หัวข้อ: สมเด็จพระนเรศวรมหาราชกับชาวกำแพงเพชร สืบค้นโดย อาจารย์รุ่งเรือง สอนชู เริ่มหัวข้อโดย: apairach ที่ กันยายน 09, 2016, 09:12:26 am สมเด็จพระนเรศวรมหาราชกับชาวกำแพงเพชร
สืบค้นโดย อาจารย์รุ่งเรือง สอนชู ความเดิมก่อนที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชจะเสด็จมากำแพงเพชร พระมหาธรรมราชามีพระนามเดิม ว่าขุนพิเรนทรเทพ ได้รับการพูนบำเหน็จจากมหาจักรพรรดิให้เป็นพระมหาธรรมราชาธิราชเจ้าไปครองเมืองพิษณุโลกและมีอำนาจครองเมืองเหนือทั้ง ๖ เมือง พร้อมทั้งให้พระธิดาคือพระวิสุทธิกษัตรีไปเป็นอัครมเหสี ซึ่งต่อมาเกิดพระธิดาและพระโอรส องค์ที่ ๑ พระสุพรรณกัลยานี องค์ที่ ๒ พระนเรศวร องค์ที่ ๓ พระเอกาทศรถ เมื่อคราวที่พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองยกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๓ เมื่อ พ.ศ. ๒๑๐๖ ครั้งนั้นสมเด็จพระมหาจักรพรรดิยอมแพ้ ยินยอมให้พระเจ้าหงสาวดีนำ พระราเมศวร เจ้าพระยาจักรี พระสุนทรสงครามไปเป็นเชลยที่เมืองหงสาวดี แต่ในพงศาวดารพม่าว่ารวมทั้งพระนเรศวรด้วย ซึ่งมีอายุ ๙ พรรษา และคราวที่พระเจ้าหงสาวดียกทัพมาตรีกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๔ พ.ศ. ๒๑๑๑ พระนเรศวรก็มากับกองทัพของพระเจ้าหงสาวดีด้วย หลังจากที่เสียกรุงศรีอยุธยาให้กับพม่า เมื่อวันอาทิตย์ เดือน ๙ แรม ๑๑ ค่ำ ปีมะเส็ง พ.ศ. ๒๑๑๒ หลังจากนั้นอีกประมาณ ๓ เดือน คือ วันศุกร์ เดือน ๑๒ ขึ้น ๖ ค่ำ ปีมะเส็ง พ.ศ. ๒๑๑๒ ได้สถาปนาสมเด็จพระมหาธรรมราชิราชเจ้า ขึ้นเป็นกษัตริย์ครองกรุงศรีอยุธยา องค์ที่ ๑๗ ทรงพระนามสมเด็จพระสรรเพชญ์ เมื่อพระมหาธรรมราชาขึ้นครองราชย์กรุงศรีอยุธยา ได้นำพระธิดา คือ พระสุพรรณกัลยานี ไปถวายให้กับพระเจ้าหงสาวดีในฐานะมเหสีของพระเจ้าหงสาวดี เพื่อแลกเปลี่ยน ขอพระนเรศวรกลับมากรุงศรีอยุธยาเพื่อช่วยในงานสงคราม และต่อมาได้เลื่อนขึ้นเป็นมหาอุปราช ให้พระนเรศวรขึ้นไปครองเมืองพิษณุโลกเมื่อปีมะแม พ.ศ. ๒๑๑๔ ด้วยวัยเพียง ๑๖ พรรษา วีรกรรมอันโดดเด่นของสมเด็จพระนเรศวร สมเด็จพระนเรศวรได้ออกสู้รบช่วยปกป้องกรุงศรีอยุธยามาหลายครั้ง จนกระทั่งในปีมะเส็ง พ.