จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
มีนาคม 28, 2024, 06:16:46 pm *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
ยินดีต้อนรับสมาชิก และผู้เยื่ยมชมทุกๆท่าน
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่อง ลูกชาวนา โดย นางสาววรรณรัตน์ ธรากิจดล มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร  (อ่าน 3297 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
apairach
Administrator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1410


ดูรายละเอียด อีเมล์
| |
« เมื่อ: สิงหาคม 26, 2012, 09:06:30 pm »

เรื่อง ลูกชาวนา
   ทุ่งนาแปลงนี้เขียวขจีต้นข้าวปลิวไสวตามแรงลมที่มากระทบ มันสวยงามมากจนหาที่ติไม่ได้เลย สิ่งที่สวยงามข้างหน้าฉันนี้ล้วนแต่เป็นฝีมือของพ่อแม่ฉันทั้งนั้น ท่านเป็นชาวนาจนๆคนหนึ่งที่หาเช้ากินค่ำ ท่านไม่เคยได้กินกับข้าวอร่อยๆไม่เคยอยู่สุขสบายแต่..ท่านไม่เคยบ่นเลย ที่นาแปลงนี้เป็นแปลงเล็กๆจึงได้ข้าวไม่มากนัก บางปีต้องขอซื้อข้าวจากเพื่อนบ้านมาและบางปีแทบไม่ได้ทำนาเลยเนื่องจากฝนไม่ตก อาชีพอีกอาชีพหนึ่งก็คือการประมง ซึ่งก็ได้เงินมาไม่มากนัก พอกินพอใช้ไปวันๆ ด้วยความยากจน ฉันจึงได้ศึกษาต่อแค่คนเดียว ฉันแหงนมองดูท้องฟ้าที่กว้างไกลมันสวยไม่แพ้ทุ่งนาแปลงนี้เลย พรุ่งนี้แล้วสินะที่ฉันต้องจากที่นาแปลงนี้ ต้องจากพ่อ แม่ จากทุกๆคนเพื่อที่จะกลับไปเรียนต่อ คิดแล้วใจหาย
   เสียงนาฬิกาปลูกดังขึ้นมันเป็นคนปลุกฉันประจำ ฉันตื่นขึ้นมาล้างหน้าแปรงฟันแล้วหุงข้าว ส่วนกับข้าวนั้นแม่ทำให้กิน วันนี้แม่แกงไก่ให้กินมันเป็นกับข้าววิเศษมากเพราะแม่ทำให้กิน เนื่องจากฉันบ่นให้แม่ฟังเสมอว่า ?แม่หนูอยากกินแกงไก่? ก่อนจะกินข้าวแม่หาด้ายสีขาวมาและเอามามัดมือให้ฉันพร้อมกับคำอวยพรซ้ำๆแต่...ฟังกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ พ่อกับแม่จะมัดมือให้ฉันทุกครั้งที่ฉันมาเรียน กับข้าวมื้อนี้แสนวิเศษแต่ไร้ซึ้งรสชาติเหลือเกิน เพราะมื้อนี้เป็นมื้อสุดท้ายที่ฉันจะได้กินพร้อมหน้าพร้อมตากัน เนื่องจากฉันต้องจากบ้านกลับไปเรียนต่อที่ต่างจังหวัด วันนี้พ่อฉันจะไปส่งฉันที่ท่าเรือ ซึ้งห่างจากหมู่บ้านฉันประมาณ 30 กิโลเมตร แต่..ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง เส้นทางที่ใช้กันนั้นเป็นทางลูกรังเพราะหมู่บ้านฉันห่างไกลความเจริญ เมื่อถึงท่าเรือพ่อฉันก็กลับบ้านส่วนฉันนั้นได้ขึ้นเรือมาลงที่หน้าเขื่อนภูมิพล ลงจากที่เขื่อนฉันต้องต่อรถมาที่ปากทางเขื่อนแล้วต้องซื้อตั๋วมาลงที่ขนส่งกำแพงเพชรและให้วินมอเตอร์ไซด์มาส่งฉันที่หอ ที่หอนั้นฉันอยู่กับเพื่อนต่างคณะหนึ่งคน ข้างๆห้องก็เป็นญาติๆฉัน ฉันเรียนอยู่ปีสองแล้วเวลาที่ฉันมาเรียน ฉันอาศัยเพื่อนเพราะฉันไม่มีรถไม่มีเงินที่จะซื้อและที่สำคัญเพื่อนฉันคนนี้ไม่มีท่าทีว่าจะรังเกียจฉันเลยเขาใจดีและดีกับฉันมาก ที่ห้องเรียนฉันสามารถเข้ากับเพื่อนร่วมห้องได้ทุกคน เนื่องจากฉันเป็นคนคุยเก่ง อัธยาศัยดี ฉันมีเพื่อนที่สนิทอยู่สี่ห้าคน เรามักจะทำการบ้านด้วยกัน ติวหนังสือด้วยกันไปไหนมาไหนด้วยเสมอ
