะฉันมาทำหน้าที่เป็นนักศึกษาฝึกสอน   และบ้านหลังนี้ก็ได้รับการแนะนำมาจากคุณลุงภารโรงประจำโรงเรียนที่นี่นั่นเอง ที่ฉันรับข้อเสนอของคุณลุงก็เพราะราคาถูกมันช่วยฉันประหยัดค่าใช้จ่ายได้เยอะ ที่สำคัญอยู่ติดกับรั้วโรงเรียนอีกด้วย   บรรยากาศก็ร่มรื่นหน้าบ้านมีคลองน้ำไหลผ่านอีกด้วยมองกว้างออกไปมีทุ่งนาเขียวขจีเป็นพุ่มๆเสียงกบเสียงอึ่งส่งเสียงร้องกันเจี๊ยวจ๊าวยามฝนพรำ  คุณลุงภารโรงมาส่งฉันที่รั้วหน้าบ้านท่าทางแกลุกลี้ลุกลนรีบขอตัวกลับบ้านทันทีที่ส่งฉันถึงรั้วบ้าน ฉันอดขำแกไม่ได้ที่เห็นท่าทางของแก    ?แกเป็นอะไรของแกนะ?   ฉันส่งยิ้มให้แกตอนที่แกขอตัวกลับแกส่งยิ้มแปลกๆกลับมาทำให้ฉันยิ่งงงไปใหญ่แต่ก็ช่างมันเถอะ   ฉันล้วงกุญแจออกมาได้จากกระเป๋าใบโตแล้วก็ค่อยๆบรรจงไขมันออก   ฉันผลักประตูเข้าไปเบาๆ     แอด...   เสียงประตูดังเบาๆจากแรงผลัก   แล้วฉันก็ต้องตกใจในสิ่งที่พบเห็น     ?พระเจ้านี่มันอะไรกันเนี่ย?  ฉันเผลอร้องออกมาดังๆ  ที่พื้นและเฟอร์นิเจอร์ต่างๆเต็มไปด้วยละอองฝุ่นที่เกาะติดกันแน่นเป็นผนึกปนกับหยากไย่พันกันไปมายุ่งเหยิงไปหมด   บ่งบอกได้ว่าขาดการดูแลรักษามาเป็นเวลานาน   ฉันเดินผ่านฝุ่นและความสกปรกพวกนั้นไปย่างเข้าสู่ก้าวที่สามเท่านั้นแหละ   ลมเริ่มพัดแรงขึ้นเรื่อยๆจนฉันรู้สึกขนลุกและชาไปทั้งตัว   สักพักฉันได้กลิ่นเหม็นตลบอบอวลไปทั้งบ้าน   ?กลิ่นอะไรกันเหม็นเป็นบ้าเลย?   ฉันหัวเสียขึ้นมาทันที    สูดดมเข้าไปลึกๆพยายามนึกคิดว่ากลิ่นอะไรไม่คุ้นเอาเสียเลยแต่กลิ่นนั้นกลับจางหายไปเอาดื้อๆแปลกจัง     ขณะที่ฉันเดินต่อไปก็สะดุดเข้ากับบันไดแล้วล้มลง   ?โอ้ยเจ็บ?   ฉันเหลือบมองเห็นสวิตช์ไฟแล้วก็เอื้อมมือไปเปิดมัน   ดูสว่างขึ้นเยอะเลยที่เดียว   ฉันก้าวฉับๆเร่งฝีเท้าอย่างเร่งด่วนตรงขึ้นบันไดไป        ขวามือของฉันมีห้องสองห้องเรียงติดกันมองดูไม่ใหญ่มากนัก   ฉันเปิดประตูห้องที่อยู่ติดบันได ห้องไม่ได้ล็อกฉันมองอย่างพิจารณาในห้องนั้นปราศจากสิ่งของใดๆเป็นห้องที่ว่างเปล่าแต่เต็มไปด้วยฝุ่นละออง  ฉันไม่ได้เดินเข้าไปในห้องนั้น   แต่ฉันหันซ้ายแล้วตรงไปเปิดดูอีกห้องหนึ่ง   เหมือนกันเลยห้องมีสภาพว่างเปล่าฉันเดินกลับไปที่ห้องแรกที่ติดบันไดฉันเลือกห้องนี้แหละเป็นห้องประจำเพราะสะดวกต่อการขึ้นลง  