จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
มีนาคม 29, 2024, 01:55:59 am *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
ยินดีต้อนรับสมาชิก และผู้เยื่ยมชมทุกๆท่าน
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: การแสดง แสงเสียง สื่อผสมประกอบจินตนาการ เรื่อง กำแพงเพชรใต้ร่มพระบารมี เทิดวงศ์จ  (อ่าน 2577 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
apairach
Administrator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1410


ดูรายละเอียด อีเมล์
| |
« เมื่อ: สิงหาคม 10, 2015, 10:43:43 pm »

การแสดง แสงเสียง สื่อผสมประกอบจินตนาการ
เรื่อง กำแพงเพชรใต้ร่มพระบารมี เทิดวงศ์จักรีนฤบดินทร์
เวลา  ๑๐.๐๐ น. ณ ห้องลิไท โรงแรมเพชร อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร
วันอังคารที่ ๒๕ สิงหาคม  ๒๕๕๘
..........................................................

 คำบรรยาย ตัวละคร เพลงประกอบ แสง -เสียง
 เกริ่นนำ
 ท่านผู้มีเกียรติที่เคารพ ทุกท่าน ชาวกำแพงเพชรยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ การแสดง แสงเสียงสื่อผสม  ประกอบจินตนาการ  เรื่องกำแพงเพชรใต้ร่มพระบารมี เทิดวงศ์จักรีนฤบดินทร์ เพื่อ ระลึกถึง พระบารมีแห่งพระมหากษัตริย์ราชวงศ์จักรีที่ทรงปกครองดูแลสยามประเทศมากว่าสองศตวรรษ และพระบารมีปกเกล้าถึงเหล่าประชาชนชาวกำแพงเพชร ถึงสี่พระองค์คือพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่๑ พระปิยมหาราชรัชกาลที่ ๕ พระมหาธีรราชเจ้า รัชกาลที่๖ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราชในรัชกาลปัจจุบัน พระบารมียังแผ่ไพศาลรัศมี ปกเกล้าเหล่าประชา ปกคลุมอาณาประชาราษฎรกำแพงเพชร ร่มเย็นเป็นสุข ปราศจากทุกข์เข็ญและภัยพิบัตินานา มาตราบถึงปัจจุบันเพื่อกระทำบูชาต่อพระมหากษัตริยาธิราชทุกพระองค์ ที่ได้รังสรรค์ แผ่นดินไทยไว้ให้เราได้อาศัยสืบมา เพื่อระลึกถึงพระคุณแห่งพระมหากษัตริย์ที่แผ่พระบารมีมาสู่เราชาวกำแพงเพชร ขอเชิญชวนทุกท่าน ได้โปรดยืนขึ้น เพื่อแสดงจิตคารวะต่อพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริยาธิราช ที่เคารพยิ่งของเรา......( เปิดเพลงสรรเสริญบารมี)
องก์ที่ ๑  กำแพงเพชร เมืองเทพเนรมิต    เวลา  ๑๕ นาที  
       ตัวละคร  
๑.พระเจ้าพังคราช  
      ๒.พระมเหสี
      ๓ พระเจ้าพรหมมหาราช
      ๔ พระเจ้าชัยสิริ
      ๕.พระยาเดโช
      ๖.ชีปะขาว
      ๗.พระอินทร์
      ๘.พระวิษณุกรรม

.เมื่อพุทธศักราช ๑๔๖๐ ในสมัยพระเจ้าพังคราช กษัตริย์องค์ที่ ๔๓ แห่งราชวงศ์สิงหนวัติ ได้ถูกพวกขอมขับไล่จากเมืองโยนกพันธ์ไปอยู่เวียงสี่ตวง ใกล้แม่น้ำสายพระมเหสีทรงประสูติโอรส ทรงพระนามว่า พรหมกุมาร พรหมกุมาร ทรงมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด มีความสามารถและโปรดปรานในการสงคราม เก่งกล้าสามารถมิมีผู้ใดเปรียบเทียบได้ เมื่อพรหมกุมารทรงมีพระชันษาได้ ๑๖ ชันษา ได้ทรงปรึกษากับพระราชบิดา ในการขับไล่ขอมให้พ้นแผ่นดิน