   เนื่องจากเป็นเด็กบ้านนอกและที่สำคัญเป็นเด็กกะเหรี่ยงจึงถูกล้อว่า ?พูดไทยไม่ชัด?ฉันรู้สึกน้อยใจและอาย เวลาอาจารย์ให้ออกไปพูดหน้าชั้นเรียนฉันไม่กล้าที่จะขึ้นไปกลัวถูกล้ออีก ฉันไม่ชอบเลยที่ถูกล้อแบบนี้ ฉันก็อยากจะพูด ออกเสียงภาษาไทยให้ชัดเหมือนคนอื่นเขา แต่...มันติดตรงที่ลิ้นมันแข็งไปหน่อย ฉันได้สัญญากับตัวเองว่าฉันต้องเรียนจบและภาษาต้องชัดเจน เพื่อนๆในกลุ่มมักจะให้กำลังใจฉันเสมอ ฉันจึงได้กำลังใจจากเพื่อนและจากพ่อแม่ที่อยู่ทางบ้าน ท่านเป็นกำลังใจที่สำคัญที่สุดของฉัน
   กาลเวลาก็เปลี่ยนไปตามฤดูกาล พ่อแม่ก็แก่ชราลงเรื่อยๆท่านยังต้องทำงานเหมือนเดิม เนื่องจากฉันยังเรียนไม่จบ ฉันมักจะบอกกับตัวเองว่าหากวันใดที่เรียนจบมีงานทำจะสร้างบ้านหลังใหญ่ๆให้พ่อกับแม่อยู่และจะเป็นคนดูแลท่านเอง ฟังดูแล้วมันน้ำเน่ามาก แต่...ใครๆเขาไม่รู้หรอกว่า คำๆนี้มันทำให้พ่อแม่ฉันซึ้งมาก เมื่อตอนที่ฉันบอกท่าน ท่านไม่แสดงอาการดีใจให้ฉันเห็น แต่...ฉันสามารถรับรู้ว่าท่านสุขใจเมื่อได้ยินจากปากลูก เอาไปเล่าให้เพื่อนบ้านฟังต่างๆนานา พ่อแม่ฉันพูดว่า ?ที่พ่อกับแม่ส่งแกเรียนสูงๆพ่อกับแม่ไม่ต้องการอะไรตอบแทน ขอแค่แกตั้งใจเรียนและเรียนให้จบ แกจะได้มีอนาคตที่ดี สุขสบายจะได้ไม่เหมือนพ่อกับแม่?คำพวกนี้ฉันยังจำได้เสมอและมันคือสิ่งที่เตือนใจฉันได้ดีทีเดียว ฉันอยู่ที่กำแพงเพชรนานๆจะได้กลับบ้านทีเห็นเพื่อนๆกลับบ้านได้แต่แอบอิจฉา ด้วยเหตุที่ว่าบ้านฉันอยู่ไกลกว่าจะกลับถึงบ้านต้องใช้เวลาเป็นวันๆและต้องเสียเงินเยอะพ่อแม่จึงไม่ให้กลับบ้าน ได้กลับบ้านทีก็ประมาณช่วงเข้าพรรษาหรือไม่ก็ปิดเทอมและในช่วงปิดเทอมใหญ่ก็ไม่ได้อยู่บ้านต้องไปทำงานที่บ้านน้าเพื่อแบ่งเบาภาระพ่อแม่ในช่วงเปิดเทอม
   เสียงหัวเราะเสียงร้องเพลงดังไปทั่วหมู่บ้าน วันนี้เป็นวันที่บ้านฉันจัดงานเลี้ยงให้กับฉัน เนื่องในโอกาสที่ฉันเรียนจบ ฉันสามารถเอาชนะคำสบประมาทที่เพื่อนล้อฉันได้และสิ่งที่ฉันภูมิใจที่สุดคือฉันสามารถเอาใบปริญญามาฝากพ่อกับแม่ได้ ฉันสังเกตพ่อกับแม่ วันนี้ท่านยิ้มทั้งวันดูท่านมีความสุขมากกว่าปกติ ฉันดีใจมากที่ได้เห็นรอยยิ้มนี้เพราะท่านเหนื่อยมามากพอแล้ว ท่านควรจะพักผ่อนได้แล้ว ฉันอยากจะบอกพ่อกับแม่ว่า ?ขอบคุณนะคะที่ส่งหนูเรียนจนจบและต่อไปนี้หนูจะเป็นคนดูแลพ่อกับแม่เองนะ หนูรักพ่อกับแม่ค่ะ?


 นางสาววรรณรัตน์ ธรากิจดล
                                                       คณะครุศาสตร์    โปรแกรมวิชาภาษาไทย   5411222818 

บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.11 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!