จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
เมษายน 18, 2024, 01:08:01 pm *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
ยินดีต้อนรับสมาชิก และผู้เยื่ยมชมทุกๆท่าน
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ก้าวมาจากดิน เขียนโดย นางสาวชาริณี พงษกัด นักศึกษาโปรแกรมวิชาภาษาไทย  (อ่าน 2703 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
apairach
Administrator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1413


ดูรายละเอียด อีเมล์
| |
« เมื่อ: สิงหาคม 26, 2012, 11:04:57 am »

ก้าวมาจากดิน
   ผืนนา กว้างใหญ่  ในยามนี้รวงข้าวสีเขียวแกมสีเหลืองทอง กำลังฟ้อนรำเล่นอยู่กับสายลม ในช่วงเวลาที่
พระอาทิตย์ กำลังจะลับขอบฟ้าไป ในอีกไม่กี่นาที  บ้านเรือนในพื้นที่ถิ่นชนบทเวลานี้เต็มไปด้วยผู้คนในละแวกบ้านใกล้เรือนเคียงเดินสวนกันไปมา พูดคุยทักทายด้วยความสนิทสนม
   บ้านทรงไทย หลังใหญ่ ตั้งอยู่ บนพื้นที่ ด้านหน้าของผืนนา รอบบริเวณบ้าน เต็มไปด้วยไม้ดอกไม้ประดับ และไม้ยืนต้น นานาชนิด
    ?รวงข้าว? บุตรสาวคนเดียวของครอบครัวชาวนา ครอบครัวนี้ เป็นหญิงสาวที่เรียบร้อย น่ารัก  เติบโตมาท่ามกลางการดูแล จากผู้เป็นพ่อ แม่ และยาย  ซึ่งถือว่า เป็นครอบครัวชนบทครอบครัวหนึ่ง ที่มีความอบอุ่นมาก
   ต้นเทอมของการเปิดภาคเรียน ในปีการศึกษาใหม่  ?รวงข้าว? จะต้องจากครอบครัว เดินตามเส้นทางการศึกษาต่อ สานฝันของตัวเองให้เป็นจริง นั่นคือ การใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย  ซึ่งเธอเลือกที่จะเรียนครู เพราะเธอมีศรัทธาในตนเอง อย่างแรงกล้า
    รอยยิ้มของพ่อและแม่ ทำให้รวงข้าวกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เธอวิ่งเข้ามาสวมกอดบุคคลทั้งสอง ด้วยความรัก
ซึ่งอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าเธอจะต้อง จากพ่อและแม่ไปเรียนอยู่ในเมืองใหญ่
    เมืองใหญ่ เวลานี้ เต็มไปด้วยตึกสูง ยานพาหนะบนท้องถนนที่หนาแน่น ใจกลางเมืองแห่งนี้ คือที่ตั้งของมหาวิทยาลัย ที่หญิงสาว กำลังจะก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิต
   รวงข้าวก้าวเข้ามายังห้องเรียน ในวันแรกของการเปิดเรียน เป็นการปฐมนิทศนักศึกษาใหม่ กับอาจารย์ ผู้สอนประจำภาควิชา รวงข้าว ได้มีโอกาสพบปะ พูดคุยกับเพื่อนใหม่และทำความรู้จักกัน
   เช้าวันใหม่ผ่านเข้ามา นี่คือวันเรียนวันแรกก็ว่าได้ ภายในห้องเรียนขณะนี้ มีอาจารย์สาวสวยนั่งอยู่มุมห้อง กำลังเตรียมเอกสาร รอบข้างรวงข้าวในชั่วโมงนี้ เพื่อนๆ แต่ละคนต่างพูดคุยกันอยู่อย่างเสียงดัง ถึงเวลาเรียน ก็ไม่ตั้งใจเรียน บางคนก็หลับอยู่หลังห้อง
หลายวันต่อมา รวงข้าว สังเกต พฤติกรรมของเพื่อนนักศึกษาสาวกลุ่มหนึ่ง ซึ่งต่างมองมายังเธอ
ที่นั่งอยู่ กับเพื่อนด้านหน้าสุดของชั้นเรียน พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นลูกผู้ดี มีเงิน บ้างก็เป็น ลูกสาวนักการเมือง หลานสาวข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในกรม ชอบใช้กริยาโอ้อวด ความมั่งมีของตนเอง นินทา ว่ากล่าวเพื่อนๆ ที่
ยากจนกว่า  ซึ่งโดยมากมาจากต่างจังหวัด หนึ่งในนั้นคงหนีไม่พ้น ?รวงข้าว? ซึ่งนานวันผ่านไปเรื่อยๆ เธอมักจะ
ถูกเหยียดหยาม ดูหมิ่นอยู่เสมอ
?เด็กบ้านนอก เชย เฉิ่ม ไม่มีรสนิยม ล้าสมัย?
นี่คือ หนามที่แหลมคม บาดใจหญิงสาวลูกชาวนา คนนี้ตั้งแต่เรียนชั้นปี ๑ เป็นอย่างมาก ทุกครั้งที่
เพื่อนกลุ่มนี้นินทาเธอ เธอจะทำตัววางเฉย นิ่ง ไม่ได้โต้ตอบ อะไร
   รวงข้าว โดยนิสัยแล้วเธอเป็นคนที่ขยัน เรียนเก่ง กิจกรรมก็ไม่ธรรมดา เป็นนักศึกษาสาวสวยที่มากด้วยความสามารถอีกคนหนึ่งเลยทีเดียว ถือได้ว่า รวงข้าวรวงนี้พร้อมที่จะเติบโต งอกเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดีให้สังคมได้
ใช้ต่อไป ซึ่งไม่น่าแปลกใจเลย ว่าทำไม เธอถึงมักถูกนินทาอยู่บ่อยๆๆ เพราะความอิจฉา นี่เอง

