จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
มีนาคม 28, 2024, 07:31:23 pm *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
ยินดีต้อนรับสมาชิก และผู้เยื่ยมชมทุกๆท่าน
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องสั้น ชื่อเรื่อง ก้าวแรกสู่รั้วมหาลัย โดยนางสาวปาลิดา ราชจริต รหัสนักศึกษา๕๔๑๑๒๒๘๔  (อ่าน 3792 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
apairach
Administrator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1410


ดูรายละเอียด อีเมล์
| |
« เมื่อ: สิงหาคม 27, 2012, 12:09:28 am »

เรื่องสั้น
ชื่อเรื่อง ก้าวแรกสู่รั้วมหาลัย
   เช้าวันอาทิตย์ฉันยังจำได้ว่าในวันนั้น ฉันและพี่สาวฝาแฝดของฉันตื่นแต่เช้า เพราะฉันและพี่ต้องจากบ้านและจากพ่อแม่เพื่อที่จะเข้ามาเรียนในรั้วมหาวิทยาลัยและฉันยังจำได้ว่าฉันไม่อยากจากบ้านไปเลยเพราะไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ไม่ใช่บ้านของเราด้วย และในวันนั้นแม่เป็นคนไปส่งฉันกับพี่ที่ท่ารถตู้ ขณะที่แม่ขับรถแล้วฉันกับพี่เป็นคนซ้อนท้ายเราไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ เพราะกลัวถ้าพูดออกมาแล้วกลัวจะร้องไห้ พอไปถึงที่ท่ารถตู้ฉันกับพี่ก็ลงจากรถมอเตอร์ไซค์แล้วหิ้วกระเป๋ามาวางไว้ตรงม้านั่งเพื่อที่จะนั่งรอรถตู้ พอแม่ดับเครื่องรถเสร็จแล้ว แม่ก็มานั่งรอเป็นเพื่อนนั่งรอนานพอสมควรแต่ก็ไม่ค่อยได้คุยกลัวว่าจะร้องไห้ในวันนั้นฉันคิดว่าแม่ก็คงอยากจะร้องไห้เหมือนกันเพราะในตาของแม่ดูแดงๆและท่านก็คงจะคิดสงสารฉันกับพี่ที่จะต้องจากบ้านไปเรียนที่อื่น ฉันก็เลยบอกให้แม่ให้กลับก่อนก็ได้แม่ก็กำลังจะกลับพอดีรถตู้แล่นเข้ามาถึงพอดีฉันและพี่ก็รีบขนกระเป๋าขึ้นรถพอวางกระเป๋าเสร็จแล้วฉันและพี่ก็หันมาไหว้แม่แล้วก็ขึ้นไปนั่งบนรถแล้วฉันแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ดีที่แม่ขับรถออกไปแล้ว พอรถแล่นออกตัวมาเรื่อยๆพอมาถึงตรงช่วงบขดอยตรงสายแม่สอด-ตากมันเป็นทางขึ้นเขาและลงเขาสองข้างทางเป็นทั้งเหวและเป็นทั้งป่าบ้างสลับกันไป พอมาถึงตรงช่วงลงเขาเกิดการจราจรติดขัดเล็กน้อยเพราะข้างหน้าพื้นถนนเปื้อนน้ำมันเป็นช่วงยาวมากเจ้าหน้าที่ก็หาทางเอาทรายมาลาดเพื่อที่จะไม่ให้รถที่ขับมาเกิดอุบัติเหตุ พอพ้นจากตรงนั้นเสร็จเหตุการณ์ข้างหน้าเริ่มขี่คลายลงแล้วรถตู้ประจำทางก็ได้ขับมาเรื่อยๆ จนมาถึงขนส่งกำแพงตอนนั้นฉันยังไม่รู้ว่าทางไหนเป็นทางไหนเลย ฉันและพี่ก็ช่วยกันหิ้วกระเป๋าไปขึ้นรถโดยสารประจำทางและฉันก็บอกกับคนขับว่า
?ลุงค่ะ หนูจะไปหมู่บ้านนาทรายค่ะ?
ลุงคนที่ขับรถเหมือนดูท่าจะงงๆ ฉันก็เลยบอกไปอีกว่า
?อยู่ตรงในเมืองอะค่ะลุง ตรงโรงเรียนเทศบาลหนึ่งอะค่ะ?
