จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
กันยายน 19, 2025, 03:06:30 am *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
ยินดีต้อนรับสมาชิก และผู้เยื่ยมชมทุกๆท่าน
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ประวัติสำนักสงฆ์คีรีเทพประสิทธิ์ สำนักสงฆ์คีรีเทพประสิทธิ์ เดิมใช้ชื่อ สถานปฏิบ  (อ่าน 11 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
apairach
Administrator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1521


ดูรายละเอียด อีเมล์
| |
« เมื่อ: กันยายน 18, 2025, 07:28:45 pm »

ประวัติสำนักสงฆ์คีรีเทพประสิทธิ์
สำนักสงฆ์คีรีเทพประสิทธิ์ เดิมใช้ชื่อ  สถานปฏิบัติธรรมคีรีเทพประสิทธิ์    “คีรี แปลว่า ภูเขา”  “เทพประสิทธิ์  หมายถึง  เหล่าทวยเทพหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์  อนุญาตให้สร้างขึ้น “    ซึ่งเป็นสถานที่สับปายะเงีบยสงบเหมาะสำหรับพระสงฆ์และผู้ที่จะเข้ามาปฏิบัติธรรมอย่างมาก อยู่นอกหมู่บ้านชุมชน  2 กิโลเมตร เป็นภูเขา  ชื่อว่า”เขาผาก “ที่ใช้ชื่อนี้เนื่องจากเดิมในบริเวณภูเขานี้ จะมีไม้ไผ่ “ชื่อว่าผาก”ขึ้นอยู่ที่บนภูเขาแห่งนี้เป็นจำนวนมาก  พอถึงฤดูที่มีหน่อไม้  ชาวบ้านก็จะเข้ามาหาหน่อไม้  ไปต้มจิ้มน้ำพริกบ้าง  บ้างก็เอาไปทำหน่อไม้ดอง  ซึ่งหน่อไม้ชนิดนี้ จะมีความหวานและกอบมากหากนำไปปรุงอาหารก็จะได้รสชาติที่อร่อย  แต่ในช่วง ปีพ.ศ.2515  ได้มีชาวบ้านมาแผ้วถางทำไร่ข้าวโพด จนทำให้ต้นไม้ใหญ่ที่ ขึ้นอยู่บนนี้ เช่น ไม้มะค่าโมง  ไม้แดง ไม้ประดู่  ไม้ชิงชัน  ไม้ตะแบก  และไม้อื่นรวมถึงไม้ไผ่  เกือบสูญพันธุ์ พอถึงช่วงฤดูแล้งก็จะไฟป่าเข้ามาไหม้ทุกปี  ต่อมาในปี 2538  สมัยนั้นผมเป็น อบต.ก็ได้ชวนผู้ใหญ่บ้านแลคณกรรมการหมู่บ้านเริ่มเข้ามอนุรักษ์  กรอบกับ ในปีนั้น  มีคนถูกลวงมาฆ่าและทิ้งศพไว้ชาวบ้านมาพบกระดูก เลยจึงไม่ค่อยมี่ใครเข้ามา นอกจากคนที่มาล่าสัตว์เท่า  ในปี 2539 จัดตั้งเป็นป่าพระราชเสาวนีย์  นั้นต่อมาในปี 2542 จึงได้กันเขต จัดตั้งเป็นป่าชุมชน  ชื่อ” ป่าชุมชนบ้านมอสูง”ภูเขาแห่งนี้อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ(ชื่อป่าคลองขลุง - คลองสวนหมาก) ปัจจุบันได้ทำแนนวกันไฟรอบภูเขาเป็นระยะทางยาว 9 กิโลเมตร
สำนักสงฆ์คีรีเทพประสิทธิ์  ก่อตั้งเมื่อวันที่ 17 มีนาคม  2558  โดยพระครูถาวรวชิรโสภณ (เดิมหลวงพ่อประเสริฐ  ถาวโร   เจ้าอาวาส วัดหนองใหญ่ศรีโสภณ  โดยช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2558 ผมได้ถวายไม้ตะค้าม เพื่อนำไปทำเสาวิหาร ท่านได้นำพระและคณะสิทธิ์มาตัดไม้  หลังตัดต้นไม้เสร็จ ระหว่างรอรถมาบรรทุกไม้ ท่านบอกว่าได้ยินคนคุยกันอยู่บนยอดเขาเป็นจำนวนมาก  ท่านจึงถามผมว่าใครขึ้นไปทำอะไรบนยอดเขา  ผมตอบว่าไม่มีเพราะบนยอกเขาจะมีเครือเถาวัลย์ เป็นจำนวนมา  หลวงพ่อท่านจึงขอขึ้นไปดูบนเขา  