จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
เมษายน 20, 2024, 05:27:21 pm *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
ยินดีต้อนรับสมาชิก และผู้เยื่ยมชมทุกๆท่าน
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สถาบันพระมหากษัตริย์กับสังคมไทย บรรยายในเรือนจำกลางกำแพงเพชร ๕เมษ ๕๔ ภาคเช้า  (อ่าน 8064 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
apairach
Administrator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1413


ดูรายละเอียด อีเมล์
| |
« เมื่อ: มีนาคม 30, 2011, 12:10:54 pm »

สถาบันพระมหากษัตริย์กับสังคมไทย

ในสังคมใด ๆ ก็ตาม เมื่อรวมตัวกันเป็นนครรัฐขึ้นมา ส่วนใหญ่ก็สถาปนาขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ ไม่ว่าจะเป็นในยุโรป หรือประเทศไหน ๆ ก็ตาม วิวัฒนาการต่อมาได้มีการแก่งแย่งชิงดีกัน หรือหาผู้เหมาะสมเป็นกษัตริย์ไม่ได้ก็เกิดการปกครองระบบต่าง ๆ ขึ้นในโลก โดยคนในชาติยอมรับกฎเกณฑ์นั้น ๆ ยอมรับในระบอบนั้น ๆ ตามความเหมาะสมขึ้นกับเอกลักษณ์ อุปนิสัย และความต้องการของคนในชาติ

สำหรับประเทศไทยนั้น สังคมของคนไทยเป็นสังคมที่นิยม เคารพ เทิดทูน สถาบันพระมหากษัตริย์มาตั้งแต่โบราณกาล ทั้งนี้เพราะทุกยุคทุกสมัยไม่ว่าคนไทยจะไปลงหลักปักฐานสร้างบ้านแปลงเมือง ณ ที่แห่งใดก็ตาม บ้านเมืองของคนไทยก็จะต้องมีพระมหากษัตริย์เสมอ แม้ในยามที่บ้านเมืองเกิดยุคเข็ญ ทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ต้องสูญสลายไปก็ตาม เช่น ในยุคของการเสียกรุงศรีอยุธยา เป็นต้น ประเทศไทยก็จะต้องมีคนดีกอบกู้บ้านเมือง สถาบันพระมหากษัตริย์ให้กลับฟื้นขึ้นมาใหม่ เพื่อสืบสันติวงศ์ต่อไป

ในสังคมไทยนั้น สถาบันพระมหากษัตริย์มีความสำคัญต่อวิถีชีวิต สังคม ขนมธรรมเนียม ประเพณี ตลอดจนการสืบทอดวัฒนธรรมไทย เป็นผลทำให้สังคมไทยมีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง สถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยมีคุณลักษณะที่แตกต่างจากสถาบันกษัตริย์ของชาติ อื่น โดยสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยนั้น ตั้งอยู่บนรากฐานแห่งความรัก เคารพ เทิดทูนอย่างสูงสุดของปวงชน ทั้งนี้เพราะคนไทยถือว่าพระมหากษัตริย์เปรียบเสมือนสมมุติเทพ และเป็นเสาหลักของสังคมไทย ความคิดที่มาจากลัทธิพราหมณ์ และฮินดู อันเป็นความเจริญของขอมทำให้ภาพลักษณ์ของกษัตริย์ตามความนับถือโบราณเหมือน เทพเจ้าผู้ยังมีชีวิตอยู่บนโลก และกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามมโนทัศน์ของพุทธและฮินดู ผสมผสานกันตั้งแต่สมัยสุโขทัย (พญาลิไท)เป็นต้นมา

ดังนั้นเมื่อเราจะศึกษาถึงเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์กับสังคมไทย แล้ว จึงจำเป็นที่จะต้องศึกษาวิวัฒนาการ ประวัติศาสตร์ สังคม การเมือง การปกครอง โดยเริ่มตั้งแต่ยุคต้น ๆ ของประเทศไทย



พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ปฐมกษัตริย์ สุโขทัย



พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ที่กำแพงเพชร


พ่อขุนรามคำแหง



ลำดับพระมหากษัตริย์ไทย เริ่มนับตั้งแต่ไทยรวมตัวเป็นราชอาณาจักรที่มีอำนาจเป็นปึกแผ่นและเป็นอิสระจากอิทธิพลของขอม

พระมหากษัตริย์ไทยสมัยอยุธยา


พระบรมไตรโลกนาถ

http://www.thaigoodview.com/files/u1285/imghistory_freedom.jpg
ลำดับเวลาและเปรียบเทียบศักราช
สมัยสุโขทัย ลำดับ รายพระนาม จุลศักราช พุทธศักราช คริสต์ศักราช รวมปีครองราชย์
(3) ราชวงศ์ศรีนาวนำถุม
1 พ่อขุนศรีนาวนำถุม ไม่ทราบปี - 531 ไม่ทราบปี-1724 ไม่ทราบปี ไม่ทราบระยะเวลาครองราช
(1) ราชวงศ์พระร่วง (120 ปี โดยทับเหลื่อมกับสมัยอยุธยา 27 ปี)
1 พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ (พ่อขุนบางกลางหาว) 531-641 1792-1822 1249-1279 30 ปี
2 พ่อขุนบานเมือง 641 1822 1279 1 ปี
3 พ่อขุนรามคำแหงมหาราช (พ่อขุนรามราช) 641-660 1822-1841 1279-1298 19 ปี
4 พระยาเลอไท 660-685 1841-1866 1298-1323 25 ปี
5 พระยางั่วนำถม 685-709 1866-1890 1323-1347 24 ปี
6 พระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไท) 709-730 1890-1911 1347-1368 21 ปี
7 พระมหาธรรมราชาที่ 2 (ลือไท) 730-761 1911-1942 1368-1399 31 ปี
8 พระมหาธรรมราชาที่ 3 (ไสลือไท) 761-781 1943-1962 1400-1419 19 ปี
9 พระมหาธรรมราชาที่ 4 (บรมปาล) 781-800 1962-1981 1419-1438 19 ปี
สมัยอยุธยา ลำดับ รายพระนาม จุลศักราช พุทธศักราช คริสต์ศักราช รวมปีครองราชย์
(2) ราชวงศ์อู่ทอง (ครั้งที่ 1, 20 ปี)
1 สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) 712-731 1893-1912 1350-1369 20 ปี
2 สมเด็จพระราเมศวร 731-732 1912-1913 1369-1370 ครั้งที่1 ไม่ถึง 1 ปี
(3) ราชวงศ์สุพรรณภูมิ (ครั้งที่ 1, 18 ปี)
1 สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 (ขุนหลวงพะงั่ว) 732-750 1913-1931 1370-1388 18 ปี
2 สมเด็จพระเจ้าทองลัน (เจ้าทองจันทร์) 750 1931 1388 7 วัน
(2) ราชวงศ์อู่ทอง (ครั้งที่ 2, 21 ปี รวม 41 ปี)
3 สมเด็จพระราเมศวร 750-757 1931-1938 1388-1395 ครั้งที่2 7 ปี
4 สมเด็จพระรามราชาธิราช 757-771 1938-1952 1395-1409 14ปี
(3) ราชวงศ์สุพรรณภูมิ (ครั้งที่ 2, 160 ปี รวม 178 ปี)
3 สมเด็จพระอินทราชา (เจ้านครอินทร์) 771-786 1952-1967 1409-1424 15 ปี
4 สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) 786-810 1967-1991 1424-1448 24 ปี
5 สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ 810-850 1991-2031 1448-1488 40 ปี
6 สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 850-853 2031-2034 1488-1491 3 ปี
7 สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 (พระเชษฐา) 853-891 2034-2072 1491-1529 38 ปี
8 สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 4 (หน่อพุทธางกูร) 891-895 2072-2076 1529-1533 4 ปี
9 พระรัษฎาธิราช 895 2076 1533 4 เดือน
10 สมเด็จพระไชยราชาธิราช 895-908 2076-2089 1533-1546 13 ปี
11 พระยอดฟ้า (พระแก้วฟ้า) 908-910 2089-2091 1546-1548 2 ปี
 ขุนวรวงศาธิราช (ไม่ได้รับการยกย่องเทียบเท่าพระองค์อื่น) 910 2091 1548 42 วัน
12 สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ (พระเจ้าช้างเผือก) 910-930 2091-2111 1548-1568 20 ปี
13 สมเด็จพระมหินทราธิราช 930-931 2111-2112 1568-1569 1 ปี, การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่หนึ่ง
4) ราชวงศ์สุโขทัย (61 ปี)
1 สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช (สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 1) 931-952 2112-2133 1569-1590 21 ปี
