จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
พฤษภาคม 05, 2024, 10:30:37 am *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
ยินดีต้อนรับสมาชิก และผู้เยื่ยมชมทุกๆท่าน
 
  หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
  แสดงกระทู้
หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7 8 ... 95
76  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / การครองตน ครองคน ครองงาน การครองตน ก็คือ การคุมครอง รักษา สรางเสริมชีวิตทั้งส เมื่อ: กันยายน 08, 2021, 03:49:36 pm
การครองตน ครองคน ครองงาน
การครองตน ก็คือ การคุมครอง รักษา สรางเสริมชีวิตทั้งสวนกายและสวนจิตใจ ใหมีคุณคามี
ประโยชน การครองตนนั้นมี๒ อยาง คือ
๑. ครองกาย
๒. ครองจิตใจ
ครองกายเริ่มตนจากปจจัย ๔
๑. เรื่องอาหาร รูจักกินและดื่มอาหารที่มีประโยชนตอรางกาย ถูกตองตามหลักโภชนาการ งดเวน
จากการกิน การดื่มสิ่งที่เปนพิษเปนภัยแกรางกายทุกอยาง กินรูจักประมาณ กินแกหิว มิไดกินแกความอยาก อยาก
อวด อยากเดน อยากดัง
๒. การนุมหม ก็ตองคํานึงถึงระเบียบ ประเพณีที่ดีงาม พอเหมาะพอควร เหมาะสมแกเวลาและ
สถานที่ไมเหอเหิมตามความโฆษณา รูจักประหยัดไมฟุมเฟอย อยาคิดวา ถาไมมีอยางเขา เราจะนอยหนา จึงไม
เพียงซื้อหามารทั้งๆที่ไมจําเปน
๓. เครื่องที่อยูอาศัย รวมทั้งเครื่องอุปโภคบริโภคตางๆ จัดหามาไวใชเทาที่จําเปน ไมใหเกินกําลัง
ของตน ถือภาษิตวา “นกนอยทํารังแตพอตัว”
๔. ยารักษาโรค เปนปจจัยสําคัญเหมือนกัน ยาสามัญประจําบานควรจัดไวถึงคราวจําเปนยามค่ํา
คืน เกิดอาการผิดปกติขึ้นมาจะไดหยิบใชได และถาหากเจ็บปวยขึ้นมา ก็ควรจะปรึกษาแพทย เพื่อบําบัดรักษา อยา
ไปคิดวินิจฉัยโรคเอาเองดวยการเดา บางมีเปนไมมาก แตเพราะคิดเอาเอง เกรางวาจะเปนโรคนั้นโรคนี้ เกิดความ
กลัวตายขึ้นมา ก็มีความทุกขเดือดรอน ทั้งๆที่หมอยังไมไดวินิจฉัยชี้บอก เราก็เปนหมอเดาเสียเอง บางคนเจ็บปวย
ขึ้นมา แทนที่จะไปปรึกษาหมอยาแตกลับไปหาหมอดูเกิด...ก็ยิ่งเพิ่มความทุกขใหตนเอง
ครองจิตใจ พระพุทธเจาตรัสวา จิตเปนนาย จิตเปนผูบังคับบัญชา เปนผูสั่งงาน เมื่อเราเขาใจผิด
เห็นผิด ก็ทําใหทําผิด พูดผิด คิดผิด ความเดือดรอนก็เกิดขึ้น แตเมื่อเราเห็นถูก เขาใจถูก ก็เปนเหตุใหทําถูก พูดถูก
คิดถูกตอง เปนความดีมีประโยชน นําความสุข เจริญมาสูตนเองและสวนรวม
การครองตนสวนจิตใจ เริ่มตนจากกอนนอน ทําวัตรสวดมนต ทําจิตใหเปนสมาธิ นั่งสมาธิ เปนผูมี
เหตุผลไมใชอารมณ มีความอดกลั้นอดทน มีเมตตากรุณาตอผูอื่น รูจักใหอภัย ระงับความโกรธไวใหได ไมผูกใจ
เจ็บ รูจักวางอารมณ ทั้งความรูสึกที่เรารอนหงุดหงิดวุนวาย ทําใจใหสบายๆ ตั้งจิตแผเมตตาวา จงเปนสุขๆ เถิด อยา