   เวลาหลังเลิกเรียน รวงข้าว เดินทอดสายตาไปยังเส้นทางข้างหน้า ซึ่งเป็นทางเข้าของมหาวิทยาลัย
ช่วงเวลานี้ หญิงสาวนั่งลง กับพื้นสนามหญ้า สูดลมหายใจ ด้วยความเหนื่อยล้า อ่อนแรงลงทุกที เพราะในแต่ละวัน เธอต้องพบเจอกับผู้คน ที่คอยแต่จะใส่หน้ากากเข้าหากัน  แล้วทั้งเพื่อนหลากหลายนิสัย คำพูดการกระทำ ของคนฐานะดี ที่ชอบยกตนข่มท่าน ว่าตนเองเก่ง ดี มีชาติตระกูล กว่าเด็กบ้านๆๆ ผู้หญิงธรรมดาบ้านนาป่าดงอย่างเธอ
   บ่อยครั้ง ที่เธอรู้สึกท้อ และสิ้นหวังกับการใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่แห่งนี้ เธอรู้สึกได้เลยว่า เมืองใหญ่เมืองนี้ไม่ใช่สถานที่สำหรับเธออย่างแน่นอน เป็นสถานที่ที่ผู้คนในสังคม อยู่อาศัยเพื่อการประกอบอาชีพ หาเลี้ยงปากท้องของครอบครัวตนเอง เพียงเท่านั้น ไม่มีใครสนใจใคร ชีวิตเต็มไปด้วยความเร่งรีบ และการแข่งขันกับเวลา
หลายแง่มุมของเมืองใหญ่ ซึ่งต่างจากบ้านนาชนบทโดยสิ้นเชิง
   สิ่งหนึ่งที่ทำให้เธอ ยิ้มได้นั้นก็คือ การได้นั่งมองท้องฟ้า ในเวลา ที่พระอาทิตย์ กำลังจะลาลับขอบฟ้าไป
นึกถึงภาพพ่อกับแม่ ที่อยู่ทางบ้าน ภาพผืนนาอันกว้างใหญ่ซึ่งขณะนี้รวงข้าวกำลังฟ้อนรำเล่นกับสายลม และบรรยากาศยามค่ำคืนสุดท้ายที่นอกชาน หน้าบ้าน เสียงหนึ่ง ดังแว่วมาจากผู้เป็นพ่อได้พูดฝากไว้กับบุตรสาวของตน ก่อนเข้ามาในเมืองใหญ่ 
   ?.....คุณค่าของคน? จะยากดีมีจน ก็เหมือนกันทั้งนั้น เรียนสูง หรือต่ำไม่สำคัญ ต่างกันก็เพียงแค่ ความคิด การแสดงออก ที่บ่งบอกตัวตนที่แท้จริง เส้นทางข้างหน้า จะมีอะไร เราไม่รู้ บางคนหลงลืม ธาตุแท้ของตนเอง หยิ่ง ทะนงตัว อวดดี เมื่อเข้ามามีชีวิตในเมืองใหญ่ที่สุขสบาย แต่อีกคน ที่รู้จักตัวตนของตนเอง มีความมานะบากบั่น ต่อสู้อดทนกับความลำบาก เอาชนะคำดูหมิ่นเหยียดหยาม ด้วยใจที่หนักแน่น มีความเพียรพยายามจนกระทั่ง
ประสบความสำเร็จในชีวิต โดยที่สิ่งรอบข้างไม่สามารถเข้ามามีอิทธิพล ต่อจิตใจเข้าได้เลย แม้แต่น้อย....?
   เขาบอกกับตัวเองบ่อยครั้ง ว่า
   ?ถ้า เราไม่มีความหนักแน่น และอดทนต่อสิ่งต่างๆ รอบตัวเราแล้ว เราก็คงไม่สามารถเรียนรู้
และใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้คนในสังคมนี้ได้?
   เวลาผ่านพ้นไป พร้อมกับภาระหน้าที่ของนักศึกษา ชั้นปีสุดท้ายอย่างรวงข้าว ทั้งหนัก และเหนื่อย เป็นประจำทุกวัน ตั้งแต่เช้า จนกระทั่งเย็น ต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆ ที่ผ่านเข้ามา แต่เขาก็ทำหน้าที่ได้รับมอบหมายได้อย่างเต็มความสามารถ และสำเร็จทุกครั้งไป เพราะเขาเชื่อว่า นี่คือ ประสบการณ์ นี่คือ ชีวิตจริงที่ต้องเผชิญ ในวันข้างหน้า
เทอมสุดท้ายมาถึง ลูกสาวชาวนาคนนี้ จบการศึกษา ในภาควิชาครู ด้วยเกียรตินิยมอันดับ ๑ มาครอง
และการเดินทางของรวงข้าว กำลังก้าวเข้าสู่เส้นชัยอีกไม่ช้า และแล้วเธอสามารถสอบบรรจุเข้ารับราชการครูปฏิบัติหน้าที่ สอนหนังสือนักเรียน แถบชนบทได้สำเร็จ เธอเดินทางถึงจุดหมายได้อย่างภาคภูมิใจ
   ?เศษดินที่เปื้อนโคลนจากท้องนา บัดนี้ถูกปั้นแต่งเป็นดวงดาวที่พราวแสงส่องสว่างให้กับอีก
หลายๆ คนที่จะพร้อมจะเดินทางตามฝันของตัวเองต่อไป...?

บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.11 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!