จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
มีนาคม 29, 2024, 12:31:13 am *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
ยินดีต้อนรับสมาชิก และผู้เยื่ยมชมทุกๆท่าน
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่อง ครั้งหนึ่ง ? ที่เคยลืม โดย นางสาวรุ่งรัตน์ สมโภชน์ ชั้นปี 2 มรภ.กพ  (อ่าน 2631 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
apairach
Administrator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1410


ดูรายละเอียด อีเมล์
| |
« เมื่อ: สิงหาคม 26, 2012, 10:11:02 am »

        ครั้งหนึ่ง ที่เคยลืม
ข้าวเหลืองอร่ามเต็มท้องทุ่ง เสียงนกเสียงการ้องเจี๊ยวจ๊าวเต็มทุ่งนา บรรยากาศในตอนใกล้ค่ำที่ช่างหน้าเป็นใจอันแสนสดชื่นช่างเหมาะสมที่จะคิดถึงตอนในวัยเด็กอันแสนซนไม่ได้ ใบหน้าอันโศกเศร้าของหญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่ง เธอมีนามว่า  โฉม เป็นหญิงสาวที่มีลักษณะรูปร่าง สวยงาม ผิวขาว มีแววตาอันแสนคมเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้ใครหลายๆ คนหลงรักและรู้สึกดีเมื่อได้พูดคุย เธอเป็นลูกสาวคนโตของตาคำ และยายชู ซึ่งมีฐานะยากจน มีหนี้สินล้นตัว จึงทำให้การดำเนินชีวิตประจำวันค่อนข้างลำบาก เนื่องจากต้องคอยๆ หลบซ่อนเจ้าหนี้มาเป็นเวลาหลายปี โฉมซึ่งเป็นลูกสาวคนโตที่พอมีประสบการณ์การใช้ชีวิตและไหวพริบในการรู้เท่าทันของผู้คน ทำให้เธอตัดสินใจที่จะออกไปทำงานใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ หาเงินมาเลี้ยงครอบครัวและส่งน้องชายเรียนต่อสูงๆ ตามความใฝ่ฝันของพ่อแม่ ในยามใกล้ค่ำแบบนี้และนี่คงเป็นวันสุดท้ายที่จะได้อยู่กับครอบครัวและบ้านเกิดแถวชานเมืองที่เธอเคยอยู่มาแต่เด็ก
    ยามสายของอีกวันในกรุงเทพฯ อันแสนวุ่นวายที่โฉม อดทนทำงานและมุ่งมั่นมาได้ถึง 1 ปี ตั้งแต่จากบ้านมา เธอพยายามสรรหางานทำและเปลี่ยนงานบ่อยมากเพื่อแลกกับเงินที่จะใช้เลี้ยงชีวิตและส่งเงินให้ทางครอบครัวทุกเดือน บางเดือนเธอแทบไม่เหลือเงินเก็บ คิดเสียว่า พอมีกินไปวันๆ ก็ว่าได้ ด้วยการศึกษาที่ต่ำของเธอทำให้แต่ละงานที่เธอเคยทำมานั้นอาจจะถูกมองว่ามันไม่ดีแต่เธอก็คิดว่าไม่มีใครรู้ใครเห็นกับเรา เพราะมันไม่ใช่บ้านเรา ไม่มีใครรู้จักเราดีว่าเราเป็นใคร จุดประสงค์เดียวที่อยากได้ คือ เงิน เท่านั้นสำหรับเธอตอนนี้ เธอใช้ชีวิตลำพังและพึ่งตนเองมาโดยตลอด วันหนึ่งเธอได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาจึงรีบรับด้วยความตกใจ และได้รับข่าวดีจากผับแห่งหนึ่งซึ่งเป็นสถานบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในซอยที่เธออาศัยอยู่เลยก็ว่าได้ เธอตอบตกลงว่าจะไปทำงาน เพราะอย่างน้อยก็ทำให้เธอประหยัดค่ารถในการนั่งรถไปทำงานไกลๆในแต่ละวันได้ พอตกเย็นเธอรีบอาบน้ำแต่งตัวตามเคยแบบที่เคยทำมาก่อน แต่ครั้งนี้อาจจะดูเขินๆตา และแปลกตาไปบ้าง เพราะชุดทำงานของเธอดูโป๊ และดูเซ็กซี่มากบวกด้วยกับรูปร่างลักษณะอันสวยงาม และแววตาอันแสนคมของเธอ จึงเป็นเอกลักษณ์และที่สะดุดตาสำหรับหนุ่มๆ และบรรดาเสี่ยใหญ่ มากทีเดียว บางคืนเธอถูกเสี่ยอ๊อฟไปนอนด้วยเพื่อแลกกับเงินสองสามพัน ในหนึ่งคืน เธอก็ยอม เพราะอาจเกิดจากความเคยชินกับการกระทำแบบนี้ เธอทำแบบนี้มาเรื่อยๆ จนเธอมีเงินเก็บและส่งเงินให้กับทางบ้านได้อย่างไม่ขาดสาย เธอรู้สึกรักและชอบในการทำงานที่นี้และอาชีพนี้ จนกระทั่งเกือบครึ่งปีผ่านไปกับการทำงานในสถานที่แห่งนี้ ทำให้เธอรู้จักคนเยอะ มีเพื่อนเยอะ บางคืนกลับห้องบ้างไม่กลับบ้าง ไปเที่ยวต่อ เมาค้าง มีเรื่องมีราวทะเลาะวิวาทจนเรียกได้ว่า มันเป็นความเคยชินและทำให้เธอเริ่มเสียคนไปได้เลยทีเดียว   ระยะหลังๆ ไม่ค่อยได้ส่งเงินให้กับทางครอบครัว บางเดือนแม่ก็ต้องโทมาตามเพื่อขอเงิน และอยากให้เธอกลับบ้านบ้างด้วยความเป็นห่วงเป็นใยของพ่อและแม่ แต่เธอกลับปฏิเสธแม่ตลอดว่างานยุ่งไม่มีเวลากลับ
   ใบหน้าอันอิ่มเอมไปด้วยเครื่องสำอาง ผมอันยาวสลวย ดวงตาอันแสนคมมีเสน่ห์ทำให้เธอดูเปล่งประกายในอีกยามค่ำคืนนี้ ?  เออ ขอโทษนะครับ ชื่อ อะไรครับ ?  เสียงก้องดังจากชายหนุ่มผู้หนึ่งอายุราว ๆ สามสิบปี ร้องทักเธอ ? ชื่อ โฉม คะ ? เธอรีบตอบและยิ้มส่งท้ายให้ ? ผมชื่อ อรุณ นะครับ ยินดีที่ได้รู้จักคุณโฉมครับ  ?    ในทุกๆ คืนที่โฉมมาทำงานก็จะได้พูดคุยและดื่มเหล้ากับอรุณทุกคืนไป จนถูกคอกัน วันหนึ่งทั้งสองจึงตกลงที่จะเปิดใจคบกันเป็นแฟนและอยู่กินกันฉันสามี ภรรยา ไปโดยที่ทั้งคู่ไม่รู้ตัว โฉมและอรุณดูรักกันมาก อาจจะเป็นเพราะเวลาสั้นๆ และการมองของฝ่ายชายที่มองว่าโฉมเป็นผู้หญิงหากินกลางกลางคืนที่คงผ่านอะไรมาเยอะมากมาย