จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
พฤศจิกายน 01, 2024, 06:46:13 am *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
ยินดีต้อนรับสมาชิก และผู้เยื่ยมชมทุกๆท่าน
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ความเป็นมาของวันพืชมงคล  (อ่าน 5938 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
apairach
Administrator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1439


ดูรายละเอียด อีเมล์
| |
« เมื่อ: พฤษภาคม 06, 2013, 09:46:53 am »

วันพืชมงคล

ที่มา : หนังสือวันสำคัญ โครงการปีรณรงค์วัฒนธรรมไทยและแนวทางในการจัดกิจกรรม
โดย : กระทรวงวัฒนธรรม

ความหมาย

วันพืชมงคล หมายถึง วันพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ซึ่งเป็นพระราชพิธีที่สืบทอดมาแต่โบราณ เพื่อเป็นศิริมงคลแด่พืชพันธ์ธัญญาหาร
บำรุงขวัญเกษตรกรและเตือนให้เริ่มเพาะปลูกข้าวและพืช ไร่อันเป็นธัญญาหารหลักในการดำรงชีวิตของชาวไทย

ความเป็นมา

พระราชพิธีมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ในสมัยโบราณคงจะเป็นพิธีที่มีความมุ่งหมายเพื่อบำรุง ขวัญและเตือนให้เริ่มเพาะปลูกพืชผลโดยเฉพาะคือการทำนา
ซึ่งเป็นธัญญาหารหลักสำคัญยิ่งของการดำรงชีวิต ผู้ปกครองหรือผู้เป็นประมุขของประเทศเมื่อถึงฤดูกาลท ี่ควรจะเริ่มลงมือเพาะปลูกพืชผลจึงต้องประกอบกรณียกิจ
เป็นผู้นำโดยลงมือไถ หว่าน พืชพันธุ์ธัญญาหารเป็นตัวอย่างเพื่อเตือนว่าถึงเวลาป ระกอบการเพาะปลูกตามฤดูกาล

ต่อมากาลเวลาได้เปลี่ยนแปลงไป ได้มีการพิธีเรียกว่า จรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ซึ่งพราหมณ์ผู้เป็นเจ้าลัทธิส่งเสริมการให้มีอำนาจแล ะความสวัสดีต่าง ๆ
เป็นผู้แนะนำประกอบพิธีตามลัทธิไสยศาสตร์ของพราหมณ์ใ นพิธีนี้พระมหากษัตริย์หรือประมุขของประเทศ อาจจะทรงมีพระราชภารกิจอื่น
จึงโปรดแต่งตั้งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ใกล้ชิดให้ทำ แทนพระองค์ เรียกว่า พระยาแรกนา ทำหน้าที่ไถ หว่านธัญญพืช พระมหาสีหรือชายาที่เคยร่วมการไถ หว่าน
ก็เปลี่ยนเป็นจัดให้นางใน คือท้าวนางในราชสำนักออกไปทำหน้าที่หาบกระบุงพันธุ์พ ืชช่วยพระยาแรกนาไถ หว่าน เรียกว่า เทพี

พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญมีมานานนับพัน ๆ ปี และมีเกือบทุกชาติ เช่น จีน อินเดีย เป็นต้น สำหรับประเทศไทยมีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยและสืบต่อมาใน
สมัยอยุธยาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญที่ทำในรัชกาลที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๓ เป็นพิธีพราหมณ์ตามแบบในสมัยอยุธยา
ไม่มีพิธีสงฆ์ประกอบ

ครั้งถึงแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ทรงพระราชดำริโปรดให้มีพิธีสงฆ์ทางพระพุทธศาสนาร่วมประกอบ
ในพิธีด้วยเพื่อเป็นสิริมงคลแก่พืชพันธุ์ธัญญาห ารที่นำเข้ามาตั้งในมณฑลพิธี แล้วจึงนำไปไถหว่านในการแรกนาขวัญ เรียกพระราชพิธีในตอนนี้ว่า พืชมงคล
เมื่อรวม ๒ พิธีแล้ว เรียกว่า พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เป็นราชประเพณีสืบมาโดยจัดเป็นงาน ๒ วัน วันแรกเป็นพระราชพิธีพืชมงคลซึ่งเป็นพิธีสงฆ์
วันรุ่งขึ้นเป็นพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญซึ่ง เป็นพิธีพราหมณ์

พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญเป็นพิธีสิริมงคล เพื่อบำรุงขวัญแก่เกษตรกร จึงเป็นวันที่มีความสำคัญ โบราณจารย์จึงได้วางหลักเกณฑ์ให้ประกอบพิธีในวันดีที่สุด
ของแต่ละปี ประกอบด้วย ขึ้นแรม ฤกษ์ยาม ให้ได้วันอันเป็นอุดมฤกษ์ตามตำราโหราศาสตร์แต่ต้องอย ู่ในระหว่างเดือน ๖ โดยมีประเพณีต้องหาฤกษ์ตามตำราทางจันทรคติ
พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญจึงไม่ได้กำหนดวันเว ลาไว้ตายตัวตามปรกติแล้วจะตกอยู่ในระหว่างเดือนพฤษภา คม การที่ต้องกำหนดให้อยู่ในเดือน ๖ ก็เพราะ
เดือนนี้เริ่มจะเข้าฤดูฝนเป็นระยะเวลาเหมาะสม สำหรับเกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา จะได้เตรียมทำนาอันเป็นอาชีพหลักสำคัญของชาวไทยมาแต่ โบราณ

เมื่อโหรหลวงคำนวณได้วันอุดมมงคลพระฤกษ์ที่จะประกอบพ ระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญแล้ว สำนักพระราชวังจะได้ลงไว้ในปฏิทินหลวงที่พระราชทานใน
วันขึ้นปีใหม่ทุกปี และได้ลงกำหนดไว้ว่า วันใดเป็นวันพืชมงคล วันใดเป็นวันจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ วันแรกนาขวัญเป็นวันสำคัญของชาติ
คณะรัฐมนตรีมีมติให้หยุดราชการ ๑ วัน และมีประกาศให้ชักธงชาติตามระเบียบทางราชการ

พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญได้ปฏิบัติเป็นราชปร ะเพณีตลอดมาจนถึง พ.ศ. ๒๔๗๙ แล้วได้เว้นว่างไป ต่อมา พ.ศ. ๒๔๘๓
ทางรัฐบาลสั่งให้กำหนดมีการพระราชพิธีเฉพาะแต่พืชมงคล ที่พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ตามราชประเพณีที่เคยปฏิบัติมา

พระราชพิธีพืชมงคลเป็นส่วนประกอบเพื่อสิริมงคลแก่พัน ธุ์พืชสำหรับนำไปใช้ในการพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ
กำหนดงานก่อนวันพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ๑ วันมีอ่านประกาศถึงความสำคัญที่จะเริ่มพิธีจรดพระนัง คัลแรกนาขวัญ
ในประกาศนั้นอ้างหลักธรรมทางพุทธศาสนาสมัยพุทธกาลครา วเกิดฝนแล้ง ด้วยพุทธานุภาพทรงบันดาลให้ฝนตก ทำนา ทำไร่ หว่านพืชผลได้ตามปรกติ
และกล่าวถึงตำนานการสร้างพระคันธาราษฎร์อันเกี่ยวด้ว ยพุทธานุภาพที่ทรงบันดาลให้มีฝนตกจึงได้สร้างขึ้น ณ เมืองคันธาราษฎร์ครั้งอดีตกาล
แล้วประกาศสดุดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระพุทธย อดฟ้าจุฬาโลกองค์ปฐมกษัตริย์ ที่ได้ทรงสร้างพระพุทธคันธาราษฎร์ขึ้นไว้เพื่อประกอบ
การพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญตามตำนานที่มีมาแ ต่โบราณกาล ซึ่งเป็นราชประเพณีที่ พระมหากษัตริย์ทรงอนุวัติจัดงานพระราชพิธีนี้สืบมา
สุดท้ายประกาศถวายพระพรชัยมงคล และขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพบูชาเทพยดาทั้งปวง
ประสิทธิประสาทให้พืชพันธุ์ธัญญาหารในราชอาณาจักรอุด มสมบูรณ์งอกงามเจริญดี ตลอดจนขอให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล จบประกาศแล้ว พระสงฆ์ ๑๑ รูป
เจริญพระพุทธมนต์เป็นคาถาพิเศษสำหรับพืชมงคลโดยเฉ พาะเพื่อเสกพืชพันธุ์ต่าง ๆ ที่ได้นำมาตั้งเข้าพิธีมณฑล มีข้าวเปลือกพันธุ์ต่าง ๆ ถั่วทุกชนิด ข้าวโพด งา ฟัก
แฟง แตงกวา เผือก มัน ฝ้าย เป็นต้น

ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๐๓ เลขาธิการพระราชวังพระบรมราชโองการเหนือเกล้าฯ สั่งว่าพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ แต่เดิมจัดเป็นงาน ๒
วันแล้วได้ระงับไปคงได้แต่พิธีพืชมงคลจัดเป็นงานประจ ำทุกปี สำหรับปี พ.ศ. ๒๕๐๓ ทางรัฐบาลเห็นควรจัดให้มีการแรกนาขวัญขึ้นอย่างเดิมเพื่อรักษา
บูรพประเพณีอันเป็นมิ่งขวัญของการเกษตรไว้สืบต่อไป สำนักพระราชวังและกระทรวงเกษตรจึงได้กำหนดงานพระราชพ ิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ
ตามราชประเพณีเดิมขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๓ จนถึงปัจจุบันนี้ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินม าทรงเป็นประธานการพระราชพิธีทุกปี
ทรงมีพระราชกระแสให้ปรับปรุงพระราชพิธีเพื่อความเหมา ะสมตามยุคสมัยด้วยพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญแต ่เดิมมาทำที่ทุ่งพญาไท
เมื่อได้มีการฟื้นฟูพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ขึ้นใหม่ จึงจัดให้มีขึ้นที่ท้องสนามหลวงซึ่งเคยเป็นที่ประกอบ พิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญในรัชกาลที่ ๑ ที่ ๒
และที่ ๓

ส่วนผู้ที่จะเป็นพระยาแรกนาในสมัยก่อนเคยโปรดเกล้าฯ ให้ผู้ที่ดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการ เป็นพระยาแรกนา และผู้ที่เป็นเทพีหาบกระบุงทอง
กระบุงเงิน บรรจุข้าวเปลือกหว่านนั้นโปรดเกล้าฯ ให้จัดท้าวนางฝ่ายใน เมื่อเวลาได้เปลี่ยนแปลงหน้าที่ตำแหน่งไปแล้วเช่นนี้

เมื่อเริ่มฟื้นฟูพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญขึ้ นมาใหม่ พระยาแรกนาจึงได้แก่ อธิบดีกรมการข้าวกระทรวงเกษตรเทพีได้คัดเลือกจากข้าราชการสตรีผู้มีเกียรติ
ในกระทรวงเกษตร ในปีต่อมาจนถึงปัจจุบันผู้เป็นพระยาแรกนาได้แก่ผู้ดำ รงตำแหน่งปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ส่วนเทพีนั้นคัดเลือกจากข้าราชการสตรีโสดในสังกัดกระ ทรวงเกษตรและสหกรณ์ระดับ ๓ ? ๔ คือชั้นโทขึ้นไป

พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญเป็นพิธีเพื่อสิริมง คลแก่พืชพันธุ์ธัญญาหารสนับสนุนส่งเสริมชาวไร่ชาวนาใ นการประกอบอาชีพ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสนพระราชหฤทัยเป็นอย่า งดี ได้เสด็จฯ มาทรงเป็นประธานอธิษฐานขอความสมบูรณ์ของพืชพันธัญญาหารให้มีแก่อาณาจักรไทย
และได้ทรงปลูกพันธุ์ข้าวทดลองใ นนาทดลองบริเวณสวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต ซึ่งเป็นพระราชฐานที่ประทับ เมื่อเก็บเกี่ยวแล้วพระราชทานนำมาเข้าในพระราชพิธี
ปร ะมาณ ๔๐ - ๕๐ กิโลกรัม เมล็ดพันธุ์ข้าวที่พระราชทานมาเข้าพระราชพิธีจรดพระน ังคัลแรกนาขวัญนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้แบ่งไปหว่านที่ลานประกอบ
พระ ราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งจัดบรรจุซองส่งไปยังจังหวัดต่างๆ ทั่วราชอาณาจักรสำหรับแจกจ่ายแก่เกษตรกรเพื่อเป็นสิริมงคล
ตามพระราชประสงค์ที่ทรงส่งเสริมการเกษตร