มีเวรมีภัยมุงรายตอกัน จงมีความอยูเย็นเปนสุขทุกรูปทุกนามเถิด แมเบื้องแรกใจมันไมยอม แตเราฝกบอยๆเขา
จิตใจจะมีความสงบ เย็นสบาย มีความสุขกายสุขใจ ผิวพรรณผองใส เปนที่รัก เคารพ นับถือของคนทั่วไป กลาวได
วา เปนคนมีเสนหทางธรรม นําความสุขมาใหผูอยูใกลไดคบคาสมาคม

การครองคน
ชีวิตมนุษยที่เกิดมา มิไดอยูคนเดียวเดี่ยวโดด จําเปนจะตองมีความผูกพันกับผูอื่น เริ่มตนจากพอแม
ปูยา ตายายและญาติมิตร ซึ่งลวนแลวก็ตางจิตตางใจ ตางวัยตางเพศ ตางความคิด ตางอาชีพการงาน ถาไมมีสิ่ง
ประสานจิตใจ ยอมเกิดทุกขโทษเวรภัยได
ฉะนั้นจึงจําเปนที่เราจะตองอาศัยธรรมะ เปนการครองใจกันและกันเอาไว เริ่มตนจากตั้งความ
ปรารถนาดี มีความเมตตาปราณี เห็นอกเขาอกเรา ไมเปนคนใจแคบเห็นแกตัว รูจักเสียสละ แบงปนสิ่งของเพื่อผูอื่น
เห็นแกประโยชนสวนรวม เพราะผูใหยอมเปนที่รักนับถือของผูรับ โลกของเราจะอยูเย็นเปนสุขไดก็เพราะการ
สงเคราะหชวยเหลือกันนี่แหละ
จะพูดจาพาที ก็ตั้งจิตประกอบดวยเมตตา หวังประโยชนตอผูฟง พูดความจริง ออนหวาน สมาน
สามัคคี ไมหยาบคายหรือเหลวไหล อยาดูถูกดูหมิ่นผูอื่น ไมยกตนขมทาน ใหเกียรติแกคูสนทนา เปดโอกาสใหคน
อื่นพูดบาง อยาเปนคนอวดรูพูดไมหยุด ยินดีรับฟงและตั้งใจฟงเมื่อคนอื่นกําลังพูด รูจักเวลาและสถานที่ เราควรจะ
พิจารณาวา เรากําลังพูดกับใคร พูดอยางไร พูดเพื่ออะไร ที่ไหน เหมาะสมหรือไม พูดใหกําลังใจแกบุคคลที่กําลัง
ประสบปญหาเกิดความทอแท แนะอุบายวิธีเพื่อการดํารงชีวิตอยูอยางถูกตองมีประโยชน ไมพูดซ้ําเติมผูบกพรอง
ผิดพลาด มีจิตเมตตารกรุณาตอเขาเหลานั้น หาทางชวยเหลือสงเคราะหตามกําลังความสามารถของตน
คราวใด ไดรูไดเห็นทานผูทําความดี มีความสําเร็จในหนาที่การงาน ก็แสดงความยินดีดวยวาจา
หรือพลอยยินดีดวยจิตใจ ไมอิจฉาริษยา ไมนินทาวารายใคร แมตนเองทําไมได ทําไมถึง ก็พึงวางใจเปนกลางๆ คิด
เอาอยางทานผูที่ผานความสําเร็จนั้นๆ มาแลว
การปรารภถึงคุณความดีของผูอื่นทั้งตอหนาและลับหลัง ถือวาเปนการใหกําลังใจและใหเกียรติแก
ผูที่เราพูดถึง แนวตรงกันขาม ถาเราพูดถึงความบกพรองผิดพลาดของผูอื่น ถือวาเปนการทําลายเกียรติศักดิ์ศรีของ
เขา ทําใหเขาหมดความเคารพนับถือได ดังที่ทานพุทธทาสภิกขุกลาวไววา
เขามีเลวอยูบางชางหัวเขา จงเลือกเอาสิ่งที่ดีเขามีอยู
เปนประโยชนแกโลกบางยังนาดู สวนที่ชั่วอยาไปรูของเขาเลย
ความเปนคนรูจักออนนอมถอมตน มีความเคารพนับถือตอผูใหญ มีความเอื้อเฟอเผื่อแผปรารถนา
ดีตอผูนอย คอยชี้แนะใหกําลังใจในการสรางคุณงามความดี มีประโยชน ชี้โทษที่บกพรองที่ควรงดเวน ดวยจิต
เมตตา ไมเยอหยิ่งทะนงตน มองเห็นคนเปนคนเหมือนกัน จึงพอจะกลาวไดวา เปนการครองคน...