การที่จะเอามาเป็นเมียนั้นคงไม่ยาก และไม่ต้องสู่ขอให้เสียเงินเสียทอง จึงตัดสินใจที่จะอยู่กันเต็มใจ เมื่อเวลาผ่านไปนานกับการใช้ชีวิตของทั้งคู่ทำให้โฉมเองไม่ค่อยส่งเงินส่งทองให้กับทางครอบครัว ไม่ค่อยสนใจและกลับหันมาให้ความสนใจกับอรุณมากกว่าครอบครัวของเธอ  จนเธอลืมไปว่า จุดประสงค์ที่เธอนั้นเข้ามาทำงานกรุงเทพฯก็เพราะว่า เงิน เท่านั้นที่เธอต้องการอย่างมาก แรกๆเธออาจจะทนทำงานทุกอย่างทั้งที่ดูงานนั้นอาจจะดูแล้วส่อว่าเป็นคนต่ำต้อย ทนการบ่นการด่า การจิกใช้ของเจ้านายทุกอย่างเธอก็ทน เพื่อหวังให้ครอบครัวสบายและส่งน้องเรียนสูงๆ อย่างที่เธอตั้งใจไว้ แต่เดี๋ยวนี้ด้วยเหตุผลหลายอย่างจึงทำให้ความคิดของเธอเปลี่ยนไป  เธอไม่เคยคิดอยากจะกลับไปเยี่ยมครอบครัวบ้างสักครั้ง และไม่คิดที่จะกลับไปเยียนบ้านเกิดของเธอเลย อาจเป็นเพราะด้วยความใช้ชีวิตและการงานที่เธอทำอยู่ บวกด้วยการมีคู่ครองแบบเป็นตัวเป็นตนของเธอ                        ตั้งแต่โฉมไม่ส่งเงินมาให้ทางครอบครัว พ่อและแม่จึงหมดหนทางที่จะพยายามติดต่อลูกสาวและไม่มีเงินใช้หนี้ให้กับนายจ้างใหญ่ หลายครั้งที่นายหนี้นำลูกน้องมาทำร้ายและบังคับขู่เข็ญเพื่อที่จะเอาเงินจากพ่อแม่ จนทำให้เจ็บตัวเกิดบาดแผลขึ้นเกือบตายหลายครั้ง ทุกวันแม่จะพยายามติดต่อโฉมเพื่อถามทุกข์สุขดิบและขอเงิน ซึ่งเธอก็ไม่เคยจะรับโทศัพท์แม่เลยสักครั้ง เพราะมัวแต่หลงระเริงและใช้ชีวิตแบบลืมภูมิหลังของตนเองไปโดยไม่รู้ตัว อาจจะเป็นเพราะสังคมและงานที่เธอทำด้วย จึงทำให้เธอเปลี่ยนเป็นแบบนี้ได้    ลิ้นกับฟันอยู่ด้วยกันต้องกระทบกระทั่งกันบ้างเป็นธรรมดา เธอทะเลาะกับอรุณบ่อยมาก จนบางครั้งแทบไม่ได้ไปทำงาน เพราะมัวเครียดกับปัญหาที่อรุณทำไว้ให้เธอปวดหัวอยู่ได้ทุกวัน จนวันหนึ่งเธอได้รู้ความจริงว่า อรุณมีครอบครัวแล้ว  ซึ่งถือได้ว่าเป็นปัญหาใหญ่ที่ตัวเธอเองก็รับไม่ได้และไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าอรุณจะมีครอบครัวแล้ว เธอพยายามครุ่นคิดเสมอว่า ในเค้ามีเจ้าของแล้วหากถึงเวลาก็ต้องปล่อยเขาไปตามกาลเวลาจะไปพากลูกพากพ่อเขาออกจากกันได้อย่างไร แต่ลึกๆในใจเธอนั้นเหมือนน้ำร้อนเดือดเต็มทีอยากจะฆ่าอรุณให้ตาย เธอโวยวายและโมโหอย่างร้ายแรงกว่าทุกครั้งที่เคยทะเลาะกัน มีปากเสียงกันและโดนถูกทำร้ายร่างกายจนมีคนข้างห้องต้องพาเธอไปส่งโรงพยาบาล อรุณจึงได้โอกาสที่จะหนีกลับไปอยู่กับครอบครัวของเขาที่ต่างจังหวัด ทำให้ทั้งคู่ขาดการติดต่อ
