จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
พฤศจิกายน 01, 2024, 06:53:00 am *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
ยินดีต้อนรับสมาชิก และผู้เยื่ยมชมทุกๆท่าน
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เขานางทอง สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชาลิไทยการวางผังของโบราณส  (อ่าน 4906 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
apairach
Administrator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1439


ดูรายละเอียด อีเมล์
| |
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 19, 2012, 08:04:40 pm »


นำเยาวชน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ จากโรงเรียนคลองลานวิทยา ไปศึกษาเขานางทอง ที่เมืองบางพาน
        เขานางทอง สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชาลิไทยการวางผังของโบราณสถานวางตามแนวยาวเขามีบันไดทางขึ้นทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ด้านบนสูงสุดเป็นเจดีย์ใหญ่ทรงดอกบัวตูม หรือ พุ่มข้าวบิณฑ์ ฐานเจดีย์กว้าง ๑๒ เมตร ก่อด้วยอิฐปูนแลง  ส่วนบนเป็นศิลาแลง ถัดมาเป็นเจดีย์ราย เล็ก ๓ องค์  กว้าง ๒ เมตร เท่ากันทุกองค์ ถัดมาเป็นวิหาร ๔ ตอน  ตอนแรกยาว ๑๓ เมตร  กว้าง ๖ เมตร   ดอนที่สองกว้าง ๑๐ เมตร  ยาว ๒๑ เมตร ส่วนด้านท้ายสุดคล้ายที่ตั้งบุษบก  เป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาท (ปัจจุบันได้นำไปเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติกรุงเทพมหานคร) ความในจารึกว่า

          ?.ณ นั้นไซร้   พระยาธรรมมิกราช   ให้ไปพิมพ์เอารอยตีน?.   พระเป็นเจ้าเถิงสิงหล อันเหยียบเหนือจอมเขาสุมนกูฎบรรพต   ประมาณเท่าใดเอามาพิมพ์ไว้ จุ่งคนทั้งหลายแท้?อันหนึ่งประดิษฐานไว้ในเมืองศรีสัชนาลัย เหนือจอมเขา?อันหนึ่งประดิษฐานไว้ ในเมืองสุโขทัยเหนือเขาสุมนกูฎ อันหนึ่ง ประดิษฐานไว้ในเมืองบางพานเหนือจอมเขานางทอง         


ในหนังสือ ?เที่ยวเมืองพระร่วง? พระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงมีพระราชาธิบายเกี่ยวกับเขานางทองไว้ดังนี้

          ยอดเขานี้มีกองแลงอยู่กองหนึ่งซึ่งอาจเป็นพระเจดีย์  ได้ตั้งอยู่บนเนินหนึ่ง  อีกเนินหนึ่งมีอะไรคล้ายบุษบกอยู่บนนั้น  ที่ระหว่างเนินทั้งสองนี้  มีแผ่นศิลาสลักเป็นรอยพระพุทธบาทไว้แผ่นหนึ่ง  นอกจากลายก้นหอยที่นิ้ว  กับจักรใหญ่อยู่ตรงฝ่าพระบาทมีลายต่างๆ แบ่งเป็นห้อง   ดูเป็นทำนองจีน มีอะไรคล้ายกับเก๋งจีน  อยู่ในนั้นคล้ายห้อง  ทางริมแผ่นศิลาข้างซ้ายพระบาท   แต่นอกรอยพระบาทออกมามีตัวอักษรขอมจารึกอยู่ แต่ศิลากะเทาะออกเสียมาก  อ่านไม่ได้ความ  พระบาทนี้เหลือที่จะกำหนดอายุได้อาจเป็นของเก่าครั้งพระร่วง?

  เหตุที่เรียกว่าเขานางทองเพราะ  เชื่อกันว่า เขาลูกนี้ เป็นที่อยู่ของนางทอง มเหสีของพระร่วง ดังตำนาน ของเขานางทองที่ว่า

          นางทองเป็นผู้หญิงสาวชาวบ้านเมืองพานที่สวยงามมาก ต่อมาถูกพญานาค กลืนเข้าไปในท้อง พระร่วงเจ้าผู้ครองนครเมืองพานได้พบเห็นจึงได้เข้าช่วยโดยใช้อิทธิฤทธิ์ของตน ล้วงนางทองออกมาจากคอของพญานาค เนื่องจากนางทองเป็นคนที่มีสิริโฉมงดงามจึงเป็นที่สบพระทัยของพระร่วง ต่อมาจึงได้อภิเษกเป็นพระมเหสี ( เมียหลวง ) และยังได้นางพันหญิงชาวบ้านอีกคนหนึ่งเป็นพระสนมเอก