พระราชพิธีพืชมงคล

ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เจ้าหน้าที่เชิญพระปฏิมาชัยวัฒน์รัชกาลปัจจุบันพระพุ ทธคันธารราษฎร์ของรัชกาลที่ ๑
พระพุทธรูปปางสมาธิทรงภาวนาให้ต้นข้าวเกิดงอกงามรอบพ ุทธบัลลังก์ รัชกาลที่ ๑ ทรงสร้าง พระชัยนวโลหะรัชกาลที่ ๔ พระชัยนวโลหะรัชกาลที่ ๕
พระคันธารราษฎร์ขอฝนแบบจีน พระบัวเข็ม เทวรูปพระพลเทพ พระโคอุศุภราช ตั้งบนม้าหมู่ในธรรมาสน์ศิลาหน้าฐานชุกชีพุทธบัลลังก์บุษบก
พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ใต้ธรรมาสน์ศิลาตั้งกระบุงทอง กระบุงเงินอย่างละคู่บรรจุข้าวเปลือกพันธุ์ดีที่เป็น ของพระราชทานจากนาทดลอง
และมีถุงบรรจุพันธุ์พืชต่าง ๆ คือ ผักกาดกวางตุ้งดอก ผักกาดหอม ข้าวโพดขาว ผักกาดขาวปลี แตงกวา พริกชี้ฟ้า แตงกวาผสม ละหุ่ง ผักกาดหัว บวบเหลี่ยม มะระจีน
คะน้าใบ ผักกาดขาวกวางตุ้ง คะน้ายอด มะเขือเทศสีดา แตงร้าน แตงโม ฟักทอง พริกขี้หนู มันแกว แตงไทย ผักบุ้งจีน ผักกาดขาวใหญ่ ถั่วฝักยาว ถั่วแขก ตั้งโอ๋ น้ำเต้า
ข้าวโพดเกษตร ถั่วเหลือง ถั่วเขียว เมล็ดงา ผักปวยเล้ง กระเจี๊ยบ ขึ้นฉ่าย ชุนฉ่าย ฟักเขียว ผักกาดขาวปลี ผักชี ผักกาดเขียวกวางตุ้ง แฟง ผักขมจีน เผือก มัน
แล้ววงสายสิญจน์จากพระพุทธรูปสำคัญโยงไปถวายพระสงฆ์เ จริญพระพุทธมนต์ หน้าธรรมาสน์ศิลาทอดเครื่องนมัสการพุ่มพานดอกไม้ธูปเ ทียนไว้พร้อม

ก่อนเวลาเสด็จพระราชดำเนินพระยาแรกนาแต่งกายเครื่องแ บบครึ่งยศ ประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์เทพีทั้ง ๔ แต่งกายชุดไหมไทยห่มสไบผ้าไหมประดับ
เครื่องราชอิสริย าภรณ์ มายังพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม จุดธูปเทียนสักการบูชาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร แล้วไปนั่งเก้าอี้ที่เฝ้าฯ ตามลำดับ

เวลา ๑๖ นาฬิกา ๓๐ นาที พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถเสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง
จากพระตำหนักจิตรลดารโหฐานพระราชวังดุสิตไปยังพระบร มมหาราชวังเสด็จพระราชดำเนินขึ้นสู่พระอุโบสถ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ
ไปทรงจุดเทียนท้ายที่นั่งบูชาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมา กร พระสัมพุทธพรรณี พระพุทธรูปฉลองพระองค์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
พระพุทธรูปฉลองพระองค์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภ าลัย และทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการที่หน้าธรรมาสน์ศิลา ทรงกราบ
ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าฯ แล้วประทับพระราชอาสน์ เจ้าหน้าที่กองศาสนูปถัมภ์กรมการศาสนาอาราธนาศีล พระราชคณะถวายศีล
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงศีล เมื่อทรงศีลแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปที่ธรรมาสน์ศิลาทรงพระสุหร่ายสรงพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์
และพระพุทธรูปสำคัญแล้วทรงประพรมพืชต่าง ๆ ทรงโปรยดอกไม้มีดอกมะลิและกลีบกุหลาบ แล้วถวายพวงมาลัยที่พระพุทธรูปทุกองค์โดยรัฐมนตรีว่า
การกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นผู้ทูลเกล้าฯ ถวาย แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดธูปเทียนพระคัน ธารราษฎร์ ๒ คู่ และทรงจุดเทียน
ที่พระคันธารราษฎร์จีนอีก ๑ เล่ม ทรงกราบอธิษฐานขอความสมบูรณ์แห่งพืชผลของราชอาณาจักร แล้วประทับพระราชอาสน์หัวหน้าพราหมณ์อ่าน
ประกาศพระรา ชพิธีพืชมงคล