   เธอลืมตาขึ้นมาอีกทีจึงรู้สึกตัวว่านอนอยู่บนเตียงผู้คนเสียงดังวุ่นวาย เธอตกใจและพยายามที่จะไถ่ถามคนรอบข้างแต่กลับไม่มีใครสนใจเธอเลยสักคน เอจึงพยายามตั้งสตินอนคิดย้อนถึงเรื่องราวที่ผ่านมาและหาหนทางที่จะกับห้องเพื่อไปหาอรุณ ชายผู้เป็นที่รักของเธอ เมื่อมาถึงห้องเธอแทบช็อคกับสภาพห้องที่เธอพบเห็น เงินทอง แม้กระทั่งของเล็กน้อยที่มีค่าถูกรื้อออกจากลิ้นชักอย่างเลอะเทอะ และหายไปเธอพยายามตามหาและถามเพื่อนข้างห้อง ? ดาขอโทษนะจ๊ะ เห็นพี่อรุณมั้ย  ? ทันทีนั้นดาจึงรีบหันหน้ามาตอบเธอด้วยความโศกเศร้าและหน้าตาที่สลด ? ฉันว่าเธอใจเย็นก่อนนะ พี่อรุณอะ เขาขนของกลับไปตั้งแต่เมื่อวานที่เธอถูกเขาทำร้ายร่างกายจนสลบเข้าโรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เห็นเขารีบรื้อของในห้องเธอติดตัวไปด้วย แต่ฉันไม่กล้าที่จะเข้าไปยุ่งเพราะยังไงมันก็เป็นเรื่องของสามีภรรยา ? โฉมฟังแล้วน้ำตาไหลพราก ? นี่ๆ โฉมฉันว่าเธอรีบเอาเงินค่าห้องสิ้นเดือนไปจ่ายเจ้ด้วยนะ เค้าฝากมาบอก ไม่งั้นเขาจะยึดห้องคืนภายในสามวันนี้นะ ? โฉมขอบใจดา แล้วจึงเดินกลับมายังห้องของตน ด้วยความเสียใจและแค้นใจกับการกระทำของอรุณทำให้เธอนั่งร้องไห้ และพยายามหาวิธีคิดที่จะเอาเงินไปจ่ายค่าห้องกับเจ้ แต่เงินของเธอจากการทำงานก็ไม่เหลือเลยสักบาท  จึงนึกถึงพ่อและแม่นึกถึงบ้านเกิดชานเมืองขึ้นมาทันที เขารู้สึกสำนึกได้และพยายามตั้งตัวที่จะกลับบ้านเกิดแบบไม่มีอะไรเลย มีแค่กระเป๋าเสื้อผ้าใบเดียวเท่านั้น
   เมื่อมาถึงบ้านเธอ รู้สึกแปลกใจอย่างมาก เมื่อมาเห็นสภาพบ้าน พ่อแม่ และน้องชายอยู่ในสภาพที่ร่างกายฟกช้ำเต็มตัว อาการดูแย่มาก จากการถูกทำร้ายและขู่เข็ญเพื่อจะเอาเงินจากการเป็นหนี้ เธอนั่งร้องไห้และเข้าไปโอบกอดพ่อแม่ด้วยความสำนึกว่า เป็นเพราะตัวเธอเองที่ทำให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้ มัวแต่หลงระเริง จนลืมคนข้างหลังว่าจะทุกข์ จะสุขเพียงใด
   
         โดย นางสาวรุ่งรัตน์  สมโภชน์ 541122831
โปรแกรมวิชา ภาษาไทย 28 คระครูศาสตร์
      
 
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.11 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!