จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
มีนาคม 28, 2024, 11:39:15 pm *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
ยินดีต้อนรับสมาชิก และผู้เยื่ยมชมทุกๆท่าน
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องสั้น เรื่อง เรียนมาเพื่อ... นางสาวกมลรัตน์ ประเสริฐสุข โปรแกรมวิชาภาษาไทย  (อ่าน 2853 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
apairach
Administrator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1410


ดูรายละเอียด อีเมล์
| |
« เมื่อ: สิงหาคม 26, 2012, 11:14:13 am »

เรียนมาเพื่อ.....
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น กริ๊งๆๆๆ กริ๊งๆๆๆ
ทำให้ฉันตื่นขึ้นจากที่นอนหลังจากที่เก็บที่นอน พับผ้าห่มเรียบร้อยแล้ว ก็เดินไปเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำแปรงฟัน กลิ่นหอมของกับข้าวโชยมาแตะเข้าที่ปลายจมูกทำให้ฉันรู้สึกหิวข้าวขึ้นมาทันที เช้านี้ที่โรงเรียนมีการสอบเพื่อชิงทุนการศึกษาเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย ฉันตั้งใจกับการสอบครั้งนี้เป็นอย่างมากเพราะมันเป็นความหวังของฉันและแม่ ซึ่งฉันตั้งใจที่จะสอบชิงทุนครั้งนี้ให้ได้เพราะมันเป็นความหวังเดียวของฉันที่จะทำให้ฉันได้เรียนต่อในมหาวิทยาลัย  ในบ้านหลังเล็กๆมีฉันและแม่อาศัยอยู่ด้วยกันสองคน พ่อจากฉันกับแม่ไปตั้งแต่เมื่อสิบปี่ที่แล้ว หลังจากที่พ่อจากเราไป ครอบครัวของเราจากที่มีฐานะค่อนข้างดีก็กลับกลายเป็นยากจนเนื่องจากตอนพ่อมีชีวิตอยู่นั้นพ่อเป็นผู้รับภาระในการหาเลี้ยงครอบครัว แต่ตอนนี้มีแค่ฉันกับแม่ซึ่งแม่ก็แก่มากแล้ว ทำอาชีพรับจ้างก็ได้เงินพอกินไปวันๆ สาเหตุการตายของพ่อคือพ่อประสบอุบัติเหตุและถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาล แต่หมอก็ไม่สามารถช่วยชีวิตของพ่อฉันไว้ได้ ณ ตอนนั้นตอนที่หมอเดินออกมาบอกว่าพ่อเสียชีวิตแล้ว ฉันกับแม่เสียใจมาก ตอนพ่อเสียชีวิตใหม่ๆฉันเห็นคราบน้ำตาของแม่ทุกครั้งที่กลับมาจากโรงเรียนแต่แม่ก็พยายามที่จะเช็ดเพื่อไม่ให้ฉันเห็นคราบน้ำตา แม่จะพูดกับฉันเสมอว่า อยากให้ฉันเป็นหมอเพื่อที่จะได้รักษาคนไข้และครอบครัวของคนไข้จะได้ไม่มีชีวิตที่เจ็บปวดและอยากลำบากเช่นฉันกับแม่ และฉันก็ตั้งใจไว้ว่าจะต้องสอบชิงทุนครั้งนี้ให้ได้ เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ สิบห้านาที