พระเจ้าพังคราช (ออกว่าราชการพร้อมพระมเหสีและขุนนางพร้อมพรหมกุมารขณะกำลังว่าราชการ ขุนเดโชทหารเอกขอมก้าวเข้ามาในท้องพระโรง)
ขุนเดโช ( ท่าทางยะโส) : พระเจ้าพังคราช ปีนี้ ท่านส่งเครื่องราชบรรณการช้ามากข้าขอลงโทษโดยขอให้ท่านส่งเครื่องราชบรรณาการ ให้แก่พระเจ้ากรุงขอม เป็นสอง เท่าของเมื่อปีกลาย มิฉะนั้นกองทัพของเราจะบดขยี้บ้านเมืองของท่านให้ยับเยิน จำไว้
พระเจ้าพังคราช (แสดงอาการเกรงกลัว) ท่านขุนเดโช ขอความกรุณาจาก พระยาขอมดำ เราส่งเครื่องราชบรรณาการ ช้าเพราะ ข้าวยากหมากแพง ฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล จึงเก็บเกี่ยวได้น้อย ราษฎรเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า ขอทุเลาไปก่อน โปรดเห็นแก่ข้าเถอะท่านขุนเดโช
 ขุนเดโช (ขว้างจอกสุราลงพื้นแตกกระจาย)ไม่ได้ ข้าขุนเดโช ในนามพระยาขอมไม่ให้ทุเลาข้าให้เวลา สามเดือน ให้ท่านส่งเครื่องราชบรรณาการ เป็นสองเท่าของเมื่อปีกลาย มิฉะนั้น ข้าจะเผาบ้านเมืองให้สิ้น กวาดต้อนผู้คนไปกรุงขอม เป็นเชลยของเรา จำไว้ ( เดินออกไปอย่างรวดเร็ว)
พรหมกุมาร ( เลื่อนตัวลงไปกราบถวายบังคมพระราชบิดาและพระราชมารดา)ข้าแต่พระราชบิดา และพระราชมารดา ลูกขออนุญาตจากท่านทั้งสอง ที่จะกำราบเจ้าขอมดำ ที่กดขี่ข่มเหงเรามาช้านาน ยะโสโอหังมาก ลูกจะจัดการพวกมันเองพระเจ้าข้า
 พระเจ้าพังคราช (เลื่อนตัวลงมากอดพระราชโอรส) ลูกยังเยาว์นัก อายุเพียงสิบห้าชันษา เจ้าจะต่อกรกับพระยาขอมที่โหดร้ายได้หรือลูก
พระมเหสี ( เข้าสวมกอดราชโอรส) ลูกรักของแม่ เจ้ามั่นใจหรือลูก พระยาขอมดำร้ายกาจนัก จะต่อต้านได้หรือแม่เป็นห่วง
พรหมกุมาร(ลุกขึ้นยืนแล้วประกาศก้องท้องพระโรง) ข้าขอประกาศว่า ข้าจะขับไล่ขอมไปให้พ้นจากแผ่นดินไทยของเรา และต่อไปนี้ พวกขอมจะไม่สามารถเข้า มาในขอบขัณฑสีมาไทยได้อีก ข้าสัญญา เราจะกู้ชาติไทยของเราให้พ้นจากอำนาจของ
ขอม ข้าจะสั่งสอนพวกมัน
 
พระเจ้าพังคราช พ่อกับแม่ ขออวยพรให้เจ้ามีชัยชนะต่อข้าศึก อริราช ศัตรู จะมิสามารถเอาชนะลูกได้
พรหมกุมาร(ประชุมทหารหาญ) พี่น้องทหารหาญของข้า ถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะต้องกู้ชาติ ขับไล่พวกขอมออกไปจากแผ่นดินของเรา พวกมันกดขี่เรามานานแล้วพวกเราจะร่วมกันปลดแอก ประกาศความเป็นไทยเสียที ( ทหารโห่ร้องขึ้นพร้อมกัน)กองทัพของพระเจ้าพรหม ปะทะกับกองทัพพระยาขอม กองทัพพระยาขอมสู้ไม่ได้ถอยหนีลงไปทางใต้ ล้มตายไปตลอดทาง จนไปติดลำน้ำปิงไม่สามารถหนีไปได้รอความตายอยู่ องค์อัมรินทราธิราช สงสารเหล่ามนุษย์ เกรงจะสิ้นเผ่าพันธุ์ จึงตรัสแก่พระวิษณุกรรม ให้หาทางช่วย ไม่ให้ฆ่าฟันกันต่อไป
พระอินทร์ ท่านพระวิษณุกรรมเทพเจ้าแห่งช่างผู้ประเสริฐ มนุษย์สองเหล่าเข่นฆ่ากันขณะนี้ฝ่ายหนึ่งติดลำน้ำปิงหนีไปไม่ได้แล้ว ท่านจงเนรมิตกำแพงเมืองขวางกั้นคนสองเผ่าพันธุ์ไว้ สงครามจะได้สิ้นสุด จงลงมือเถิด ท่าน เทพเจ้าแห่งช่างผู้ยิ่งใหญ่
พระวิษณุกรรม พระพุทธเจ้าข้า ............ขออำนาจแห่งความเมตตา ความดีงาม และความสามัคคี จงดลบันดาลให้ เกิดกำแพงศิลาแลงที่สูงใหญ่ กว่ากำแพงแห่งใดๆ ขวางกั้นไว้ ไม่ให้เกิดสงครามล้างเผ่าพันธุ์กัน ณ บัดนี้ โอม.............