ศ. ๒๑๒๔ พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองสวรรคต มังเอิง(มังชัยสิงห์)ราชบุตรผู้เป็นมหาอุปราชขึ้นครองราชย์สมบัติ มีพระนามว่า พระเจ้านันทบุเรง และตรัสให้ราชบุตร มังสามเกลียด(มังกยอชวา)เป็นมหาอุปราช พระเจ้านันทบุเรงเสวยราชย์ใหม่ บ้านเมืองยังไม่ปรกติ เมืองรุมเมืองคังก็แข็งเมืองขึ้น สมเด็จ พระนเรศวรทรงทราบ จึงกราบทูลพระมหาธรรมราชารับอาสาออกไปร่วมรบในครั้งนี้ พระเจ้านันทบุเรงจึงได้จัดส่งไปครั้งนี้ ๓ กองทัพ ๑ กองทัพมังสามเกลียด(มังกยอชวา)มหาอุปราชเมืองหงสาวดี ๒. กองทัพพระสังกะทัต(นัดจินหน่อง) ซึ่งเป็นราชบุตรของพระเจ้าตองอู ๓ กองทัพของพระนเรศวร มหาอุปราชกรุงศรีอยุธยา ในการเข้าตีเมืองรุม เมืองคัง ได้แบ่งกองทัพเข้าคนละวัน วันแรกกองทัพของมหาอุปราชเข้าตีก่อน แต่แพ้แก่ชาวเมืองรุม เมืองคัง วันที่สองกองทัพของพระสังกะทัตเข้าตีเมืองเมืองรุม เมืองคัง ก็แพ้เช่นเดียวกัน พอถึงวันของพระนเรศวรเข้าตี แต่ได้รับชัยชนะ ยึดเมืองรุม เมืองคังได้ จับตัวเจ้าเมืองรุม เจ้าเมืองคัง มาเมืองหงสาวดี พระเจ้าหงสาวดีได้กล่าวคำชมเชยและพระราชทานบำเหน็จรางวัลถึงขนาด แล้วเสด็จกลับมาเมืองไทย สาเหตุที่ทำให้สมเด็จพระนเรศวรเสด็จมากำแพงเพชรหลายครั้ง พระเจ้าหงสาวดีเห็นถึงความสามารถของพระนเรศวร จึงคิดที่จะหาวิธีกำจัดพระนเรศวร โดยเริ่มปรับปรุงเส้นทางจากแม่สอด จนถึงเมืองกำแพงเพชร ให้ขุนนางนายทหารชื่อ นันทสู กับ ราชสังครำ(หรือราชสงคราม) คุมทหารกำกับพวกไทยใหญ่ จำนวน หนึ่งหมื่นคน เข้ามาตั้งยุ้งฉางอยู่ที่เมืองกำแพงเพชร ที่พระเจ้าหงสาวดีทำทางเข้ามาเมืองไทยครั้งนั้นเพื่ออ้างไว้บำรุงคมนาคม แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงถ้าไทยเอาใจออกห่างกำเริบขึ้นเมื่อใดก็จะยกทัพมาปราบได้ทันที เมื่อปีมะแม พ.ศ. ๒๑๒๖ เกิดกบฏที่เมืองอังวะ เป็นโอกาสที่พระเจ้านันทบุเรงคิดที่กำจัดสมเด็จพระนเรศวร พระเจ้าหงสาวดีคิดเป็นกลอุบายโดยแจ้งหนังสือ ให้ สมเด็จระนเรศวรไปช่วยปราบปรามเมืองอังวะ สมเด็จพระนเรศวรยกกองกับออกจากเมืองพิษณุโลกผ่านมาทางกำแพงเพชร ถึงตำบลวัดยม แล้วไปตั้งค่ายพักทัพที่หนองปลิงได้ ๓ วัน แล้วเดินทางไปหงสาวดีทางแม่สอด ขณะนั้นพระยากำแพงเพชร รายงานว่า