2 สมเด็จพระนเรศวรมหาราช (สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 2) 952-967 2133-2148 1590-1605 15 ปี
3 สมเด็จพระเอกาทศรถ (สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 3) 967-972 2148-2153 1605-1610 5 ปี
4 พระศรีเสาวภาคย์ (สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 4) 972-973 2153-2154 1610-1611 ไม่ครบปี
5 สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม (สมเด็จพระบรมราชาที่ 1) 973-990 2154-2171 1611-1628 17 ปี
6 สมเด็จพระเชษฐาธิราช (สมเด็จพระบรมราชาที่ 2) 990-991 2171-2172 1628-1629 1 ปี
7 พระอาทิตยวงศ์ 991-991 2172-2172 1629-1629 36 วัน
(5) ราชวงศ์ปราสาททอง (58 ปี)
1 สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง (สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 5) 991-1018 2172-2199 1629-1656 27 ปี
2 สมเด็จเจ้าฟ้าไชย (สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 6) 1018 2199 1656 2 วัน
3 สมเด็จพระศรีสุธรรมราชา (สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 7) 1018 2199 1656 2 เดือน 17 วัน
4 สมเด็จพระนารายณ์มหาราช (สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 3) 1018-1050 2199-2231 1656-1688 32 ปี
(6) ราชวงศ์บ้านพลูหลวง (79 ปี)
1 สมเด็จพระเพทราชา 1050-1065 2231-2246 1688-1703 15 ปี
2 สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 (พระเจ้าเสือ) 1065-1070 2246-2251 1703-1708 5 ปี
3 สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9 (สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ) 1070-1094 2251-2275 1708-1732 24 ปี
4 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ 1094-1120 2275-2301 1732-1758 26 ปี
5 สมเด็จพระเจ้าอุทุมพร (ขุนหลวงหาวัด) 1120 2301 1758 2 เดือน
6 สมเด็จพระที่นั่งสุริยาสน์อมรินทร์ (พระเจ้าเอกทัศ) 1120-1129 2301-2310 1758-1767 9 ปี, การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง
สมัยกรุงธนบุรี
ลำดับ รายพระนาม จุลศักราช พุทธศักราช คริสต์ศักราช รวมปีครองราชย์
(7) ราชวงศ์ธนบุรี -
1 สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (สมเด็จพระบรมราชาที่ 4) 1129-1144 2310-2325 1767-1782 15 ปี
สมัยรัตนโกสินทร์ ลำดับ รายพระนาม รัตนโกสินทร์ศก พุทธศักราช คริสต์ศักราช รวมปีครองราชย์
(เจ๋ง มหาจักรีบรมราชวงศ์
1 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช 1-27 2325-2352 1782-1809 27 ปี
2 พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย 27-42 2352-2367 1809-1824 15 ปี
3 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (พระมหาเจษฎาราชเจ้า) 42-68 2367-2394 1824-1850 27 ปี
4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว 68-86 2394-2411 1850-1868 17 ปี
5 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (สมเด็จพระปิยมหาราช) 86-128 2411-2453 1868-1910 42 ปี
6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (พระมหาธีรราชเจ้า) 128-143 2453-2468 1910-1925 15 ปี
7 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว 143-152 2468-2477 1925-1935 9 ปี (ที่เป็น 1935 เนื่องจากเวลานั้นให้เริ่มปี เมื่อ 1 เมษายน)
8 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล (พระอัฐมรามาธิบดินทร) 152-164 2477-2489 1935-1946 12 ปี
9 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (สมเด็จพระภัทรมหาราช) 164-ปัจจุบัน 2489-ปัจจุบัน 1946-ปัจจุบัน 65 ปี+