 ทันใดนั้นเองเกิดกำแพงเมืองที่ยิ่งใหญ่ ขวางกั้นทหาร ของพรหมกุมาร ใม่ให้ฆ่าฟันขอมดำต่อไปได้ พรหมกุมารเห็นดังนั้นจึงยกกองทัพกลับ
......ในกาลต่อมา ประชาชนยกย่อง พรหมกุมารขึ้นครองราชย์ ทรงพระนามว่า พระเจ้าพรหม และเป็นพระเจ้าพรหมมหาราชในที่สุด....
......ต่อมาพระเจ้าชัยศิริ โอรสของพระเจ้าพรหม มหาราช อพยพผู้คนลงมาทางใต้เห็นกำแพงเนรมิตยิ่งใหญ่ แผ่นดินอุดมสมบูรณ์ มีลำน้ำาปิงไหลผ่านจึงหยุดพัก ณ ที่แห่งนั้น
พระเจ้าชัยศิริ ชัยภูมิแห่งนี้ เหมาะสม นัก ถ้าเราจะตั้งเมืองใหม่ขึ้นที่นี้ จะเหมาะสมสักเพียงใด
...............ทันใดมีชีผ้าขาวท่านหนึ่งปรากฏตังขึ้น แล้วกล่าวอย่างก้องกังวานว่า
ชีผ้าขาว ท่านมหาบพิตร แผ่นดิน ณแห่ง นี้ เป็นแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์นัก อุดมสมบูรณ์กำแพงเมืองแข็งแกร่งประดุจเพชร เกิดขึ้นจากอำนาจแห่งพระวิษณุกรรม ถ้าท่านสถาปนา เมืองขึ้น ณ สถานที่ แห่งนี้ จะเป็นมหานครที่ยิ่งใหญ่ จะไม่มีข้าศึกใดมาทำลายเมืองได้ .....ขอจงทรงพระเจริญท่านมหาบพิตร
พระเจ้าชัยศิริ (ประกาศสถาปนาเมืองกำแพงเพชรต่อหน้าทหารหาญ)แผ่นดินแห่งนี้ มีชัยภูมิ เหมาะสม น้ าท่าอุดมสมบูรณ์ ที่สำคัญที่สุด มีกำ แพงเมืองที่ยิ่งใหญ่ แข็งแกร่งประดุจเพชร ข้าขอ สถาปนาเมืองแห่งนี้ ให้ เป็นเมืองสำคัญ มีนามว่า
เมืองกำแพงเพชร ขอให้เมืองกำแพงเพชร รุ่งเรืองและยิ่งใหญ่ไปนิรันดร์กาล..........

องก์ที่ ๒ พระยาจักรี ประกาศิต ก้องกำแพง  เวลา ๑๘ นาที
   ตัวละคร
๙. กะละโบ แม่ทัพพม่า
      ๑๐.พระยาจักรี
      ๑๑. ขุนราม
      ๑๒. พุดจีบ
      ๑๓. พระยาสุรบดินทร์
      ๑๔ พ่อพุดจีบ
๑๕. แม่พุดจีบ

กลุ่มทหารข้าศึก บุกเข้าล้อมชาวบ้านไว้,โดยมีกาละโบนายทัพพม่า เป็นแม่ทัพ
กาละโบ ทหารจับพวกชาวบ้านไว้ให้หมด ยึดเสบียงอาหาร ข้าวเปลือก ข้าวสารปลาแห้ง เนื้อย่าง น้ำท่า ยึดไว้เป็นเสบียง เราต้องเดินทัพไปกรุงธนบุรี ยึดไทยให้ได้อีกครั้ง ใครขัดขืน ฆ่าให้หมด
ขุนราม (จับอาวุธ) พวกเราชาวก าแพงเพชร ได้ขึ้นชื่อเป็นเมืองคนแกร่ง ผู้ชายทุกคนก้าวออกมา ผุ้หญิงและเด็กอยู่ข้างหลัง เราจะอยู่ด้วยกัน ตายด้วยกัน ไม่ยอมเป็นเชลยของพวกมัน
พุดจีบ (จับอาวุธนำหญิงทั้งหมดก้าวออกมาข้างหน้า) พี่ขุนราม ข้าพุดจีบ น้องสาวของพี่ผู้เป็นนายบ้าน ข้าเป็นผู้หญิงกำแพงเพชร เมืองแห่งนักสู้ ไม่มีวันที่ข้าจะยอมแพ้ หรือเป็นภาระให้กับพี่ เราชาวก าแพงเพชร จะยอมตายพร้อมกัน ถ้าชาติไทยเราไม่มีเอกราชเราตายกันเสียให้หมดทุกคน เราจะไม่เสียชาติที่เกิดมาเป็นคนกำแพงเด็กๆ ทุกคนถือไม้ไว้ป้องกันตัว รวมกันเป็นกลุ่ม อย่าตกใจหรือแตกหนี เราจะเสียเปรียบมัน พวกเราชาวกำแพงเพชรไม่ว่าเด็ก ผู้หญิง ผู้ชายหรือ ผู้เฒ่า ล้วนกล้าหาญชาญชัยทั้งสิ้น รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ยิ่งกว่าชีวิตตัวเอง