เมื่อหัวหน้าพราหมณ์อ่านประกาศพระราชพิธีพืชมงคลจบ พระสงฆ์ ๑๑ รูป มีพระราชาคณะวัดระฆัง-โฆษิตารามเป็นประธานสงฆ์ และพระเปรียญ ๙ ประโยค
จากวัดต่างๆ อีก ๑๐ รูปรวมเป็น ๑๑ รูป เจริญพระพุทธมนต์คาถาพืชมงคล จบ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพระยาแรกนา
เข้าไปเฝ้าฯ คุกเข่าถวายบังคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงหลั่งน้ำสังข์พระราชทา นรดที่ศีรษะทรงเจิมแป้งกระแจะที่หน้าผาก
พระราชทานใบมะตูมทัดที่ซอกหูขวาและพระราชทานธำมรงค์น พเก้าสำหรับสวมที่มือขวา ๑ วง ที่มือซ้าย ๑ วงแล้ว พระราชทานพระแสงปฏัก
ที่จะถือใช้วันจรดพระนังคัลแรกนา ขวัญแล้วลุกขึ้นถวายคำนับ กลับไปนั่งเฝ้าฯ ที่เดิมต่อจากนี้ข้าราชการสตรีในสังกัดกระทรวงเกษตรแ ละสหกรณ์
ที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเทพี ๔ คน ถวายความเคารพ เดินเข้าไปหมอบเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงหลั่งน้ำสังข์พระราชทา นรดที่ศีรษะ ทรงเจิม
พระราชทานใบมะตูมทัดที่ซอกหูขวาตามลำดับ ขณะที่พระยาแรกนาและเทพีรับพระราชทานน้ำสังข์นั้น พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถาจนเสร็จการพระราชทานน้ำสังข์

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ ไปทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมซึ่งบรรจุในถาดมีคนโทแก้ วบรรจุน้ำฝนด้วย
เป็นราชประเพณีที่จะต้องจัดภาชนะบรรจุน้ำฝนถวายพระสง ฆ์เฉพาะงานพระราชพิธีมงคลตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอ ยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ทรงพระราชดำริไว้
เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวถวายจตุปัจจัยไทยธรร มแล้ว ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนาถวายอดิเรก แล้วออกจากพระอุโบสถ

เมื่อพระสงฆ์ออกจากพระอุโบสถแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จ ฯ ไปทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการ รงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าฯ
เสด็จพระราชดำเนินกลับ

หลังจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชดำเนินกลับแ ล้ว คณะพราหมณ์เชิญเทวรูปสำคัญที่ตั้งในมณฑลพิธี คือ พระพลเทพ พระโคอุศุภราช
ไปเข้าเบญจาพิธีมณฑล ณ โรงพิธีพราหมณ์ที่ท้องสนามหลวงที่แท่นมลฑลพิธีนี้ พราหมณ์ได้เชิญเทวรูปสำคัญจากเทวสถานเสาชิงช้ามาตั้ง เข้าพิธีคือ
พระอิศวร พระนารายณ์ พระอุมา พระพรหม และพระพิฆเนศวร์ พร้อมด้วยกระบุงทอง กระบุงเงิน บรรจุข้าวเปลือกที่ได้เข้าพิธีในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตน ศาสดา
รามรวมทั้งพืชพันธุ์ต่าง ๆ และเครื่องพิธีตามลัทธิธรรมเนียมของพราหมณ์ คณะพราหมณ์ประกอบพิธีกรรมสวดบูชาพระเวทย์ตลอดคืน