พวกไทยใหญ่ที่อยู่ที่กำแพงเพชรหลบหนีพม่าไปทางเมืองพิษณุโลก สมเด็จพระนเรศวรทราบ สั่งให้ม้าเร็วไปบอกแก่ หลวงโกษา และข้าหลวงเมืองพิษณุโลก ให้ดูแลทุกด่านทั้งนครไทย เพชรบูรณ์ ไม่ให้ผ่านไป ให้ดูแลรักษาไว้ เมื่อพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองยกทัพไปตีเมืองอังวะ ในครั้งนี้คิดที่จะกำจัดพระนเรศวรด้วย จึงตรัสสั่งพระมหาอุปราชให้คุมพลอยู่หงสาวดี ถ้าพระนเรศวรเสด็จไปถึง ให้ต้อนรับแล้วคิดกำจัดเสีย เมื่อสมเด็จพระนเรศวรยกทัพไปถึงเมืองแครง พระมหาอุปราชจึงให้พระยามอญ ๒ คน คือพระยาเกียรติ และพระยาราม เป็นข้าหลวงมาคอยรับเสด็จพระนเรศวรที่เมือง แครง สั่งมาเป็นความลับเป็นไส้ศึกปนไปในกองทัพสมเด็จพระนเรศวร เมื่อได้โอกาสก็กำจัดเสีย พระยาเกียรติ พระยาราม ได้นำความลับไปแจ้งแก่พระมหาเถรคันฉ่อง ซึ่งเป็นพระอาจารย์ พระมหาเถรคันฉ่องทรงรักใคร่ชอบพอกันอยู่แล้ว จึงได้เล่าให้พระนเรศวรทรงทราบ พระนเรศวรทรงโกรธมากในการกระทำครั้งนี้ จึงสั่งให้แม่ทัพ นายกอง มาฟังเรื่องราวทั้งหมด แล้วทรงหลั่งน้ำจากเต้าทองคำลงเหนือแผ่นดิน ประกาศแก่เทพดาต่อหน้าที่ประชุม ว่า ตั้งแต่วันนี้กรุงศรีอยุธยาขาดทางไมตรีกับกรุงหงสาวดี มิได้เป็นมิตรกันดังแต่ก่อนต่อไป( เดือน ๖ ปีมะแม พ.ศ. ๒๑๒๗) เมื่อประกาศอิสรภาพแล้วก็ถามชาวมอญทั้งหลาย ชาวมอญพร้อมมาอยู่กับไทย แล้วให้พระยาเกียรติและพรยารามออกไปเล่าเรื่องราวให้ชาวหงสาวดีรู้ ยกทัพออกจากเมืองแครงเมือเดือน ๖ แรม ๙ ค่ำ ข้ามแม่น้ำสะโตงไปยังเมืองหงสาวดี พระมหาอุปราชาที่รักษาพระนคร รู้เรื่องสมเด็จพระนเรศวร ยกทัพกวาดครัวแล้วถอยทัพกลับไป ก็จัดทัพให้ สุรกรรมาเป็นกองหน้า พระมหาอุปราชาเป็นกองหลัง ยกทัพติดตามทันที่แม่น้ำสะโตง สมเด็จพระนเรศวรให้กองทัพที่ล่วงหน้ามาก่อนเดินทัพต่อไป แต่กองทัพของพระองค์ก็ตั้งรอข้าศึกที่ริมแม่น้ำสะโตง เมื่อกองทัพของสุรกรรมมาฝั่งแม่น้ำต่างก็ใช้ปืนต่อสู้กัน แต่แม่น้ำกว้างมาก จึงไม่ถึงฝั่ง แต่สมเด็จพระนเรศวรทรงยิงปืน นกสับ อย่างยาว ถูกสุรกรรมานายทัพหน้าของข้าศึกตายอยู่กับคอช้าง พวกรี้พลเห็นแม่ทัพตายก็พากันกลัวและยกกลับไปหงสาวดี เมือสมเด็จพระนเรศวรยกทัพกลับ ผ่านมาทางด่านเจดีย์สามองค์ผ่านกาญจบุรี (เพราะถ้าผ่านกำแพงเพชร