กาละโบ คนกำแพงเพชร ช่างเข้มแข็งเหลือเกิน สมเป็นเมืองคนแกร่ง ข้ายกย่องพวกท่าน แต่ข้าจำเป็นต้องแย่งเสบียงอาหารไปให้กองทัพของข้า เราต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ของกันและกัน พวกเรา บุกแย่งเสบียงอาหาร ใครขัดขืนถ้าจำเป็นก็ฆ่าเสีย
.........ทหารพม่า ภายใต้การน าของกาละโบ บุกเข้าแย่งชิงเสบียงอาหาร ประชาชนกำแพงเพชร ก็ต่อสู้ อย่างทรหด แม่พุดจีบ ต่อสู้อย่างกล้าหาญ ทุกคนหันหลังชนกันให้เด็กอยู่กลางวง หันหน้าเข้าสู้ข้าศึกอย่างเข้มแข็ง กำลังของ ประชาชนหรือจะสู้
กำลังทหารข้าศึกได้ ทุกคนเริ่มอ่อนล้า และถูกล้อมจับได้ในที่สุด
กาละโบ จับมัดไว้ให้หมด ขนข้าวของไปกองทัพ จับร้อยหวายไว้ จะได้ไม่หนี อีสาวสวยคนเป็นหัวหน้า ผู้หญิง จับมาให้ข้า ดูหน้าให้ชัด ทำไมมันเก่งกล้านัก ข้าชอบมัน
..........ทหารพม่า จับพุดจีบ ไปพบกาละโบ ขุนรามปราดเข้ามาช่วย แต่ถูกพม่าจับไว้ประชาชนชาวกำแพงเพชร พากันโห่ร้อง สาปแช่งข้าศึก
...........ทันใดพระยาสุรบดินทร์ เจ้าเมืองกำแพงเพชร นำพระยาจักรี แม่ทัพหน้า ของพระยาตาก บุกเข้ามาล้อมพม่าข้าศึกไว้
ทหารพม่า (วิ่งเข้าในที่พักก่อนที่ กาละโบจะทำร้ายพุดจีบ) ท่านนายกอง พระยาจักรียกกองทัพเข้ามา ถึงค่ายเราแล้ว เราจะทำ อย่างไรดี
กาละโบ ( ฉุดพุดจีบออกไปด้วย ออกมาเผชิญหน้ากับกองทัพพระยาจักรี ) ข้าแต่พระยาจักรี แม่ทัพไทยผู้เก่งกล้า อะแซหวุ่นกี้แม่ทัพใหญ่ของข้า บอกกับ แม่ทัพนายกองว่า เมื่อพบกับท่านอย่าได้ต่อทัพด้วย จะไม่สามารถเอาชนะได้ แม้แต่ตัวอะแซหวุ่นกี้เอง ยังไม่สามารถเอาชนะท่านได้ และได้ขอดูตัวท่าน ท่านประกาศกลางสนามรบ ว่าในอนาคตกาลท่านจะได้เป็นกษัตริย์อย่างแน่นอน
พระยาจักรี (กล่าวกับกาละโบ ) เจ้ากาละโบ ปล่อยคนไทยให้หมด คืนเสบียงอาหารให้เรา แล้วกลับบ้านเมืองท่านไป เราจะไว้ชีวิตท่าน ไปให้พ้นแผ่นดินไทย ไป้ ข้าไม่อยากฆ่าคนอีก
พระยาสุรบดินทร์ (กล่าวกับพระยาจักรี ) ท่านแม่ทัพ ท่านอย่าปล่อยพวกมันไปเลยฆ่ามันเซ่นแผ่นดินไทยให้สิ้น พวกนี้ อันตรายต่อแผ่นดินไทย ยกชีวิตพวกมันให้ข้าเถอะ ข้าจะประหารให้สิ้นซาก ไอ้พวกผู้รุกราน
 พระยาจักรี ท่านพระยาสุรบดินทร์ เจ้าเมืองกำแพงเพชร ทุกชีวิตล้วนมีค่า กาละโบและทหารพม่า เขาก็เหมือนเรา ท าตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากนายเขา เขามิได้อยากจะทำสงคราม ฆ่าฟันใครค่อใครเหมือนกับเรา เพราะฉะนั้น เมื่อเขาสำนึกผิด ก็ปล่อยเขาไปเถิด พระเจ้ามังระ กษัตริย์ของเขา สวรรคต อะแซหวุ่นกี้ ยกกองทัพกลับแล้วเช่นกัน สงครามไทยกับพม่าใกล้จะสิ้นสุดแล้ว ตำราพิชัยสงครามว่าไว้ สงครามที่ดีที่สุด คือทำข้าศึกให้เป็นมิตร มิใช่เข่นฆ่าข้าศึกแต่ถ่ายเดียว ไปพวกท่านไปได้
กะละโบ
กะละโบ (ก้มลงกราบพร้อมทหาร)ข้าขอบคุณท่านยิ่งนัก ไม่มีวันที่ข้าจะกลับมาทำร้ายชาวสยามอีก ขอให้ท่านมีความเจริญรุ่งเรือง สมดังคำทำนายของ อะแหวุ่นกี้เจ้านายของเรา (ยกกองทัพจากไป)
ขุนราม ( ประกาศแก่ชาวก าแพงเพชร) ชาวก าแพงเพชรที่รักของข้า ท่านแม่ทัพผู้นี้คือ พระยาจักรี แม่ทัพใหญ่ของเรา ท่านมาช่วยเราให้พ้นจากภัยของพม่ารามัญ ขอให้ทุกคน แสดงความขอบพระคุณท่าน ....... แม่พุดจีบ นำน้ำท่ามาให้ท่านดื่ม และเชิญท่านนั่งพักผ่อนก่อน
