จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
เมษายน 19, 2024, 05:29:58 am *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
ยินดีต้อนรับสมาชิก และผู้เยื่ยมชมทุกๆท่าน
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เอกสารประกอบการอบรม โครงการมัคคุเทศก์น้อการท่องเที่ยวตำบลคณฑี (Junior Guide) วัน  (อ่าน 3216 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
apairach
Administrator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1413


ดูรายละเอียด อีเมล์
| |
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 19, 2015, 10:16:52 pm »

เอกสารประกอบการอบรม
โครงการมัคคุเทศก์น้อการท่องเที่ยวตำบลคณฑี (Junior Guide)
วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘
ณ องค์การบริหารส่วนตำบลคณฑี อำเภอเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร
...

๑. เจ้าบ้านที่ดีในการต้อนรับนักท่องเที่ยว
                เจ้าบ้านหมายถึงบุคคลผู้เป็นเจ้าของบ้านเรือน ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ?เจ้าบ้าน?  หมายรวมถึง ประชาชน พ่อค้า แม่ค้า นักเรียน และผู้ประกอบการอาชีพใดๆ ที่อาศัยอยู่ในท่องถิ่นที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวนั้นๆ     การเป็นเจ้าบ้านที่ดี จึงหมายถึงกลุ่มบุคคลเหล่านี้มีความเป็นมิตร มีความเชื่อมั่น รอบรู้เรื่องราวในท้องถิ่น ให้การตอบรับ ดูแลผู้มาเยือนหรือนักท่องเที่ยวให้มีความสุข และรู้สึกปลอดภัยเพราะเมื่อผู้มาเยือนได้รับความมีอัธยาศัยไมตรี และเจ้าบ้านให้การตอบรับอย่างอบอุ่น ย่อมทำให้ผู้มาเยือนเกิดความประทับใจ
 
ปัจจัยสำคัญของการเป็นเจ้าบ้านที่ดี
                ปัจจัยที่ทำให้ลูกค้าเดิมของเราไม่กลับมาเป็นลูกค้าอีกมีด้วยกันหลายปัจจัย แต่ฐานะเจ้าบ้านแล้ว ปัจจัยที่เราสามารถควบคุมได้ คือ การเตรียมตนเองให้พร้อมสำหรับการเป็นเจ้าบ้านที่ดีและให้บริการแก่ลูกค้าด้วยความเต็มใจ ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้งานบริการประสบผลสำเร็จ ก็คือ ?คน? หรือบุคลากรที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ให้บริการแก่ลูกค้า เขาจะต้องรักในการบริการและมีคุณสมบัติอื่นๆประกอบ จึงจะช่วยให้การบริการนั้นสร้างความพอใจให้กลับลูกค้าได้ ความสำเร็จหรือความล้มเหลวของผู้ที่เป็นเจ้าบ้านในการให้บริการขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆคือ
                ๑.บุคลิกภาพ  ได้แก่ รูปร่างหน้าตา กิริยาท่าทาง น้ำเสียง การพูดจาความยิ้มแย้มแจ่มใสความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ความกระตือรือร้น ความซื่อสัตย์ ความจริงใจ ความเชื่อมั่นในตัวเอง ความรอบรู้ บริษัทใดมีพนักงานที่ทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านที่ดี และมีบุคลิกภาพดีย่อมได้เปรียบคู่แข่งทั้งหลาย
                ๒.ความรู้  ผู้ที่เป็นเจ้าบ้านต้องมีความรู้ต่างๆเกี่ยวกับสถานที่และสิ่งต่างๆในขอบเขตความรับผิดชอบของตนเอง ได้แก่ ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์/สินค้า/บริการ ที่เสนอให้กับลูกค้า ความรู้ที่เกี่ยวกับเทคนิคการขายความรู้เกี่ยวกับตลาดและคู่แข่งขัน ความรู้รายละเอียดและขั้นตอนงาน ฯลฯ
                ๓.ทักษะ  ความชำนาญหรือประสบการณ์จะช่วยให้การเป็นเจ้าบ้านมีความเชื่อมั่นสูงขึ้น โดยทักษะจะเกิดขึ้นได้จากการฝึกฝน
                ๔.ทัศนคติ  เจ้าบ้านที่ดีต้องมีทัศนคติที่ดีในการเป็นเจ้าของบ้าน มีความเชื่อมั่นในตนเอง มีความสุขในการทำงาน มองโลกในแง่ดีตระหนักถึงความสำคัญของการบริการ คือ มีความเป็นเจ้าบ้านที่มีจิตใจของการบริการ
                ปัจจัยทั้ง ๔ ประการข้างต้นช่วยทำให้ผู้เป็นเจ้าบ้านประสบความสำเร็จในการปฏิบัติหน้าที่ คือ ถ้ามีคุณสมบัติครบถ้วนย่อมส่งผลให้เป็นเจ้าบ้านที่สร้างความรู้สึกที่ดีแก่ลูกค้า ผลงานเป็นที่น่าพอใจ ตนเองก็จะได้รับความภาคภูมิใจเกิดความสุขและความพอใจ
                นอกเหนือจากสิ่งที่กล่าวข้างต้นแล้ว ลูกค้ายังคาดหวังที่จะได้รับความช่วยเหลือและการบริการที่ดี ดังนั้นเจ้าบ้านที่ดีจึงมีหน้าที่
                ๑. ให้คะแนะนำเกี่ยวกับสินค้า ผลิตภัณฑ์ สถานที่ และอื่นๆ
                ๒. ช่วยเหลือลูกค้า เมื่อเขาต้องการบริการ
                ๓. แก้ไขข้อขัดข้องและความไม่พึงพอใจของลูกค้า
                ๔. ช่วยแนะนำและแก้ปัญหาต่างๆให้กับลูกค้า
                ๕. ช่วยบอกทิศทางในสถานที่ของเรา
-๒-

                เจ้าบ้านที่ดีต้องมีการเตรียมความพร้อมตั้งแต่ปรับปรุงบุคลิกภาพ เตรียมการต้อนรับ เตรียมการเสนอบริการต่างๆรู้จักวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าเลือกใช้คำพูดที่เหมาะสม รู้วิธีขจัดข้อโต้แย้งหรือรับฟังคำบ่นของลูกค้า ตลอดจนให้บริการต่างๆเพื่อสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าที่มาเยือน
 
คุณสมบัติที่ดีของผู้ให้บริการ
- รักงานบริการและความต้องการที่จะก้าวหน้าในงานบริการที่ทำ
- มีบุคลิกภาพที่ดี และมีสุขภาพที่ดี คือสุขภาพแข็งแรง ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสสดชื่น มีบุคลิกภาพที่ดีและน่าไว้วางใจ น่าเชื่อถือ น่าเข้าใกล้ ทำงานรวดเร็วคล่องแคล่ว การแต่งกายเป็นระเบียบสวยงาม สะอาด เหมาะสมกับลักษณะงาน
- มีจิตใจชอบให้บริการ ชอบส่งเสริมช่วยเหลือผู้อื่น สนใจผู้อื่น ห่วงใยผู้อื่น สุภาพ เป็นมิตร และให้เกียรติผู้อื่น
                - มีความเต็มใจที่ปฏิบัติงานตามที่ลูกค้าร้องขอ อดกลั้นต่อการไม่มีมารยาท การเซ้าซี้ การไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบ การเอาแต่ใจตนเอง หรือการเปลี่ยนแปลงไปมาของลูกค้า เช่น ขอลัดคิว ชอบของแถม ชอบขอ รดราคา ผิดนัด เลือกนาน เลือกแล้วไม่ซื้อ หรือซื้อแล้วเปลี่ยนใจ และในกรณีที่ไม่สุดวิสัย ไม่ขัดต่อระเบียบ และไม่ขัดต่อลูกค้ารายอื่นเราต้องเชื่อว่าความต้องการของลูกค้านั้นถูกเสมอ
                - รู้ข้อมูลในงานและข่าวสารที่ทันต่อเหตุการณ์มีความรู้ดีเกี่ยวกับงานที่ทำ รู้กว้างและรู้ลึก                 มีความสามารถที่จะให้ข้อมูลลูกค้า หรือให้คำแนะนำลูกค้าได้
                - มีนิสัยขยันทำงาน มีความกระตือรือร้น มีความรับผิดชอบมีการตรวจสอบงาน มีสมาธิขณะทำงาน      มีความประณีตในงาน
                - มีความเฉลียวฉลาด มีปฎิภาณไหวพริบ รู้จักสังเกตความต้องการของลูกค้า มีความจำดีรู้จักแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า พุดเป็น ฟังเป็น เข้าใจเรื่องราวสามารถยืดหยุ่นการปฏิบัติงานตามความต้องการของลูกค้าได้หากบริษัทหรือลูกค้าอื่นๆไม่เสียหาย
                - ซื่อสัตย์สุจริตในเรื่องเงินทองเวลานัดหมาย และคำพูดที่ให้กับลูกค้า คือ มีความจริงใจ ซื่อสัตย์ ตรงต่อเวลา ไม่โกหกหรอกลวง ไม่เอาเปรียบผู้อื่น รักษาความลับได้ ไม่นินทาผู้อื่น ไม่นินทาสินค้า
                - ทำงานเป็นทีม มีการให้ข้อมูลและแสดงความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อการบริการ ให้ความช่วยเหลือและให้กำลังใจผู้ร่วมงาน
                - อากัปกิริยาวาจาอ่อนน้อม ต่อลูกค้าทุกคนและทุกเวลา
                - ขยันและตั้งใจทำงานให้ดีที่สุดตามความต้องการของลูกค้าทุกครั้งตรวจสอบจำนวนและคุณภาพงานก่อนส่งมอบ ระมัดระวังและถนอมการใช้เอกสารของลูกค้า และส่งมอบคืนเอกสารหรือสิ่งของอุปกรณ์เครื่องใช้ให้กับลูกค้าอย่างให้เกียรติและระมัดระวัง
                - รักษาความลับของลูกค้า

การวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า
                หลังจากที่ได้ต้อนรับลูกค้าทั้งด้วยวาจาและท่าทางที่เหมาะสมแล้วเจ้าบ้านต้องสามารถเข้าใจว่าลูกค้ามีความต้องการอะไร ซึ่งวิธีรับทราบความต้องการของลูกค้าแต่ละคนทำได้โดย
- การรับฟัง
- การสอบถามเมื่อไม่แน่ใจ
- การสังเกตและจำในสิ่งที่ลูกค้าเคยขอรับบริการมาก่อน
-๓-

- การใช้หลักเกณฑ์ความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ลูกค้ามักต้องการสิ่งต่างๆดังนี้
- ลูกค้าอยากได้ของฟรี ของแถม หรือของราคาถูก โดยได้ของจำนวนมากและคุณภาพดี
- ลูกค้าอยากได้ของในช่วงที่ตนต้องการหรืออยากได้ลัดคิวก่อนผู้อื่น
- ลูกค้าต้องการความสะดวกสบาย ได้นั่งไม่ต้องออกแรง ไม่ต้องกรอกแบบฟอร์ม มีแอร์เย็นๆมีน้ำดื่ม     มีขั้นตอนการขอรับบริการไม่ยุ่งยาก ฯลฯ
- ลูกค้าต้องการได้รับการให้บริการที่สุภาพ มีไมตรีจิต จริงใจ ได้รับเกียรติ ได้รับความเกรงใจ ความเชื่อถือ ต้องการให้ผู้บริการจำชื่อลูกค้าได้ ต้องการผู้ให้บริการจำได้ว่าครั้งที่แล้วลูกค้าเคยมาขอรับการบริการเมื่อใด ยิ่งกว่านั้นต้องการได้รับการต้อนรับที่มีลักษณะดีกว่าหรือไม่ยิ่งหย่อนกว่าผู้อื่น
- ลูกค้าต้องการได้พบเห็นและได้อยู่ในที่สะอาดสวยงาม เป็นระเบียบและปลอดภัย
- ลูกค้าต้องการได้รับข้อมูลข่าวสารที่ระเอียดครบถ้วน เข้าใจง่ายและทันเวลา
- ลูกค้าต้องการไดซักถาม ได้แสดงความคิดเห็น ได้แสดงอารมณ์ตามที่ตนต้องการเชื่อว่าความคิดเห็นและความต้องการของตนถูกต้องและเป็นไปได้
                หากความต้องการของลูกค้าคนหนึ่งคนใด เจ้าบ้านผู้ให้บริการไม่อาจสนองตอบได้ เพราะสุดวิสัย ขัดต่อกฎระเบียบ หรือทำให้ลูกค้าคนอื่นไม่พอใจห้ามตำหนิหรือทำสีหน้าไม่พอใจต่อลูกค้าคนนั้น ควรกระทำโดยบอกข้อมูลหรือเหตุผลอย่างสุภาพ ด้วยใบหน้าที่มีไมตรีจิต และอาจเพิ่มเติมว่าจะพยายามให้บริการที่ดีที่สุดเท่าทีจะทำได้ให้กับลูกค้าผู้นั้น แต่หากเกินความสามารถหรือขอบเขตความรับผิดชอบของตน ให้ขอร้องหัวหน้าหรือผู้บริหารเป็นผู้ชี้แจงและจัดการปัญหาให้กับลูกค้าแทน

ภาษาและคำพูดที่ควรใช้
ความสำเร็จหรือล้มเหลวในการบริการของผู้ที่เป็นเจ้าบ้านขึ้นอยู่กับถ้อยคำและกิริยาที่แสดงต่อลูกค้าไม่ว่าจะเป็นการอธิบาย การให้รายละเอียด หรือการให้คำแนะนำต่างๆ
ลูกค้ามาจากที่ต่างๆกันมีความแตกต่างกันไปตามสิ่งต่างๆ เช่นภูมิหลัง อายุ การศึกษา ฐานะ ตำแหน่งหน้าที่ในสังคม อารมณ์ ครอบครัว วิถีชีวิต เป็นต้น เจ้าบ้านมีหน้าที่ที่จะให้บริการและสร้างความพอใจให้กับลูกค้าที่เข้ามาขอคำแนะนำหรือใช้บริการในสถานที่ด้วยความระมัดระวัง ความจริงใจและความซื่อสัตย์ ระมัดระวังคือระมัดระวังในการใช้คำพูด รู้ว่าอะไรควรพูดอะไรไม่ควรพูด รู้ว่าควรใช้คำพูดอย่างไรที่จะทำให้ลูกค้าที่รู้สึกว่าเขาได้รับการยกย่อง ไม่ใช้คำพูดหรือกิริยาดูถูกลูกค้า
ในด้านของผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นเจ้าบ้านด้วยกันต้องระมัดระวังการพูดจาสนทนาระหว่างกัน ระมัดระวังคะพูดที่หยาบคาย ไม่สุภาพ คำพูดที่สามารถสร้างความรู้สึกที่ไม่ดีต่อลูกค้า ซึ่งจะเป็นการลดค่าของบุคคลและชื่อเสียงของสถานที่ เพราะชื่อเสียงของบริษัท เราไม่ได้วัดกันที่ขนาด แต่ชื่อเสียงที่ดีได้มาจากการวัดที่ความรู้สึกของลูกค้า ดังนั้น ผู้ที่เป็นเจ้าบ้านจะต้องระมัดระวังไว้เสมอในการใช้กิริยาท่าทางและคำพูดกับลูกค้าและระหว่างผู้เป็นเจ้าของสถานที่ด้วยกันเอง

การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
                จากผลการศึกษาวิจัยของผู้เชี่ยวชาญพบว่า ผู้คนทั่วไปสื่อสารโดยอาศัยภาษาท่าทาง๕๕%การแสดงออกทางสีหน้า๓๓%และอาศัยคำพูดเพียง๗%ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าสื่อสารไม่ได้มีความหมายเฉพาะเพียงแค่การสนทนา หรือ การสื่อสารด้วยวาจาเท่านั้น


-๔-

                ในการสื่อสารกับลูกค้า ภาษาท่าทางและการแสดงออกทางสีหน้าเป็นปัจจัยหนึ่งซึ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างความภูมิใจให้กับลูกค้าซึ่งการแสดงออกที่อบอุ่นและจริงใจจะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกคุ้นเคยและเกิดความไว้วางใจ อันจะนำไปสู่ความประทับใจในบริการที่จะได้รับ

                สร้างความประทับใจยามแรกพบ
                มีผู้กล่าวว่า ?ความประทับใจเกิดขึ้นได้ภายใน๖วินาทีแรกที่พบกัน? ซึ่งโดยมากความประทับใจแรกพบจะเกิดจากการสื่อสารด้วยภาษาท่าทางและการแสดงออกทางสีหน้าที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม บ่อยครั้งที่เราอาจทราบว่าความประทับใจของลูกค้าที่มีต่อเรานั้นเกิดขึ้นจากจุดใด แต่เราก็ต้องพยายามต้อนรับลูกค้าด้วยความเป็นมิตร อบอุ่น และจริงใจ
                เป็นที่กล่าวกันว่าความประทับใจเมื่อแรกพบคือความประทับใจที่จะคงอยู่ไปอีกนาน ดังนั้นหากภาพความประทับใจแรกพบที่เกิดขึ้นกับลูกค้าที่มีต่อตัวเราไม่ดีแม้เพพียงเล็กน้อย ก็เป็นเรื่องยากที่ต้องใช้ทั้งเวลาและความอดทนที่จะเปลี่ยนแปลงความรู้สึกเหล่านั้นให้ดีขึ้น
                การสร้างความประทับใจที่ดีตั้งแต่แรกพบมีความสำคัญมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่องานบริการ ฉะนั้นเราจึงควรสร้างความรู้สึกที่ดีตั้งแต่วินาทีแรกพบกับลูกค้า
                ภาษาตาและรอยยิ้ม
                ?รอยยิ้ม? คือส่วนหนึ่งของการบริการที่ดีเลิศสำหรับลูกค้าทุกเพศทุกวัย การประเมินคุณภาพของการบริการที่ได้รับนั้นลูกค้าไม่ได้คำนึงถึงเฉพาะสิ่งที่เป็นรูปธรรมอย่างสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆของสถานที่เท่านั้น แต่สิ่งที่เป็นนามธรรมได้แก่ ?ความรู้สึกดีๆ? ที่ได้ความสุภาพอ่อนโยนของผู้ให้บริการ โดยเฉพาะรอยยิ้ม ก็มีความสำคัญไม่น้อย อย่างไรก็ตาม เราจำเป็นต้องคำนึงถึงกาลเทศะ เช่น ไม่ควรยิ้มขณะกล่าวขอโทษ เป็นต้น
                ในการยิ้มเราต้องยิ้มอย่างจริงใจ เพราะการยิ้มอย่างจริงใจจะสร้างความรู้สึกที่ดีให้กับผู้ที่พบเห็น ต่างกับรอยยิ้มที่จงใจให้ดุสวยหรือแสร้งทำ และประเด็นที่สำคัญสำหรับการเป็นเจ้าบ้านคือการฝึกควบคุมอารมณ์เพื่อสามารถให้บริการแก่ลูกค้าด้วยรอยยิ้มที่เป็นธรรมชาติได้
                นอกจากรอยยิ้มแล้ว ?ภาษาตา? เป็นสิ่งแรกที่จะช่วยให้เกิดการสื่อสารระหว่างบุคคล หากปราศจากภาษาตาแล้ว การสื่อสารที่ดีก็จะไม่เกิดขึ้น ดังนั้นเราต้องไม่ละเลยความสำคัญในการใช้ภาษาตา
                เราสามารถส่งความรู้สึกทั้งที่ดีและไม่ดีไปสู้ผู้อื่นได้ด้วยภาษาตา ?สายตาที่อ่อนโยนจะสร้างความไว้วางใจและความพึงพอใจให้กับผู้รับบริการได้? ขณะที่สื่อสารกับลูกค้า เจ้าบ้านควรใช้สายตาที่แสดงความอ่อนโยนกับลูกค้าเป็นระยะๆเพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าสามารถขอใช้บริการได้โยสะดวก
                เมื่อเจ้าบ้านให้บริการด้วยรอยยิ้มและสบสายตาอย่างอ่อนโยน นั้นจะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกผ่อนคลายและเกิดทัศนคติที่ดี ระลึกไว้เสมอ ?รอยยิ้มและดวงตาคือกุญแจดอกสำคัญที่ไขสู่ประตูใจ?
 