ลุงคนขับรถก็พยักหน้าดูเหมือนเค้าจะรู้แล้ว   จากนั้นก็รอผู้โดยสารคนอื่นๆพอเต็มแล้วคุณลุงคนที่ขับรถเค้าก็พาไปวนตามในเมืองไปส่งผู้โดยสารคนอื่นๆหมดครบทุกคนแล้วจนมาถึงฉันกับพี่สาวของฉันลงเป็นคนสุดท้ายพอถึงที่หมายพี่สาวก็กดกริ่งที่อยู่บนเพดานรถลุงก็จอดแล้วพี่สาวก็ไปจ่ายตังค์จากนั้นก็เดินเข้าไปในซอย ที่ๆฉันไปอยู่จะเป็นบ้านติดๆกันไปประมาณสี่หลังแต่จะเป็นบ้านติดดินตรงหน้าจะเป็นพื้นที่เหมาะสำหรับจอดรถยนต์ได้ฉันกับพี่ก็รู้สึกกลัวๆอยู่เหมือนกันพอไปถึงก็ไขกุญแจเปิดเข้าไปในตัวบ้านดีที่ก่อนหน้านั้นพ่อเอารถมอเตอร์ไซค์มาไว้ให้แล้วและของอีกหลายอย่างพอเข้าไปในตัวบ้านแล้วก็จะมีเสียงหยดน้ำในห้องน้ำดัง ติ๊ง ติ๊งๆ ฉันก็เดินไปเปิดประตูหลังบ้านเพื่อที่จะให้มันแจ้งฉันกับพี่ก็ได้ช่วยกันเก็บข้าวของจัดโน้นจัดนี้ให้เข้าที่เข้าทางหลังจากนั้นก็นั่งทานข้าวกลางวันกับพี่เสร็จแล้วก็อาบน้ำแต่งตัวและได้ชวนกันขับรถออกมาสำรวจดูว่าทางไหนบ้างที่จะออกไปถึงถนนใหญ่ได้บ้าง   ฉันกับพี่ก็ขับมาเรื่อยๆจนมาถึงถนนใหญ่และก็ขับมาจนมาเห็นตึกของมหาวิทยาลัยราชภัฎกำแพงเพชรฉันกับพี่ดีใจมากแล้วบอกกับพี่ว่า
?นั่นไง เจอแล้วเรามาถูกทางแล้ว?
พี่ก็ดีใจเหมือนกันจากนั้นฉันและพี่ก็มาหาเพื่อนที่หอเพราะหอของเพื่อนจะอยู่ใกล้ๆมอและฉันก็เคยมาแล้ว แต่หอของฉันอยู่ไกลจากเพื่อนๆและอยูไกลจากมอด้วยน่าจะห่างประมาณสิบกว่ากิโลได้ พออยู่เล่นที่หอเพื่อนๆได้สักพักใกล้ค่ำแล้วฉันและพี่ก็ชวนกันกลับไปที่ห้องพอไปถึงก็ไปนั่งกันอยู่สองคนพี่น้องทีวีก็ไม่มี โทรศัพท์ก็ไม่มีเพลงฟัง ในคืนนั้นมันดูเงียบเหงาและหว้าเหว่มากถึงจะมีกันสองคนก็ตามเรามานั่งเล่นกันตรงห้องโถงของบ้าน นั่งเล่นไปน้ำตาก็ซึมไปเพราะคิดถึงพ่อกับแม่ พอดีพ่อโทรศัพท์มาฉันรับสายแทบจะพูดไม่ออกเพราะกลัวจะร้องไห้ออกมาแต่ก็มีเสียงสั่นอยู่และพ่อก็คงรู้ว่าฉันกำลังร้องไห้อยู่และพ่อก็ถามออกมาว่า
?เป็นไงบ้างลูกถึงกี่โมง?
ฉันก็ตอบพ่อไปด้วยน้ำเสียงสั่นๆไปว่า
?ถึงเมื่อสิบเอ็ดโมง?
แล้วฉันก็บอกพ่อไป
?ตอนนี้เหงามากๆเลยอะไรก็ไม่มี?
พ่อก็พูดปลอบใจฉันต่างๆนานาจนพ่อวางหูไป
ฉันก็เลยชวนพี่ไปเที่ยวที่ตลาดที่ขี่รถผ่านมาเมื่อกี้กันฉันก็ขับรถไปพอถึงตลาดก็พากันเดินเล่นไปเรื่อยๆพอเที่ยวได้สักพักก็พากันกลับมา    พอมาถึงห้องก็มานั่งกินขนมนั่งคุยกันไปในคืนวันนั้นฉันและพี่เข้านอนตั้งแต่หัววันเลย ครั้งนี้เป็นประวัติกาลเลยก็ว่าได้ฉันและพี่เข้านอนตั้งแต่ 2 ทุ่ม พอไหว้พระอะไรเสร็จก็แล้วก็นอนแล้วก็ต้องตกใจเพราะเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเป็นเบอร์ของพี่ชายฉันก็รับสาย 
?ฮัลโหล?  จากนั้นพี่ก็ถามว่า
?ทำอะไรอยู่?
ฉันก็ตอบพี่ชายไปว่า
?นอนแล้ว? พี่ก็ถามต่อว่า
?ทำไมนอนเร็วจัง? ฉันก็ตอบไปว่า
?จะให้ทำอะไรละทีวีก็ไม่มีให้ดู โทรศัพท์ก็ฟังเพลงไม่ได้?
