จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
มีนาคม 29, 2024, 12:21:35 am *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
ยินดีต้อนรับสมาชิก และผู้เยื่ยมชมทุกๆท่าน
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: งานสารทไทย กล้วยไข่เมืองกำแพง  (อ่าน 4272 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
apairach
Administrator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1410


ดูรายละเอียด อีเมล์
| |
« เมื่อ: กันยายน 19, 2014, 08:27:13 pm »

งานสารทไทย กล้วยไข่เมืองกำแพง

ถึงเดือนสิบเห็นกันเมื่อวันสารท   ใส่อังคาสโภชนากระยาหาร
กระยาสารทกล้วยไข่ใส่โตกพาน   พวกชาวบ้านถ้วนหน้ามาธารณะ
เจ้างามคมห่มสีชุลีนบ   แล้วจับจบทัพพีน้อมศีรษะ
หยิบข้าวของกระยาสารทใส่บาตรพระ   ธารณะเสร็จสรรพกลับมาเรือน
พอลับเนตรเชษฐาอุราร้อน   แสนอาวรณ์โหยให้ใครจะเหมือน
ไม่รู้ที่จะวานใครไปตักเตือน   ให้มาเยือนเยี่ยมพี่ถึงที่นอน

จากเรื่องนิราศเดือนของนายมี ซึ่ง เป็นนิราศเก่าแก่ ราวสมัยต้นรัตนโกสินทร์    จากคำประพันธ์ที่กล่าว ว่า กระยาสารทกล้วยไข่ ใส่โตกพาน   แสดงว่าคนไทยนำกล้วยไข่และกระยาสารทไปทำบุญ กันมานานนับกว่าร้อยปีแล้ว  เป็นภูมิปัญญาที่ยิ่งใหญ่ของคนไทยในภาคกลาง มิใช่เพิ่งมี ตามที่เราเข้าใจกัน                                                  
  บนดินแดนแห่งความอุดม มีผืนดิน ที่เหมาะสมกับการทำ เกษตรมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย คือดินแดนแห่งลุ่มน้ำปิงอันสมบูรณ์ไปด้วยแร่ธาตุอันเหมาะกับการปลูกพืชทุกชนิด ดินแดนสำคัญแห่งนี้คือ แผ่นดินเมืองกำแพงเพชรเหมาะในการปลูกพืชทุกชนิดรวมทั้งกล้วยไข่ด้วย
          กล้วยไข่ เป็นผลไม้แห่งวัฒนธรรมซึ่งน่าจะมีมาช้านาน ด้วยกล้วยไข่สุกงอมและหอมหวานพอดีกับเทศกาลวันสารทแรม๑๕ ค่ำ เดือน๑๐  ของทุกปี ที่ชาวพุทธนำกระยาสารทมาถวายพระสงฆ์ กล้วยไข่จึงเป็นดั่งเครื่องเคียง หยุดความหวานแหลมของกระยาสารท รับประทานด้วยกันอย่างพอเหมาะ อร่อยอย่างที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ารับประทานกับ กล้วยไข่ที่ปลูกในแผ่นดินเมืองกำแพงเพชร