หมายเหตุ:

จุลศักราช เลิกใช้เป็นทางการเมื่อ จ.ศ. 1250 หรือ พ.ศ. 2431 ให้ใช้ ร.ศ. เพียงอย่างเดียวโดยพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.5
รัตนโกสินทร์ศก เลิกใช้เป็นทางการเมื่อ จ.ศ. 131 หรือเมื่อ พ.ศ. 2456 โดยให้ใช้พุทธศักราชอย่างเดียวนับแต่นั้นมาโดยพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.6
การเปลี่ยนแปลงวิธีการเริ่มต้นปี จาก 1 เมษายน เป็น 1 มกราคม เริ่มเมื่อ 1 มกราคม พ.ศ. 2484 ทำให้ ปี พ.ศ. 2483 มีเพียง 9 เดือนเท่านั้น
[แก้] สรุปการครองราชย์
[แก้] ระยะเวลา
ลำดับพระมหากษัตริย์ของประเทศไทยเริ่มนับตั้งแต่สมัยสุโขทัย ก่อนหน้านั้นไทยยังไม่เป็นราชอาณาจักรที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันโดยชัดเ
มหาราชของชาติไทย
บูรพมหากษัตริย์ไทย  


คำว่า ?มหาราช? มีความหมายตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๒๕ หมายถึง คำซึ่งมหาชนถวายเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระเจ้าแผ่นดินหรืออีกความหมายหนึ่งคือ ธงประจำพระองค์ พระเจ้าแผ่นดิน ที่เรียกว่า ธงมหาราช การถวายพระราชสมัญญา มหาราช แด่ พระมหากษัตริย์ของไทยในอดีตที่ผ่านมานั้น ไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ แต่เป็นมติของมหาชนในสมัยต่อมาที่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ จึงได้ถวายพระสมัญญาต่อท้ายพระนามว่ามหาราช หรือพระราชสมัญญาอื่นที่แสดงถึงพระเกียรติคุณเฉพาะพระองค์ และเป็นที่ยอมรับในการขานพระนามสืบมา

 

การเริ่มการถวายพระราชสมัญญา ?มหาราช? ต่อท้ายพระนามพระมหากษัตริย์นั้นสันนิษฐานว่าเริ่มมีขึ้นในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ประมาณรัชกาลที่ ๔ หรือ ๕ เนื่องจาก เป็นสมัยที่เริ่มมีการศึกษาค้นคว้าประวัติศาสตร์ของชาติและบรรพบุรุษมากขึ้น ทำให้ประจักษ์ถึงวีรกรรมและพระราชอัจฉริยภาพของพระมหากษัตริย์ในสมัยนั้นๆ จึงได้มีการยกย่องพระมหากษัตริย์บางพระองค์ที่ทรงมีพระเกียรติคุณเด่นกว่า พระองค์อื่นขึ้นเป็น มหาราช ในเรื่องของการริเริ่มถวายพระราชสมัญญามหาราชต่อท้ายพระนามพระมหากษัตริย์ในยุคสมัยต่างๆ นั้นสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงอธิบายไว้ในลายพระหัตถ์ที่ทรงมีถึงพระบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ดังนี้

 

