จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
มีนาคม 29, 2024, 06:26:21 pm *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
ยินดีต้อนรับสมาชิก และผู้เยื่ยมชมทุกๆท่าน
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ตำนานรักพระร่วงเจ้า ที่เขานางทอง ความรักอมตะของพระร่วงเจ้า กับนางทอง เป็นเรื่  (อ่าน 2864 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
apairach
Administrator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1410


ดูรายละเอียด อีเมล์
| |
« เมื่อ: มิถุนายน 01, 2018, 10:13:54 am »

ตำนานรักพระร่วงเจ้า ที่เขานางทอง
     ความรักอมตะของพระร่วงเจ้า กับนางทอง เป็นเรื่องที่เล่าขาน กันอย่างแพร่หลาย มีหลายตำนาน แต่ก็มีเนื้อหาที่คล้ายกัน แตกต่างกันไม่มากนีก ตำนานหนึ่งว่า
นางทองเป็นผู้หญิงสาวชาวบ้านเมืองบางพาน (บางตำนานว่าเป็นราชธิดาแห่งเมืองบางพาน) มีรูปโฉมที่งดงามมาก พญานาคราชหลงรักนาง จึงกลืนเข้าไปในท้องเพื่อนำไปเป็นชายา ในเมืองบาดาล พระร่วงเจ้าแห่งอาณาจักรสุโขทัยได้พบเห็นจึงได้เข้าช่วยโดยใช้อิทธิฤทธิ์ของตน ล้วงนางทองออกมาจากท้องของพญานาค เนื่องจากนางทองเป็นคนที่มีสิริโฉมงดงามจึงเป็นที่สบพระทัยของพระร่วง ต่อมาจึงได้อภิเษกเป็นพระมเหสี สร้างตำหนักให้พักอาศัยบนเขานางทอง และยังได้นางคำ(นางพัน)หญิงชาวบ้านอีกคนหนึ่งเป็นพระสนมเอก สร้างตำหนักให้พักอาศัย บนเขานางคำ (นางพันก็เรียก)
 อยู่มาวันหนึ่งพระร่วงได้เสด็จกลับ กรุงสุโขทัย พระมเหสีทองซึ่งเป็นคนที่มีความมานะอดทนขยันหมั่นเพียรในการทอผ้าด้วยกี่ทอผ้า ได้ไปซักผ้าอ้อมที่สระน้ำซึ่งพระร่วงได้สร้างพระตำหนักแพหน้าพระราชวังในคลองใหญ่ไว้เป็นที่พักผ่อนพระอิริยาบทและซักผ้า ในวันนั้นขณะที่ซักผ้าอ้อมเสร็จและจะนำไปตาก (บริเวณที่ตากผ้าอ้อมนั้น ไม่มีต้นไม้ขึ้นเลย จะโล่งเตียนไปหมด เพราะ พระร่วงสาปไว้สำหรับตากผ้าอ้อม) ระหว่างที่ตากผ้าอ้อมพระมเหสีทองก็กลัวว่าผ้าอ้อมจะไม่แห้งจึงทรงอุทานขึ้นเป็นทำนองบทเพลงเก่าว่า "ตะวันเอยอย่ารีบจร นกเอยอย่ารีบนอน หักไม้ค้ำตะวันไว้ก่อน กลัวผ้าอ้อมเนื้ออ่อนจะไม่แห้ง  ปรากฏว่าตะวัน หรือดวงอาทิตย์ไม่ยอมเคลื่อน จนกระทั่งผ้าอ้อมแห้ง จึงได้โคจรต่อไป
 ที่ คลองใหญ่หน้าพระราชวังเมืองบางพานนั้น มีจระเข้ขนาดใหญ่อาศัยอยู่  จรเข้ยักษ์ หลงรักนางทองมาก ขณะนางทองอาบน้ำจึงขึ้นมาคาบพระมเหสีทองไป เพื่อเอาไปเป็นชายา แต่ขณะนั้นเป็นเวลาที่พระร่วงกลับจากสุโขทัยพอดี พอกลับมาพระร่วงไม่เห็นนางทองจึงถามพวกนก พวกกวาง ว่าพระมเหสีทองหายไปไหน พวกสัตว์ต่างๆ ก็บอกว่าพระมเหสีทองได้ถูกจระเข้คาบไปแล้ว พระร่วงได้ยินดังนั้นก็รีบตามไปทันที พระร่วงเดินทางไปทางไหนต้องการให้เป็นทางเดินก็ปรากฏเป็นทางเดิน ทางเกวียนตลอดทาง พระร่วงได้เดินทางผ่านนาป่าแดง คลองวัว และได้ขอน้ำกินแถวๆ หมู่บ้าน (หมู่บ้านนาป่าแดงปัจจุบัน) พระร่วงพูดว่า "ข้าหิวน้ำจังเลย ขอน้ำกินหน่อยได้ไหม" คนในหมู่บ้านไม่ให้กินจึงพูดว่า "น้ำข้าไม่มี" พระร่วงเป็นคนที่วาจาศักดิ์สิทธิ์  พระร่วงจึงพูดว่า "เออ อย่างนั้นพวกมึงก็ไม่ต้องมีน้ำกินตลอดไป" จนป่านนี้นาป่าแดงจึงไม่ค่อยมีน้ำกินน้ำใช้กัน ตามความเชื่อของคนในปัจจุบัน
           พระร่วงได้ตามจระเข้ที่คาบพระมเหสีทองทันที่คลองทองแดง บริเวณจรเข้ปูน ในปัจจุบัน จระเข้ยักษ์เห็นจวนตัวจระเข้จึงกลืนนางทองลงในท้อง  พระร่วงจึงสาปจระเข้ให้เป็นหินอยู่ตรงนั้นมาถึงทุกวันนี้ ประชาชนเรียกขานบ้านนี้ว่า บ้านจระเข้ปูน




บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.11 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!