วันนี้แต่งกายเครื่องแบบครึ่งยศ

พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ

เวลาประมาณ ๖ นาฬิกา พระยาแรกนาพร้อมด้วยเทพีแต่งกายที่กระทรวงเกษตรและสห กรณ์ พระยาแรกนาสวมสนับเพลาปลายขอบปักดิ้นทอง ถุงเท้าขาว
รองเท้าหุ้มส้นสีดำไม่ผูกเชือกมีกรอบทำด้วยโลหะสีทอง ติดคล้ายโบ นุ่งผ้าเยียรบับชายพกพับจีบ ไม่จีบโจง ใช้เชือกสายแถบรัดเอวสวมเสื้อเยียรบับพื้นเขียวลายทอง
แขนยาวแบบราชการ กระดุม ๕ เม็ด สวมสายสะพายและประดับราชอิศริยาภรณ์คาดเข็มขัดทำด้วย โลหะสีทองรัดเอวนอกเสื้อ สวมเสื้อครุยผ้าโปร่งปักดิ้นทอง
, แล้วกลัดดวงตราปักอัก ษรย่อ จจจ. เครื่องราช-อิศริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ส่วนเทพีนุ่งจีบหน้านางผ้าเยียรบับหรือผ้าไหมไทยทอยก ดอกลายสีทองพื้นสีตามความเหมาะสม
สวมเสื้อไหมไทยรัดรูปแขนยาวคาดเข็มขัดทำด้วยโลหะเป็น เกลียวเกี่ยวขัดสีทอง ห่มผ้าสไบปักทองแล่ง ประดับอาภรณ์และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ได้รับพระราชทาน
สวมถุงเท้าสีเนื้อ รองเท้าหนังหุ้มส้นสีทองปลายงอน เสร็จแล้วพระยาแรกนาขึ้นรถยนต์หลวงออกจากกระทรวงเกษต รและสหกรณ์ไปยัง
พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เทพีและข้าราชการ (แต่งเครื่องแบบเต็มยศประดับราชอิสริยาภรณ์) เชิญเครื่องยศขึ้นรถตามเป็นกระบวน
เมื่อเข้าสู่พระอุโบสถแล้วพระยาแรกนาและเทพีจุดธูปเท ียนถวายนมัสการบูชาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร แล้วไปที่ปราสาทพระเทพบิดรถวายสักการะ
พระบรมรูปสมเด็ จพระมหากษัตริยาธิราชแล้วไปขึ้นรถยนต์หลวง เป็นกระบวนออกจากจัดพระศรีรัตนศาสดารามไปยังท้องสนาม หลวง

เวลา ๗ นาฬิกา เจ้าพนักงานจัดตั้งริ้วกระบวนอิสริยยศตามประเพณีโบรา ณรับพระยาแรกนา พระยาแรกนาลงจากรถยนต์หลวงแล้วสวมลอมพอกเดินเข้าประจำ
ที่ในกระบวนพร้อมด้วยคู่เคียง ๒ ข้าง ๆ ละ ๘ นาย ผู้เชิญเครื่องยศและเทพีจัดเป็นรูปกระบวนยาตราไปยังโ รงพิธีพราหมณ์ ประโคมกลองชนะ สังข์ แตร ตลอดทาง

หลังพระยาแรกนาข้าราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระดับ ๕ - ๖ แต่งเครื่องแบบเต็มยศเชิญเครื่องยศของพระยาแรกนาซึ่ง ได้ราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า
มีพานหมากทองคำลงยาเครื่องพร้อม (มี จอกหมาก จอกยาฝอย ซองพลู ตลับภู่ มีดเจียนหมากทำด้วยทองคำ) กระโถนทองคำขอบสลัก กาน้ำทองคำทรงมันมีพานรอง
คนโททองคำมีพานรอง

เมื่อพระยาแรกนาเข้าสู่โรงพิธีพราหมณ์ หัวหน้าพราหมณ์เชิญพระยาแรกนาไปที่ท่านเบญจามณฑลพิธี จุดธูปเทียนบูชาเทวรูปพระผู้เป็นเจ้าซึ่งเชิญมาประดิษฐาน
ในการประกอบพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ คือ พระอิศวร พระนารายณ์ พระอุมา พระพรหม พระพิฆเณศวร์ พระพลเทพ พระโคอุศุภราช
พระยาแรกนาจุดธูปเทียนสักการบูชาแล้วไปนั่งพัก ณ เก้าอี้ที่จัดไว้พร้อมด้วยเทพีและผู้เชิญเครื่องยศ หัวหน้าพราหมณ์เข้าไปหลั่งน้ำสังข์ที่มือและให้ใบมะตูม
แก่พระยาแรกนาและเทพีทั้ง ๔ ต่อจากนี้หัวหน้าพราหมณ์เชิญโต๊ะเงินใส่ผ้านุ่งสำหรั บเสี่ยงทายมีผ้าที่นุ่งอยู่เดิม ผ้านุ่งเสี่ยงทายมี ๓ ผืน ขนาดกว้าง ๔ คืบ ๕ คืบ ๖ คืบ
มีคำพยากรณ์ ดังนี้

