จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
มีนาคม 29, 2024, 09:00:00 pm *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
ยินดีต้อนรับสมาชิก และผู้เยื่ยมชมทุกๆท่าน
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ชีวิตในวัยมัธยม โดยนางสาวนัดดา หมีโชติ 541122705  (อ่าน 2775 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
apairach
Administrator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1410


ดูรายละเอียด อีเมล์
| |
« เมื่อ: สิงหาคม 26, 2012, 09:53:54 am »

ชีวิตในวัยมัธยม
เมื่อฉันก้าวเข้าสู่ชั้นมัธยมตอนปลาย ฉันมีความรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เป็นนักเรียนชั้นมัธยมปลายตอนฉันอยู่มัธยมตอนต้นเห็นรุ่นพี่มัธยมปลายแต่งตัวใส่ชุดนักเรียนองมัธยมตอนปลาย ฉันรู้สึกอยากใส่บ้าง แต่พอฉันได้เลื่อนชั้นขึ้นไปอยู่มัธยมปลาย ฉันก็รู้อายๆ แปลกๆ ที่ต้องใส่ชุดมัธยมปลายเพราะฉันนั้นยังไม่ชินสักเท่าไหร่  แต่พอนานๆไปก็รู้สึกเริ่มชินตอน ม.4 ฉันและเพื่อนๆจึงใส่ชุดนักเรียนไปเรียนทุกวัน แต่พอเลื่อนชั้นขึ้นไป ม.5 ? ม.6  ฉันและเพื่อนรู้สึกเบื่อที่จะต้องใส่กระโปรงซึ่งจะนั่งก็ต้องระวังจะทำอะไรก็ไม่สะดวก ฉันจึงใส่ชุดนักเรียนไปเพียงอาทิตย์ละครั้งอีก 4 วันใส่ชุดพละของโรงเรียน ชีวิตในวัยมัธยมของฉันนั้นมีทั้งสุขและทุกข์ประปรนกันไป ในวัยมัธยมฉันมีเพื่อนสนิทอยู่กลุ่มหนึ่งมี 8 คน ต่างคนต่างมีนิสัยเข้ากันได้ดี เฮฮา ร่าเริง ทำอะไรก็ทำด้วยกัน ไปไหนก็ไปด้วยกัน ทุกวันตอนพักเที่ยงหลังจากกินข้าวเสร็จกลุ่มของพวกฉันก็จะไปนั่งโต๊ะหินอ่อนที่ประจำ โต๊ะหินอ่อนนั้นไม่มีใครนั่งเพราะต่างกลุ่มต่างคนก็มีที่ประจำของตัวเอง ทุกพักกลางวันฉันและเพื่อนๆก็จะมานั่งเล่นกันซื้อขนม นม เนย มานั่งกินกัน และในช่วงฤดูหนาวประมาณเดือนธันวาคม ฉันและเพื่อนๆก็ได้คุยกันว่าอยากไปเที่ยว อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน จึงไปปรึกษาอาจารย์และตกลงกับเพื่อนๆ ว่าจะไปเที่ยว อ.ปายกัน เมื่อตกลงกันรู้เรื่องทุกอย่างเรียบร้อย นัดวันเวลา จึงเริ่มเก็บเงิน ติดต่อรถตู้รับเหมา ฉันรู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะอยากไปนานแล้วแต่ก็ไม่มีโอกาสได้ไป จนมาถึงวันที่จะได้ไปฉันและเพื่อนๆก็ได้ไปรอรถที่สถานที่ที่ตกลงกันไว้ บังเอิญรถมาช้าเกินเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ฉันและเพื่อนๆ รู้สึกหงุดหงิดมาก แต่เมื่อรถมาถึงก็ได้ขึ้นรถออกเดินทางกันอย่างสนุกสนาน ขณะที่เดินทางตรงไปเมื่อเข้าสู่ทางเข้าไป อ.ปาย  ก็ยังสนุกสนานกันอยู่ อีกสักพักก็เริ่มมีอาการมึนหัว เพราะทางโค้งมาก ฉันและเพื่อนๆต่างมึนหัว ยิ่งขึ้นเข้าสู่ที่สูงขึ้นไปหูก็อื้อและลั่น หลังจากที่พวกฉันเมารถกันไปแล้วก็มีเพื่อนผู้ชายคนหนึ่งได้เอ่ยขึ้นมาว่า ?