จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
เมษายน 19, 2024, 02:49:07 pm *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
ยินดีต้อนรับสมาชิก และผู้เยื่ยมชมทุกๆท่าน
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องสั้น เรื่องแรงบันดาลใจ โดยนางสาวสาวิณีย์ ไทยปิยะ  (อ่าน 2954 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
apairach
Administrator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1413


ดูรายละเอียด อีเมล์
| |
« เมื่อ: สิงหาคม 26, 2012, 03:03:55 pm »

แรงบันดาลใจ
              เสียงแตรรถ ดังก้องไปทั่วเมืองใหญ่ ทำให้นิทเด็กหญิงคนหนึ่งตกใจกลัวอยู่ร่ำไป เสียงรถเมล์ที่ชลอพ่อของนิทขับอยู่เป็นประจำ หลังจากที่ส่งผู้โดยสารแล้ว ในรถนั้นมีแต่เบาะนั่งของผู้โดยสารที่ว่างเปล่าไปด้วยผู้คน มีแต่เพียงนิทและพ่อของเขาเท่านั้นที่อยู่บนรถ นิทชะโงกหน้าดูที่หน้าต่าง ตามประสาเด็ก ขณะที่พ่อเขาขับรถผ่านเส้นทางต่างๆ   นิทเป็นลูกสาวคนเล็กของครอบครัว แม่ของนิทเป็นลูกมือทำอาหารของร้านที่อยู่ซอยเดียวกับที่พัก แม่ของนิทเคยเป็นกระเป๋ารถเมล์เหมือนกัน แต่เพราะไอ้เจ้ารถเมล์นั่นนะซิ เบรกได้เบรกดี ทำให้วัน   แม่ของนิท ต้องลาออกมาเป็นแม่ครัว ทุกเช้านิทและพ่อจะมากินข้าวร้านที่แม่ทำงานทุกวัน  เวลาผ่านไปไม่นานเท่าไร นิทและแม่ต้องกลับบ้านนอก เพราะนิทต้องมาเรียนหนังสือที่บ้าน  ซึ่งค่าใช้จ่ายนั้นถูกกว่าในเมืองใหญ่เป็นไหน ๆ  นิทและแม่กลับมาบ้านนอกได้ไม่นาน ก็มีโทรศัพท์จากเพื่อนที่กรุงเทพ ฯ โทมาหา   วัน เดินลิ่วไปยังเสียงที่ดังขึ้น  เสียงจุกจิก คุยกันอยู่พักใหญ่ ประเดี๋ยวนึง วันก็โทรศัพท์ไปหาชลอ    วันต้องการให้ชลอกลับมาอยู่ด้วยกันที่บ้านนอก มาทำไร่ ทำนา เพราะราคาข้าวช่วงนั้นมีราคาสูงขึ้น ปลูกบ้านสักหลังหนึ่ง และอยู่กับครอบครัวอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา  และไม่นานเกินรอของวันสามีของเธอก็กลับมาบ้านนอก พร้อมกลับเงินก้อนหนึ่งที่สะสมไว้ สาเหตุของการกลับมาของชลอ ก็เพราะว่าเพื่อนสาวของวันเล่าว่า  สามีของวัน  นั้นมีผู้หญิงมาหาที่ห้องบ่อยครั้ง  ซึ่งทำให้วันร้อนอกร้อนใจมาก จึงโทตามชลอให้กลับมาบ้านนอก  การทำนาของชลอในคราวแรกเป็นไปด้วยดี  ข้าวอายุได้ประมาณสามเดือนเศษ ๆ  ชลอไม่ได้ชมรวงข้าวที่จะเกี่ยวแม้สักนิด  เพราะมีเหตุให้เป็นเช่นนั้น  คืนเกิดเหตุชลอทะเลาะกับวัน   วันจึงพาลูกๆ ไปนอนบ้านตากับยายส่วนชลอหลังจากที่ทะเลาะกับวันก็ออกนอกบ้านไปกินเหล้าเมายา   ชลอกลับมาที่บ้าน ซึ่งบ้านที่อาศัยอยู่นี้เป็นบ้านเก่าติดแม่น้ำ  เป็นบ้านของญาติ ๆ ของวัน ซึ่งอพยพครอบครัวไปอยู่ที่บ้านดอนกันหมด  ครอบครัวของวันจึงมาขออาศัยอยู่ชั่วคราว  กลางดึกคืนนั้นชลอกำลังนอนอยู่ก็ได้ยินเสียงดังแผ่วๆมาเรียกอยู่ใต้ถุนบ้าน ชะลอสะลึมสะลือลุกขึ้นจาก ที่นอน ลงไปดูข้างล่างก็ไม่มีใคร จึงเดินขึ้นบันไดมาชั้นบน ในขณะที่ชลอกำลังเปิดประตูเข้าไปนอนต่อนั้น เกิดปวดปัสสาวะขึ้นมา ชลอขี้เกลียดลงไปเข้าห้องน้ำข้างล่างจึงยืนปัสสาวะ            ที่หน้าระเบียงบ้าน ซึ่งเป็นที่โลงไม่มีลูกกรงกันไว้เลย   อาการสะลึมสะลือของเขา  ชั่วแวบเดียวเขาวูบตกลงมาจากระเบียงบ้าน ซึ่งเป็นลานดินกว้าง  เขาสลบไป   เวลาผ่านไปจนกระทั่งค่อนแจ้ง เขาเริ่มรู้สึกตัว แต่เขาไม่สามารถขยับขา เพื่อจะลุกขึ้นมาได้ เขาตะโกนเรียก ? วัน  วัน  วัน  ช่วยพี่ด้วย ช่วยพี่ด้วย ? วันได้ยินเสียงจึงรีบวิ่งมาดูพร้อมกับผู้คนแถวนั้น วันร้องด้วยเสียงสั่นเครือ ? พี่  ฉันไม่น่าทิ้งพี่ไปเลย  ฉันขอโทษ ?   