การครองงาน
การทํางานทุกชนิด จําเปนจะตองอาศัยปจจัยหลายอยางสนับสนุน งานนั้นๆจึงจะสําเร็จลงดวยดีมี
คุณคา มีประโยชนการทํางานจะตองมีความขยันหมั่นเพียรอดทน การฝกฝนใหมีความชํานาญ สรางความพอใจใน
งาน รูจักรับผิดชอบในหนาที่นั้นๆ พิจารณาตรวจตราดูบอยๆ สิ่งใดที่เห็นวาบกพรองก็ตองรีบแกไข สิ่งใดเปนความ
ถูกตองดีงาม ก็ภูมิใจรักษาคุณภาพนั้นไวดําเนินตอไป และเปนผูยินดีรับฟงความคิดเห็นจากผูอื่น เพราะคนเรามองดู
ตัวเองไมเห็นหมด แตคนอื่นมองเราเห็นตลอดทั้งสวนกาย สวนการงานและกิริยามารยาท ผูที่ใหขอคิดแกเรายอม
เปนผูหวังดีตอเรา มิฉะนั้นเขาจะเฉยเสีย ปลอยตามเรื่อง ตัวใครตัวมัน แมเขาเห็นเราวาทําอะไรบกพรองแทนที่จะ
เมตตาชี้ทาง เขากลับยุใหเราถลําตัวลงไปมากกวานั้นจนถอนไมขึ้น กวาจะรูสึกตัวก็สายเสียแลว ฉะนั้นเราควรฟง
ความคิดเห็น ขอแนะนําของผูอื่นบาง พระพุทธองคยังตรัสไววา “พึงมองทานผูชี้โทษ ความบกพรองของเรา
เหมือนผูบอกขุมทรัพยให”
การติเพื่อกอยอมเปนบอเกิดแหงความถูกตองดีงาม มีทานผูรูกลาววา การสรางพระพุทธรูปจะได
สวย มีลักษณะงาม ถูกตองตามพุทธลักษณะนั้น ตองอาศัยชางติที่ฉลาด ตองเชิญทานมาติใหวาตรงนั้นๆ ควรจะ
แกไขอยางนั้นๆ ตรงนี้ควรจะแกไขอยางนี้บางทีตองลงทุนไปออนวอนหรือจางใหมาติให จึงไดพระพุทธรูปที่งาม
ถูกตองลักษณะ หลวงพอชาเคยพูดวา “คํานินทามีคากวาคําสรรเสริญ” เพราะคํานินทาจะทําใหเราระวังตัว ตรวจ
ตราดูตัวเอง ถาเห็นวาไมถูกไมควรก็รีบแกไข เรียกวาทําใหดีเสมอตัวและดียิ่งขึ้น สวนคําสรรเสริญนั้น อาจทําเราลืม
ตัว หยิ่งผยองลําพอง นึกวาตัวดีตัวเดนแลว เรียกวามีคาเสมอตัวและต่ําลงไป ขาดความระมัดระวังตนเอง อาจจะ
ไดรับภยันตรายในภายหลังได
การทํางานจะตองเปนผูที่ ตรงตอเวลา
ตรงตอหนาที่ และ
ตรงตอบุคคล
คนเราถาเปนคนตรงตอเวลา ทํางานอะไรก็เปนชิ้นเปนอัน ไมโยกโยโอเอ มาทํางานสายๆ แตเวลา
กลับกับกลับกอนเวลา หรือจองแตจะถึงเวลา ทําใหการงานไมเจริญ เขาเรียกวา “มาแบบไทย ไปแบบฝรั่ง” การ
งานมีแตพังกับพัง ยิ่งเรานัดหมายอะไรกับใครไว ถามาไมตรงเวลาก็ทําใหเกิดความเสียหาย ขาดความเคารพนับถือ
จากผูอื่น ถาทําสัญญาคาขายก็ตองถูกปรับ ไดรับแตความขาดทุน
การไมตรงตอหนาที่ก็ทําใหงานเสียหาย ไมรับผิดชอบในหนาที่ เรามีหนาที่อยางนี้กลับไปทําอยาง
โนน ทําไมตรงกับหนาที่มอบหมาย ยอมทําใหงานเสียหาย การเปนคนเหลาะแหละ โลเลใชไมได ขาดความเชื่อถือ
เขาเรียกวา “มีหนาที่กออิฐ แตกลับไปเผาถาน”
การตรงตอบุคคลก็คือ งานของเราขึ้นตรงตอผูใด ก็เอาใจใส ทําใหเต็มที่ มีความเคารพนับถือในผู