พุดจีบ (ยกขันน้ำเข้าไปให้และก้มลงกราบท่าน) ข้าในนามของชาวกำแพงเพชรขอขอบพระคุณท่าน ที่มาช่วยปัดเป่าทุกข์ให้ชาวกำแพงเพชร พ้นจากมหันตภัย เราชาวกำแพงเพชร จะไม่มีวันลืมพระคุณของท่านเลย
พระยาจักรี(รับขันน้ำมาจากแม่พุดจีบ แล้วยกขึ้นดื่มเป่าเกสรบัวที่ปนในน้ำและค่อยๆดื่มลงไป แล้วกล่าวว่า) แม่นางพุดจีบ เหตุใดท่านจึงโรยเกสรดอกบัวไว้ในน้ำ ทำให้ข้าดื่มยาก มีเหตุผลอันใดหรือ
พุดจีบ (พนมมือไว้ แล้วกล่าวด้วยมธุรสวาจาว่า) ท่านเจ้าคุณแม่ทัพ ข้าน้อย เห็นท่านแม่ทัพ เดินทางมาเหนื่อยมาก เพื่อมาช่วยชาวกำแพงเพชรของเรา จึงได้นำเกสรบัวโรยไว้ ในน้ำ เพื่อมิให้ท่านดื่มอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะเกิดอันตรายต่อท่าน
พระยาจักรี ก่อนข้าจะมาทัพเมืองเหนือ ข้าได้ยินมาว่า ผู้ชายกำแพงเพชรเข้มแข็ง เป็นเมืองคนแกร่ง ผู้หญิงกำแพงเพชร เก่ง สวยและฉลาด ข้าไม่เชื่อนัก ว่าจะเป็นเช่นนั้นจริง แต่มาเห็นในวันนี้แล้ว ต้องบอกว่า สิ่งที่ข้าได้ยินนั้นน้อยเกินไป คนกำแพงเพชรกล้าหาญนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้หญิงเมืองกำแพงเพชร ฉลาดและงดงามจริงๆ สมคำเล่าลือข้าต้องพักอยู่เมืองกำแพงเพชรอีกหลายวัน ต้องขออนุญาตพ่อเฒ่าแม่เฒ่า ที่จะมาเยี่ยมเยียนบ้านนายบ้านบ่อยๆ หวังว่าท่านคงอนุญาต
พ่อเฒ่า แม่เฒ่า (ก้มลงกราบ) นับเป็นความกรุณาของท่านยิ่งนัก ข้าและลูกๆตลอดชนชาวกำแพงเพชร ยินดีต้อนรับท่าน นับว่าเป็นบุญของชาวก าแพงเพชร ที่อยู่ใต้ร่มบารมีของท่าน ขอให้ท่านพักอยู่กำแพงเพชรอย่างมีความสุขเถิด
พระยาจักรี ตัวของเจ้าเป็นสาวเต็มเนื้อแล้ว มีใครๆมาหมั้นหมายผูกสมัครรักใคร่เจ้าบ้างหรือยัง
พุดจีบ ยังไม่มีใครมารักใคร่หมั้นหมายข้าน้อย ด้วยบ้านเมืองเกิดยุ่งนุงนังมานานจนกาลบัดนี้ จึงไม่มีเวลาที่จะคิดถึงเรื่องนี้
พระยาจักรี เรามาพบเจ้าก่อนผู้อื่น เจ้าจะยอมเป็นคนรักของเราหรือไม่ เรารักเจ้าโดยสุจริตใจ หรือว่าประการใด
พุดจีบ การจะรักใคร่กันตามประเพณีนั้น ท่านจะต้องเจรจากับผู้ใหญ่ จึงจะทราบการข้าให้พ่อแม่ของข้าตัดสินใจ
พระยาจักรี (ยกมือไหว้ ตาผลกับยายลาน้อมตัวลงไหว้ตอบ)
ตาผล ท่านเป็นขุนนางมาแต่เมืองหลวง ทำไมมากราบไหว้ข้าเจ้าซึ่งเป็นชาวบ้านนอกเป็นชาวทุ่งชาวป่า
พระยาจักรี ฉันจะมาสมัครเป็นลูกเขยของท่านทั้งสองจ๊ะขอให้แม่พ่อมีเมตตากรุณาที่ได้มาสู่ขอ ขอแม่พ่อได้โปรดยกลูกสาวให้เป็นสิทธิ์แก่ฉันในวันนี้
ยายลา ขอทุเลาถามเจ้าตัวว่า มันอยากมีผัวหรืออย่างไรไม่ทราบ (ออกไปกระซิบกระซาบกับลูกสาว อยู่ครู่หนึ่ง ) หากฉันทั้งสอง ยกนางพุด ลูกสาวฉันให้เป็นเมียท่านท่านจะจัดการประการใดแก่ดิฉัน
พระยาจักรี (ถอดแหวนออกจากนิ้ว) แหวนวงนี้ มีราคาสูงถ้าท่านทั้งสอง เค็มใจยกแม่พุดให้ฉัน ฉันตีราคาแหวนวงนี้ไว้ ๒๐ ชั่ง คิดเป็นค่าทองหมั้นขันหมาก (วางแหวนไว้บนใบตองยืมพานไหว้ ไปคุกเข่าส่งให้ตายาย)