วิธีปฏิบัติในการให้การให้บริการที่เป็นเลิศ
๑. จัดเตรียมสถานที่ จัดเตรียมสถานที่ให้สะอาดเป็นระเบียบสวยงามสะดวกสบายและปลอดภัย จัดวางเอกสาร จัดวางอุปกรณ์เครื่องใช้ในที่ที่หยิบใช้ง่าย ไม่กรีดขวาง หรือสร้างอุบัติเหตุ มีจำนวนเพียงพอ และจัดวางเป็นระเบียบมีที่ประจำก่อนที่ลูกค้าจะเข้ามาติดต่อหรือในช่วงเวลาที่เหมาะสม
๒. จัดเตรียมตนเอง เตรียมตนเองให้พร้อมทั้งในเรื่องสุขภาพ เครื่องแต่งกาย บุคลิกภาพ ความสะอาด อารมณ์ดี และว่างจากงานไม่สำคัญ


-๕-

๓. เริ่มงานตรงเวลา เริ่มการปฏิบัติงานให้ตรงเวลา หรือเมื่อลูกค้าสำคัญมารออยู่แล้วก็สามารถเริ่มงานก่อนเวลาได้ พักการทำงานหรือเลิกงานตรงเวลาแต่ถ้าเป็นลูกค้าสำคัญหรือทำงานสำคัญของลูกค้าอยู่ อาจพักงานหรือเลิกงานกลังจากที่งานเสร็จเรียบร้อยแล้ว
๔. แสดงอาการกิริยายินดีเมื่อพบลูกค้าหรือผู้ติดต่อ อาจสบตา ยิ้มให้ ไหว โค้ง หรือทักทาย ฟังอย่างสนใจและอย่างเข้าใจความต้องการของลูกค้าหรือสอบถามว่าจะให้ช่วยบริการใดๆให้ หรือถามย้ำว่าต้องการอย่างที่เคยได้รับแบบเดิมไม่ ทั้งนี้ควรสร้างบรรยากาศด้วยการยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่ควรสร้างบรรยากาศที่เชยเมย ตำหนิ ดูหมิ่น หรือโกรธเคือง เมื่อเข้าใจแล้วอาจพูดทวยย้ำสิ่งที่ลูกค้าต้องการกับลูกค้าอีกครั้ง เพื่อเป็นการตรวจสอบความถูกต้อง
๕. หากลูกค้าไม่แน่ใจว่าจะขอรับบริการอะไร ในปริมาณและคุณภาพมากน้อยเท่าใด ควรให้ข้อมูลลูกค้าอย่างเหมาะสม อาจช่วยจำแนกข้อดีของสินค้าแต่ละชนิดเพื่อให้ลูกค้าเข้าใจง่ายและตัดสินใจง่าย ทั้งนี้ต้องไม่เป็นฝ่ายตัดสินใจแทนลูกค้า ถ้าลูกค้าไม่ร้องขอ
๖. ให้ความสะดวกต่อลูกค้า เช่น ช่วยกรอกแบบฟอร์ม ให้ยืมอุปกรณ์เครื่องเขียน อำนวยความสะดวกสบายแก่ลูกค้าขณะลูกค้าพักรอ เช่นจัดหาน้ำดื่ม หนังสือพิมพ์ อธิบายทางไปห้องน้ำหรือโรงอาหาร เปิดเพลงให้ฟัง ฯลฯ
๗. รีบปฏิบัติงานตามที่ลูกค้าต้องการอย่างมีคุณภาพ จำนวนครบถ้วนเสร็จรวดเร็ว และประหยัดวัสดุสูญเสีย ระหว่างปฏิบัติงานไม่ควรชวนลูกค้าคุยแต่ควรทำงานอย่างมีสมาธิ ถ้าลูกค้าชวนคุยก่อนก็ควรจะหันมาคุยกับลูกค้าบ้างแล้วขอตัวทำงานอย่างมีสมาธิต่อไป
๘. ระหว่างปฏิบัติงาน หากลูกค้าต้องการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ขอรับบริการใหม่ และหากการเปลี่ยนแปลงนั้นอยู่ในเหตุผลดังนี้ คือ (๑) อยู่ในวิสัยที่จะทำได้ (๒) ไม่ผิดกฎหมาย และ (๓) ไม่มีผลกระทบต่อลูกค้าอื่น ก็ยินดีรับการเปลี่ยนแปลงตามที่ต้องการ ไม่ทำหน้าตาเหนื่อยอ่อนหรือเบื่อหน่ายให้ลูกค้าเห็นแต่ถ้าการเปลี่ยนแปลงตามที่ลูกค้าต้องการไม่อยู่ในเหตุผลสามประการข้างต้นก็ให้ชี้แจงข้อเท็จจริงให้ลูกค้าทราบด้วยเจตนดี และยินดีปรับปรุงสิ่งที่ลูกค้าขอรับบริการให้ใกล้เคียงกับความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด

















คุณสมบัติเบื้องต้นของนักพูดที่ดี
ฮืมฮืมฮืมฮืมฮืม

นักพูดที่ดีจำต้องปรับปรุงพื้นฐานของตนให้มีคุณสมบัติที่สำคัญเบื้องต้น ๕ ประการดังนี้
๑) เป็นนักฟังที่ดี นักพูดไม่ใช่ฝึกพูดอย่างเดียว ต้องฝึกฟังด้วย ต้องรู้ว่า เมื่อไรควรพูดเมื่อไรควรฟัง การฟังผู้อื่นทำให้เราได้รับความรู้เพิ่มขึ้น หรืออย่างน้อยก็ได้ทบทวนความรู้เดิมที่เรามีอยู่แล้ว ข้อสำคัญถ้าเลือกฟังในสิ่งที่มีประโยชน์ก็จะทำให้เพิ่มคุณค่าให้แก่ตัวเองมากขึ้น
๒) ศึกษาหาความรู้อยู่เสมอ นักพูดต้องศึกษาหาความรู้ไม่หยุดยั้ง ความรู้ที่ว่านี้นอกจากจะได้จากการฟังแล้วความรู้ที่ได้จากการอ่านสำคัญที่สุด การอ่านเป็นวิธีตักตวงความรู้ที่รวดเร็วและรวบรัดที่สุด นักพูดต้องรักการอ่านให้มากจะเป็นประโยชน์แก่การพูด การพูดก็จะวนเวียนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน พอพูดซ้ำมากๆ เข้าก็จะเกิดความเบื่อตัวเอง เมื่อผู้พูดเบื่อตัวเองก็จะไม่มีผู้ฟังคนไหนอยากฟัง
๓) ยอมรับฟังคำวิจารณ์ นักพูดต้องยอมรับฟังวิพากษ์วิจารณ์จากผู้อื่นต้องต้อนรับทั้งคำติและชม น้อมรับคำวิพากษ์วิจารณ์เหล่านั้น นำมาปรับปรุงแก้ไขตัวเอง
๔) เป็นตัวของตัวเอง นักพูดที่ดีต้องเป็นตัวของตัวเอง อย่าเลียนแบบใคร งานเลียนแบบเป็นงานที่ไร้เกียรติไม่สร้างสรรค์ และไม่ทำความภูมิใจให้แก่ตัวเอง ถ้ามีบุคคลใดเป็นตัวอย่างในการพูดที่ดี ขอให้จดจำนำเอาบางสิ่งบางอย่างของเขามาลองปฏิบัติดู อย่าเลียนแบบเขาทั้งหมด จงเป็นตัวของตัวเอง ได้ของดีจากใครได้ความรู้ข้อคิดดีๆ
จากใคร ถ้าทำได้ควรเอ่ยนามเขาให้ปรากฏ นอกจากจะได้แสดงมารยาทอันงดงามแล้ว ยังสามารถถ่ายทอดสิ่งต่างๆ เหล่านั้นได้อย่างเต็มปากเต็มคำไม่เคอะเขินอีกด้วย
๕) มีความสุขในการถ่ายทอดความรู้ให้ผู้อื่น นักพูดต้องมีความสุขและความพอใจที่จะถ่ายทอดความรู้ให้แก่ผู้ฟัง และถ่ายทอดให้จบสิ้นตามที่ผู้ฟังกำหนด นอกเสียจากเวลาหรือเงื่อนไขอื่นบังคับ เมื่อหมดแล้วก็แสวงหาสิ่งใหม่ทุกครั้งที่มีโอกาสพูดขอให้ถือว่าเป็นโอกาสดีที่เราจะได้ทำประโยชน์เป็นเกียรติยศที่ผู้ฟังหยิบยื่นให้แก่เรา ซึ่งจะทำให้มีความมุ่งมั่น ความกล้าที่จะทุ่มเทให้กับการพูดทุกครั้ง ขอให้จำง่าย ๆ ว่า " เป็นนักฟัง ยังศึกษา ท้าวิจารณ์ งานริเริ่ม เติมความสุข "

