จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
เมษายน 27, 2024, 05:04:43 am *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
ยินดีต้อนรับสมาชิก และผู้เยื่ยมชมทุกๆท่าน
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องสั้นเรื่อง...แม่ปิงหลังบ้าน โดย นายยงวิทย์ โตพุ่ม  (อ่าน 3065 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
apairach
Administrator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1414


ดูรายละเอียด อีเมล์
| |
« เมื่อ: สิงหาคม 26, 2012, 01:25:05 pm »

แม่ปิงหลังบ้าน
เด็ก ๆส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว ดังมาจากหลังตีนท่าหลังบ้าน  ผมจึงเดินมาดูเด็ก ๆ เล่นน้ำกัน ผมนั่งลงที่ท่าน้ำหลังบ้านแล้วมองทอดยาวลงไปด้านล่าง เห็นเด็กๆกำลังเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน ได้ยินสียงน้ำไหลกระทบกับกิ่งไม้ เสียงดังมาเป็นระลอก   ภาพความทรงจำในวัยเด็กของผมจึงผุดขึ้นมา ผมนึกย้อนไปในวัยเด็กของผม  ที่ใต้ต้นก้ามใหญ่ต้นนั้นมีกิ่งก้านสาขาทอดยาวยื่นลงไปในแม่น้ำ หลังกลับจากโรงเรียนผมกับเพื่อนๆจะนัดเจอกันที่นี่เป็นประจำ  พวกเราเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน  ผมชอบเล่นไล่จับกับเพื่อนๆ บนต้นก้ามปู ต้นก้ามปูมีกิ่งก้านสาขามากมาย ผมกระโดดจากกิ่งนี้ไปกิ่งนั้น บางครั้งก็พลาดตกลงไปในน้ำบ้าง พวกเราเล่นกันอย่างสนุกสนาน บางทีก็เอาเชือกมาผูกไว้ที่กิ่งของต้นก้ามปู แล้วก็วิ่งมาจากบนตลิ่งกระโดดลงน้ำ เวลาโหนมาก่อนจะปล่อยจะต้องร้องว่า ?โห่ ฮี่ โห่ ฮิ้ว? แล้วจึงค่อยปล่อยมือลงน้ำ ผมจึงเรียกการเล่นนี้ว่า ?โห่ ฮี่ โห่ ฮิ้ว? ตอนเย็นๆแม่ก็จะมาอาบน้ำที่ท่าน้ำ เวลาแม่อาบน้ำแม่ชอบเอาทรายถูตัวแม่บอกว่า มันขัดขี้ไคลได้ดี  เวลาแม่ขึ้นจากท่าน้ำแม่ก็จะเอาทรายขึ้นไปด้วย ครุหนึ่ง แม่บอกว่าเอาไว้ไปก่อพระเจย์ดีทรายที่วัดตอนสงกรานต์ ผมก็ยังงง อยู่ว่าทรายที่วัดก็มีจะเอาไปทำไม   ตอนเย็นอย่างนี้ที่หาดทรายตรงกลางแม่น้ำจะมีคนเยอะมาก เพราะจะมีพวกพี่ๆ ในหมู่บ้านเขามาเล่นฟุตบอลกัน พวกผู้หญิงก็กระโดดยางกัน อย่างสนุกสนาน