นั้น มีความออนนอมถอมตน รูจักกาลเทศะ ไมอวดดีตีเสมอ ไมเปนคนหนาไหวหลังหลอก รูจักที่ต่ําที่สูง พยายาม
ทําใหอะไรพอเหมาะพอควร ตั้งจิตตั้งใจทํางานดวยความขยันหมั่นเพียร ไมเปนคนประจบสอพลอ ไมเอาเปรียบ
ผูอื่น ไมโกงเอาผลงานของผูอื่นวาเปนของตน...

ถาเปนผูใหญก็ไมเอาเปรียบผูนอย เห็นใจมีเมตตา ใหอภัยตอผูนอย มีความเอื้อเฟอเจือจุล คราวใด
ผูนอยเกิดความขัดของมีความขัดสน ก็สงเคราะหดวยปจจัย ๔ ใหกําลังใจ ใหขอคิด ใหคําแนะนํา เปนที่พึ่งของ
ผูนอยได ไมดูถูกเหยียดหยามหรือบีบบังคับใชอํานาจบาตรใหญ มีจิตประกอบดวยเมตตากรุณา ปรารถนาดี มีแตจะ
เพิ่มพูนความสามัคคี มีความเคารพนับถือและเห็นใจกัน
พระพุทธองคตรัสสอน การทํางานไว๓ อยาง คือ
๑. ประพฤติใหเปนประโยชนตอตนเอง
๒. ประพฤติใหเปนประโยชนตอญาติมิตร
๓. ประพฤติใหเปนประโยชนตอชาวโลก
พระพุทธองคไดทรงประพฤติใหเปนประโยชนตอพระองคเอง ตอพระญาติและมิตร ตอชาวโลก
มาดวยการเสียสละอยางใหญหลวง เปนการเสียสละที่ยากจะมีผูเสมอเหมือน จึงเปนตัวอยางที่ดี เปนที่เคารพ
สักการะของพุทธศาสนิกชนทั่วไป ธรรมะที่พระองคตรัสสอนกระจายออกไปเปนวงกวาง เพื่อวาไดยอมนําความ
สงบสุขรมเย็นมาสูหมูมนุษยและสัตวมากขึ้นเพียงนั้น ผูปฏิบัติตามยอมไดรับผลอันสมควรแกการปฏิบัติ มีทานผูรู
กลาวไววา คาของคนอยูที่การทําประโยชน ทําประโยชนนอยก็มีคานอย ทําประโยชนปานกลางก็มีคาปานกลาง ทํา
ประโยชนสูงสุดก็มีคาสูงสุด ดังนั้นการครองงานที่ดีก็คือการทําประโยชนที่ดี มีคุณคานั้นเอง
สรุปแลว การครองตน ครองคนและครองงาน ลวนแตเปนการครองความเปนคนดี ไดแกรูจักเหตุ
รูจักผล รูจักตน รูจักประมาณ รูจักกาลเวลา รูจักสังคม รูจักบุคคลที่ควรคบ รวมแลวความเปนผูรูดังกลาวมา ยอม
กลาวไดวาเปนผูมีสมบัติของคนดีนั่นเอง จึงขอเชิญชวนทานผูอานทั้งหลาย ไดพิจารณาหาทางครองสมบัติของคนดี
ไวได ยอมชื่อวา เปนการครองตน ครองคนและครองงานที่ถูกตองสมบูรณ เพิ่มพูนไปดวยประโยชนนานาประกา
77  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / นครชุม เมื่อ: สิงหาคม 09, 2021, 09:31:15 pm
รอบรู้เรื่องเมืองนครชุม
นครชุมดินแดนที่มีตำนานและทรงคุณค่า ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายที่น่าจดจำ ครูมาลัย ชูพินิจ นักประพันธ์เอก ผู้สร้างสรรค์นวนิยาย ที่โด่งดัง ฉายา “สุภาพบุรุษแห่งคลองสวนหมาก” นำเรื่องราวของวิถีชีวิตหรือตำนานไปเป็นแรงบันดาลใจในการประพันธ์นวนิยายที่มีชื่อเสียงอยู่หลายเรื่อง  จึงการันตีได้ว่าชุมชนนครชุมมีเรื่องราวที่น่าสนใจมากมาย