พอท่านมาถึงตรงที่สร้างศาลาในปัจจุบันท่านยืนหลับตาหันหน้าขึ้นไปที่ยอดเขา  ท่านบอกว่าเมื่อ 3 ปีที่แล้วท่านเคยนิมิตมาที่นี่ และมี่คนใส่ชุดขาวลงมากราบและขอให้มาช่วยบูรณะสถานที่ให้ด้วย   หลวงพ่อจึงหันมาถามผมว่าหากหลวงพ่อจะเข้ามาก่อสร้างเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมจะได้ไหม   ผมเลยตอบว่า ก็ดีเลยเพราะจะได้ช่วยอนุรักษ์ป่าไม้  และสัตว์ป่าด้วยเพราะยัง มีสัตว์ป่าที่ไกล้สูญพันธุ์อีกหลายชนิด  เช่น สุนัขจิ้งจอก  ตุ่น  กระรอก  ไก่ป่า อีเห็น  กระต่าย  และนกสวยงามอีกหลายชนิด   หลวงพ่อท่านจึงกำหนดวันก่อสร้าง  ในวันที่ 17 มีนาคม 2558 ก่อสร้างครั้งแรกได้สร้างเป็นกุฎีหญ้าคาขึ้นมา 3 หลังต่อมาได้สร้างศาลาทำบุญเป็นศาลาหญ้าคาเช่นกัน  สร้างเสร็ฐทำบุญครั้งแรก  ในวันที่ 13 เมษายน 2558  จากนั้นหลวงพ่อท่านได้อธิฐานจิตว่าหากหลวงพ่อจะมาอยู่จำพรรษาที่นี่ได้หลวงพ่อจะต้อง  ก่อสร้างกุฎีในวันเดียว เสร็ฐ  ปรากฏว่ากุฎีสร้างไม่เสร็ฐ  ทั้งมี่ชาวบ้านและพระสงฆ์มาช่วยกันสร้าง   หลังจากที่สร้างกุฎีไม่สำเร็จ  หลวงพ่อท่านจึงจะไปก่อสร้างเจดีย์ 8 เหลี่ยมที่บนยอดเขา  หลังจากบวงสรวงเรียบร้อย หลวงพ่อท่านก็ได้ให้ชาวบ้านและพระสงฆ์ขึ้นไปช่วยกันขุดดินเพื่อจะเทคาน โดยหลวงพ่อท่านได้ขนอุปกรณ์เช่นเหล็ก  ไม้แบบ  ขึ้นไปไว้เรียบร้อย  ในช่วงนั้นตรงบริเวณจุดตรงกลางจะมี่ต้นไม้ขนาดผ่าศูนย์กลาง  ประมาณ 10 เซนติเมตรขึ้นอยู่ 3 ต้น  หลวงพ่อท่านจึงให้พระขุดเพื่อจะเอาต้นไม้ออกปรากฏว่าขุดลงไปประมาณ 40 เซนติเมตร  ท่านไปพบหินซึ่งคล้ายทองคำ  จำนวน 10 กว่าแท่ง ตอนนั้นอยู่ในช่วงตอนเพล หลวงพ่อท่านจึงได้หยุดขุดเพื่อ ฉันอาหารเพลที่บนยอดเขาใกล้ๆที่ขุดดิน  หลังฉันเพลแล้วท่านนอนพักอยู่ปรากฏว่าท่านนิมิตว่า  มีคนใส่ชุดขาวมาบอกว่าที่ดินที่ กำลังขุดอยู่นั้นช่วยกรบให้ด้วย  จากนั้นหลวงพ่อท่านจึงไม่ได้ก่อสร้างต่อ  และขนอุปกรณ์กลับวัดหนองใหญ่ศรีโสภณ  และทิ้งให้พระวรุฒ วราโภ ตอนนั้นท่านบวชอยู่พรรษาแรก  จำพรรษา  อยู่กับพระอีก 2 รูป  จำพรรษา  อยู่ที่สำนักสงฆ์เป็นต้นมา
……………………………………………………………………………
สิ่งที่เป็นปรากฏการเกิดขึ้นหลายครั้งที่ผมได้ประสบกับตนเอง ณ.สถานที่ นี้
ในปี พ.ศ.2559 ผมได้ทำหนังสือของบประมาณจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพื่อขุดอ่างเก็บน้ำ ที่บริเวณเขาผากแห่งนี้ เพื่อหาแหล่งน้ำไว้ให้พระได้ใช้  โดยได้รับงบประมาณมา 500,000 บาท  ในขณะนั้นอยู่ในช่วงการปฏิวัติ  ผมจึงได้ประสานงานติดต่อ ขออนุญาตกับ พต.วัฒนา ที่เป็นทหารมาประจำการอยู่ที่อำเภอเมืองกำแพงเพชรในขณะนั้น  ท่านผู้พันวัฒนาบอกให้ดเนินการได้  ผมจึงได้ทำหนังสือแจ้งไปยังนายอำเภอ  /  สภ.