หลักการเลือกเรื่องที่จะพูด
ในการที่จะพูดที่ใดก็ตาม ผู้พูดควรคำนึงถึงเรื่องที่จะไปพูด ถ้าเป็นเรื่องที่ผู้พูดถนัดหรือมีความสนใจ      ก็จะทำให้ผู้พูดพูดได้ดี และถ้าเรื่องเดียวกันนั้นเป็นที่น่าสนใจของผู้ฟังด้วยผู้ฟังก็จะให้ความสนใจติดตามฟัง ผู้พูดก็ประสบความสำเร็จในการพูด ฉะนั้นถ้าผู้พูดเลือกเรื่องที่ตนถนัดก็จะพูดได้ดีนอกจากผู้พูดจะพิจารณาเลือกเรื่องที่ทั้งผู้พูดและผู้ฟังสนใจแล้วผู้พูดควรเลือกเรื่องที่จะให้ประโยชน์และความรู้แก่ผู้ฟัง เพราะตามหลักจิตวิทยานั้น คนเราชอบฟังเรื่องที่ตนจะได้รับผลประโยชน์ นอกจากนี้แล้วคนเรายังสนใจเรื่องที่เป็นแก่นสารของชีวิต เรื่องที่กำลังเป็นข่าว เรื่องที่ช่วยขจัดปัญหาของผู้ฟัง เรื่องที่เกี่ยวกับความบันเทิงและงานอดิเรก
๑. พูดเรื่องที่เรารู้ดี ที่สุด
๒. เตรียมตัวให้พร้อม ความ พร้อมทำให้ไม่ประหม่า หรือ ถ้าเคยประหม่ามากก็จะประหม่าน้อยลง
๓. สร้าง ความเชื่อมั่นให้กับตนเอง บอกกับตัวเองว่า "เรื่อง นี้ หัว ข้อนี้ สำหรับที่นี่ ฉัน รู้ดีที่สุด" แล้วพูดไปเลย



-๒-

๔. ถ้าทำทั้งสามข้อแล้วยังไม่หายประหม่า มีข้อแนะนำคือ สูดลมหายใจลึก ๆ หรือดื่มน้ำสักแก้วบอกตัวเองในใจว่า "วันนี้ สู้ตาย" อย่าบอกว่า "วันนี้ ต้องตายแน่ ๆ" รวบรวมสติและกำลังใจ พูด เสียงดังตั้งแต่คำแรก หรือ ประโยคแรก แล้ว ทุกอย่างจะดีขึ้น
๕. แต่ง กายให้สะอาด เรียบร้อย เหมาะ สม
๖. ปรากฏกายอย่างกระตือ รือร้น ทำ ตนให้สดชื่น กระปรี้ กระเปร่า แสดง ถึงความพร้อม ความ เต็มใจที่จะพูดนอก จากจะทำให้คนฟังรู้สึกอยากฟังแล้ว ยังช่วยโน้มนำจิตใจ ของเราให้อยากพูด อยาก แสดงออกมาอีกด้วย
๗. ใช้ กริยาท่าทางประกอบการพูดไปด้วย อย่ายืนนิ่ง ๆ และ อย่าให้มือเกะกะวุ่นวาย ใช้ให้พอเหมาะและตรง กับเรื่องที่พุด กริยาท่าทางต้องใช้ เสริมการพุด ไม่ใช่ขัดขวางหรือ ทำลายความสนใจในการพูด "จง พูดจากความรู้สึกที่จริงใจ แล้วท่าทาง มือ ไม้ของท่านจะเป็นไปเองตามธรรมชาติ"
๘. พยายาม สบสายตากับผู้ฟัง การสบสายตาเป็นวิธี หนึ่งที่จะดึงความสนใจของผู้ฟัง ถ้าเรามองหน้าผู้ฟัง ผู้ ฟังก็จะมองเรา เวลาพูดอย่าหลบตาผู้ ฟัง อย่า มองพื้น มอง เพดาน มอง ต้นฉบับ หรือ มองข้ามผู้ฟังออกไปข้างนอก เมื่อใดการสื่อสารทาง สายตาขาดหายไป การสื่อสารทางจิตใจก็ ขาดลง
๙. ใช้น้ำเสียงให้เป็นไป ตามธรรมชาติ คือ พูด ให้เหมือนกับการคุยกัน อย่าดัดเสียงให้ผิดไป จากธรรมชาติ เสียงของนักพูดที่ดี มิได้หมายความว่า ต้องหวาน กังวานไพเราะเหมือนเสียงนักร้อง แต่ หมายความว่าต้องเป็นเสียงที่ออกมาจากความรู้สึกที่จริงใจ เต็ม ไปด้วยพลัง มีชีวิตชีวา สามารถตรึงผู้พูดเอาไว้ได้ "ธรรมชาติ ของเสียงเราปรับปรุงไม่ได้ แต่บุคลิกภาพของเสียง สามารถปรับปรุงได้" ดังนี้
พูดให้เสียงดังฟังชัด จังหวะ การพูดอย่าให้ช้าหรือเร็วเกินไป จังหวะการพูดอย่าให้ช้าเกินไป จะทำให้น่าเบื่อ และอย่ารัวหรือเร็วเกินไป จะทำให้ฟังไม่ทัน พูดให้ได้จังหวะพอดีอย่าพูดเอ้อ - อ้า ทำ ให้เสียเวลา เสีย รสชาติของการพูด ทำให้ผู้ฟังรำคาญ "เอ้อ..เสีย เวลา อ้า?เสีย คน" อย่าพูดเหมือนอ่าน หนังสือ หรือ ท่องจำ ใส่ความกระตือรือร้นลงไปในน้ำเสียง ใส่ อารมณ์ ความรู้สึก อย่า พูดราบเรียบ ขณะพูด ใช้ เสียงหนัก - เบา ใช้ เสียงสูง - ต่ำ มีการเว้นจังหวะการพูด การทอดเสียง การ เว้นจังหวะ การรัวจังหวะการพูด การ หยุดหายใจเล็กน้อยก่อนหรือหลังคำพูดที่สำคัญ ๆ
๑๐. การพูดที่ดีต้องมีการยกตัวอย่างประกอบเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น พยายาม หาเรื่องสนุกสนานมาสอดแทรก แต่อย่าให้ตลกโปกฮา เสียจนขาดเนื้อหาสาระ ให้มีลักษณะ "ฟัง สนุก และ มีสาระ" บ้าง













พิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน วัดปราสาท ตำบลคณฑี อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร
ฮืมฮืมฮืมฮืมฮืมฮืมฮืม.

บ้านโค หรือบ้านโคน เมืองคณฑี เป็นเมืองโบราณ เกือบพันปี เป็นเมืองยุคแรกๆ ของลุ่มน้ำปิง เคยเป็นเมืองใหญ่ มีอิสระ ไม่ขึ้นกับเมืองสุโขทัย กลางเมืองคณฑี ริมฝั่งลำน้ำปิง มีวัดอยู่วัดหนึ่ง มีหลักฐานว่าเป็นวัดเก่าแก่คือปราสาท กลางเมืองคณฑี อาจเป็นวัดประจำเมืองคณฑี ในประวัติศาสตร์ในบริเวณวัดปราสาท มีพิพิธภัณฑ์ พื้นบ้านสำคัญ ที่คุณอดุลย์ โพธิ์อ่วม อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบลคณฑี ได้รวบรวม ภูมิปัญญาท้องถิ่นของตำบลคณฑีไว้อย่างหลากหลายทรงคุณค่าอย่างยิ่ง แม้อาคารที่เก็บรวบรวมภูมิปัญญาท้องถิ่นคณฑี ก็มั่นคงแข็งแรง ภายในพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดปราสาท จัดไว้อย่างสวยงามมีระเบียบไม่มากเกินไปไม่น้อยเกินไป แม้แต่ เครื่องเรือนของศาลาวัด อาคารโบราณก็จัดเก็บไว้อย่างดี เป็นระเบียบมีคำอธิบายชัดเจน นับว่าไม่ละทิ้งสิ่งดีงามในบ้านเมืองของตนส่วนเครื่องใช้ของประชาชน อาทิ ส่วนที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องโลหะ เชี่ยนหมากโลหะ ขันนานาชนิด กระโถน เครื่องมือโลหะ ทุกชนิดเก็บไว้อย่างเป็นหมวดหมุ่ ตะเกียง หีบเหล็ก หีบไม้ ตำรายา ตำราคาถาอาคมโบราณ ล้วนทรงคุณค่าอย่างหา พิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน ระดับตำบลจะจัดได้เครื่องใช้บางส่วน ของประชาชน อีกระดับ ที่ทำด้วยหวาย ไม่ไผ่ ก็เก็บรวบรวมและจัดไว้อย่างลงตัว มีคำอธิบายบอกวิธีใช้ไว้อย่างชัดเจน มีวิทยากร มัคคุเทศก์ กิตติมศักดิ์ อย่างคุณอดุลย์ โพธิ์อ่วม เป็นผู้บรรยาย ความกระจ่างต่างๆ เกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์
นอกจากนั้นภายในพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านของ ตำบลคณฑี ยังมีภาพโบราณ ที่หาชมได้ยาก เช่นภาพพระบาทหันตามของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเป็นสิ่งมหัศจรรย์ ภาพวัดปราสาทในอดีต ภาพนิทรรศการ การเสด็จของพระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ ๕ เรื่องราวการเสด็จประพาสเมืองพระร่วง ของรัชกาลที่ ๖ เมื่อครั้งดำรงพระยศ มกุฎราชกุมาร ประพาสเมืองคณฑี ล้วนจัดได้อย่างสวยงามและมีสาระ
เมื่อได้มีโอกาสชื่นชมพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน ของตำบลคณฑี แล้วยินดีที่จะกลับมาชมอีกครั้งหนึ่ง จึงขอแสดงความชื่นชม องค์การบริหารส่วนตำบลคณฑี ที่จัดพิพิธภัณฑ์ได้น่าชมอย่างยิ่ง จึงขอบันทึกเรื่องราวของพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านตำบลคณฑี อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร ไว้ในรายการโทรทัศน์ทัศน์วัฒนธรรม และ เวปไซดิ์ จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร ด้วยความชื่นชมและยกย่องอย่างที่สุด ขอให้สามารถรักษาสิ่งดีงามไว้ได้ตลอดกาล
