ฉันก็กินข้าวเสร็จและพร้อมที่จะเดินทางไปโรงเรียน โรงเรียนของฉันอยู่ห่างจากบ้านประมาณ ยี่สิบกิโลเมตร ขึ้นรถเมล์ไปก็ประมาณสิบนาทีถ้ารถไม่ติด และก่อนออกจากบ้านทุกครั้งฉันก็ไม่ลืมที่จะบอกรักแม่ เพราะฉันคิดว่าเวลาการอยู่ร่วมกันของคนเรามันมีน้อยมากเราควรจะทำทุกวันให้ดีที่สุด ทำทุกวันจนเดี่ยวนี้มันเป็นเรื่องปกติไปแล้วสำหรับฉันและแม่ ถึงแม้ว่าครอบครัวของเราจะยากจนแต่เราก็ไม่เคยละเลยความรักความห่วงใยต่อกันเลย และเมื่อเวลาผ่านไปสิบนาทีรถเมล์ก็ได้จอดหน้าโรงเรียนพอดี วันนี้เพื่อนๆต่างก็มีหน้าตาที่เคร่งเครียดอาจจะเนื่องด้วยมาจากการอ่านหนังสือเพื่อสอบชิงทุนในวันนี้ก็ได้  ฉันรู้สึกว่าวันนี้เป็นวันที่ฟ้ายื่นโอกาสมาให้ฉันและฉันก็จะตั้งใจทำข้อสอบอย่างเต็มทีเพื่อแม่ที่ฉันรักมากที่สุด บรรยากาศในห้องสอบเงียบสงบ ทุกคนต่างตั้งหน้าตั้งตาในการทำข้อสอบ แต่ก็มีเพื่อนบางคนที่เมื่อคืนอาจจะอ่านหนังสือมาไม่เต็มที่หรือว่าอาจจะตื่นเต้นกับสนามสอบจึงทำให้เขาดูไม่มั่นใจ แต่สำหรับฉันแล้วฉันคิดว่าข้อสอบที่กำลังทำอยู่นี้ฉันสามารถทำมันได้เพราะตรงกับที่อาจารย์ติวให้และบางส่วนก็ตรงกับที่อ่านมาพอดี หลังจากเวลาผ่านไปประมาณสามชั่วโมงเสียงออดของโรงเรียนก็ดังขึ้นเพื่อบอกว่า ขณะนี้หมดเวลาทำการสอบแล้ว
หลังจากส่งข้อสอบเสร็จฉันก็เดินทางกลับบ้านใช้เวลาประมาณ สิบนาทีก็ถึง  วันนี้ท้องฟ้ายามพระอาทิตย์ตกดินสวยมาก สวยเหมือนภาพวาดที่ฉันเคยเห็นในหนังสือเรียน ฉันเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่แม่มาเรียกให้ไปกินข้าวเย็น เราสองคนแม่ลูกจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากเป็นพิเศษ อาจเป็นเพราะฉันไม่มีพ่อก็เลยไม่รู้ว่าความสุขของคำว่าครอบครัวที่สมบูรณ์เป็นอย่างไร แต่ฉันก็ภูมิใจเพราะฉันมีแม่ที่เป็นทั้งพ่อและเพื่อนในเวลาเดียวกันให้กับฉันได้ ฉันเลยไม่รู้สึกว่าขาดอะไรไปเลย  เช้าตรู่ของวันจันทร์ เสียงไก่ขันแว่วเข้ามาในหู ในเวลานั้นฉันรู้เลยว่าตอนนี้เป็นเวลาตีห้าครึ่ง ซึ่งฉันต้องตื่นอาบน้ำไปโรงเรียนเพื่อฟังผลสอบ หลังจากกินข้าวเสร็จก่อนออกจากบ้านฉันก็ไม่ลืมที่จะบอกรักแม่เหมือนทุกๆวัน แต่วันนี้แม่พูดกับฉันว่า ?วันนี้ไม่ว่าผลสอบจะออกมาเป็นอย่างไร แม่ก็ภูมิใจในตัวหนูเสมอ?
?ขอบคุณค่ะแม่ ถึงวันนี้หนูจะสอบได้หรือไม่ได้ หนูก็ไม่เสียใจหรอกค่ะ เพราะหนูได้ทำอย่างเต็มที่แล้ว?
?จำไว้นะลูกคนเราถ้ามีความพยายามสักวันก็ต้องเป็นวันของเรา?