เมือง พร้อมให้ทางผู้นับเหมาของ  อบจ. เข้ามาดำเนินการขุดอ่างเก็บน้ำ  ขณะที่กำลังดำเนินการขุด  ในวันที่เท่าไรผมจำไม่ได้ พระที่อยูที่ สำนักสงฆ์ฯ  มีโยมนิมนต์ไปฉันเพลที่บ้านมอสมบัติ   ในเวลา ประมาณ เที่ยงวันผมได้รับโทรศัพท์ว่ามีตำรวจสันติบาล  เข้ามาตรวจสอบพื้นที่ว่าชาวบ้านแจ้งมา  ผมและแม่บ้านจึงรีบมาที่สำนักสงฆ์  หลังจากมาถึงก็มีตำรวจสันติบาลนายหนึ่งเข้ามาพูดคุยในทำนองเหมือนจะมาจับผิด  ผมก็ได้ชี้แจงเรื่องโครงการให้ทราบ  ครู่หนึ่งก็มีเจ้าหน้าสันติบาลอีกคนหนึ่งเดินออกมาจากในศาลา ชื่อ  สมผล  ศักดิ์สูง  ปรากฏว่า รู้จักกันกับผมเพราะเคยไปสวดมนต์ธัมจักกัปวัตนสูติ  ด้วยกันที่วัดบรมธาตุพระอารามหลวง เป็นประจำ   หลังจากได้คุยกันไม่ถึง 3 นาที่ได้มีเสียงฆ้องดังขึ้นมาครั้งหนึ่ง  ผมจึงก้มไปดู ในศาลาปรากว่าไม่มีไครอยู่ในศาลา  จากนั้นก็ได้ยินเสียงฆ้องดังขึ้นอีกเป็นช่วงจังหวะที่ผมมองขึ้นไปบนยอดเขา เห็นฆ้องขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ปรามณ 50 เซนติเมตรกำลังแก่วงเหมือนคนกำลังตี  แต่เสียงที่ได้ยินนั้นเป็นเสียงเหมือนฆ้องใหญ่เพาะเสียงกระหึ่มมากดังขึ้นเกือบ 10 ครั้งติดต่อกัน (ฆ้องลูกนี้ทางร้านไทยสว่างการค้าอยู่ตลาดศูนย์การค้ากำแพงเพชรถวายมา จึงได้เอาไปแขวนไว้บนยอดเขาเวลามีไครขึ้นถึงก็จะตีฆ้องเป็นสัญญาณ) ผมจึงบอกทุกคนว่าฆ้องดังเอง ทั้งสี่คนคือผมและแม่บ้าน  พร้อมเจ้าหน้าที่ สันติบาลจึงได้มองขึ้นไปแต่สันติบาลทำท่าตกใจ ถามผมว่าทำไมฆ้องจึงดังเอง ตอนนั้นผมตอบแบบอารมณ์เสีย ว่าเทวดาเขาคงรำคานมั๊ง  ทางสันติบาลจึงตอบว่าผมเข้าใจแล้ว  ขอให้กำนันช่วยทำเป็นป้ายโครงการแล้วเอาไปปิดตรงที่ทิ้งดินให้ด้วย  เขาจึงลากลับ
ปี พ.ศ.2560 ช่วงเดือนมีนาคม  ตอนนั้นกำลังทำพิธีหล่อองค์พระหน้าตัก 4 ศอก 9 นิ้วซึ่งเป็นพระประธานในวิหารเวลานี้  ตอนนั้น เวลา 09.00 น.ขณะที่กำลังทำพิธีบวงสรวงได้มีงูเหลือมตัวขนาดขวดน้ำเลื้อยมาเกือบถึงที่บวงสรวง  ชาวบ้านเห็นจึงเอากล้องเข้าไปถ่ายรูป ปรากว่าถ่ายติดแต่ก้อนหินเท่านั้น
ปี พ.ศ.2562 ในวันที่ 19 กันยายน 2562 รถยนต์ของผมที่จอดอยู่ที่ วัดช่วงตอนประมาณ 1 ทุ่มมีเสียงดังคล้ายคนเป่าสังข์แต่เสียงจะดังเย็นกว่า ดังขึ้นหลายครั้งจึงทราบเสียงดังมาจากรถ
วันที่ 22 กันยาน 2562  วันนั้นมีพิธีทอดผ้าป่า จากคุณอำนวย  เล็กวงค์เดิม  มาถวายเพื่อมุงหลังคาวิหารแก้ว เวลา 06.00 น. เกิดปรากฏการมีแสงสว่างเกิดขึ้นที่โครงสร้างวิหารแก้วบนยอดเขา เหมือนลักษณะคล้ายคนเอาหลอดไฟนีออนไปติดที่ เสา/และเหล็กทุกตัวทำให้แสงสว่างขึ้นทั้งหลัง วันนั้นพอมองเห็นแล้วเกิดปิติน้ำตาไหลเลย  แสงที่เกิดขึ้นนานประมาณ เกือบ 5 นาที
เวลา06.00 น.
 
เวลา 09.00 น.

วันที่ 30 กันยายน  2562 เวลา  17.00 น.เกิดปรากฏการ เป็นแสงสีทองสุกปลั่งที่บนวิหารแก้ว
วันที่ 30 พ.ค. 2567  เวลา 17.00 น.เกิดปรากฏการแสงสว่าง คล้ายคนเอาหลอดไฟนีออนสี ไปติด
ที่เหล็ก ผังแบบศาลาหลังที่กำลังปลูกในปัจจุบัน

 

ภาพที่บันทึกได้

 
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.11 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!