จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
พฤษภาคม 05, 2024, 08:05:43 pm *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
ยินดีต้อนรับสมาชิก และผู้เยื่ยมชมทุกๆท่าน
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องสั้น เรื่อง สุดท้ายก็อยู่กับตัวเอง โดย นางสาวไพลิน ควบพิมาย ครุศาสตร์ภาษาไทย มรภ.กพ  (อ่าน 3324 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
apairach
Administrator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1416


ดูรายละเอียด อีเมล์
| |
« เมื่อ: สิงหาคม 26, 2012, 05:32:26 pm »

         เสียงเจี้ยวจ้าวในห้องเรียนของโรงเรียนมัธยมชื่อดัง ที่ไม่ว่าใครๆก็อยากจะมาเข้าเรียนที่นี้ทั้งนั้น โรงเรียนอาจจะไม่ได้ไฮโซหรือต้องมีเงินมากๆเท่านั้นถึงจะเข้าเรียนได้ แต่โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนที่คัดระดับหัวกะทิ ทายาทไอน์สไตน์ มาเรียนรวมกัน แต่ตัวฉันไม่ได้เรียนเก่งอย่างที่พวกครูบาอาจารย์ทั้งหลายคาดหวังหลังจากที่มองจากใบหน้าที่แลดูจะสวย สดใสนี้ ฉันเรียนไม่เก่งเลยแม้แต่น้อยจะมีปัญญาสอบเข้าโรงเรียนระดับหัวกะทิ ทายาทไอน์สไตน์เรียนได้ยังไงกัน แต่ก็อย่างว่านี้คือเมืองไทย พ่อกับแม่ ฉันก็หาวิธีให้ฉันเข้าเรียนที่นี้จนได้นั่นแหละ ฉันเข้ามาเรียนที่นี้เพราะอยากจะดูเป็นเด็กเรียนในเครื่องแบบของโรงเรียนสุดกะทิรวมไอน์สไตน์ จะว่าสร้างภาพก็อาจจะเป็นแบบนั้น
       แต่ไม่ได้มีแค่นั้นหรอก เพราะ ?อันปัน? เพื่อนสาวสุดสนิทตั้งแต่สมัยอนุบาล เธอสอบเข้าที่นี้ได้ต่างหาก ถ้าหากฉันไปเรียนที่อื่นใครจะช่วยทำการบ้าน ทำรายงาน ทำแบบฝึกหัดให้ฉันละ เธอเป็นคนที่เรียนเก่งมาก ไม่รู้จะเก่งไปไหนจะเรียนเอาโล่เลยรึป่าวฉันก็ไม่แน่ใจ และเป็นเพื่อนสาวที่ดีที่สุดสำหรับฉัน ในเมื่อเธอสอบเข้าโรงเรียนนี้ได้ แต่ฉันสอบไม่ได้ ก็ต้องใช้วิธีอื่นละ สุดท้ายฉันก็ได้เข้ามาที่นี้โรงเรียนมัธยมที่แลจะฆ่าฉันทางอ้อมๆ ด้วยการเรียนที่โหด และหนัก ระยะเวลาหกปี ที่เธอช่วยประคับประคอง จนฉันจบ ม.6 ด้วยเกรดเพียงหนึ่งจุดแปด ซึ้งมันไม่ได้เป็นที่พอใจสำหรับ พ่อกับแม่ ฉันเลย เมื่อเทียบกัน เธอที่ได้เกรดทะลุถึง สามจุดแปดแปด แน่นอนเกรดรวมในการจบมัธยมมันมีผลต่อการเข้ามหาวิทยาลัยอยู่แล้ว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเพื่อนสาวสุดรักของฉันเธอติดมหาลัยที่โด่งดัง คณะที่เธอออยากเรียนคือ แพทย์ เธอเข้าได้โดยเพียงแค่ส่งเกรด
