จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช

หมวดหมู่ทั่วไป => จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร => ข้อความที่เริ่มโดย: apairach ที่ สิงหาคม 26, 2012, 05:08:48 pm



หัวข้อ: เรื่่องสั้น เรื่อง?พ่อคะสวัสดีค่ะ? โดยนางสาว จันทิมา ชอบธรรม
เริ่มหัวข้อโดย: apairach ที่ สิงหาคม 26, 2012, 05:08:48 pm
 นักศึกษา คณะครุศาสตร์  โปรแกรมวิชาภาษาไทย  มหาวิทยาลัยราชภัฎกำแพงเพชร
            
 เรื่อง  ?พ่อคะสวัสดีค่ะ?    

        กริ๊ด กรี๊ด เสียงร้องของวัยรุ่นที่ดังมาจากงานวัดร้องเชียร์เมื่อเพลงที่ตนเองชอบถูกเล่นขึ้นมาแล้วก็พากันโยกย้ายส่ายสะโพกตามจังหวะเพลงที่ดังจนแสบแก้วหู ฉันฟังแล้วดูไม่เข้าหูเอาเสียเลย เวลาผ่านไปสักพักหนึ่งก็มีเสียงหนึ่งตะโกนมาหาฉัน
       ?อ้นๆๆ ไปกลับบ้าน? นี้ก็เป็นเสียงน้าของฉันที่เรียกกลับบ้าน
       ?จร้าๆๆ? ฉันจึงเดินออกมาพร้อมตอบกลับ
         เมื่อมาถึงบ้านฉันก็อาบน้ำแล้วก็เข้าห้องนอนเอื้อมมือปิดไฟทำให้ในห้องมืดสนิท หัวใจก็เริ่มเต้นแรงขึ้นมาเป็นจังหวะ ในสมองตอนนี้คิดถึงแต่เรื่องที่จะทำในวันพรุ่งนี้ ฉันรู้สึกราวกับว่าเวลาเริ่มเดินเร็วขึ้น และทุกอย่างตอนนี้ก็ดูเงียบสงบราวกับว่าบนโลกไม่มีใครอยู่เลยทำให้ต้องคิดถึงเรื่องเก่าๆวันเวลาเก่าๆที่ฉันปล่อยให้ล่วงเลยมาเป็นเวลา 18 ปี  
        ฉันย้ายมาอยู่กับน้าตั้งแต่เรียนจบ ป . 6 เพื่อเข้ามาศึกษาต่อ ม.1 เพราะว่าบ้านของฉันอยู่ห่างไกลจากโรงเรียนมากการเดินทางค่อนข้างจะลำบาก และที่สำคัญมีแม่น้ำปิงกั้นขวางอยู่ทำให้การสัญจรไม่สะดวกสบาย ทางครอบครัวจึงส่งฉันให้มาอยู่กับน้าเพราะเห็นว่าปลอดภัยที่สุด วันหยุดก็จะกลับบ้านเป็นบางครั้ง แต่เรื่องการเดินทางที่สุดแสนจะลำบากนี้ไม่ใช่เรื่องที่ทำให้ฉันนอนไม่หลับต้องมานอนคิดแบบนี้หรอก แต่กลับกลับเป็นเรื่องง่ายๆที่ใครๆก็ทำได้ ยกเว้นฉันที่ปล่อยให้ติดค้างในใจมาเป็นระเวลา 18 ปี จนเกิดเป็นปมในใจฉันมาโดยตลอด อาจจะเป็นเพราะว่าฉันไม่ค่อยสนิทกับพ่อเท่าไรนัก ไม่ค่อยได้พูดกัน เพราะตอนเด็กๆพ่อไม่ค่อยอยู่บ้านต้องออกไปทำงานอยู่บ่อยครั้ง ทำให้ฉันสนิทกับแม่มากกว่าจนบางครั้งฉันก็แอบคิดว่าพ่อก็คงจะน้อยใจในตัวฉัน และอีกอย่างคือฉันเป็นคนขี้อายพูดไม่เก่งไม่ค่อยกล้าแสดงออกไม่ว่าจะเป็นอะไรหรือคิดอะไรก็จะเก็บไว้คนเดียว และเพราะเหตุนี้ทำให้ทุกครั้งที่ฉันกลับบ้านหรือเจอพ่อ ทำให้ฉันไม่กล้าแม้แต่ที่จะยกมือไหว้และกล่าวค่ำว่า  ?พ่อคะสวัสดีค่ะ? ได้แต่มองหน้าแล้วก็ยิ้มๆเท่านั้น
      บางคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องเล็กๆแต่สำหรับฉันแล้วการที่เราไม่เคยทำอะไรแล้วคิดที่จะลองทำเป็นครั้งแรกไม่ว่าเรื่องนั้นจะง่ายเหมือนปลอกกล้วยเข้าปากหรือยากเหมือนเข็นครกขึ้นภูเขาก็ต้องคิดมากอยู่ดี และฉันก็มักจะนึกถึงคำพูดของพ่อเสมอไม่ว่าท่านจะพูดเหมือนแซวเล่นๆก็ตามแต่ฉันก็สังเกตในดวงตาและน้ำเสียงของท่านได้อย่างชัดเจนว่าลึกๆแล้วท่านรู้สึกน้อยใจอยู่เหมือนกันที่เห็นลูกคนอื่นยกมือไหว้สวัสดีพ่อของตนเอง แต่ผิดกับลูกตัวเองที่ทำเป็นเฉยชาไม่เคยแม้แต่จะยกมือไหว้พ่อ และทุกครั้งที่ท่านดื่มเหล้ามีอาการเมาก็มักจะเผลอพูดออกมาเสมอว่า