          กำแพงเพชร มีคำขวัญอันเป็นเอกลักษณ์ แห่งเมืองว่า กรุพระเครื่อง เมืองคนแกร่ง พระแสงฯล้ำค่า ศิลาแลงใหญ่ กล้วยไข่หวาน น้ำมันลานกระบือ เลื่องลือมรดกโลก  วรรคที่  ๕ กล่าวถึง กล้วยไข่หวาน   กำแพงเพชร จึงกลายเป็นเมืองกล้วยไข่โดยปริยาย แสดงว่ากำแพงเพชร มีกล้วยไข่ อร่อยจนเป็นที่ติดปาก ของประชาชน โดยทั่วไปทั้งประเทศ และอาจถึงต่างประเทศ ที่ว่ากล้วยไข่กำแพงเพชร อร่อยที่สุดในโลก คงไม่เกินจริง
          การปลูกกล้วยไข่ในจังหวัดกำแพงเพชร ได้เริ่มจากบ้านเกาะตาล หมู่ที่ ๘ ตำบลแสนตอ อำเภอขาณุวรลักษบุรี โดยชาวจีนชื่อ นายทะคึ้ง แซ่เล้า มาตั้งถิ่นฐานในหมู่บ้านแห่งนี้ และได้นำหน่อกล้วยไข่มาปลูกในปีพุทธศักราช ๒๔๖๕ และอีกไม่กี่ปีต่อมา จังหวัดกำแพงเพชรกลายเป็นแหล่งปลูกกล้วยไข่เชิงพาณิชย์แหล่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทยที่นำรายได้มาสู่จังหวัดกำแพงเพชร จำนวนมาก
          กล้วยไข่เมืองกำแพงเพชรนั้นมีกลิ่นหอมชวนรับประทาน รสหวานกลมกล่อมเนื้อละเอียด สีสวยมีขนาดผลพอเหมาะพอดีในการรับประทาน เปลือกบาง ปอกง่าย เมื่อยามสุกได้ที่ ผิวตกกระเป็นจุดสีน้ำตาลเข้ม คือรสชาติ ที่อร่อยที่สุด ยิ่งผลเล็ก ที่เรียกว่า กล้วยตีนเต่า ยิ่งอร่อยมากที่สุด
          จากอดีตสู่ปัจจุบันกล้วยไข่ในจังหวัดกำแพงเพชรมีผู้ปลูกน้อยลง จากเกือบสามหมื่นไร่เหลือเพียงประมาณ สามพันไร่   จังหวัดกำแพงเพชรเล็งเห็นความสำคัญของการปลูกกล้วยไข่เพิ่มเติม จึงรณรงค์ให้ทุกบ้านปลูกกล้วยไข่ ประจำบ้านอย่างน้อยบ้านละ สามต้น เพื่อรักษาความเป็นเมืองกล้วยไข่ไว้ ให้นานแสนนาน แต่ไม่สามารถทำให้อาชีพเกษตรกร กล้วยไข่ยั่งยืนได้
          กล้วยไข่เมืองกำแพงเพชรจะอร่อยสักเพียงใด ถ้าได้รับประทานคู่กระยาสารทเมืองกำแพงเพชร ไม่มีผู้ใดจะตอบคำถามได้ ท่านต้องลิ้มลองรสชาติ กล้วยไข่และกระยาสารท ด้วยตัวท่านเอง คำตอบสุดท้ายจึงเป็นคำยืนยันได้ว่า กล้วยไข่เมืองกำแพงเพชรอร่อยที่สุดในโลก แสดงว่า สังคมไทยของเรานิยม รับประทานกระยาสารท กับกล้วย ไข่มาหลายร้อยปี มิใช่เพิ่งมีที่หลายๆคนเข้าใจกัน  และที่กำแพงเพชร ก็มีกล้วยไข่มาก่อน ปี ๒๔๖๔ อย่างแน่นอน เพราะผู้ใหญ่เล่าว่า เรานำกล้วยไข่ ไปทำบุญพร้อมกระยาสารท  มานานแสนนานแล้ว
     วิธีการส่งเสริมทางด้านการตลาดกล้วยไข่ที่หน่วยราชการ และผู้ประกอบการ ทำสวนกล้วยไข่ช่วยกันจนประสบความสำเร็จมากทางหนึ่ง นั่นคือการจัดกิจกรรม ของงานให้เกี่ยวข้องกับกล้วยไข่ โดยยึดแนวคตินิยมทางพื้นฐานพระพุทธศาสนา ที่ชาวพุทธนิยมทำบุญเดือน  ๑๐ หรือ ?สารทไทย?