ส่วนพวกผมนะหรือ ก็นั่งก่อพระเจดีย์ทรายเล่นกัน บ้างก็ขุดหลุมแล้วลงไปนอนในหลุมทรายให้เพื่อนเอาทรายกลบเหลือแต่หัว เราเล่นน้ำกันสนุกสนานไปตามประสาเด็กบ้านนอก หาดทรายที่หลังบ้านผมนั้นเป็นทรายละเอียดสีขาว ทอดยาวต่อกันไปไกลสุดลูกหูลูกตา  น้ำในแม่น้ำปิงนั้นใสจนสามารถมองเห็นตัวปลาและทรายขาวๆ ที่อยู่ใต้น้ำได้ ปลาในแม่น้ำปิงนั้นชุกชุม บางครั้งผมยังเคยจับปลามาให้แม่ทำอาหารอยู่บ่อยๆ   เวลาที่พวกผมรู้สึกหิวผมก็ไปขึ้นมะม่วงพันธ์ทองของยายบุญมีที่ปลูกไว้ริมตลิ่ง บางที่เราก้อนั่งกินกันบนต้นเลย บางทีผมก็ให้เพื่อนขึ้นขย่มผมคอยเก็บอยู่ด้านล่าง แล้วก็เอามานั่งกินในน้ำกันอย่างสบายอุรา กินมะม่วงอิ่มเอาก็กินน้ำในแม่น้ำนั้นแหละตามประสาเด็ก  บางทีกำลังนั่งกินอยู่เพลินๆ ยายบุญมีมาเห็นผมก็รีบดำน้ำไปหมอบในกอผักบุ้ง ยายบุญมีแกเป็นคนขี้เหนียวแกหวงมะม่วงของแก แต่พวกเด็กๆก็ชอบไปลักกินแต่มะม่วงของแกไม่รู้เป็นไร ทั้งๆที่ก็มีต้นมะม่วงหลายต้นนะที่ปลูกไว้ริมตลิ่ง เมื่อกินอิ่มเอาก็มีแรงเล่นต่อบางทีเราก็เล่นจนถึงมืดเลย  โดนแม่ตีบ่อยๆ ก็ด้วยเหตุนี้นี่แหละเพราะไม่ยอมขึ้นจากน้ำเสียที     วันนั้นเป็นวันสงกรานต์ พวกคนเฒ่า คนแก่ หนุ่ม สาว และพวกเด็กๆไปรวมกันอยู่ที่หาดทรายหน้าวัด เพราะวันนี้จะมีการก่อพระเจดีย์ทรายน้ำไหล พวกคนคนเฒ่าคนแก่เขาก็ช่วยกันโกยทรายกลางแม่น้ำให้เป็นกอง แล้วก็ตกแต่งประดับประดาด้วยด้วยธงหลากสีดอกไม้สีสันต่างๆ  แล้วก็ร้องเพลงพิษฐานแก้กันไปมา ผมได้ยินเสียงยายอำนวยร้องว่า
?นั่งลงปลงจิต ลูกจะพิษฐานเอย มือหนึ่งถือพานพานนั้นมีดอกคัดเค้า
 เกิดมาชาติติฉันใดใดขออย่าให้ได้ผัวขี้เหล้า ?
พวกลูกคู่ฝ่ายหญิงก็ร้องรับว่า
?พิษฐาน วันไหว้ขอให้ได้อย่างพิษฐาน เอย
พิษฐาน วันโล่งขอให้ตรงอย่างพิษฐาน เอย
พิษฐาน วันแช่ขอให้แน่อย่างพิษฐาน เอย?
ฝ่ายลุงสุชิน พ่อเพลงฝ่ายชาย ก็ร้องแก้ ว่า
?นั่งลงปลงจิต ลูกจะพิษฐานเอย มือหนึ่งถือพานพานนั้นมีดอกหงอนไก่
 เกิดมาชาติติฉันใดใดขออย่าให้ได้เมียขี้ไพ่?
ลูกคู่ฝ่ายชายก็ร้องรับ
?พิษฐาน วันไหว้ขอให้ได้อย่างพิษฐาน เอย
พิษฐาน วันโล่งขอให้ตรงอย่างพิษฐาน เอย
พิษฐาน วันแช่ขอให้แน่อย่างพิษฐาน เอย?