?? ที่เพิ่มคำ ?มหาราช? เข้าต่อท้ายพระนามพระเจ้าแผ่นดินนั้น ในหนังสือไทยมีหนังสือพระราชพงศาวดาร เรียก ?สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ? ก่อนที่ใช้คำ ?มหาราช? หมายอย่าง The Great ของฝรั่ง คนอื่นเขาก็ใช้มาก่อนหม่อมฉัน เป็นแต่ตามเขาหาได้เป็นผู้ริใช้ไม่ สังเกตดูพระเจ้าแผ่นดินฝรั่งที่มีคำธีเกรตอยู่หลังพระนาม คำนั้นย่อมเพิ่มเข้าต่อเมื่อพระเจ้าแผ่นดินพระองค์นั้นล่วงลับไปแล้วบางที่ ก็ช้านาน และเพิ่มเข้าต่อเมื่อมีพระเจ้าแผ่นดินพระนามพ้องกัน โดยปกติมักเรียกพระองค์ก่อนว่า ?ที่ ๑? พระองค์หลังว่า ?ที่ ๒? และเปลี่ยนตัวเลขต่อไปตามลำดับ ถ้าพระองค์ใดเป็นอัจฉริยบุรุษจึงใช้คำธีเกรตแทนที่เลข จะยกตัวอย่างดังเช่น เอมเปอเรอวิลเฮมเยอรมัน เมื่อพระเจ้าวิลเฮม (ไกเซอ) เสวยราชย์ก็เรียกพระองค์แรกว่า ที่ ๑ พระองค์หลังว่าที่ ๒ มาหลายปี จนเยอรมันต่อเรือใหญ่ลำหนึ่ง อย่างวิเศษสำหรับพาคนข้ามมหาสมุทรแอตแลนติค พระเจ้าไกเซอ ประทานนามเรือนั้นว่า เอมเปอเรอวิลเฮม ธีเกรต แต่นั้นมาจึงเรียกเอมเปอเรอ พระองค์นั้นว่า ธีเกรต คือ มหาราช ที่ไทยเราเอามาใช้ไม่ตรงตามแบบฝรั่ง เพราะไม่ได้เรียกพระนามซ้ำกัน เรียกเพราะเป็นอัจฉริยบุรุษอย่างเดียว??

 

 

            ประเทศไทยมีพระมหากษัตริย์ผู้ทรงได้รับการเทิดทูลยกย่องว่าเป็นมหาราชของชาติไทย ๘ พระองค์ มีรายพระนาม ดังนี้
 

 

  ๑. พ่อขุนรามคำแหงมหาราช  พระมหากษัตริย์ผู้ทรงสร้างความเจริญรุ่งเรือง ให้แก่อาณาจักรสุโขทัย ทรงขยายอาณาจักรให้กว้างขวาง ปกครองประชาราษฎร์ ให้ได้รับความสุข ยุติธรรมเสมือน ?พ่อปกครองลูก? ทรงส่งเสริมการค้าโดยเสรี ทรงริเริ่มประดิษฐ์อักษรไทยขึ้นใช้เอง เมื่อปี พ.ศ.๑๘๒๖ นับเป็นต้นกำเนิดอักษรไทยที่ใช้กันมาจนทุกวันนี้ และทรงรับเอาพระพุทธศาสนาจากลังกาเข้ามา เป็นศาสนาประจำชาติไทย

 [/img]

 

๒. สมเด็จพระนเรศวรมหาราช  พระมหากษัตริย์ผู้ทรงกอบกู้เอกราชของชาติไทย ภายหลังที่เสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 1 ในรัชสมัยของพระองค์ ทรงทำการศึกสงคราม และเอาชนะข้าศึกหลายครั้ง ครั้งที่สำคัญที่สุดคือ ใน พ.ศ. 2135 พระมหาอุปราชาของพม่าได้ยกทัพมาตีไทย พระองค์ทรงชนช้างกระทำยุทธหัตถี และทรงฟันพระมหาอุปราชาสิ้นพระชนม์บนคอช้าง ตั้งแต่นั้นมาพม่าก็เกรงกลัว เลิกยกทัพมารุกรานไทยอีก
[/img]
 

๓. สมเด็จพระนารายณ์มหาราช  พระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระปรีชาสามารถ ในการปกครองประเทศ ทำให้ประเทศชาติเจริญรุ่งเรือง ทรงติดต่อเจริญพระราชไมตรีกับนานาประเทศ ทรงติดต่อการค้ากับชาวต่างชาติ และเมื่อมีเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้น ก็ทรงแก้ไขด้วยความเฉลียวฉลาด ทรงพระปรีชาในด้านกวี และทรงส่งเสริมการกวี จนเป็นเหตุให้เกิดมีกวีที่มีชื่อเสียงหลายคน มีวรรณคดีเกิดขึ้นหลายเล่ม นับเป็นยุคทองแห่งวรรณคดีไทย