ตาผลยายลา ขอให้พ่อมีความเจริญด้วยลาภยศ ให้เป็นเจ้าคนนายคนเถิด( พาลูกลูกสาวมารดน้ำรดท่าเสกแล้วส่งตัวมอบหมาย ) นี่เป็นประเพณีของชาวกำแพงเพชร สืบทอดกันมาแต่กาลก่อน ................
ตามตำนานเมืองกำแพงเพชรเล่าขานกันว่า เมื่อพระยาจักรี กลับไปแล้ว แม่งพุดตั้งครรภ์และคลอดบุตรชายว่า หนูโต พระยาจักรี เมื่อดำรงยศเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ได้ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์ ทรงพระนามต่อมาว่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ต้นราชวงศ์จักรีในปัจจุบัน ต่อมาหนูโต ได้บวชเป็นพระภิกษุ สมณศักดิ์พระราชาคณะที่พระธรรมกิติ เจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม และได้สมณศักดิ์เป็นสมเด็จพุฒาจารย์โต ในสมัยพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๔ในปีพุทธศักราช ๒๓๙๙ สมเด็จพุฒาจารย์โตเดินทางมาฌาปนกิจศพ ญาติผู้ใหญ่ที่กำแพงเพชร ตามที่พระพุทธเจ้าหลวงทรงบันทึกไว้.... กำแพงเพชรใต้ร่มพระบารมี พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชต้นราชวงศ์จักรีอย่างแท้จริง
องก์ที่ ๓  พระบารมีแห่งจอมกษัตริย์ประพาสเมือง  เวลา ๑๐นาที  
ตัวละครไม่มี ใช้สื่อผสมมัลติมีเดีย ฉายขึ้นจอ

...... รัชกาลที่ ๖ เสด็จมากำแพงเพชร ๒ครั้ง เมื่อยังด ารงพระยศ เป็นพระบรมโอรสาธิราช คือก่อนขึ้นเป็นกษัตริย์ พระราชบิดาคือ รัชกาลที่ ๕ โปรดให้มาศึกษาเมืองกำแพงเพชรให้ละเอียด เพราะเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของเมืองพระร่วง...ในครั้งแรก
มาในปี พ.ศ.๒๔๔๘ บันทึกเรื่องราวเมืองกำแพงเพชรแล้วไปกราบทูล รัชกาลที่๕ทรงเห็นว่าคลาดเคลื่อนอยู่ จึงเสด็จมาทอดพระเนตรด้วยพระองค์เอง ในเดือนสิงหาคมพุทธศักราช ๒๔๔๙ อยู่กำแพงเพชรถึง ๑๐วัน ทรงถ่ายรูปเมืองก าแพงเพชรไว้หลายร้อยรูป และบันทึกจดหมายเหตุประพาสต้นเมืองก าแพงเพชรไว้อย่างละเอียด ทำให้
เราชาวกำแพงเพชรทราบเรื่องราว ของบ้านเมืองเราในช่วง หนึ่งร้อยปีที่ผ่านมาอย่างละเอียดนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณต่อชาวกำแพงเพชร อย่างหาที่เปรียบมิได้
 เมื่อเสด็จกลับไปแล้ว จึงโปรดให้พระบรมโอรสาธิราช,เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธเสด็จมากำแพงเพชรอีกครั้งในปีพุทธศักราช ๒๔๕๐ แล้วโปรดให้พระราชนิพนธ์ เรื่องเที่ยวเมืองพระร่วงไปให้พระองค์วินิจฉัย จนพอพระทัย นับว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณต่อ
พสกนิกรชาวกำแพงเพชรอย่างยิ่ง
มะเฟือง พระพุทธเจ้าหลวงรัชกาลที่ ๕ ทรงบันทึกเรื่องราวสำคัญไว้ว่าอย่างไรบ้างค่ะหนูชอบศึกษาเรื่องเมืองกำแพงเพชร ซึ่งเป็นดินแดน ที่ให้กำเนิดชีวิตแก่หนู
ครูเพชร น่ารักมากมะเฟือง คนกำแพงเพชร ถ้าไม่รักและหวงแหน บ้านเมืองของตนเอง ก็เสียชาติที่เกิดมาเป็นคนกำแพง หนูเป็นตัวอย่างที่ดี พวกเรารู้ไปทุกเรื่องยกเว้นเรื่องบ้านเมืองของตนเอง เออครูจะเล่าให้ฟัง..........