พ่อเพลงแม่เพลงทั้งคู่ร้องแก้กันไปมา เสียงลูกคู่ก็เฮรับกันเป็นจังหวะๆ แล้วก็รำวงรอบพระเจดีย์ทรายกันอย่างครึกครื้น พวกเด็กๆ ก็เล่นน้ำกันวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน เสียงดังระงมไปทั้งคลุ้งน้ำบริเวณหน้าวัด   ชีวิตของผมและชาวบ้านสบยม เติบโตมากับแม่น้ำสายนี้ ผมไม่รู้ว่าผมว่ายเป็นตอนไหน แต่ตั่งแต่จำความได้ผมก็เกิดมากลับแม่น้ำสายนี้  ข้างบ้านของผมจะมีคลองเล็กๆสายหนึ่งที่ไหลลงสู่แม่น้ำปิงหลังบ้านผม ชื่อว่าคลองสบยม คนอีกฝั่งหนึ่งเขาเรียกแถวบ้านผมว่า เหนือคลอง ในสมัยนั้นยังไม่มีสะพานที่จะใช้ข้ามไปใต้คลอง  พวกเหนือคลองจะต้องถ่อแพเพื่อไปซื้อของที่ใต้คลอง เพราะสมัยนั้นเหนือคลองมีบ้านอยู่แค่ 4-5 หลังคา เวลาที่ผมจะไปเรียนหนังสือผมก็จะต้องถ่อแพข้ามไป แล้วก็ไปเอาจักรยานที่บ้านย่าซึ่งอยู่ใต้คลองปั่นไปโรงเรียน
ถ้าวันไหน แพแตก ผมก็จะต้องแก้ผ้าเอาชุดนักเรียนใส่ถุงถือไว้บนหัวแล้วก็กระดึ๊บๆ ว่ายน้ำข้ามไป แล้วไปใส่ที่ฝั่งโน้น   บางครั้งผมกับเพื่อนก็นึกสนุกเอาแพมาถ่อเล่นกันรอบคลองเลย  มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมได้ยินเสียงยายสมพงษ์ บ่นว่า
?ไอ้เด็กห่าที่ไหนว่ะ ซนอย่างกับลิง มาลักเอาแพกูไปถ่อเล่นเนี่ย กูยิ่งรีบไปธุระอยู่ ถ้าแม่เจอจะเขกกระบาล ให้แตกเป็นเสี่ยงเลย? ผมกับเพื่อนได้ยินก็เลยหลบอยู่ที่พุ่มมะเดื่อริมคลองเพราะกลัวยายสมพงษ์เขกกระบาล  สักพักผมก็เห็นยายสมพงษ์ใส่กระโจมอกถอดเสื้อไว้บนหัวว่ายน้ำข้ามคลองมา ปากก็บ่นอะไรไปตลอดทาง ผมกับเพื่อนก็นั่งหัวเราะกันแต่ อีกใจหนึ่งผม ก็นึกสงสารเขาเหมือนกันนะ   ภาพครั้งนั้นผมจำได้ติดตา 
        ชีวิตลูกแม่ปิงอย่างผมอยู่กับสายน้ำนี้มาตลอด  ผมและชาวบ้านสบยมทุกคนดำรงชีวิตจากแม่น้ำสายนี้   แม่น้ำสายนี้คือที่เกิด ที่อยู่ และที่ตาย ของพวกเรา แม่น้ำปิงคือชีวิตและสายเลือดใหญ่ ที่หล่อเลี้ยงพวกเรามา เราอยู่ เรากิน เราอาบ เราใช้ เราก็ ได้จากแม่น้ำนี้ทั้งนั้น เราใช้น้ำทำการเกษตร และยังมีประเพณีที่เกี่ยวข้องกับแม่น้ำอีกหลายอย่าง
แม่น้ำปิงคือแม่ของพวกเราชาวสบยมทุกคน จริงๆ
      แต่เวลาในปัจจุบันนี้ ในขณะที่ผมนั่งอยู่ที่ท่าน้ำหลังบ้านแล้วมองไปที่สายน้ำ ที่ผมคุ้นเคย ผมจากสายน้ำนี้ไปนานหลายปี เพื่อมาเรียนต่อ ผมมองทอดยาวไกลไปยังสายน้ำที่เวิ้งว้าง และไม่มีใครรู้ว่าจะหยุดไหลลงวันใด  แม่น้ำที่ผมคุ้นเคยนั้น บัดนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว แม่น้ำมีกอพง กอหญ้าขึ้นรก มีเศษขยะและสวะ ลอยมาตามสายน้ำ สีของน้ำขุ่นขลัก เหมือนกับสีของโคลน ตม  ไม่สามารถมองเห็นตัวปลา และผืนทรายที่อยู่ใต้น้ำเหมือนแต่ก่อน  ต้นก้ามปูต้นใหญ่ที่ผมชอบไปนั่งเล่นประจำบัดนี้ก็โคล่นลงน้ำไปเสียแล้ว