จากนั้นร่างของชลอถูกอุ้มขึ้น ส่งตัวไปที่โรงพยาบาล   หมอพยายามทำทุกวิถีทางแล้ว  แต่อาการของชลอก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเลย หมอบอกว่า เป็นเพราะกระดูกมากดทับเส้นประสาทสั่งการส่วนขา ทำให้เขาไม่สามารถเดินได้ แต่มีอีกวิธีหนึ่งคือ  ต้องเสี่ยงผ่าตัด  ดามเหล็กที่สันหลัง ซึ่งโอกาสหายมาเดินได้ตามปกตินั้น มีเพียง  50  เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น  หากทางครอบครัวของผู้ป่วยจะเสี่ยงในการผ่าตัดในครั้งนี้ ก็ให้เซ็นต์รับรองการผ่าตัดทันที  หมอพูดเช่นนั้น    วันผู้เป็นภรรยารู้สึกชาไปทั้งตัว ทำอะไรไม่ถูก เมื่อได้ยินคำบอกเล่าของหมอ  วันจึงตัดสินใจเซ็นต์รับรองการผ่าตัด เพื่อลองเสี่ยง   สามีอาจจะกลับมาเดินได้ตามปกติ  หลังจากการผ่าตัด คุณหมอทำกายภาพบำบัดให้ชลอ  แต่อาการของเขาก็ไม่มีวี่แววที่จะกลับมาเดินได้อีก  หมออนุญาตให้ชลอ กลับมาพักผ่อนที่บ้านได้  ชลอไม่อยากกลับไปบ้านหลังที่เกิดเหตุนั้นอีก  จึงพากันไปอยู่บ้าน ปู่ กับย่า ของนิท   ยาที่ไหนว่าดี  รักษาที่ไหนว่าหาย  วันพยายามพาชลอไปทุกหนทุกแห่ง  แต่ดูเหมือนว่าอาการของเขาก็ไม่ดีขึ้นมาเลย  จนสุดท้ายชลอก็ต้องหมดหวังกับสิ่งที่ฝัน ว่าจะกลับมาเดินได้เหมือนเดิม    หลังจากนั้น วันได้ปลูกกระท่อมหลังเล็ก ๆ หลังหนึ่ง   พาครอบครัวมาอยู่ด้วยกัน  เงินที่พอจะมีเก็บสะสมไว้ ก็หมดไปกับการรักษาตัวของชลอ  เงินจึงไม่พอที่จะสร้างบ้านดังที่ตั้งใจไว้   มีเพียงแค่สังกะสี แปะๆ  ไว้เท่านั้นเอง   นิท เริ่มโตมาเรื่อยๆ  วันก็ต้องทุกข์ใจมาก เมื่อนิทอยากจะเรียนต่อ  วันถอนหายใจ พูดกับนิทว่า ? แล้วจะนำเงินจากไหนมาเรียน ลำพังแม่หาเงินคนเดียวคงไม่พอหรอก ?  แต่นิทเป็นเด็กดี เป็นเด็กกตัญญู  จึงเป็นที่รักของเพื่อนๆ และอาจารย์   นิทจึงได้รับ ?ทุน เด็กยอดกตัญญู?  ทุกปี   เพราะนิทไม่เคยอายแม้แต่น้อยที่มีพ่อเป็นอัมพาต ครอบครัวยากจน   และทุกปีที่มีงานประจำปีที่วัด  นิทก็จะคอยเข็นรถพ่อ  พาพ่อไปเที่ยวงานวัดเป็นงานประจำ และได้รับการช่วยเหลือจากคณาจารย์ตลอดมา   หลังจากนิทจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย  เขาอยากจะเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา  แม่ก็ไม่มีเงินส่งเสียให้นิทได้เรียน   ด้วยความที่เขาอยากเรียนต่อ   อยากให้พ่อ แม่สบาย  จะได้ไม่ต้องลำบากอย่างที่เคย  นิทต้องทำงานหนักหาเงินด้วยความยากลำบาก  ด้วยความเพียรพยายาม อดทน บวกกับความตั้งใจจริง    คิดที่จะมานะผู้คนที่คอยดูถูกเหยียดหยาม และคำดูถูก ดูแคลน  ของญาติๆและคนรอบข้าง  ครั้นเมื่อครอบครัวของเขาล้มลง  ก็มีแต่คนคอยเหยียบย่ำ ซ้ำเติม ไม่มีใครที่คอยให้กำลังใจเลย  ทั้งยังสาปแช่งต่างๆนานา  นิทตั้งใจขยันทำงานส่งตัวเองเรียน  จนจบการศึกษาดังที่ตั้งใจไว้  นิทมีงานดี ๆ ทำ  สร้างบ้านหลังใหญ่ให้ พ่อ แม่  ปฏิบัติตนเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ มาโดยตลอด   พ่อแม่ของนิท  ภาคภูมิใจในตัวของนิทมาก  ส่วนนิทเองก็ภาคภูมิใจในตัวเองที่สามารถสร้างรอยยิ้มให้กับครอบครัวได้อีกครั้ง   
                   เวลาแห่งความสุขของครอบครัวนั้นผ่านไปเร็วเหลือเกิน  ไม่นานเท่าไร   พ่อของนิท
ก็มาเสียชีวิตลง  ด้วยโรคประจำตัว







                                                                        นางสาว สาวิณีย์  ไทยปิยะ
                                                                       โปรแกรมวิชา ภาษาไทย   คณะครุศาสตร์ชั้นปีที่  2
                                                                        มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.11 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!