     ?ทำไมกลับบ้านไม่เห็นสวัสดีพ่อเลย สงสัยพ่อไม่สำคัญมั้ง?
      ทุกครั้งที่ฉันได้ฟังหรือนึกถึงประโยคนี้ทีไร ก็รู้สึกโกรธตัวเองทุกครั้งและก็โทษตัวเองเสมอว่าเป็นคนที่อกตัญญูเรื่องเล็กๆแค่นี้ทำไม่ได้ พ่อทำเพื่อเรามากกว่านี้อีก แต่ฉันก็ได้แต่คิดเท่านั้นไม่กล้าทำสักที่ จนกระทั้งวันนี้ที่หัวใจของฉันมันสั้งให้ทำ มันสั้งให้กล้า และพรุ่งนี้ก็ต้องทำให้ได้ ความคิดนี้ดังในสมองนานเท่าไรไม่รู้หลังจากนั้นฉันก็ไม่รู้ตัวอีกเลย ตาเริ่มปิดลงและหลับไปตอนไหนไม่อาจรู้
       ตื่นเช้ารับวันใหม่ด้วยความตื่นเต้นแล้รีบจัดเตรียมของใส่กระเป๋าเพื่อเดินทางกลับบ้านในขณะที่รอเรืออยู่ก็ฝึกซ้อมพูดซึ่งเป็นเรื่องน่าตลกของเพื่อนๆมากที่เห็นซ้อมพูดแต่คำว่า ?พ่อค่ะสวัสดีค่ะ? อยู่เป็นสิบๆรอบ จนเพื่อนที่มาด้วยกันหัวเราะ ส่วนฉันก็ได้แต่อายๆและยิ้มตอบไป ไม่นานเรือก็มาฉันรีบลงทันทีเพื่อที่จะได้นั้งข้างหน้าเวลาน้ำสาดมาจะได้ไม่เปียก แต่ระหว่างการเดินทางเกิดฝนตกหนักลมแรงมากจนเรือที่ฉันนั่งอยู่โยกไปโยกมามันช่างน่ากลัวเหลือเกินน้ำเริ่มสาดเข้ามาจนทุกคนในเรือเปียกไปหมด ลมเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ คลื่นน้ำก็เริ่มสูง ในตอนนี้หัวใจของฉันเหมือนจะขาดหวาดกลัวไปหมดคิดว่ายังไงก็ไม่รอด แต่ก็ยังมีสิ่งหนึ่งที่ฉันกลัวมากกว่าสิ่งอื่นใดก็คือกลัวที่จะไม่มีโอกาสกลับไปเอ่ยคำว่า?พ่อคะสวัสดีค่ะ?  ฉันได้แต่คิดโทษตัวเองว่าควรจะทำตั้งนานแล้ว น้ำตาเริ่มไหลออกมาปนกับน้ำที่สาดอยู่เต็มใบหน้า ได้แต่ยกมือไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆให้ช่วยผ่านมรสุมครั้งนี้ไปได้ด้วยดี และการขอพรครั้งนี้ก็ดูเหมือนจะเป็นผลเมื่อฝนหยุดตกลมและคลื่นเริ่มเบาลง ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่และรู้สึกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่อีกครั้ง จากนั้นก็ยกมือไหว้ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆที่อาจจะมีส่วนช่วยชีวิตฉันไว้ในครั้งนี้
        เมื่อเรือเทียบท่าก็ขึ้นรถต่อเพื่อเข้าไปในหมู่บ้านใจฉันก็เริ่มเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆอยากให้ถึงบ้านเร็วๆอยากจะเข้าไปสวัสดีพ่อเข้าไปกอดพ่อ  รถจอดถึงหน้าบ้านภาพแรกที่ฉันเห็นคือพ่อนั่งอ่านหนังสืออยู่หน้าบ้านฉันรีบวิ่งเข้าไปหาพอแล้วทำอย่างที่ตั้งใจคือ  ยกมือไหว้และกล่าวคำว่า  ?พ่อคะสวัสดีค่ะ?ในหน้าของพ่อตอนนั้นดูแดงๆแล้วก็ยิ้มออกมาเหมือนกับแปลกใจแล้วก็พยักหน้าจากนั้นก็พูดขึ้นว่า ?วันนี้มาแปลกไปกินอะไรมา? ฉันไม่ได้ตอบอะไรนอกจากเข้าไปกอดพ่อ ในใจก็คิดตลอดว่าฉันเกือบจะไม่ได้ทำแบบนี้แล้ว เกือบจะสายเกินไปเสียแล้ว