     สำหรับชาวกำแพงเพชรที่ฟื้นฟูประเพณีโบราณ ให้สอดคล้องกับการส่งเสริม การขายกล้วยไข่ของตนในฤดูกาลนี้ ก็เพราะกล้วยไข่มีผลผลิตออกชุกในช่วง เดือนกันยายนนี้พอดี ประกอบกับผลไม้อื่นๆ ในช่วงนี้ไม่มีออกด้วยเมื่อมีงานบุญ ใดๆ ก็ตามจึงต้องมีผลไม้เป็นส่วนหนึ่งของหวาน และของหวาน และของหวานที่ นิยมทำกันในงานสารทไทยนี้ก็คือ ?กระยาสารท? รสชาติค่อนข้างหวานจัดจึง ต้องรับประทานกับกล้วยไข่เป็น ?เครื่องเคียง? ที่สำคัญมาก?งานสารทไทยกล้วย ไข่เมืองกำแพง? จึงเกิดขึ้นอย่างง่ายๆ เป็นครั้งแรก เมื่อปี ๒๕๒๔ จากพื้นฐานของ งานประเพณีเก่าแก่ของชาวไทยในอดีต สอดคล้องกับการมีผลผลิตมากมายในท้องถิ่น จึงเป็นจุดเด่นของ งานประเพณีนี้ อย่างภาคภูมิใจ
     งานสารทไทยกล้วยไข่เมืองกำแพง เริ่มจัดขึ้นครั้งแรก ในวันที่ ๒๖-๒๗ กันยายน พ.ศ.๒๕๒๔ ในสมัย นายจำนง ยังเทียน เป็นผู้ว่าราชการจังหวัด มีชื่อว่างาน "วันกล้วยไข่เมืองกำแพง" โดยมี นายศรี ศรีนนท์ ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมเพชร, นายถนอม ภู่ทองคำ เกษตรอำเภอคลองลาน, สื่อมวลชนจังหวัดกำแพงเพชร และ นายคะเณย์ เพิ่มทรัพย์ เกษตรจังหวัดกำแพงเพชร ในสมัยนั้น เป็นผู้เสนอโครงการ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมการขายกล้วยไข่ เพราะช่วงเดือนกันยายนถึงตุลาคมเป็นช่วงที่มีผลผลิตออกมากที่สุดกิจกรรม ในงานประกอบด้วยการทำบุญการทำบุญตักบาตร และขายกล้วยไข่  สินค้าทางการเกษตรเป็นสำคัญ  ในปี ๒๕๒๖ สมัยนายเชาวัศ สุดลาภา ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้เปลี่ยนชื่องาน เป็นงานสารทไทย กล้วยไข่เมืองกำแพง มิใช่ งานสารทไทยกล้วยไข่เมืองกำแพงเพชร อย่างที่เรียกผิดๆกันโดยมี การประกวดขบวนรถที่ตกแต่งด้วยกล้วยไข่เป็นหลัก ประกวดธิดากล้วยไข่, การประกวดกล้วยไข่, การจำหน่ายกล้วยไข่, การแข่งกวนกระยาสารท ทำได้สมบูรณ์แบบ ที่สุด เท่าที่เคยจัดมา
   แต่น่าเสียดายยิ่ง งานประเพณี สารทไทยกล้วยไข่เมืองกำแพง นี้ ได้เปลี่ยนรูปแบบ จากงานเกษตร และศาสนา กลายเป็นมหกรรมสินค้า ไปแล้วอย่างไม่มีวันที่ จะกลับมาอย่างเก่า  กล้วยไข่ กำลังจะสูญไปจากกำแพงเพชร ใครจะเยียวยา    
             ประเพณีสารทไทยกล้วยไข่เมืองกำแพง  ถ้าทาย คนกำแพงเพชรว่า เราจะรักษาวัฒนาธรรมตามเจตนารมณ์ ของผุ้จัดงานครั้งแรกได้หรือไม่  เป็นงานศาสนาผสมกับงานเกษตรอย่างกลมกลืน  จึงเรียกงานนี้ได้อยากเต็มปาก ว่า งานสารทไทยกล้วยไข่เมืองกำแพง
                                                                                              สันติ อภัยราช
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 30, 2023, 12:31:41 pm โดย apairach » บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.11 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!