ประวัติพ่อขุนศรีอินทราทิตย์













ตามพงศาวดาร และคัมภีร์ชินกาลมาลีปกรณ์ ได้กล่าวไว้ว่าพ่อขุนศรี อินทราทิตย์มีพระนามเต็ม คือ    กำมรเตงอัญศรีอินทรบดินทราทิตย์ พระนามเดิม พ่อขุนบางกลางหาว (ไม่ใช่ ?กล่างท่าว?) ทรงเป็นปฐมวงศ์ราชวงศ์พระร่วงแห่งอาณาจักรสุโขทัย ครองราชย์สมบัติ ตั้งแต่ พ.ศ. ๑๗๘๒ - ๑๘๒๒ (๓๐ ปี คำนวณศักราชจากคัมภีร์สุริยยาตรตามข้อเสนอของ ศ.ประเสริฐ ณ นครและ พ.อ.พิเศษ เอื้อนมณเฑียรทอง)
เมื่อจุลศักราช ๕๓๖ พระเจ้าสุริยราชา ซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์ของพระเจ้าปทุมสุริยวงศ์ ได้ทรงตบแต่งซ่อมแซมแปลงเมืองพิจิตรปราการ(กำแพงเพชร)ขึ้นใหม่ครองราชย์สมบัติต่อไป มีพระอัครมเหสีทรงพระนามว่า      สิริสุธาราชเทวี มีพระราชโอรสองค์หนึ่งด้วยพระอัครมเหสี ทรงพระนามว่าจันทกุมารพระเจ้าสุริยราชา เมื่อแรกได้ราชสมบัติพระชนม์ได้ ๒๐ พรรษา อยู่ในราชสมบัติ ๒๘ ปี เสด็จสวรรคตพระชนม์ได้ ๔๗ พรรษา พระองค์ประสูติวันจันทร์ จุลศักราช ๕๗๐ พระจันทกุมารราชโอรส ได้ขึ้นครองราชย์สมบัติ ทรงพระนามว่า พระเจ้าจันทรราชาและตามพระราชพงศาวดารโยนก หน้า ๘๐ วรรค ๒ กล่าวไว้ว่ายังมีข้อความในหนังสือชินกาลมาลินี กล่าวถึงมูลประวัติของพระเจ้า   โรจนราชผู้ได้ พระพุทธสิหิงค์มาจากศรีธรรมนครนั้นว่า บุรุษผู้หนึ่งหลงป่าที่บริเวณ บ้านโคณคาม(เข้าใจว่าบ้านโคน  ริมเมืองเทพนคร)และได้พบนางเทพธิดาแปลงเป็นมนุษย์(สาวชาวบ้านเมืองคณฑี)มาร่วมสมัครสังวาสเกิดบุตรได้มาเป็นเจ้ากรุงสุโขทัยทรงนามว่า โรจราช
ประวัติพระองค์ท่านจากคัมภีร์ชินกาลมาลีปกรณ์ หน้า ๑๑๒-๑๑๓ ตอนหนึ่งกล่าวถึงการประสูติของพระองค์ ได้ยินว่าที่บ้านโค (บ้านโคน จังหวัดกำแพงเพชร ในปัจจุบัน) ยังมีชายคนหนึ่ง(จันทราชา)รูปงามมีกำลังมาก ท่องเที่ยวอยู่ในป่า มีนางเทพธิดาองค์หนึ่ง(สาวชาวบ้านเมืองคณฑี)เห็นชายคนนั้นแล้ว ใคร่ร่วมสังวาสด้วยจึงแสดงมารยาหญิง ชายคนนั้นก็ร่วมสังวาสกับนางเทพธิดาองค์นั้น เนื่องจากการร่วมสังวาสของทั้งสองคนนั้นจึงเกิดบุตรชายคนหนึ่ง และบุตรชายคนนั้นมีกำลังมาก รูปงาม เพราะฉะนั้น ชาวบ้านทั้งปวงจึงพร้อมใจกันทำราชาภิเษกบุตรชายคนนั้น บุตรชายซึ่งครองราชย์สมบัติในเมืองสุโขทัยนั้น ปรากฏพระนามในครั้งนั้นว่า โรจราช ภายหลังปรากฏพระนามว่าพระเจ้าล่วง





-๒-

จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ทั้งหมดเชื่อได้ว่า เมืองคณฑีโบราณ หรือตำบลคณฑี จังหวัดกำแพงเพชร ในปัจจุบันนั้นอยู่ในอาณาจักร สุโขทัย เนื่องจากพระเจ้าสุริยราชา (พระอัยกาของ พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ) ครองราชย์สมบัติที่เมืองพิจิตปราการ (เมืองกำแพงเพชร ปัจจุบัน) หลังจากนั้นก็เสด็จสวรรคต และต่อมาพระจันทกุมารราชโอรส (พระเจ้าจันทรราชา พระราชบิดา ของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์) ก็เสด็จขึ้นครองราชย์สมบัติต่อ ระหว่างนี้เกิดปาฏิหาริย์หลายสิ่งมากมายจนกระทั่งได้มเหสีเป็นเชื้อชาตินางนาคกุมารี และมีพระราชโอรสคือ พระร่วง (พ่อขุนศรีอินทราทิตย์) นั่นเอง เพราะอีกเหตุผลหนึ่งที่น่าเชื่อถือคือ พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ หรือพระนามเต็ม กำมรเตงอัญศรีอินทรบดินทราทิตย์ ชินกาลมาลีปกรณ์ ว่า บ้านเดิมของพระองค์อยู่ที่ ?บ้านโคน ? ในจังหวัดกำแพงเพชร พระองค์ทรงนำชนชาติไทยต่อสู้กับชนชาติขอมซึ่งเป็นใหญ่อยู่ในสุวรรณภูมิ อันเป็นที่ตั้งของประเทศไทยส่วนใหญ่ในปัจจุบัน ซึ่งรวมถึงกรุงสุโขทัยด้วย ทรงได้ชัยชนะขอมและประกาศอิสรภาพ ตั้งราชอาณาจักรสุโขทัย ทรงเป็นพระเจ้าแผ่นดินองค์แรกและเป็นต้นราชวงศ์พระร่วง- เป็นปฐมบรมกษัตริย์แห่งราชอาณาจักรไทย
ส่วนพระราชกรณียกิจที่สำคัญ
พ่อขุนศรีอินทราทิตย์เมื่อครั้งยังเป็นพ่อขุนบางกลางหาวได้ร่วมกับพ่อขุนผาเมือง เจ้า เมืองราดแห่งราชวงศ์ศรีนาวนำถมรวมกำลังพลกัน กระทำรัฐประหารขอมสบาดโขลญลำพง โดยพ่อขุนบางกลางหาวตีเมือง     ศรีสัชนาลัย และเมืองบางขลังได้ และยกทั้งสองเมืองให้พ่อขุนผาเมือง ส่วนพ่อขุนผาเมืองตีเมืองสุโขทัยได้ ก็ได้มอบเมืองสุโขทัยให้พ่อขุนบางกลางหาว พร้อมพระขรรค์ชัยศรีและยกพระกนิษฐา(นางเสือง)ให้เป็นมเหสีอีกด้วยส่วน    พระนาม ?ศรีอินทรบดินทราทิตย์? ซึ่งได้นำมาใช้เป็นพระนาม ภายหลังได้กลายเป็น ศรีอินทราทิตย์ โดยคำว่า ?บดินทร? หายออกไป เชื่อกันว่าเพื่อเป็นการแสดงว่ามิได้ เป็น บดีแห่งอินทรปัต คืออยู่ภายใต้อิทธิพลของเขมร (เมืองอินทรปัต) อีกต่อไป การเข้ามาครองสุโขทัยของพระองค์ ส่งผลให้ ราชวงศ์พระร่วง เข้ามามีอิทธิพลในเขตนครสุโขทัยเพิ่มมากขึ้น และได้แผ่ขยายดินแดนกว้างขวางมากออกไป แต่เขตแดนเมืองสลวงสองแคว ก็ยังคงเป็นฐานกำลังของราชวงศ์ศรีนาวนำถมอยู่ในกลางรัชสมัย ทรงมีสงครามกับขุนสามชน เจ้าเมืองฉอด ทรงชนช้างกับขุนสามชน      แต่ช้างทรงพระองค์ ได้เตลิดหนีดังคำในศิลาจารึกว่า ?หนีญญ่ายพ่ายจแจ? ขณะนั้นพระโอรสองค์เล็ก ทรงมีพระปรีชาสามารถ ได้ชนช้างชนะขุนสามชนภายหลังจึงทรงเฉลิมพระนามพระโอรสว่า รามคำแหงในยุคประวัติพ่อขุน
ศรีอินทราทิตย์มีพระราชโอรสและพระธิดารวม ๕ พระองค์ ได้แก่
๑. พระราชโอรสองค์โต (ไม่ปรากฏนาม) เสียชีวิตตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์
๒. พ่อขุนบานเมือง
๓. พ่อขุนรามคำแหงมหาราช (พระนามขณะที่ยังทรงพระเยาว์ไม่ปรากฏ)
๔. พระธิดา (ไม่ปรากฏนาม)
๕. พระธิดา (ไม่ปรากฏนาม)
วิธีการคิดปั้นรูปหล่อ(จินตนาการ)พ่อขุนศรีฯ
เมื่อเทียบเคียงวิเคราะห์ในแง่มุมต่างๆ ของหลักฐานที่มีอยู่ จัดแบ่งลำดับขั้นตอนความสำคัญที่มีลักษณะเด่นเฉพาะ โดยนำมาประมวลออกแบบสร้างสรรค์ให้เป็นรูปธรรมขององค์พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ซึ่งกำหนดลักษณะตามแบบอย่างพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ ทรงเครื่องพระอิสริยยศทรงจอมทัพไทย ประทับยืนทรงถือพระแสงขรรค์ชัยศรีด้วยพระหัตถ์ทั้งสองข้าง พระพักตร์ทอดพระเนตรเบื้องหน้าเสมือนกับทรงดูแลอาณาประชาราษฎร์ของพระองค์ให้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุขขณะเดียวกันก็ยังคงดูลักษณะการประทับยืนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕ ซึ่งเป็นท่าประทับยื่นที่สง่างามกว่าทุกพระองค์) ประกอบไปด้วย