จากการที่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันจากการรายงานตัวที่โรงเรียนวันนี้มันทำให้ฉันเพลียมากง่วงสุดๆ    ฉันดึงผ้าห่มออกมาปูราบไปกับพื้นแล้วเอนตัวลงนอนกลางห้องแล้วเผลอหลับไป    ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณเที่ยงคืนมีเสียงดัง     ตึกตึกตึก...มันดังมาก    ฉันสะดุ้งขึ้นอัตโนมัติชะโงกตัวออกไปดูข้างนอกแล้วส่งเสียงร้องถามออกไป   ?ใครอ่ะ  ฉันถามว่าใคร?     ฉันตะโกนถามถึงสามครั้งให้ตายสิไม่มีเสียงตอบกลับใดๆ   ทั้งสิ้นนอกจากเสียงลมและแมลงฉันขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความง่วง   ทันใดนั้นฉันขยี้ตาหลายๆครั้งด้วยความง่วง  ?เอ๊ะ?   ฉันส่งเสียงร้องด้วยความประหลาดใจอย่างบอกไม่ถูก   มีผู้หญิงรูปร่างสวยต้องบอกว่าสวยมากดวงตาคมคิ้วโก่งจมูกโด่งเป็นสันเงาวับปากกระจับจิ้มลิ้มรับกับใบหน้ารูปไข่ ยืนอยู่ที่บันไดชั้นล่างสุด   ฉันขุ่นคิดในใจผู้หญิงคนนี้มาจากไหนกัน เขาส่งยิ้มให้ฉันแล้วก็จางหายไป    รอยยิ้มของเขานั้นไม่ได้บ่งบอกถึงความโกธรหรือเกลียดใดๆ    เขามาปรากฏให้ฉันเห็น   เขาต้องการบอกอะไรฉันหรือเปล่า... ฉันสะดุ้งตื่นรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัวยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่หน้าผากและลำคอ    ?นี่เราฝันไปเหรอ  ใช่เราฝันไป?   สี่โมงเช้าแล้วฉันแต่งตัวอาบน้ำที่พอเหลือในอ่างเล็กน้อยที่เต็มไปด้วยตะกอน    แต่ฉันก็ต้องยกขันขึ้นมาราดลงไปกับตัวก็ให้ทำไงได้ล่ะ  ฉันปลอบใจตัวเอง  ?อาบๆไปเถอะแค่วันเดียวพรุ่งนี้ค่อยเรียกคุณลุงมาดู?  แต่งตัวเสร็จฉันก็เข้าไปในเมืองเพื่อซื้ออุปกรณ์ทำความสะอาด  ระหว่างทางขากลับ มีเสียงตะโกนมาจากด้านหลัง
               ? เป็นไงบ้างล่ะหลับสบายดีรึเปล่า?    คุณลุงภารโรงนั่นเอง  
               ?คะสบายดีแต่ฝุ่นเยอะไปหน่อยว่างๆเลยออกไปซื้ออุปกรณ์ทำความสะอาดค่ะ เอ่อคุณลุงคะเมื่อคืนหนูฝันแปลกๆ   ฝันว่า...?      ฉันพูดยังไม่ทันจบ คุณลุงก็พูดแทรกขึ้นมา
              ?ผู้หญิงผิวขาวหน้าตาดีใช่มั้ยล่ะ?    คุณลุงรู้วันแรกที่แกมาส่งฉันที่รั้วบ้านแกจึงดูท่าทางแปลกๆ
               ?ค่ะใช่?