 

 

๔. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช  หรืออีกพระนามหนึ่งว่า พระเจ้ากรุงธนบุรี พระองค์ทรงกอบกู้เอกราชของชาติไทย ภายหลังเสียกรุงศรีอยุธยา ครั้งที่ 2 เมื่อปี พ.ศ. 2310 และสร้างกรุงธนบุรีเป็นราชธานีใหม่ของไทย ทรงปราบปรามผู้ก่อตั้งชุมนุมต่างๆ จนราบคาบ และรวบรวมประเทศชาติเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และทรงกระทำสงครามจนได้รับชัยชนะ ขยายอาณาเขตประเทศออกไปอย่างกว้างขวาง

 

 

๕. พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช  ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ผู้ทรงสร้างกรุงเทพมหานครเป็นราชธานีของไทย ทรงกระทำศึกสงครามกับพม่าหลายครั้ง ขยายอาณาเขตออกไปอย่างกว้างขวาง ทรงสร้างปราสาทราชวัง ทรงอัญเชิญพระแก้วมรกตมาจากเวียงจันทร์ สร้างวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และวัดอื่นๆ ทรงรื้อฟื้นสังคยานาพระไตรปิฎก รวบรวมกฎหมายตราสามดวง และโปรดให้แต่งบทละครต่างๆ ขึ้นแทนของเก่าที่ถูกพม่าเผาทำลาย

 

                                                                                      

๖. พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระปิยะมหาราช  พระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระปรีชา เป็นที่รักยิ่งของประชาชน ทรงนำประเทศชาติรอดพ้นจากการตกเป็นเมืองขึ้นของประเทศมหาอำนาจหลายครั้ง จนประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในเอเซียเฉียงใต้ ที่รอดพ้นจากการเป็นเมืองขึ้น ทรงปรับปรุงประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าทัดเทียมอารยะประเทศ ทรงโปรดให้เลิกทาส ให้มีการรถไฟ การไปรษณีย์ การไฟฟ้าและการประปาขึ้นเป็นครั้งแรก

 [/img]

 

๗. พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาธีรราชเจ้า  พระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระปรีชาในด้านอักษรศาสตร์ ทั้งพระราชนิพนธ์ บทละคร ประวัติศาสตร์ เรื่องแปล สารคดี เรื่องปลุกใจให้รักชาติ ทรงนำประเทศไทยเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ ๑ ทรงตั้งกองลูกเสือไทย ส่งเสริมการศึกษา ประกาศใช้พระราชบัญญัติประถมศึกษา ทรงสร้างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดตั้งธนาคาร ประกาศใช้พระราชบัญญัตินามสกุล ออกแบบธงไตรรงค์ขึ้นใช้

 

 https://lh4.googleusercontent.com/_0m7IBKlXi6Q/TZWwvW5lQ5I/AAAAAAAAC-c/zNdJ0sy6S34/05%20%28Small%29.jpg

๘. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มหาราช  พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเปรียบเสมือน ?พ่อหลวงของปวงชนชาวไทย? ทรงพระปรีชาสามารถในทุกแขนงวิชา ทรงรักและห่วงใยพสกนิกร และแก้ไขปัญหาต่างๆ ทรงริเริ่มจัดตั้งมูลนิธิต่างๆ ทรงค้นคว้า วิจัย การทำฝนเทียม ด้านการเกษตร การชลประทาน การสาธารณสุข และอื่นๆอีกมากมาย ทรงส่งเสริมความรักและสามัคคีให้เกิดในชาติ ทรงดูแลทุกข์สุขประชาชน ตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ซึ่งทรงงานหนักมากที่สุดของโลก

 