ผ้า ๔ คืบ พยากรณ์ว่าน้ำจะมากสักหน่อย นาในที่ดอนจะได้ผลบริบูรณ์ดี นาในที่ลุ่มอาจจะเสียหายบ้าง ได้ผลไม่เต็มที่

ผ้า ๕ คืบ พยากรณ์ว่าน้ำในปีนี้จะมีปริมาณพอดี ข้าวกล้าในนาจะได้ผลสมบูรณ์และผลาหาร สังสาหาร จะอุดมสมบูรณ์

ผ้า ๖ คืบ พยากรณ์ว่าน้ำน้อย นาในที่ลุ่มจะได้ผลบริบูรณ์ดี แต่ในที่ดอนอาจจะเสียหายบ้าง ได้ผลไม่เต็มที่

ครั้นพระยาแรกนานุ่งผ้าเสี่ยงทายทับอีกชั้นหนึ่งแล้ว ออกมานั่งรอ ณ ที่เดิม

เวลา ๘ นาฬิกา ๓๐ นาที พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินโดยรถยน ต์พระที่นั่งจากพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต มาถึงพลับพลา
ณ ท้องสนามหลวง พระบรมวงศานุวงศ์ องคมนตรี นายกรัฐมนตรี ประธานศาลฎีกา ประธานรัฐสภา รัฐมนตรี ข้าราชการ ทหารพลเรือน และคณะฑูตานุฑูต เฝ้า ฯ
รับเสด็จ นอกจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จัดที่นั่งไว้ในปะรำ ให้กลุ่มชาวนาเกษตรกรเฝ้าฯ และชมพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญด้วย

เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ ถึงแถวทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์เป่าแตรถวายความเคารพ ดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ ขึ้นประทับ ณ มุขกลางพลับพลาเข้าสู่ลานแรกนา มีราชบัณฑิต ๑ (ผู้เป็นเปรียญธรรม) เชิญพระเต้าเทวบิฐบรรจุน้ำพระพุทธมนต์
พระเต้านี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชการที่ ๔ ทรงสร้างขึ้น และโปรดให้ใช้ประพรมพื้นแผ่นดินในพระราชพิธีจรดพระนั งคัลแรกนาขวัญเป็นราชประเพณีสืบมา
ถัดจากราชบัณฑิตมีพราหมณ์เป่าสังข์ ๑ คู่ พราหมณ์เชิญพระโคอุศุภราช ๑ คนนำ และมีกรรชิงหน้า ๑ คู่ กรรชิงหลัง ๑ คู่
แล้วถึงพระยาแรกนาถึงพระแสงปฏักที่ได้รับพระราชทาน หลังพระยาแรกนา หัวหน้าพราหมณ์เดินตาม แล้วเทพีทั้ง ๔ หาบกระบุงทอง ๑ คู่ เงิน ๑ คู่ บรรจุข้าวเปลือก
ตาม เมื่อถึงพลับพลาที่ประทับพระยาแรกนาส่งพระแสงปฏักให้ หัวหน้าพราหมณ์ถือไว้ พระยาแรกนาเข้าไปเฝ้าฯ ที่ชานชั้นลดพลับพลาตรงที่ประทับ คุกเข่าถวายบังคม
๓ ครั้ง แล้วถอยออกมารับพระแสงปฏักจากหัวหน้าพราหมณ์เดินเข้า สู่ลานแรกนาตรงไปที่พระโค ๒ ตัวที่เทียมแอก พระยาแรกนาเจิมคันไถแล้วเจิมพระโคทั้งคู่