-๓-

เมื่อได้ลักษณะของรูปแบบจากความคิดแล้วออกแบบเขียนภาพร่าง โดยคัดเลือกคนผู้เป็นหุ่นยืนเป็นแบบเพื่อดูลักษณะการยืน ดูกล้ามเนื้อ ดูโครงสร้างของร่างกายแต่ละส่วน เพื่อพิจารณาถึงรายละเอียดที่จะต้องแสดงให้ปรากฏออกมา ซึ่งจะต้องมีความเป็นพิเศษต่างจากบุคคลทั่วไป เพื่อให้มีภาพลักษณ์เป็นองค์พระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ จากนั้นเป็นเรื่องของแบบเครื่องทรงเครื่องทรงของแบบรูปปั้นพ่อขุนศรีอินทราทิตย์พระวรกายตอนบนเป็นลักษณะเครื่องทรงแบบสุโขทัยโบราณ ทรงสวมพระมงกุฎทรงเทริด ยอดพระมงกุฎเป็นลวดลายกลับบัว ๓ ชั้น พระศอมีสร้อยพระศอ และพระกรองศอ สร้อยสังวาลพร้อมทับทรวงพระพาหุตอนบน ประดับพาหุรัด ข้อพระหัตถ์เป็นทองกร พระวรกายจากบั้นพระองค์ถึงพระบาททรงฉลองพระภูษายาวกรอบข้อพระบาท พร้อมคาดปั้นเหน่งทับและห้อยพระสุวรรณกันถอบด้านหน้าพระภูษาทรงด้านเปิดชายผ้าชั้นนอกซ้าย-ขวาลักษณะทิ้งชายผ้าให้พลิ้วเคลื่อนไหว ชายผ้าทั้งชั้นนอกและชั้นในเป็นลายกรวยเชิงประดับ และข้อพระบาทประดับทองบาท(กำไลเท้า) พร้อมฉลองพระบาท ทั้งนี้เพื่อต้องการให้พระบรมรูปมีลักษณะของฉลองพระองค์เป็นแบบมหากษัตริย์สมัยสุโขทัยโบราณตามที่ได้ทำการศึกษาค้นคว้า


























หลวงพ่อโต











เมืองคณฑี ถิ่นกำเนิดพ่อขุนศรี ปราสาทเก่าเจ็ดร้อยปี คณฑี เมืองโบราณ
เล่าขานพระพุทธลีลา กราบวันทาหลวงพ่อโต

ตำบลคณฑี หรือตำบลบ้านโคน หรือ เมืองคณฑี เมืองที่ยิ่งใหญ่ ในอดีต มีคำขวัญประจำตำบล ที่นำเสนอเอกลักษณ์ของตำบลอย่างชัดเจนคือถิ่นกำเนิดพ่อขุนศรี มีหลักฐานชัดเจนจากชินกาลมาลีปกรณ์ ว่า พ่อขุนศรีอินทราทิตย์มีกำเนิดที่บ้านโคน ยังมีชายคนหนึ่ง(จันทราชา)รูปงามมีกำลังมาก ท่องเที่ยวอยู่ในป่า มีนางเทพธิดาองค์หนึ่ง   (สาวชาวบ้านเมืองคณฑี)เห็นชายคนนั้นแล้ว ใคร่ร่วมสังวาสด้วยจึงแสดงมารยาหญิง ชายคนนั้นก็ร่วมสังวาสกับนางเทพธิดาองค์นั้น เนื่องจากการร่วมสังวาสของทั้งสองคนนั้นจึงเกิดบุตรชายคนหนึ่ง และบุตรชายคนนั้นมีกำลังมาก รูปงาม เพราะฉะนั้น ชาวบ้านทั้งปวงจึงพร้อมใจกันทำราชาภิเษกบุตรชายคนนั้น บุตรชายซึ่งครองราชย์สมบัติในเมืองสุโขทัยนั้น ปรากฏพระนามในครั้งนั้นว่า โรจราช ภายหลังปรากฏพระนามว่าพระเจ้าล่วง (ร่วง) ปราสาทเก่าเจ็ดร้อยปี ซึ่งหมายถึง สิ่งก่อสร้างคล้ายพระเจดีย์ทรงปราสาท ภายในวัดปราสาท เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองคณฑี ปราสาท    ที่ไม่มีใครกล้าแตะต้อง วันดีคืนดี มีพระพุทธรูปทองคำออกมาจากปราสาท ซึ่งแสดงปาฏิหาริย์ให้ชาวบ้านพบเห็นเนืองๆเป็นที่สักการะของชาวกำแพงเพชรและชาวจังหวัดใกล้เคียง
คณฑีเมืองโบราณ ซึ่งหมายถึง เมืองคณฑีเป็นเมืองยุคแรกๆของกำแพงเพชร ตามตำนานเมืองเหนือกล่าวไว้ว่า พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ แห่งกรุงสุโขทัย เสด็จไปจากบ้านโคน หรือเมืองคณฑี แสดงว่า เมืองคณฑีนี้เก่าแก่กว่าสุโขทัยเจริญรุ่งเรืองมาก่อนกรุงสุโขทัย นับร้อยปี ทำให้ชาวบ้านโคนภูมิใจในบรรพบุรุษจึงนำมาเป็นคำขวัญประจำเมืองเล่าขานพระพุทธลีลา ที่เมืองคณฑีมีพระพุทธรูปลีลา ปางประทานพร ขนาดใหญ่สูงถึง ๑.๕๐ เมตร มีพุทธลักษณะที่งดงามมาก เชื่อกันว่าสวยงามที่สุดในประเทศไทย เป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัย ประดิษฐานที่ วัดปราสาทมาช้านาน แม้จะถูกโจรกรรมไป ด้วยอภินิหารของพระพุทธลีลา ทรงเสด็จกลับมาประดิษฐานที่วัดปราสาทดังเดิมกราบวันทาหลวงพ่อโต หลวงพ่อโต เป็นพระพุทธรูปสำคัญ ในวิหารวัดปราสาท ทรงความศักดิ์สิทธิ์และศรัทธายิ่งแก่ประชาชน เป็นที่พึ่งทางจิตใจ เมื่อสังเกตดูให้ดีพระพุทธรูปหลวงพ่อโต ได้มีปูนฉาบไว้ภายนอก องค์จริงน่าจะเป็นทองสัมฤทธิ์ ที่มีพุทธลักษณะงดงามมากประชาชนพากันมากราบไหว้มิได้ขาด เมืองคณฑี จึงมีคำขวัญที่อธิบายเรื่องราวของบ้านเมืองไว้อย่างชัดเจนยิ่งนัก........เมืองคณฑีมีประวัติความเป็นมาที่พิสดารยิ่ง เกินพรรณนา
เมืองคณฑี เป็นชุมชนโบราณ ที่ไม่มีคูน้ำและคันดินล้อมรอบ ตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกของลำน้ำปิง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช มหาวชิราวุธ สยามมกุฏราชกุมาร เสด็จมาเมืองกำแพงเพชรครั้งที่ ๒ เมื่อปี ๒๔๕๐ ทรงกล่าวถึงชุมชนบ้านโคนว่า คงเป็นเมืองมาแต่โบราณ
-๒-