             ?ขึ้นรถสิเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังเดี๋ยวลุงจะออกไปไร่เดี๋ยวแวะเข้าไปเข้าไปส่งที่บ้าน?
             ?ขอบคุณค่ะ เกรงใจจัง?
             ?ไม่เป็นไรๆ เอ้าขึ้นมาสิเร็วเข้า?     แล้วคุณลุงก็เริ่มเล่าพร้อมกับปั่นจักยานไปเรื่อยๆ
              เธอเป็นลูกสาวเจ้าของบ้านหลังนี้เองล่ะเสียชีวิตเมื่อสามสิบปีที่แล้วด้วยโรคมะเร็งนิสัยดีกิริยามารยาทดีผู้คนแถวนี้รักใคร่ ลุงแนะนำให้หนูไปทำบุญให้เธอซะนะ  เธอจะได้ไม่มาปรากฏตัวให้หนูกลัวอีก
                ?หนูไม่กลัวหรอกนะคะคุณลุงเพราะแววตาของเธอไม่มีความอาฆาตอะไรนิ ทำไมหนูต้องกลัวเธอ หนูไม่ได้ทำไรให้เธอโกธรซะหน่อย?
                   ?ดีแล้วล่ะ เพราะหลายรายมาเช่าบ้านหลังนี้ทำตัวแย่ๆทั้งนั้น ผลสุดท้ายก็เป็นบ้า ประสาทหลอน เสียสติ คลั่งบ้าง โอ้ย!  หลายอาการเหลือเกินบางคนก็หาสาเหตุไม่ได้ เพราะไปลบหลู่เขา?
                 ฉับพยักหน้าตอบรับคำแนะนำของลุง รุ่งเช้าวันต่อมาฉันก็ไปทำบุญกรวดน้ำแผ่เมตตาให้แกลูกเจ้าของบ้านที่ฉันอาศัยอยู่จากนั้นเธอก็ไม่เคยมาปรากฏตัวให้ฉันเห็นอีกเลย  จนกระทั่งวันที่ฉันต้องจากบ้านหลังนี้ไปเพื่อไปศึกษาต่อในเมือง   ขณะที่ฉับก้าวฉับๆได้สองสามก้าวเดินออกจากบ้านกลิ่นดอกปีบก็ลอยมาปะทะจมูก   ฉันยิ้มให้กับต้นปีบเห็นร่างผู้หญิงคนนั้นยิ้มให้ฉันและโบกมือไปมา เหมือนเธอกำลังอวยพรให้ฉัน เธอคงจะชอบดอกปีบอย่างที่ฉันชอบ  ฉันยิ้มและโบกมือให้เธอเป็นการตอบกลับฉันคงจะทำตัวดีให้เธอพอใจเธอจึงมาปรากฏร่างให้เห็นฉันเห็นอีกครั้ง   ฉันอำลาด้วยความอาลัยรักและผูกพันกับสถานที่แห่งนี้ ฉันคงจะคิดถึงเสียงแว่วหวานของแมลงใหญ่น้อยที่เล่นเพลงให้ฉันฟังที่บ้านหลังนี้ คงจะคิดถึงต้นปีบที่คอยส่งกลิ่นหอมให้ฉันก่อนนอน   มันกลายเป็นช่วงชีวิตของฉันไปเสียแล้ว   ช่วงชีวิตที่แสนสั้นและเต็มไปด้วยความทรงจำของผู้หญิงคนหนึ่ง
    ชีวิตของคนเราถ้าไม่รังแกเขาก่อน    เขาก็จะไม่รังแกเรา...

                                                                                      นางสาวภาวนา ท่วมไธสง รหัส ๕๔๑๑๒๒๘๓๒
                                                                                                    โปรแกรมวิชาภาษาไทย ห้อง๒๘




บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.11 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!