พอคุยกันได้สักพักก็วางสายแล้วฉันก็นอนหลับจนถึงเช้าเป็นวันที่เปิดเทอมวันแรกฉันตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวแล้วไปมหาวิทยาลัยกับพี่สาวแต่พอไปถึงจากการที่เราเป็นน้องใหม่ก็เลยไม่รู้เลยว่าตึกไหนเป็นตึกไหน แล้วพอตอนกลางวันพี่ก็นัดให้ไปพบอีก และหลังจากนั้นมาฉันก็ต้องทำแบบนี้เป็นประจำทุกๆวันจนมันกลายเป็นความเคยไปเสียแล้ว จนกระทั่งซ้อมเชียร์จนดึกบางวันก็ปล่อยเร็วบางวันก็ปล่อยช้าบางวันก็โดนทำโทษก็มีจนฉันคิดว่าจะอะไรกันนักหนาจนบางทีกลับถึงหอก็ดึกเอาการอยู่เหมือนกัน พอกิจกรรมภายในมอเริ่มเสร็จและลดลงก็เริ่มสบายขึ้นมาหน่อยแต่ช่วงนั้นฉันและพี่ลำบากมากๆต้องขนเสื้อผ้ามาเปลี่ยนเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียเวลากลับไปเปลี่ยนอีกเพราะมันเสียเวลาและหอก็อยู่ไกลด้วยช่วงนั้นเป็นช่วงที่เรียกได้ว่าเป็นช่วงทรหดเลยก็ว่าได้เพราะเราสองคนพี่น้องก็ไม่ได้เรียนเอกเดียวกันอีกด้วยและก็ต้องใช้รถคันเดียวกันอีกด้วยเพราะในตอนนั้นยังไม่ค่อยรู้จักเพื่อนๆสักเท่าไหร่และอยากให้มันผ่านพ้นไปเร็วๆและพอทุกอย่างเริ่มลงตัวฉันกับพี่ก็ช่วยกันหาหอใหม่ที่อยู่ใกล้ๆมอเพื่อที่จะได้สะดวกและได้อยู่ใกล้เพื่อนๆด้วยเพราะหอเก่ามี่เป็นบ้านมันดูน่ากลัวหน้าบ้านก็เป็นหญ้ารกรุงรังและคนที่อยู่ข้างๆบ้านเขาก็ทำงานกันหมดมีฉันและก็พี่เท่านั้นที่เป็นนักศึกษาและก็เริ่มหาหอมาจนได้หออยู่หอหนึ่งชื่อหอว่า    หอนวคุณเค้าได้โทรมาบอกว่าตอนนี้หอว่างแล้วให้ย้ายเข้ามาอยู่ได้เลยฉันดีใจมากและพอถึงตอนเย็นฉันก็รีบบอกพี่และก็ได้โทรไปบอกให้พ่อว่าได้หอใหม่แล้วและพ่อก็เลยบอกว่างั้นเดี๋ยวจะให้แม่ขึ้นไปหาเพื่อที่จะได้ไปช่วยขนของและจะได้ไปเห็นหอที่ย้ายเข้าไปอยู่ใหม่ด้วย     พอเช้าอีกวันหนึ่งแม่ก็ไปขึ้นรถที่ท่ารถตู้แล้วมาหาฉันกับพี่และมานอนที่หอเดิมหนึ่งคืนก่อนที่จะย้ายออกและในคืนนั้นพวกเราสามคนแม่ลูกก็ได้ช่วยกันเก็บของจัดไว้เพื่อพรุ่งนี้จะได้ขนขึ้นรถเลยและเช้าอีกวันหนึ่งฉันและพี่ก็ได้ย้ายของออกจากหอโดยมีแม่คอยช่วยฉันไปจ้างรถสองแถวที่ขนส่งให้ไปช่วยขนในวันนั้นฉันดีใจมากที่จะได้ออกมาจากห้องพักหลังนั้น และได้ย้ายเข้ามาอยู่ในหอพักใหม่เราทั้งสามคนก็ช่วยกันจัดของให้เข้าที่เข้าทางถึงแม่ว่าห้องมันจะแคบจะไม่ใหญ่เหมือนหอเก่าแต่ก็ยังดีที่ไม่ต้องทนเหงาอยู่ในที่แบบนั้นและแม่ก็นอนกับฉันอีกคืนหนึ่งฉันรู้สึกดีใจและก็มีความสุขมากที่มีแม่อยู่ด้วยและรู้สึกดีใจที่ต่อจากนี้เราจะไม่ต้องลำบากเพราะหอไกลเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว




      นางสาวปาลิดา  ราชจริต   รหัสนักศึกษา๕๔๑๑๒๒๘๔๐                                                     
  คณะครุศาสตร  โปรแกรมวิชาภาษาไทย ห้อง๒๘
   มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.11 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!