แต่หาคูหรือเชิงเทินและกำแพงไม่ได้ วัดเก่าที่อยู่ในบริเวณนี้คือวัดกาทึ้ง มีสิ่งก่อสร้างสำคัญ อุโบสถก่อด้วยอิฐแผ่นใหญ่ ถัดจากอุโบสถไปทางทิศตะวันออก เป็นวิหารที่มีขนาดใหญ่กว่า ก่อด้วยอิฐแผ่นใหญ่เช่นเดียวกัน พระประธานภายในวิหารมีพระพุทธรูปเป็นพระพุทธรูปหมวดเมืองกำแพงเพชร ตามโคกเนิน พบเศษภาชนะดินเผา แบบธรรมดาและแบบเผาไม่แกร่ง ไม่เคลือบ และเครื่องเคลือบแบบสุโขทัย ชุมชนโบราณบ้านโคนนี้ เชื่อกันว่าน่าจะเป็นเมืองคณฑี ตามที่กล่าวไว้ในจารึกหลักที่ ๑ ว่าเมืองหัวนอน รอดคณฑี พระบาง นอกจากนี้ยังมีตำนานเกี่ยวกับบรรพบุรุษของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์อีกด้วย
ตามตำนานเมืองเหนือ กล่าวว่า ที่บ้านโคน มีชายรูปงาม รูปร่างใหญ่โต แข็งแรง ได้เป็นที่พอใจของนางเทพธิดา จึงได้ร่วมสังวาสด้วย จึงเกิดบุตรชายที่สง่างาม มีบุญยิ่ง ชื่อโรจราช ได้ไปเป็นกษัตริย์องค์แรกของเมืองสุโขทัย พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ จึงน่าจะมาจากเมืองคณฑี หรือบ้านโคนแห่งนี้ เมืองคณฑี เป็นเมืองใหญ่ มาก่อนเมืองใดๆในลุ่มน้ำปิง ดังจารึกหลักที่ ๑ ที่กล่าวถึงอาณาจักรสุโขทัยว่า ทิศใต้ ได้เมืองคณฑี ดังความว่า
สุโขทัยมีเมืองกว้างช้างหลาย ปราบเบื้องตะวันออก รอดสระหลวง สองแคว ลุมบาจายสคา เท้าฝั่งของ เถิงเวียงจันทร์ เวียงคำเป็นที่แล้ว เบื้องหัวนอน รอดคณฑี พระบาง แพรก สุพรรณบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ศรีรรมราช ฝั่งมหาสมุทรเป็นที่แล้ว?ฮืม?.
ในจารึกหลักที่ ๓ กล่าวถึงเมืองคณฑี ตั้งตนเป็นใหญ่ประกาศอิสรภาพ ตอนที่พญาลิไท เสด็จมาเมืองกำแพงเพชร ในปี พ.ศ. ๑๙๐๐ ประกาศตนเป็นเอกราช มีเจ้าผู้ครองนครของตน ความว่า
ฮืม.. หาเป็นขุนหนึ่ง เมืองคณฑีพระบาง หาเป็นขุนหนึ่ง เมืองเชียงทอง หาเป็นขุนหนึ่ง เมืองบางพานหาเป็นขุนหนึ่ง
จากนั้นเมืองคณฑี แทบจะหายไป จากประวัติศาสตร์ จากการสำรวจครั้งสุดท้าย ปี ๒๕๔๙ เมืองคณฑี    ที่มีที่ตั้งบริเวณวัดกาทึ้ง น่าใช้ลำคลองกาทึ้งเป็นคูเมืองป้องกัน อาจใช้ไม้เป็นระเนียด แทนแนวกำแพงเมือง หรือมีแนวกำแพงเมืองแต่ร้างไปนาน จึงทำให้ กำแพงเมืองซึ่งเป็นกำแพงดิน สลายตัวไปตามสภาพ สภาพวัดกาทึ้งอยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์ ถูกรุกที่ ไม่เห็นความสำคัญ ที่เป็นโบราณสถานที่มีอายุนานนับพันปี น่าเสียดายยิ่ง? นอกจากวัดกาทึ้ง แล้ว ยังมีวัดปราสาท ที่เก่าแก่ใกล้เคียงกัน น่าจะมีอายุราวสมัยทวารวดีจากการวิเคราะห์ สภาพโบราณสถาน โบราณวัตถุ พบซากโบราณสถานโบราณวัตถุจำนวนมาก ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาตั้งแต่พ.ศ. ๒๔๕๐ มีเจดีย์ทรงปราสาทที่เรียก กันว่า ?วัดปราสาท? ทำให้วัดนี้น่าสนใจยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พิพิธภัณฑวัดปราสาท ที่งดงาม และมีโบราณวัตถุที่ยิ่งใหญ่มากโดยเฉพาะพระปางลีลา ที่งดงามที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา
??. เมื่อรัชกาลที่ ๕ เสด็จผ่านวัดปราสาทว่า วันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๔๔๙ ออกเวลา ๒ โมงเช้า ๔ โมงขึ้นเรือเหลืองจนถึงบ้านโคน ซึ่งเดากันว่าเป็นเมืองเทพนคร แต่ไม่มีหลักฐานอันใด บ้านเรือนดี มีวัดใหญ่ เสาหงส์มากเกินปกติ?ฮืม?
เมืองคณฑี จึงเป็นเมืองที่เก่าแก่ เสมอด้วยนครไตรตรึงษ์ เมืองเทพนคร เมืองคลองเมือง อายุกว่าพันปี จึงเป็นเมืองที่น่าศึกษายิ่ง ....๓ วันที่ศึกษาอยู่ที่เมืองคณฑี ทำให้เห็นภาพเมืองคณฑีชัดเจนกว่าที่เคยเห็นมา...
สันติ อภัยราช..







พระพุทธรูปปางลีลา











ปาฎิหารย์พระพุทธลีลา วัดปราสาท บ้านโคน กำแพงเพชร ที่งดงามที่สุด

พระพุทธรูปปางลีลา ขนาด สูงฐาน ๑.๕๕ เซนติเมตร อายุสมัย ศิลปะสุโขทัย พุทธศตวรรษที่ ๒๐ วัสดุ   ที่ทำสำริดประวัติ องค์พระพุทธรูปอยู่ในอิริยาบทที่เคลื่อนไหว หรือเดินบนแท่นบัวหงายที่มีลักษณะรองรับด้วยฐานหน้ากระดานแปดเหลี่ยมอีกชั้นหนึ่ง ก้าวพระบาทซ้ายไปข้างหน้า ยกสันพระบาทขวาขึ้นเล็กน้อย พระหัตถ์ซ้ายยกขึ้น หันฝ่าพระหัตถ์ออกไปข้างหน้า ส่วนพระหัตถ์ขวาปล่อยลงขนานไปกับพระวรกายพุทธศิลป์ของพระพุทธรูปองค์นี้ จัดเป็นศิลปะสุโขทัย หมวดใหญ่ ซึ่งมีอยู่ทั่วไป ซึ่งเป็นลักษณะของสุโขทัยโดยเฉพาะ คือมีพระรัศมีเป็นเปลวเพลิง ขมวดพระเกศาเล็กไรเกศา ๙ เส้น (นับจากพระนลาฎถึงเกตุบัวตูม) พระพักตร์รูปไข่ พระขนงโก่ง พระนาสิกโด่งงุ้ม พระโอษฐ์อมยิ้มเล็กน้อย พระอังสาใหญ่ บั้นพระองค์เล็ก ครองจีวรห่มเฉียง ชายจีวรยาวลงมาจรดพระนาภี ปลายเป็นลายเขี้ยวตะขาบ พระพุทธรูปลีลาลอยตัวองค์นี้
จัดเป็นประติมากรรมสำริดที่งดงามที่สุดชิ้นหนึ่ง ที่แสดงถึงฝีมือชั้นสูงของช่างสมัยสุโขทัย การทำพระพุทธรูปลีลาลอยตัวในสมัยสุโขทัย อาจเปรียบเทียบกับภาพปูนปั้นบนผนังอาคาร วัดตระพังทองหลางนอกเมืองสุโขทัย ด้านทิศตะวันออก ซึ่งมีองค์ประกอบเล่าเรื่องพุทธประวัติ ตอนพระพุทธองค์เสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ภายหลังทรงเทศนาโปรดพุทธมารดาพระพุทธรูปปางลีลานี้ อยู่ในพระอิริยาบถยืนยกส้นพระบาทขวาสูงขึ้นจากพื้น ปลายพระบาทยังจดอยู่กับพื้น ในท่าจะก้าว เพื่อทรงพระดำเนิน พระหัตถ์ขวาห้อยอยู่ในท่าไกว พระหัตถ์ซ้ายยกเสมอ พระอุระ ตั้งฝ่าพระหัตถ์ป้องไปเบื้องหน้าเป็นกิริยาเดิน มูลเหตุของพระพุทธรูปปางนี้มีที่มาจากครั้งที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จลงจากดาวดึงส์ เทวโลกในวันออกพรรษา ท่ามกลางหมู่เทวดา และพรหมแวดล้อม ครั้งนั้นพระสารีบุตรได้กล่าวชื่นชมในพระอิริยาบถย่างก้าวของพระพุทธองค์ว่าช่างงดงาม ทำให้ผู้ได้พบเห็นเกิดความเลื่อมใสศรัทธาเป็นยิ่งนัก ปางลีลาเป็นปางที่แสดงให้ทราบถึงพระกรุณาคุณของพระผู้มีพระภาค ที่ได้ทรงเสด็จจาริกไปเผยแพร่พระธรรม แก่ผู้คนในแว่นแคว้น สมัยสุโขทัยนิยมสร้างพระพุทธรูปสี่อิริยาบถ คือ นั่ง นอน ยืน และเดิน โดยเฉพาะพระพุทธรูปปางลีลานั้นนับได้ว่ามีความสวยงาม มีเอกลักษณ์ และเป็นลักษณะทางพุทธประติมานที่ปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกในศิลปะสุโขทัย พระพุทธรูปปางลีลาสมัยสุโขทัยที่ถือว่ามีความงดงามมากที่สุดองค์หนึ่ง คือพระพุทธรูปปางลีลา ซึ่งประดิษฐานอยู่ภายในวัดปราสาท ตำบลคณฑี อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร
พระพุทธลีลาหายไป และได้คืนอย่างปาฎิหารย์ชาวบ้านคณฑีเฮ แห่รับพระคู่บ้านคู่เมืองหลังตำรวจกำแพงเพชร ติดตามพระพุทธรูปปางลีลา ประเมินค่ามิได้ กลับคืนสู่พิพิธภัณฑ์วัดปราสาทบ้านโคนใต้ เผยจนท.ตามตระครุบ ๘ คนร้ายแก๊งโจรกรรม ก่อนแกะรอยไปตามกลับจากภาคใต้ เมื่อเวลา ๑๐.๐๐ น.วันที่ ๖ ธันวาคม ที่บริเวณ
-๒-