ใครเป็นคนคิดที่จะมาเที่ยวที่นี่ ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้จะไม่มาเลย ? เพื่อนผู้ชายถามด้วยอาการมึนๆ พอถึง อ.ปาย อาการเมารถเริ่มหาย คนขับรถได้แวะให้ถ่ายรูปกัน ก็ได้ถ่ายรูปอย่างสนุกสนาน ได้เดินเที่ยวรอบๆ อ.ปาย ถ่ายรูปเสร็จก็เดินทางต่อไปที่ตลาดเพื่อนไปซื้อของกินและของฝาก จากนั้นก็เดินทางไปยังที่พัก ขณะที่เดินทางไปยังที่พักในรถนั้นร้อนมาก จึงมีเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งพูดว่า ?ถ้าถึงที่พักแล้วยังไงก็ต้องไปอาบน้ำก่อน ถ้าไม่อาบคงไม่ไหวเพราะร้อนมาก? แต่เมื่อถึงที่พัก แค่เปิดประตูเดินลงจากรถไม่ถึง 5 นาที ก็รู้สึกว่าอากาศที่ตรงนั้นหนาวมากจนพวกเรานั้นหนาวจนตัวสั่นและมีเวลาพูดมีควันออกจากปาก เพื่อนที่พูดว่าต้องอาบน้ำให้ได้จึงเงียบไป อากาศที่ อ.ปาย นั้นดีมาก วิวสวย และก็หนาวมากด้วย เมื่อนำของไปไว้ที่ที่พักเสร็จ ในค่ำคืนนั้นก็มีการกินเลี้ยงกันเล็กๆน้อยๆอย่างสนุกสนาน และได้นั่งคุยกันว่าไม่อยากกลับเลยไม่อยากนั่งรถแล้วเจอทางโค้งเพราะรู้สึกเวียนหัวมาก พอถึงรุ่งเช้าทุกคนก็ต่างเตรียมของเพื่อที่จะกลับ ทุกคนต่างท้อมากที่จะต้องนั่งรถกลับ ก่อนที่จะขึ้นรถกลับนั้นฉันและเพื่อนๆก็ได้ต้มมาม่ากินกัน จากนั้นก็ได้ขึ้นรถเพื่อเดินทางกลับ ขณะที่เดินทางกลับนั้นมีจุดชมวิวแห่งหนึ่ง คนขับได้จอดให้ลงไปชมวิว ถ่ายรูป แต่เพื่อนๆของฉันไม่ได้ลงไปถ่ายรูปแต่กลับลงนั่งตรงไหล่ถนน ข้างๆรถ นั่งเรียงอวกเกือบทุกคน มีเพื่อนผู้หญิงอีกคนหนึ่งได้พูดบอกกับอาจารย์ว่า ?อาจารย์คะ ทิ้งหนูไว้ตรงนี้แหละ หนูไปต่อไม่ไหวแล้ว? อาจารย์จึงยืนยิ้ม เมื่อเสร็จสิ้นก็ได้ขึ้นรถเพื่อนเดินทางต่อ และเมื่อถึงจุดสิ้นสุดทางโค้ง เพื่อนๆต่างก็พากันโล่งใจ ยิ้มกันทุกๆคน
ก็ได้นั่งรถกลับกันอย่างสนุกสนานเหมือนเดินจนถึงบ้าน และนี่ก็เป็นเหตุการณ์หนึ่งที่ฉันได้ทำกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน ?ใครจะไปคิดเล่าว่าในช่วงชีวิตครั้งหนึ่งของฉัน จะได้ไปที่ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นสถานที่ที่คนส่วนใหญ่ใฝ่ฝันอยากจะไป? ในชีวิตช่วงมัธยมปลาย ยังมีสิ่งที่น่าสนุกและประทับใจอีกอย่างหนึ่งคือ วันที่ฉันจบการศึกษา มันเหมือนจะเป็นเรื่องที่ดีแต่มันก็น่าเศร้าอยู่เหมือนกันที่ต้องจากอาจารย์ที่เคารพ เพื่อนๆที่รักและเพื่อนๆที่ผูกพันธ์ บางคนก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่อนุบาล บางคนก็มัธยมต้น บางคนก็มัธยมปลาย เพื่อนๆต่างคนก็ต้องแยกย้ายกันไปคนละทิศละทาง ลองคิดๆดูแล้วมันคงเศร้าน่าดูถ้าไม่ได้ยินเสียงแหลมปรี๊ด ของเพื่อนตัวแสบพวกนี้อีก ถึงแม้ว่ามันจะเศร้าและต้องจากกันไป แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความรักที่เรามีให้กันลดน้อยลง นี่แหละคือมิตรภาพดีๆ ของฉันในสมัยมัธยม
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.11 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!