ก็จะเจอกองทัพของพม่า) ถึงกรุงศรีอยุธยานำพระมหาเถรคันฉ่อง พร้อมทั้งญาติโยม รวมทั้งพระยาเกียรติ พระยารามตั้งบ้านเรือนในกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระนเรศวรปกป้องชาวกำแพงเพชร สมเด็จพระนเรศวรทรงทราบเรื่องราวที่กล่าวถึงพม่ามาตั้งกองทัพที่เมืองกำแพงเพชร ก็เสด็จกลับถึงเมืองพิษณุโลก หลวงโกษารายงานเรื่องราวทั้งหมดให้กับพระนเรศวร(มีหนังสือถึงเมืองพิษณุโลกให้คืนไทยใหญ่ให้กับพระนันทสู และราชสังครำ ถ้าไม่คืนให้ จะจับชาวกำแพงเพชรเป็นตัวประกัน) พระนเรศวรไม่ยินยอมคืนให้ และจะไม่ให้ชาวกำแพงเพชรต้องลำบาก ทรงสั่งให้พระยาไชยบูรณ์ ขุนพสี และพระหัวเมืองทั้งปวง เป็นทัพหน้า สมเด็จพระนเรศวรเสด็จไปในกองทัพหลวง ถึงเมืองกำแพงเพชร ไปขับไล่นันทสูและราชสังครำ ไปจากเมืองกำแพงเพชร ฝ่ายนันทสูกับราชสังครำ รู้ว่า พระนเรศวรเสด็จมากำแพงเพชร ก็รีบหลบหนีออกจากกำแพงเพชร สมเด็จพระนเรศวรทรงทราบ จึงตรัสสั่งให้ พระยาไชยบูรณ์ ขุนพสี และพระหัวเมืองทั้งปวงยกองทัพล่วงหน้าไป พระยาไชยบูรณ์ ขุนพสี ไล่ตามไปทันถึงตำบลแม่ระกา ต่างต่อสู้กัน และหลบหนีไปได้ ทางเมืองเชียงทอง สมเด็จพระนเรศวรนำชาวกำแพงเพชรไปดูแลที่กรุงศรีอยุธยา .ในคราวที่สมเด็จพระนเรศวรเกณฑ์คนหัวเมืองเหนือ(พิชัย สวรรคโลก สุโขทัย พิษณุโลก กำแพงเพชร พิจิตร ) ไปขับไล่นันทะสูและราชสังครำครั้งนั้น พระยาพิชัย และพระยาสวรรคโลกเป็นขบถ ได้ประหารทั้ง ๒ คน และสมเด็จพระนเรศววรให้ย้ายผู้คน(เทครัว)และพาหนะในเมืองพิษณุโลก เมืองสวรรคโลก เมืองสุโขทัย เมืองกำแพงเพชร เมืองพิจิตร เมืองเล็กน้อยทั้งนั้น ลงบรรทุกแพบ้าง เรือบ้าง แล้วแต่งเรือคุมเป็นหมวดเป็นกอง และแต่งกองทัพป้องกันทั้งสองฝั่งฟากน้ำลงมา จนถึงกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระนเรศวรก็เสด็จลงมาอยู่ที่กรุงศรีอยุธยาตั้งแต่ปีวอก พ.ศ. ๒๑๒๗ นั้น ครั้งสุดท้ายของชาวกำแพงเพชรที่มีโอกาสต้อนรับสมเด็จพระนเรศวรเคลื่อนทัพผ่านเมืองกำแพงเพชร เมื่อถึง ปีเถาะ พ.