ด้านหน้า สภ.อ.เมืองกำแพงเพชร ได้มีชาวบ้านจาก ต.คณฑี อ.เมือง จ.กำแพงเพชร กว่า ๒๐๐ คน นำโดยนายชัยทัต โพธ์อ่วม กำนัน ต.คณฑี นายอดุลย์ โพธิ์อ่วม นายกองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)คณฑี นายสมัย เชื้อทอง หัวหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจังหวัดกำแพงเพชร ได้ร่วมกันรับพระพุทธรูปกลับคืนสู่พิพิธภัณฑ์วัดปราสาทบ้านโคนใต้ ต.คณฑี โดยมีพล.ต.ต.ชัยณรงค์ วงษ์สุนทร ผบก.ภ.จว.กำแพงเพชร และพ.ต.อ.ดำรงค์ เพ็ชรพงศ์ ผกก.สภ.อ.กำแพงเพชร เป็นผู้ทำพิธีมอบให้ ภายหลังจากที่ทางตำรวจ สภ.อ.เมืองกำแพงเพชร สามารถติดตามหาพระพุทธรูปดังกล่าวที่ถูกโจรกรรมไปได้กลับคืนมาจากแถบจังหวัดทางภาคใต้
สืบเนื่องจากที่ผ่านมาได้มีแก๊งค์โจรกรรมพระพุทธรูปจากวัดปราสาทไปจำนวน ๒ ครั้ง โดยในครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๒ ม.ค.๒๕๔๘ คนร้ายได้พระเครื่องบูชาขนาดใหญ่ของพิพิธภัณฑ์วัดประสาทที่มีอยู่ ๓ องค์ คือ ปางสมาธิสมัยสุโขทัย ๒ องค์ หน้าตักกว่า ๒๐ นิ้วและพระปางลีลาอันล้ำค่าที่มีเพียงไม่กี่องค์ภายในประเทศ อีก ๑ องค์ และในครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๒๗ ต.ค.ที่ผ่านมา ได้พระเครื่องบูชาปางสมาธิเนื้อสัมฤทธิ์ สมัยสุโขทัยที่มีอายุกว่า ๗๐๐ ปี ขนาดหน้าตักกว้าง ๖ นิ้ว กว่า ๒๐ องค์ มีมูลค่าที่ประมาณค่ามิได้
หลังจากนั้น ทางตำรวจ สภ.อ.เมืองกำแพงเพชร สามารถติดตามจับกุมแก๊งโจรกรรมมาดำเนินคดีได้ทั้งหมด ๘ คนที่ร่วมกันโจรกรรมมาได้จนเป็นผลสำเร็จ โดยปัจจุบันผู้ต้องหาที่ก่อเหตุโจรกรรมถูกดำเนินคดีอยู่ในขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม จากนั้นทางตำรวจพยายามติดตามสืบหาแหล่งที่ซุกซ่อนหรือแหล่งรับซื้อพระพุทธรูปที่หายไปจากพิพิธภัณฑ์วัดปราสาท จนกระทั่งสามารถสืบทราบว่าพระพุทธรูปปางลีลาได้ไปอยู่ที่จังหวัดแถบภาคใต้ จึงได้ส่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนไปสืบสวนหาข่าวแหล่งที่อยู่ของพระพุทธรูปจนสามารถยึดคืนนำกลับสู่พิพิธภัณฑ์วัดปราสาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังชาวบ้านทราบข่าวว่าทางเจ้าหน้าที่สามารถติดตามพระพุทธรูปกลับคืนมาได้ ๑ องค์ ต่างแสดงความดีใจ ช่วยประดับตบแต่งรถ นำกลองยาวตั้งขบวนแห่มารับพระพุทธรูปปางลีลากลับคืนสู่พิพิธภัณฑ์วัดปราสาท บ้านโคนใต้ และจัดเตรียมให้มีการจัดงานเฉลิมฉลองอีกด้วย พ.ต.อ.ดำรงค์ เพชรพงศ์ ผกก.สภ.อ.เมืองกำแพงเพชร กล่าวว่า หลังจากจับกุมแก๊งโจรกรรมพระพุทธรูปทั้งหมด ๘ คนได้แล้ว แต่ยังไม่สามารถติดตามพระของกลางกลับคืนมาได้ โดยกลุ่มคนร้ายได้นำไปขายกันหลายทอดแล้ว หลังจากนั้น พล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี ผู้บัญชาการตำรวจภาค ๖ ได้สั่งการให้พล.ต.ต.ชัยณรงค์ วงษ์สุนทร ผบก.ภ.จว.กำแพงเพชร เร่งติดตามนำพระพุทธรูปกลับคืนมาโดยเร็ว โดยตั้งทีมเฉพาะกิจตำรวจภูธร จ.กำแพงเพชร ร่วมกับตำรวจภูธร สภ.อ.เมืองกำแพงเพชร ติดตามสืบสวนจนทราบว่า พระพุทธรูปปางลีลาองค์นี้ แก๊งโจรกรรมได้นำไปขายให้กับเซียนพระ จ.สระบุรี แล้วมีการซื้อขายต่อกันไปหลายทอด จนกระทั่งล่าสุด พระดังกล่าวอยู่ในการครอบครองของเศรษฐีที่แถบภาคใต้ ซึ่งมีการซื้อขายกันอย่างเปิดเผยจากกรุงเทพฯ ตนจึงได้ติดตามกลับคืนมาได้เฉพาะพระพุทธรูป เนื่องจากไม่สามารถเอาผิดได้ ประกอบกับได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี จึงขอนำพระดังกล่าวกลับไปคืนให้กับชาวบ้าน ต.คณฑี ได้นำกลับไปเคารพบูชาที่เดิม ณ พิพิธภัณฑ์วัดปราสาทบ้านโคนใต้
นายสมัย เชื้อทอง หัวหน้าพิพิธพัณฑสถานแห่งชาติกำแพงเพชร กล่าวว่า สำหรับพระพุทธรูปปางลีลาองค์นี้ ประทับเป็นลักษณะยืน ท่วงท่าพระกำลังย่างก้าวเดิน หรือที่นิยมเรียนกันว่าปางลีลา ซึ่งมีลักษณะอ่อนช้อยสวยงามศิลปสมัยสุโขทัย ความสูง ๑.๕ เมตร และเป็นพระพุทธรูปที่อยู่ในบันทึกขึ้นทะเบียนของกรมศิลปากร ถือเป็น
สมบัติของชาติซึ่งประเมินต่าไม่ได้ เป็น ๑ ใน ๒ ของพระพุทธรูปปางลีลาที่สวยที่สุดในประเทศไทยเท่าที่เคยพบเห็น จึงรู้สึกดีใจที่ตำรวจสามารถติดตามนำกลับคืนมาได้ ทางด้านนายชัยทัต โพธิ์อ่วม กำนันตำบลคณฑี และนายอดุลย์ โพธิ์อ่วม นายกอบต.คณฑี สองพี่น้อง กล่าวว่า ภายในพิพิธภัณฑ์สถานของวัดปราสาทอนุสรณ์ถูกโจรกรรมถึง ๒ ครั้งตั้งแต่ต้นปี มีพระเก่าแก่กว่า ๗๐๐ ปี หายไปจำนวนหลายองค์ รู้สึกดีใจมาก และขอชื่นชมที่ทางตำรวจสามารถติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีได้ทั้หมด รวมทั้งพระที่คนร้ายนำไปขาย ทางเจ้าหน้าที่ก็สามารถติดตามกลับมาได้
-๓-

๑ องค์ ทั้งนี้ทางองค์การบริเห็นส่วนตำบลเห็นว่ายังมีพระอยู่ในพิพิธภัณฑ์อีกนับร้อยองค์จึงจะขอตั้งงบประมาณดำเนินการติดตั้งโทรทัศน์วงจรปิด ละจัดเวรยามรักษาความปลอดภัย ตนทั้งสองคนในฐานะผู้รับผิดชอบจะไม่ยอมให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่ ๓ และขอให้ชาวบ้านใน ต.คณฑีร่วมมือช่วยกันดูแลสมบัติล้ำค่าเหล่านี้ไว้ด้วย
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.11 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!