เมื่อมาถึงโรงเรียนฉันก็เห็นเพื่อนๆยืนมุงดูที่ใบประกาศผล บางคนก็ดีใจกระโดดโลดเต้น บางคนก็ร้องไห้ ฉันนึกในใจว่าหลังจากฉันเห็นผลสอบแล้วฉันจะเป็นแบบไหน หลังจากที่คนซาลงฉันก็เดินไปดูการประกาศผลโดยไล่จากลำดับท้ายไปถึงลำดับแรก ตอนแรกตกใจมากเมื่อไล่รายชื่อผ่านไปประมาณสิบคนแต่ก็ยังไม่เจอชื่อตัวเองเสียที ตอนนั้นฉันเริ่มรู้สึกใจหวิวๆ แต่เมื่อสายตากวาดไปเห็นชื่อของฉันอยู่ลำดับที่หนึ่งฉันไม่รู้จะแสดงอาการดีใจอย่างไรดี ดีใจจนพูดไม่ออก  ได้แต่ยืนยิ้มอย่างภูมิใจ ว่าตนเองทำสำเร็จแล้ว การแต่งกายชุดนักศึกษามันทำให้ฉันดูโตขึ้นและใครจะไปคิดว่าเด็กจนๆอย่างฉันจะมีโอกาสได้มาเรียนในคณะแพทย์ศาสตร์ แต่วันนี้มันก็เป็นความจริงแล้ว เป็นความจริงที่ฉันแสนจะภูมิใจ
เมื่อเวลาผ่านไปประมาณหกปี ตอนนี้ฉันได้เป็นคุณหมออย่างที่ฝันเอาไว้แล้ว และฉันก็ได้มาบรรจุที่โรงพยาบาลในจังหวัดซึ่งเป็นโรงพยาบาลใหญ่ทีเดียว ใครจะไปคิดว่าเด็กบ้านๆอย่างฉันตอนนี้กลายเป็นคุณหมอไปเสียแล้ว วันนี้เป็นวันแรกในการเริ่มงานเป็นคุณหมออย่างเต็มตัว ฉันมีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำให้คนไข้และญาติของคนไข้หายจากความทรมานโดยที่ฉันได้ช่วยให้เขาหายจากโรคร้าย  วันนี้ฉันมีความรู้สึกว่าท้องฟ้าครึมเป็นปกติเหมือนเป็นรางบอกเหตุร้ายที่ฉันต้องพบเจอในวันนี้ และใครจะไปคาดคิดล่ะ ว่ามันจะมาเร็วขนาดนี้ มาโดยที่ไม่ให้เวลาฉันตั้งตัวเลย ขณะนี้เวลาประมาณเที่ยงคืนหมอท่านอื่นออกเวรกลับบ้านไปพักผ่อนกันหมดแล้วเหลือเพียงแต่ฉันซึ่งอยู่เวรวันนี้  และเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็กำลังเดินทางมาหาฉัน ฉันรู้สึกแบบนี้อยู่ตลอดเวลาในระหว่างที่นั่งอยู่ในห้องทำงาน  เวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง ก็มีพยาบาลกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาทางห้องฉัน ในตอนนั้นฉันคิดในใจแล้วว่ามันต้องมีเหตุการณ์อะไรแน่ๆ และก็ไม่ผิดจากที่คิดไว้เลย พยาบาลเดินเข้ามาในห้องและบอกกับฉันว่า
   ?คุณหมอค่ะ มีคนไข้ประสบอุบัติเหตุต้องได้รับการรักษาโดยด่วนที่สุด และที่สำคัญคือคนไข้เสียเลือดมากและเสี่ยงตอการเสียชีวิตมากเลยค่ะ?
     ?คนไข้ได้รับบาดเจ็บตรงไหน?
   ?เลือดคลั่งในสมองค่ะ?
   ?แต่ดิฉันเป็นหมอบรรจุใหม่ ยังไม่เคยทำเคจใหญ่ๆอย่างนี้นะค่ะ คุณพยาบาลลองไปตามคุณหมอท่านอื่นได้ไหม?
   ?คุณหมอค่ะ คือว่าตอนนี้คุณหมอท่านอื่นออกเวรไปหมดแล้วค่ะ ถ้าคุณหมอไม่ตัดสินใจตอนนี้คนไข้ต้องเสียชีวิตแน่เลยค่ะ?
    ในระหว่างนั้นฉันก็คิดตัดสินใจอยู่พักหนึ่ง และก็พูดกับพยาบาลไปว่า ? งั้นคุณไปเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม ?
    ในระหว่างทำการผ่าตัดฉันรู้สึกกังวลเป็นอย่างมากเพราะตั้งแต่บรรจุเป็นหมอมายังไม่เคยเจอเคจใหญ่อย่างนี้มาก่อน และเวลาผ่านไปประมาณร่วมชั่วโมง เครื่องที่บอกอัตราการเต้นของหัวใจก็ดังขึ้น ตึดๆๆๆๆๆๆๆๆ  โอ้ฉันช่วยเขาไว้ไม่ได้หรือนี่ เขาจากโลกนี้ไปเสียแล้ว ความรู้สึกของฉันนะตอนนั้นเหมือนโลกหยุดหมุนทุกอย่างมืดไปหมด ฉันเรียนหมอมาเพื่ออะไรกัน ในเมื่อเรียนมาแล้วไม่สามารถช่วยชีวิตคนอื่นได้ หรือการตัดสินใจของฉันมันช้าเกินไป.....

นางสาวกมลรัตน์ ประเสริฐสุข
โปรแกรมวิชาภาษาไทย
มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.11 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!