        ส่วนฉันแค่จะเข้าเรียนที่นั้นก็ว่ายากแล้ว ถ้าจะหวังเรียนแพทย์คงไม่มีปัญญา ฉันอ้อนวอนพ่อกับแม่ทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้เข้ามหาลัยนั้น ด้วยความที่สงสารฉัน หรือ ลำคาญก็ตามแต่ พ่อกับแม่ ช่วยให้ฉันเข้าไปเรียนที่นั้นได้ แต่เป็น คณะบริหาร คราวนี้ฉันต้องแยกจากเพื่อนสาวสุดรัก แล้วฉันจะทำยังไง ยิ่งคิดยิ่งเครียด ตั้งแต่เรียนมาฉันต้องพึ่งสมองของเธอตลอด แล้วคราวนี้ฉันจะทำยังไงกับรั้วมหาลัยที่มีแต่คนต่างถิ่น วันเข้าเรียนมหาลัยวันแรกเธอให้กำลังใจฉันก่อนที่เราจะแยกย้ายกันไปที่ตึกคณะของตัวเอง ฉันก้าวเข้าไปในห้องเรียนแล้วชะโงกหน้าดูเพื่อนใหม่ที่ฉันจะต้องนั่งเรียนด้วยที่นี่ตลอดสี่ปีในรั้วมหาลัย ทุกคนต่างทำความรู้จักกันอย่างสนุกสนานรวมทั้งฉันด้วย เพื่อนๆในห้องส่วนมากจะเป็นลูกคนรวย ทำตัวคุณหนูทำอย่างนี้ไม่เป็น ทำอย่างนั้นไม่ได้ มันยิ่งทำให้ฉันกลุ้ม ฉันเองก็ทำไม่เป็นเหมือนกัน อยู่กันนานๆเข้า เวลามีงานมาทีก็เกี่ยงกันที ยิ่งงานกลุ่มอย่าให้ได้พูดถึงเลยกว่าจะทำส่งกันได้เลื่อนแล้วเลื่อนอีกจนอาจารย์ขู่ว่าจะให้ติด F งานถึงจะได้ส่ง เป็นแบบนี้มาเรื่อยๆ บางทีฉันก็ให้อันปันช่วยทำบ้าง แต่ก็ไม่มากเหมือนตอนอยู่มัธยม เพราะเธอเองก็เรียนหนัก ฉันสงสารเพื่อน แต่เธอก็แสนดีเหลือเกิน ไม่ว่าจะช่วยฉันกี่ครั้งกี่หน เธอก็ไม่เคยปริปากบ่นสักคำ มีแต่จะสอนให้ฉันเป็นอีกด้วยซ้ำเพื่อนดีๆแบบนี้จะหาที่ไหนได้อีกบ้าง
        นับวันเวลาก็ผ่านไป ผ่านไป ผ่านไป จนฉันเรียนจบปริญญาตรีถึงเวลาที่จะต้องหางานทำช่วงที่เรียนก็มีไปฝึกงานบ้างแต่ก็อย่างว่าหละ เรียนบริหารก็เป็นแต่บริหารจะให้เริ่มมาเป็นลูกจ้างฉันเองก็คงไม่ทำ พ่อแม่ฉันไม่ได้ส่งเรียนบริหารเพื่อมาเป็นลูกจ้างนี่ แต่พอฉันขอ พ่อกับแม่ ให้ลงทุนทำกิจการเพื่อให้ฉันบริหาร ท่านกลับบอกฉันว่า ? ลองไปฝึกงานแล้วดูงานจากคนอื่นก่อนค่อยเปิดกิจการเป็นของตัวเอง? นั่นสิ! แล้วจะไปดูงานที่ไหน ถ้าไปดูงานเขาเขาก็คิดว่าเราไปลอกแบบร้านเขาละสิ ของแบบนี้มันไม่ใช่เรื่อง่ายเลย แม่ถามฉันว่าฉันจะบริหารกิจการอะไรถึงจะให้พ่อกับแม่ลงทุนให้ แล้วจะแน่ใจได้ยังไงว่าฉันจะไม่ทำกิจการล่ม เอาเงินของท่านไปละเลงเล่น ซึ่งฉันตอบในใจตัวเองได้เลยว่า ฉันยังไม่รู้ว่าจะทำกิจการอะไร ฉันแค่อยากมีงานทำอย่างเพื่อนๆ อันปันเอง ป่านนี้ก็ยังคงเรียนหมออยู่ เพราะระยะเวลาเรียนไม่เท่ากัน แต่เธอเรียนแพทย์จบมายังไงยังไงก็ต้องเป็นหมออยู่แล้ว
         แต่ฉันสิ มืดแปดด้านกิจการที่อยากจะบริหารก็ไม่มี คิดก็ไม่ออก พ่อบอกฉันเป็นนัยๆว่า ?ให้ไปหาแรงบันดาลใจด้วยตัวเองมาแล้วศึกษาด้วยตัวเอง ว่าชอบแบบไหน อยากทำอะไร แล้วลองทำก่อนว่าจะทำได้หรือป่าว? คำพูดของพ่อประโยคนี้แหละ ที่ทำให้ฉันปิ๊งไอเดีย ใช่! กิจการเป็นของฉัน ฉันจะทำอะไร ฉันจะต้องหาแรงบันดาลใจ ฉันรู้ว่าตัวเองโง่ แต่มารู้ตอนนี้เพิ่มคือ ฉันไม่ได้โง่อย่างเดียว แต่ฉันโง่มาก ตลอดชีวิตที่โตมา อันปันเป็นแรงบันดาลใจให้ฉัน เพราะอยากเก่งแบบเธอ แต่ฉันไม่เคยเป็นแรงบันดาลใจให้ตัวเองเลยได้แต่ตามคนอื่น พึ่งพ่อ พึ่งแม่ พึ่งเพื่อน ไม่เคยพึ่งตัวเองและ คราวนี้แหละ ฉันจะพึ่งตัวเองให้มากที่สุด