( เมียน้อย ) อีกองค์หนึ่งด้วย อยู่มาวันหนึ่งพระร่วงได้เสด็จไปเที่ยวในกรุงสุโขทัย พระมเหสีทองซึ่งเป็นคนที่มีความมานะอดทนขยันหมั่นเพียรในการทอผ้าด้วยกี่ทอผ้า ได้ไปซักผ้าอ้อมที่สระน้ำซึ่งพระร่วงได้สร้างพระตำหนักแพหน้าพระราชวังใน คลองใหญ่ไว้เป็นที่พักผ่อนพระอิริยาบถและซักผ้า ในวันนั้นขณะที่ซักผ้าอ้อมเสร็จและจะนำไปตาก (บริเวณที่ตากผ้าอ้อมนั้น ไม่มีต้นไม้ขึ้นเลย จะโล่งเตียนไปหมด เพราะพระร่วงสาปไว้สำหรับตากผ้าอ้อม) ระหว่างที่ตากผ้าอ้อมพระมเหสีทองก็กลัวว่าผ้าอ้อมจะไม่แห้งจึงทรงอุทานขึ้น เป็นทำนองบทเพลงเก่าว่า   ?ตะวันเอยอย่ารีบจร นกเอยอย่ารีบนอน หักไม้ค้ำตะวันไว้ก่อน กลัวผ้าอ้อมจะไม่แห้ง?    ผลปรากฏว่าตะวัน หรือดวงอาทิตย์ไม่ยอมเคลื่อน จนกระทั่งผ้าอ้อมแห้ง จึงได้โคจรต่อไปและที่ คลองใหญ่หน้าพระราชวังแห่งนั้น พระร่วงได้เลี้ยงจระเข้ไว้ด้วย แล้วพอดีจระเข้ตัวนั้นเกิดหิวขึ้นมาจึงคาบพระมเหสีทองไป เพื่อเอาไปกินแต่ขณะนั้นเป็นเวลาที่พระร่วงกลับจากสุโขทัยพอดี  พอกลับมาพระร่วงไม่เห็นนางทองจึงถามพวกนก พวกกวาง (สมัยนั้นเชื่อกันว่าสัตว์ทุกตัวพูดได้) ว่าพระมเหสีทองหายไปไหน พวกสัตว์ต่างๆ ก็บอกว่าพระมเหสีทองได้ถูกจระเข้คาบไปแล้ว พระร่วงได้ยินดังนั้นก็รีบตามไปทันที พระร่วงเดินทางไปทางไหนต้องการให้เป็นทางเดินก็ปรากฏเป็นทางเดิน ทางเกวียนตลอดทาง พระร่วงได้เดินทางผ่านนาป่าแดง คลองวัว และได้ขอน้ำกินแถวๆ หมู่บ้าน (หมู่บ้านนาป่าแดงปัจจุบัน) พระร่วงพูดว่า ?ข้าหิวน้ำจังเลย ขอน้ำกินหน่อยได้ไหม? คนในหมู่บ้านไม่ให้กินจึงพูดว่า ?น้ำข้าไม่มี? พระร่วงเป็นคนที่วาจาศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้ว พระร่วงจึงพูดว่า ?เออ อย่างนั้นพวกมึงก็ไม่ต้องมีน้ำกินตลอดไป? จนป่านนี้นาป่าแดงจึงไม่ค่อยมีน้ำกินน้ำใช้กัน

 
พระร่วงได้ตามจระเข้ที่คาบพระมเหสีทองทันที่คลองทองแดง (ใกล้ ๆ ศาลากลางจังหวัดในปัจจุบัน) พอเจอกันก็สายเสียแล้ว จระเข้ได้กินพระมเหสีทองไปแล้ว พระร่วงจึงสาปจระเข้ให้เป็นหินอยู่ตรงนั้นมาถึงทุกวันนี้ พระร่วงเสด็จกลับเข้าวังด้วยความสลดใจและไม่อาจลืมความรักความอาลัยในตัวพระมเหสีทองได้จึงอพยพราษฎรลงไปทางใต้เพื่อไปตั้งเมืองใหม่ขึ้นที่เมืองสังขบุรีแขวงเมืองอยุธยา เมืองพานจึงกลายเป็นเมืองร้างในยุคหนึ่ง ในปัจจุบันนี้มีราษฎรจากอำเภอพรานกระต่าย มาตั้งถิ่นฐานกันอยู่หลายสิบหลังคาเรือน

           เมื่อไม่นานมานี้บริเวณคลองวังพาน ( อยู่ใกล้กับวัดพานทองศิริมงคล ) ได้มีการขุดลอกคลองโดยเครื่องจักรกลของทางราชการ ได้ขุดพบ พระ เครื่องปั้นดินเผา เศษกระเบื้องตลอดจนเครื่องใช้ไม้สอยภายในครัวเรือนของชาวเมืองโบราณเป็นจำนวนมาก ที่สำคัญได้พบเสาไม้ตะเคียนซึ่งสันนิษฐานว่าหน้าจะเป็นศาลาที่ประทับของเจ้าผู้ครองนครในอดีต เป็นหลักฐานที่สำคัญอีกชิ้นหนึ่งของเมืองพาน
 
เยาวชนและครูอาจารย์ให้ความสนใจ อย่างดียิ่งขอชื่นชม ในการได้สืบสาน อารยธรรมเขานางทองร่วมกัน
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.11 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!