.......พระพุทธเจ้าหลวง เสด็จเมืองกำแพงเพชร เมื่อวันที่ ๑๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๔๙การเสด็จประพาสต้น หมายถึงการเสด็จมาเมืองกำแพงเพชรอย่างไม่เป็นทางการ ไม่โปรดให้ต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ พระองค์เสด็จมาเป็นการส่วนพระองค์ บางครั้งทรงแจวเรือหางแมงป่องด้วยพระองค์เอง ท ากับข้าวด้วยพระองค์เอง รัชกาลที่๖ เมื่อครั้งทรงพระเยาว์ ตามเสด็จมาด้วยมีหน้าที่ล้างจานซึ่งทรงเป็นตัวอย่างแก่เยาวชน ในการมีหน้าที่ และรับผิดชอบต่อหน้าที่ ทรงขึ้นบ้านราษฏร    เสวยพระกระยาหารกับราษฏรอย่างไม่ถือพระองค์และทรงบันทึกเรื่องราวและโปรดถ่ายรูปเมืองกำแพงเพชร ไว้ หลายร้อยภาพ นับเป็น
พระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่งใหญ่ ต่อพสกนิกรชาวกำแพงเพชรอย่างที่สุด
พีระ คุณครูครับ พระพุทธเจ้าหลวงรัชกาลที่๕ ที่มีพระบรมราชานุสาวรีย์ไว้ที่หน้าศาลากลางหลังเก่าที่เป็นที่ว่าการอำเภอเมืองปัจจุบันใช่ไหมครับ
ครูเพชร ถูกแล้วพีระ พระพุทธเจ้าทรงประทับใจในเมืองกำแพงเพชรมาก ทรงบันทึกถึงเมืองกำแพงเพชรไว้หลายเรื่อง ครูจะเล่าให้ฟังเท่าที่เวลาจำกัด.......สิ่งแรกที่พระองค์ประทับใจคือ ผู้หญิงเมืองก าแพงเพชร พระองค์ทรงบันทึกไว้ว่า
 ผู้หญิงเมืองนี้ นับว่ารูปพรรณสัณฐานดีกว่าเมืองอื่นในข้างเหนือ.......ถนนสายหลังตัดใหม่ตรงและงดงาม ทรงพระราชทานชื่อว่าถนนราชดำเนินผ่านถนนสายใน ถนนสายนี้งามมากได้ถ่ายรูปไว้ ให้ชื่อ ถนนราชดำเนิน
........ประตูและเมืองมั่นคงมาก ทรงกล่าวว่าเป็นเมืองอย่างมั่นคง ดีกว่านครศรีธรรมราชและนครราชสีมา
 ...... ชมเจดีย์วัดพระแก้วแห่งนี้ว่างามมาก พระเจดีย์กลมลอมฟาง อยู่หลังวิหารอีกหน่อยหนึ่ง หย่อมนี้เห็นจะเป็นชั้นลังกา
 แต่พระเจดีย์นั้น ท างามมาก บัวคว่ำบัวหงาย ท างามเข้าทีมาก
พระแก้วมรกต เคยมาอยู่ที่ก าแพงเพชร มาอยู่ที่วัดพระแก้วแห่งนี้ ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ว่า พระแก้วเคยมาอยู่เมืองนี้ ถ้าหากว่าได้มาอยู่ คงจะไม่ได้อยู่วัดอื่น คงอยู่วัดนี้แน่
 “””””””ทรงชมพระเจดีย์วัดพระนอนในอุทยานประวัติศาสตร์ว่างามมาก ชิ้นหลังเป็นพระเจดีย์ฐานแปดเหลี่ยม ระฆังกลมรูปแจ้งามมาก (แจ้หมายถึงฐานกลมงาม)
.......ทรงชมเจดีย์จัดพระบรมธาตุนครชุมว่า พระเจดีย์นี้ทาสีเหลือง มีลายปูนขาว แลดูในแม่น้ำงามดี
.........มีหลักฐานว่ากำแพงเพชร มีโรงเรียนแล้วที่วัดพระบรมธาตุ คงเป็นโรงเรียนแห่งแรกในกำแพงเพชร
 มีโรงเรียนอยู่ในหมู่กุฏิ มีราษฏรมาหาจำนวนมาก
.....พระราชทานดาบฝักทองให้ชาวกำแพงเพชร พิเคราะห์ดูเห็นเป็นดาบพระราชทานจริง เห็นว่ากำแพงเพชรยังไม่มีพระแสง
สำหรับเมือง จึงมอบดาบเล่มนี้ไว้ให้เป็นพระแสงสำหรับเมือง
..กำแพงเพชรคนอายุยืนมาก ทรงบันทึกไว้ว่า ที่เมืองกำแพงเพชรประหลาดว่าเป็นที่ไข้ชุมแต่ที่พบคนแก่ทั้งชายหญิงมากกว่าที่