คงจะโค่นลงเมื่อหลายปีก่อนตอนที่น้ำหลากแล้วเซาะตลิ่งพัง คงเหลือแต่ตอของมัน ตั้งโด่ เด่ ไว้ให้ดูเพียงเท่านั้น  ขณะที่ผมนั่งมองอะไร เพลินๆๆ อยู่นั้น ก็เห็นเรือหางลำหนึ่งติดใบพัดแล่นมาแต่ไกล  พอเรือขี่ผ่านไป ก็เกิดคลื่นกระทบกับฝั่งดัง ซ่า เป็นระลอก ๆ เด็กๆดู จะตื่นเต้น ที่ได้เห็นเรือและได้เล่นคลื่น  ซักพักเค้าก็หยุดเรือที่คลุ้งน้ำหลังบ้านผม แล้วเค้าก็ปาระเบิดลงกลางคลุ้งน้ำเสียงดังสั่นหวั่นไหว  พวกเด็กๆ ที่กำลังเล่นน้ำเพลินๆ อยู่นั้นสะดุ้งสุดตัว เพราะเสียงระเบิด  เมื่อเสียงนั้นสงบลงผมก็เห็นปลาจำนวนมากตายลอยเป็นแพ ขาวเต็มคลุ้งน้ำ เจ้าของเรือก็ถ่อเรือซ้อนปลา เลือกเอาแต่ปลาตัวใหญ่ไปปลาตัวเล็กๆ ที่เขาไม่เอาก็ลอยมาตามแม่น้ำมา พวกเด็กๆแย่งกันจับอย่างสนุกสนาน
ผมจึงคิดย้อนไปถึงเมื่อก่อนที่ตาผมเคยบอกว่า ? อยากกินแกงปลาก็ตำน้ำพริกไว้รอเลยเดี๋ยวตาไปจับที่ตีนท่า ตอนค่ำๆมันชอบมานอนริมตลิ่ง ตาก็เอาสวิงไปซ้อนมา?   ทำไมเมื่อก่อนจึงมีปลาชุกชุม เพราะเค้าเขาจะไม่จับปลาในฤดูวางไข่   เดี๋ยวนี้ที่ไม่ค่อยมีปลาเพราะว่าระเบิดและช๊อตปลาทำให้ปลาตัวเล็กที่ไม่ต้องการตายไปด้วย      สักพักผมจึงเรียกพวกเด็กๆ ขึ้นจากน้ำเพราะมันใกล้จะค่ำแล้ว  ผมก็ไปถามแม่ว่าทำไมแม่น้ำปิงเดี๋ยวนี้ถึงไม่เหมือนเดิม  แม่ก็เล่าให้ฟังว่า ด้านเหนือหมู่บ้านมี โรงงานถลุงแร่ และได้ปล่อยน้ำเสียลงสู่แม่น้ำปิงของเรา และยังมีเถ้าแก่ มาทำท่าทรายอยู่ด้านเหนือหมู่บ้านอีกหลายเจ้า  จึงทำให้น้ำสกปรก และตลิ่งพัง  และส่วนหนึ่งก็มาจากความมักง่ายของพวกมนุษย์ที่ทิ้งขยะไม่เป็นที่  เดี๋ยวนี้ความเจริญเข้ามา มีน้ำประปา  มีสะพานข้ามคลองแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปอาบน้ำที่ท่าน้ำแล้ว  เลยห่างเหินจากแม่น้ำปิง ลืมแม่ที่เคยหล่อเลี้ยงพวกเรามาตั่งแต่บรรพบุรุษ  แม่น้ำที่ผมรัก และเปรียบกับเพื่อนสนิทของผม บัดนี้กำลังชอกช้ำเพราะ ลุกๆ ที่แม่เคยหล่อเลี้ยงชีวิตมา  ที่แม่เคยให้ใช้ดื่มกิน  บัดนี้กำลังรังแก และทำร้ายแม่อยู่
พวกเราใช้ชีวิตกันอย่างสุขสบาย จนหลงลืมที่จะหันกลับมาดูแลแม่ของเรา ตอนนี้แม่กำลังทุกข์ใจ เรามาช่วยกันรักษาแม่ของเราให้น่าอยู่เหมือนเดิม  เรามาช่วยกันต่อเติมสายเลือดสายหลักนี้ให้คงไว้ตลอดไป  แล้วถ้าพวกลูกๆ อย่างพวกเราไม่ช่วยกันดุแลรักษา ?แล้วแม่จะอยู่อย่างไร?



                            นายยงวิทย์   โตพุ่ม   541122722   นักศึกษาโปรแกรมวิชาภาษาไทย
                                                                         คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.11 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!