ศ. ๒๑๔๖ สมเด็จพระนเรศวรทรงทราบว่าพระเจ้าอังวะตั้งตัวเป็นใหญ่ในเมือง พม่าเหนือ ยกกองทัพไปเอาเมืองไทยใหญ่ที่ตั้งตัวเป็นอิสระได้แล้ว เลยบุกรุกเข้ามาตีเมืองนาย แลเมือง แสนหวีไทยใหญ่ซึ่งเป็นเมืองขึ้นของไทย เห็นว่าเมืองไทยใหญ่มีความสำคัญมาก ถ้าพระเจ้าอังวะ บังอาจบุกรุกได้เมืองไทยใหญ่ทั้งหมดแล้ว อาจจะมีกำลังถึงสามารถรวมอาณาเขตพม่าได้กลับตั้ง ประเทศหงสาวดีได้อีก และในช่วงเวลานั้น การบำรุงรี้พลมีความพร้อมเพรียง สมเด็จพระนเรศวรเห็น ควรจะปราบพระเจ้าอังวะเสียแต่ยังไม่ทันมีกำลังมาก สมเด็จพระนเรศวรเสด็จยกทัพหลวงออกจากกรุงศรีอยุธยา เมื่อวันพฤหัสบดี เดือนยี่ แรม ๖ ค่ำ ปีมะโรง พ.ศ. ๒๑๔๗เสด็จไปด้วยกันกับสมเด็จพระเอกาทศรถ ไปทางบก ผ่านเมืองกำแพงเพชร ขึ้นไปเมืองเชียงใหม่ ตั้งทัพหลวงอยู่ที่เมืองเชียงใหม่ได้ ๑ เดือน สมเด็จพระเอกาทศรถเสด็จไปทางเมืองฝาง สมเด็จพระนเรศวรทรงยกทัพหลวงไปทางเมืองหาง (หรือเมืองห้างหลวง) ตั้งทับหลวงอยู่ที่ตำบลทุ่งแก้ว ในขณะนั้นสมเด็จพระนเรศวรทรงพระประชวนเป็นหัวระลอกขี้น(บ้างว่าถูกตัวสัตว์พวกแมลงมีพิษต่อย) ที่พระพักตร์ แล้วเลยเป็นบาททะพิษจนพระอาการหนัก จึงตรัสสั่งให้ข้าหลวงรีบไปเชิญสมเด็จพระเอกาทศรถมาเฝ้า สมเด็จพระเอกาทศรถเสด็จมาถึงทันทรงพยาบาลได้ ๓ วัน สมเด็จพระนเรศวรเสด็จสวรรคตที่เมืองหาง เมื่อวันจันทร์ เดือน ๖ ขึ้น ๘ ค่ำ ปีมะเส็ง พ.ศ. ๒๑๔๘ พระชันษาได้ ๕๐ ปี เสวยราชสมบัติ ได้ ๑๕ ปี สมเด็จพระเอกาทศรถก็ยกทับหลวงจากเมืองหางโดยทางเรือถึงเมืองเชียงใหม่ ตั้งทัพหลวงที่เชียงใหม่ ๑ คืน แล้วเสด็จมาทางสุโขทัย มายังท่าเรือในเมืองกำแพงเพชร ในขณะนั้นเมืองไทรบุรี แต่งทูตให้ถือหนังสือและเครื่องบรรณการมาถวายถึงทัพหลวงที่เมืองกำแพงเพชร สมเด็จพระเอกาทศรถนำพระบรมศพของสมเด็จพระนเรศวรไว้ที่เมืองกำแพงเพชร ๑๕ วัน แล้วยกทัพกลวงนำพระบรมศพไปกรุงศรีอยุธยา อ้างอิง กรมศิลปากร. พระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา เล่ม ๑.สำนักพิมพ์คลังวิทยา.กรุงเทพฯ:๒๕๑๖ คณะกรรมการอำนวยการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี. ประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนา ภิเษก เล่ม ๓. กรุงเทพมหานคร : กรมศิลปากร, ๒๕๔๒. สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ. พระประวัติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช. กรุงเทพฯ: มติชน ๒๕๔๗ |