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มหาราช พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน สืบเนื่องจากคำถวายอาศิรวาทราชสดุดี และถวายชัยมงคลของ ฯพณฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรีขณะนั้น เมื่องานสโมสรสันนิบาต เนื่องในวโรกาสวันฉัตรมงคล วันที่ 5 พฤษภาคม พุทธศักราช 2530 ณ ทำเนียบรัฐบาล ดังปรากฏดังนี้

 

?? เมื่อประชาชนชาวไทยในปัจจุบันได้พิจารณาข้อความจารึกที่ฐานพระบรมราชานุสรณ์ ณ ลานพระราชวังดุสิต ถึงปัจจัยที่ประชาชนในกาล 80 ปีก่อนโน้น น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระราชสมัญญา ?มหาราช? แด่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวแล้ว ก็ประจักษ์ชัดว่าพระบรมราชคุณูปการแห่งพระมหาราชเจ้าพระองค์นั้น มิได้ผิดเพี้ยนไปจากพระมหากรุณาธิคุณแห่งใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทแม้แต่น้อย ดังนั้นอาณาประชาราษฎร์แห่งใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ก็ยิ่งทวีความปิติปราโมทย์ มีสามัคคีสมานฉันท์เทิดทูนไว้เหนือเศียรเกล้า และภาคภูมิใจนักที่ได้มีพระบรมธรรมิกราช ผู้ทรงยิ่งด้วยพระขัตติยวัตรธรรม จึงขอ พระราชทาน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระราชสมัญญา ?มหาราช? แด่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ในขณะยังทรงดำรงพระชนมชีพอยู่ในไอศูรย์ราชสมบัติ ทำนองเดียวกับประชาราษฎร์ สมัยเมื่อ 80 ปี ที่ล่วงมาได้พร้อมใจกันน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวาย พระราชสมัญญาแก่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบรมอัยกาธิราชเจ้าว่า ?พระปิยมหาราช??

 ??. ในอภิลักขิตมหามงคลสมัยแห่ง ?วันฉัตรมงคล? ในรอบปีที่ 37 ในวันนี้ บรรดาอาณาประชาราษฎร์ทั้งปวงและรัฐบาล สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมหาที่สุดมิได้ จึงขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต ประกาศความสมานฉันท์พร้อมเพรียงกันเฉลิมพระเกียรติ และถวายพระราชสมัญญาเป็น ?มหาราช? ด้วยความจงรักภักดีมีในปวงข้าพระพุทธเจ้า ขอน้อมเกล้าฯ ตั้งสัตยาธิษฐานเดชะคุณพระศรีรัตนตรัย เป็นประธาน พร้อมด้วยสิ่งศักดิ์สิทธิ์โปรด อภิบาลพระบรมราชจักรีวงศ์ให้สถิตธำรง อยู่คู่ดินฟ้าและโปรดประทานชัยมงคลแด่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ขอจงทรงพระเจริญสิริสวัสดิ์ในไอศูรย์ ราชสมบัติแห่งสยามรัฐสีมาขอพระมหาราชเจ้า เผยแผ่พระบรมกฤษฎาเดชานุภาพ คุ้มเกล้าคุ้มกระหม่อมเหล่าพสกนิกร ตลอดในจิรัฐิติกาล เทอญ?

 


พระมหาราชทั้ง ๘ พระองค์ ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นแก่ประชาชนชาวไทยและประเทศชาติ ได้ทรงเสียสละความสุขส่วนพระองค์ ทำให้ชาติไทยเราสามารถรักษาความเป็นเอกราชและอธิปไตยไว้ได้จนทุกวันนี้ ทำให้บ้านเมืองของเรามีความสงบสุขเรียบร้อย ผ่านวิกฤตการณ์ต่างๆ มาด้วยดี  ทำให้ประชาชนชาวไทยมีแผ่นดินที่ร่มเย็นเป็นสุขเป็นที่อยู่อาศัย  พวกเราชาวไทยทุกคนจึงควรมีจิตสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของมหาราชของชาติไทย
[/img]

                                                           สันติ อภัยราช
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 01, 2011, 06:07:24 pm โดย apairach » บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.11 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!