        ฉันเดินออกจากบ้านมาเดินเที่ยวในห้างใหญ่แห่งหนึ่งใกล้บ้าน เดินดูนู้นดูนี้ เห็นร้านขายเครื่องสำอางตกแต่งสีสันสดใส น่ารัก ดึงดูดลูกค้าดีจัง มิน่าละ คนถึงเข้าร้านได้ขนาดนี้ ฉันเดินไปเรื่อยๆ ร้านค้าหลายร้านตกแต่งร้านได้สวย บรรยากาศดี แค่เดินผ่านก็น่าเข้าไปในร้านเหลือเกิน ฉันเดินไปเรื่อยๆ รู้สึกคอแห้ง แวะเข้าร้าน ขายกาแฟสด นมสด และมีขนมเค้กหน้าตาน่ากินเลยแวะเข้าไปอุดหนุนสักหน่อย ฉันสั่งนมสดปั่นและเค้กนมสด นั่งกินไปก็นึกถึงแถวบ้านฉัน ที่บ้านเป็นหมู่บ้านจัดสรรหน้าหมู่บ้านมีนักเรียนนักศึกษา มานั่งเล่นเป็นประจำ ร้านขายกาแฟสด นมสด แบบนี้อาจจะดีไม่น้อย แถมที่ตรงนั้นเป็นที่ของพ่อกับแม่  แต่ตกแต่งร้านให้ดูสดใสน่ารัก ๆ บรรยากาศดีๆคงจะดึงดูดพวกเด็กๆ หรือวัยรุ่นไม่น้อยละ แต่ ฉันทำกาแฟสด นมสด และเค้กไม่เป็นนี่ มองๆไปเห็นป้ายประกาศรับพนักงาน เอาก็เอาวะ เวลานั้นฉันก็ตัดสินใจ สมัครเป็นพนักงานร้านกาแฟสดร้านนั้นซะเลย เวลาทำงานฉันก็จะให้พี่ที่อยู่ที่ร้านสอนทำวันละอย่างสองอย่าง บางทีก็เข้าไปดูเวลาเขาทำ ฉันเป็นพนักงานอยู่ในร้านนี้ และเรียนรู้การทำกาแฟ นมสด และเค้กต่างๆและกลับมาทำที่บ้านให้พ่อกับแม่ชิมทุกวัน จนฉันมั่นใจแล้วว่ารสชาติที่ฉันทำไม่ได้ผิดเพี้ยนไปรสชาติของเค้กแต่จะแตกต่างตรงหน้าตาของเมนูที่ฉันมักจะคิดค้นขึ้นมาใหม่เรื่อยๆ ฉันทำแบบนี้ทุกวันๆ เป็นเด็กเสิร์ฟ เด็กทำกาแฟ ทำเค้ก ฉันทำเป็นทุกอย่างในระยะเวลาหกเดือน
        ฉันจึงตัดสินใจละ ว่าจะลาออกจากร้านแล้วมาเปิดร้านเป็นของตัวเองสักที เป็นกิจการของตัวเองสักที และแน่นอนฉันทำได้ร้านที่ฉันออกแบบตกแต่งด้วยตัวเอง เครื่องดื่ม ขนม หรือแม้กระทั่งบรรยากาศ ฉันเป็นคนออกแบบเอง โปรโมชั่นเปิดร้านที่ดึงดูด ทำให้ฉันมีลูกค้าแวะเวียนมาทั้งขาจร และขาประจำ ถ้ามีเวลาว่าง พ่อแม่ และอันปันก็จะมาช่วยที่ร้านเสมอๆ มันเป็นสิ่งที่ภูมิใจนะสำหรับคนที่คอยพึ่งคนอื่นตลอดเวลาอย่างฉัน และฉันดีใจที่ฉันประสบความสำเร็จด้วยตัวเอง ด้วยสองมือของฉัน ฉันยังนึกๆดูตลอดเวลาว่า ไม่เสียดายที่วันนั้นฉันได้เดินออกไปหาแรงบันดาลใจ และยอมที่จะเป็นพนักงานในร้านขายกาแฟนั้น.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 27, 2012, 11:08:59 pm โดย apairach » บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.11 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!