ครั้นได้มงคลอุดมฤกษ์ โหรหลวงบูชาพระฤกษ์และลั่นฆ้องชัย เจ้าพนักงานพิธีย่ำมโหระทึกประโคมแตรฝรั่ง ปี่พาทย์ทำเพลงพร้อมกัน พระยาแรกนาจับหางคันไถมือหนึ่ง
อีกมือหนึ่งถือพระแสงปฏัก บัณฑิตถือพระเต้าเทวปิฐสาดพรมน้ำพระพุทธมนต์ลงไปในพื ้นดินนำ และพราหมณ์เชิญเทวรูปพระโคอุศุภราชและพระพลเทพเดินนำ
หน้าพะโค พระยาแรกนาเดินไถดะไปตรอม โดยขวางตรอม แล้วส่งพระแสงปฏักให้หัวหน้าพราหมณ์ถือไว้ พระยาแรกนาหยิบพันธุ์ข้าวเปลือกในกระบุงทองกระบุงเงิน
ที่เทพีหาบตามหว่านลงไปในลานแรกนาจนครบ ๓ รอบ แล้วไถกลบอีก ๓ รอบ เมื่อครบแต่ละรอบโหรหลวงลั่นฆ้องชัย เจ้าพนักงานประโคมแตรงอนฝรั่ง
ส่วนปี่พาทย์และมโหระทึกบรรเลงและย่ำพร้อมกันตลอดเวลา

ครั้นหว่านกลบเสร็จแล้ว พระยาแรกนารับพระแสงปฏักจากหัวหน้าพราหมณ์กลับเข้าสู่โรงพิธีพราหมณ์พร้อมด้วยเทพีโดยกระบวนไม่ผ่านหน้าพลับพลา
ราชบัณฑิตเชิญพระเต้าวปิฐและพราหมณ์เชิญเทวรูปพระพลเ ทพ พระโคอุศุภราช ไปตั้งยังแท่นเบญจาตามเดิม
พนักงานผู้ทำหน้าที่ดูแลพระโคปลดพระโคออกจากแอกแล้วจ ูงพระโคทั้งคู่ไปยืนที่ขอบลานแรกนาตรงหน้าพลับพลาที่
ประทับพราหมณ์ถือถาดวางกระทงบรรจุของเลี้ยงพระโคเป็น การเสี่ยงทายถาดละ ๗ สิ่ง คือ ข้าวเปลือก ข้าวโพด ถั่ว งา เหล้า น้ำ หญ้า
พระโคกินอะไรพราหมณ์ผู้ถือถาดกระทงอาหารจะได้แจ้งแก่ โหรหลวงแล้วโหรหลวงจดรายงานพยากรณ์ให้รองปลัดกระทรวง
และสหกรณ์กราบบังคมทูลถึงผ้านุ่งเสี่ยงทายและการเสี่ยงทายพระโคกินเลี้ยง

เมื่อจบคำกราบบังคมทูลแล้ว รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กราบบังคมทูลเบิกชาวนา ผู้ชนะการประกวดผลผลิตข้าวแต่ละภาค รวม ๔ คน เข้าเฝ้าฯ
รับพระราชทานรางวัลตามลำดับแล้ว ต่อจากนี้กระบวนอิสริยยศออกจากโรงพิธีพราหมณ์ผ่านหน้ าพลับพลาที่ประทับ
เมื่อถึงหน้าพลับพลาพระยาแรกนาเข้าไปคุกเข่ากราบถวาย บังคม ๓ ครั้งแล้วถอยออกมาเข้ากระบวนต่อไป กระบวนผ่านพลับพลาแล้วพระยาแรกนาขึ้นรถยนต์หลวงไป
รอเฝ้า ฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่แปลงนาทดลองในบริเวณสวนจิตรลดาพระราชวังดุสิต พร้อมด้วยเทพี

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินโดยรถยน ต์พระที่นั่งออกจากพลับพลาพิธี ณ ท้องสนามหลวง
ไปยังแปลงนาทดลองในสวนจิตรลดาอันเป็นพระราชฐานที่ประ ทับ แล้วโปรดเกล้าฯ พระราชทานพันธุ์ข้าวให้พระยาแรกนาหว่านในแปลงนาทดลอง
สำหรับนำไปใช้ในพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญปีต่ อไป หลังจากนั้นทรงพระราชปฏิสันถารเกี่ยวกับการเกษตร ประมง ปศุสัตว์ แล้วเสด็จขึ้น











    
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 06, 2013, 09:51:20 am โดย apairach » บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.11 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!