ไหนๆ ราษฎรตามแถวตลาดก็มีคนแก่มาก คงมีพระพิมพ์ป้องกันด้วยนับถือกันมาก
.........กำแพงเพชรมีพระเครื่องพระบูชามากมาย......ทรงพระราชนิพนธ์ว่าต่อเมื่อเสด็จมา จึงรู้ว่าพระพิมพ์มากถึงเพียงนี้ จัดมาในพานดอกไม้ นั่งรายตามริมถนนได้เสมอทุกวันไม่ได้ขาดพระพุทธเจ้าหลวงประทับอยู่เมืองกำแพงเพชรนาน ๑๐ วัน ทำให้ชาวกำแพงเพชร เล่าขานสืบต่อกันมา จนทุกวันนี้ สร้างความภูมิใจให้ลูกหลานชาวกฎแพงเพชรนับจนถึงปัจจุบัน
ชมพู่ น่าภูมิใจมากเลยค่ะ ที่แผ่นดินกำแพงเพชรของเรา เคยรองพระบาทพระปิยมหาราช นานถึงสิบวัน พวกหนูจะจดจำ ความทรงจำที่ดีนี้ เล่าให้ลูกหลานของหนูฟังสืบไปไม่ให้สูญหายไปจากความทรงจำของแผ่นดินของเราแล้ว.ในหลวงองค์ปัจจุบันเคยเสด็จมากำแพงเพชรไหมค่ะ
ครูเพชร เป็นคำถามที่ดีมาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราชเสด็จกำแพงเพชรของเราถึงสามครั้ง และได้พระราชทานสิ่งประทับใจไว้มากมาย
ครั้งที่ ๑ พระเจ้าอยู่หัวของเรา เสด็จมาบวงสรวงสังเวยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชที่เมืองกำแพงเพชร เมื่อวันที่ ๒๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๐ สิ่งที่เราเห็นเป็นหลักฐานคือต้นสักหน้าศาลากลางหลังเก่า ๒ ต้นพระเจ้าอยู่หัวทรงปลูก ต้นขวามือของศาลากลางและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ทรงปลูกต้นซ้ายมือ ทำให้คนกำแพงเพชรซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ ของล้นเกล้าทั้งสองพระองค์จนถึงปัจจุบัน
 ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2515 เสด็จบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน ส่วนพระองค์ ณ วัดคูยาง ทรงพระราชทาน พระปรมาภิไธย ไว้บนหน้าบันของอุโบสถวัดคูยางทั้งสองพระองค์ ถ้าหนูไปวัดคูยาง ลองเงยหน้ามอง ดู จะรู้ซึ้งถึงพระมหากรุณาของพระองค์
 ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2521 เสด็จพระราชทานธงลูกเสือชาวบ้าน ของอำเภอ ต่างๆ รวม 117 รุ่น และทรงพระราชทานคลองส่งน้ำท่อทองแดง ให้กับพสกนิกรของพระองค์ อย่างทั่วถึงการเสด็จกำแพงเพชรทั้งสามครั้ง นับว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่มีต่อชาวกำแพงเพชร อย่างที่ชาวกำแพงเพชรไม่มีวันลืม ไปชั่วนิรันดร กำแพงเพชรใต้ร่มพระบารมี จักรีวงศ์ จริงๆ........ ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
องก์ที่ ๔ กำแพงเพชรลือเลื่อง ใต้พระบารมี   เวลา  ๔นาที
   จินตลีลา ประกอบเพลง กำแพงเพชร ใต้ร่มบารมี  ในองก์ที่ ๔
   ผู้แสดง ๕ คน
ฉากฟินาเร่ เพลง   เชิญเที่ยวเมืองกำแพง ๓ นาที  จากเพลง ฟินาเร่   
.......................................................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 10, 2015, 11:08:28 pm โดย apairach » บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.11 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!