นครชุม
      “นครชุม” เป็นตำบลเล็กๆ ในอำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร ที่มีประวัติยาวนานหลายร้อยปี มีโบราณสถานและโบราณวัตถุปรากฏเป็นหลักฐานอย่างมากมาย เมืองนครชุมอยู่ติดลุ่มแม่น้ำปิง ซึ่งมีลำคลองที่สำคัญคือ “คลองสวนหมาก”  เนื่องจากนครชุมในอดีตเป็นเมืองค้าขาย โดยเฉพาะค้าไม้และของจำเป็นอื่นๆ จึงมีทั้งพ่อค้าและแรงงานจากต่างถิ่นหลากหลายชนชาติทั้ง ไทย จีน กะเหรี่ยง มอญ และลาว ทำให้มีวัฒนธรรมที่หลากหลาย นอกจากนั้นยังมีประวัติเล่าขานมากมาย มาเป็นนวนิยาย เรื่อง ทุ่งมหาราชครูมาลัย ชูพินิจ” ได้นำบรรยากาศของเมืองนครชุมและประวัติศาสตร์ของเมืองนครชุมมาเป็นฉากหลัง พร้อมกับหยิบเรื่องราวของ “พะโป้” ชาวกะเหรี่ยงผู้ได้รับสัมปทานไม้แห่งเมืองกำแพงเพชร ที่มาตั้งบ้านเรือนที่บริเวณปากคลองสวนหมาก ซึ่งเคยมีชีวิตอยู่จริงมาเป็นตัวละครในนวนิยายที่แต่งขึ้น      ทำให้นวนิยายเรื่องทุ่งมหาราช ฉายภาพชีวิต ของชาวบ้านปากคลองโดยเฉพาะทิดรื่น หรือขุนนิคมบริบาลผู้นำชาวบ้านปากคลอง  ได้อย่างชัดเจนที่สุดในสมัยของ ช่วงหนึ่งร้อยกว่าปีที่ผ่านมา
ประวัติ
ตำบลนครชุมตั้งอยู่บนที่ราบลุ่มบริเวณปากคลองสวนหมากทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำปิง อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร จากจารึกหลักที่ 3 ในต้นพุทธศตวรรษ ที่ 19 (1900) บ้านนครชุมมีชื่อเรียกว่า “นครพระชุม” เป็นเมืองสำคัญในสมัยสุโขทัย ความสำคัญของเมือง ”นครพระชุม” เห็นได้จากการที่พระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไท) ทรงปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่วัดพระมหาธาตุโดยนำหน่อมาจากศรีลังกา และอาจจะทรงสร้างเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ อย่างน้อย 1 ในจำนวน 3 องค์ ซึ่งบรรจุพระบรมสารีริกธาตุแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไว้ภายในเจดีย์นั้น เมื่อครบรอบดิถีแห่งมาฆปูรณมี (เพ็ญเดือนสาม) พระองค์และเหล่าโยธาทวยหาญบริพารบรรดามี เสด็จยังวัดพระมหาธาตุเมืองนครพระชุม เพื่อประกอบกรณียกิจทางศาสนา
ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 8 (2468)  ได้มีการเปลี่ยนชื่อจากเดิม บ้านปากคลองสวนหมาก เป็นบ้านนครชุม ซึ่งปัจจุบันเป็นหนึ่งในตำบลของจังหวัดกำแพงเพชร เป็นเมืองเก่าแก่ที่มีศิลปวัฒนธรรม ที่สืบทอดและผสมผสานความเป็นอยู่ของคนมอญ คนลาว พม่า กะเหรี่ยง จีน ไทย และคนในพื้นที่ไว้ด้วยกันอย่างแนบแน่น ผู้คนดำเนินชีวิตตามปกติในเมืองโบราณที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ผู้คนอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขด้วยสภาพของบ้านช่องที่ยังหลงเหลือให้ได้ชมและบรรยากาศโดยรวมยังมีกลิ่นอายของอดีตอยู่ไม่น้อย

สถานที่ท่องเที่ยว
ชุมชนนครชุมมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามหลายแห่งขอรับประกันได้เลยว่าทุกท่านจะตื่นตาตื่นใจกับความงามอย่างไร้ของสถาปัตยกรรมที่ทรงคุณค่าและควรค่าแก่การรับชมอย่างยิ่ง

ตลาดย้อนยุคนครชุม
ตลาดย้อนยุคนครชุมเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของชาวนครชุม โดยจะจัดขึ้นทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ในสัปดาห์แรกของทุกเดือน เวลา 15:00 - 21:00 น. โดยตลาดนั้นจะถูกจำลองให้เป็นแบบย้อนยุคที่ชวนให้นึกถึงบรรยากาศเก่าๆของตลาดซึ่งเคยเป็นศูนย์กลางการค้าย่านธุรกิจที่มีการค้าขายเจริญรุ่งเรืองครั้งในอดีตเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการค้าขายให้แก่คนในพื้นที่ เหล่าพ่อค้าแม่ขายจะแต่งกายแบบย้อนยุค และขายอาหารพื้นบ้านแบบดั้งเดิมให้ได้ลองชิมอีกด้วย อีกทั้งยังมีศิลปหัตถกรรม อาทิเช่น การจักสานไม้ไผ่ ให้ได้เยี่ยมชม นอกจากนั้นแล้วภายในตลาดจะมีการละเล่นพื้นบ้าน การประกวดร้องเพลงไทยลูกทุ่ง ตลอดจนการบรรเลงดนตรีเครื่องสายหรือบรรเลงดนตรีไทย เพื่อปลูกฝังคนรุ่นใหม่ให้อนุรักษ์และสืบสานขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมของชาวนครชุมให้คงอยู่สืบต่อไป


บ้านห้างฯโบราณ สมัยรัชกาลที่ ๕
   เมื่อพูดถึงสถาปัตยกรรมที่ขึ้นชื่อของตำบลนครชุม บ้านห้างฯโบราณ สมัยรัชกาลที่ ๕ จัดได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่มีความสำคัญและเต็มไปด้วยเรื่องราวที่สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตของชาวบ้านนครชุม รวมไปถึงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของตำบลนครชุมเลยก็ว่าได้
   บ้านห้างฯโบราณ สมัยรัชกาลที่ ๕ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “บ้านห้างร. ๕”, “บ้านห้างล่ำซำ”, “บ้านผีสิง”, “บ้านห้างพะโป้”, และมีชื่อเรียกอีกมากมาย เป็นบ้านของคหบดีทำสัมปทานไม้ชาวกระเหรี่ยงนามว่า “พะโป้” ที่ได้ซื้อต่อมาจากพระยาราม เจ้าเมืองกําแพงเพชร เพื่อใช้เป็น สำนักงานบริหารกิจการไม้ ควบคุมเส้นทางการชักลากไม้ออกจากป่าคลองสวนหมาก แล้วลําเลียงผูกเป็นแพ ล่องลงไปยังนครสวรรค์อันเป็นชุมทางการค้าไม้ที่สำคัญในเขตภาคเหนือตอนล่าง โดยตัวบ้านนั้นเป็นรูปแบบอาคารไม้ ๒ ชั้น ในอดีตรูปอาคารเป็นทรงตัวยู แต่ในปัจจุบันได้มีบางส่วนปรักหักพักลงจึงคงเหลือไว้ให้เห็นเป็นอาคารไม้เดี่ยวเท่านั้น ซึ่งชั้นล่างสูงกว่าบ้านทั่วไปและยกพื้นพ้นดินขึ้นมามากกว่า ๑ วา สร้างด้วยไม้สักเกือบทั้งหลัง รูปแบบไทยผสมตะวันตก ประตูเป็นไม้ ฉลุลายอย่างละเอียด ประณีต ระเบียงชั้นบนล้อมรอบอาคาร ซึ่งสามารถที่จะเดินได้รอบตัวอาคาร บริเวณเชิงชายประดับด้วยไม้ฉลุลาย เสา ชายคา และลูกกรงเป็นรูปแบบงานกลึง ดูอ่อนช้อย สวยงาม เหมือนบ้านพักตากอากาศและคล้ายราชวังทางตะวันตก ซึ่งปัจจุบันบ้านหลังนี้มีอายุมากกว่า ๑๐๐ ปีแล้ว
   ครั้นเมื่อสมัยรัชกาลที่ ๕ เสด็จประพาสต้นเมืองกำแพงเพชร ก็ได้เสด็จเยือน ณ บ้านห้างหลังนี้จึงเป็นที่มาของชื่อที่เรียกว่า “บ้านห้างร.๕” ซึ่งจะปรากฏอยู่ในพระราชนิพนธ์ในจดหมายเหตุการเสด็จประพาสต้นครั้งที่ ๒ ของพระพุทธเจ้าหลวง
   บ้านห้างฯโบราณ สมัยรัชกาลที่ ๕ เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่หากใครมาเที่ยวนครชุมแล้วไม่ควรพลาดที่จะมาเยี่ยมชม เพราะสถานที่แห่งนี้นับว่าเป็นสถานที่ที่ทรงคุณค่า และควรค่าแก่การอนุรักษ์ เพื่อเป็นเอกลักษณ์และสัญลักษณ์ ที่สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตและตัวตนของคนนครชุม

ป้อมทุ่งเศรษฐี
             ป้อมทุ่งเศรษฐี เมืองกำแพงเพชร เป็นป้อมนอกเมืองกำแพงเพชรอยู่คนละฝั่งแม่น้ำปิงและตัวเมือง การก่อสร้างสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบยุโรป คาดว่า เป็นชาติโปรตุเกส มาสร้างให้ โดยการขน ศิลาแลง มาจากฝั่งกำแพงเพชร มาทำป้อมปราการที่ทันสมัยและแข็งแกร่งที่สุดในสมัยนั้น
โดยตัวป้อมทุ่งเศรษฐีนั้น ตั้งอยู่บนถนนพหลโยธินริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๐๑ ก่อนถึงตัวเมืองกำแพงเพชรเล็กน้อยและอยู่นอกเมืองนครชุมทางด้านทิศใต้ เป็นโบราณสถานขนาดใหญ่จะเห็นได้ว่ามีกำแพงศิลาแลงเป็นป้อมและมีใบเสมาเหลืออยู่ ป้อมนี้ก่อด้วยศิลาแลงกว้าง ๘๓.๕ เมตร มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส สูงประมาณ ๖ เมตร ตรงกลางแต่ละด้านมีช่องประตูเข้า – ออกบริเวณกึ่งกลางป้อมทั้ง ๔ ด้าน ทางด้านในก่อเป็นเชิงเทินพอเดินหลีกกันได้ ตรงฐานป้อมใต้เชิงเทินเป็นห้องมีทางเดินต่อกันได้ มีช่องมองอยู่ติดกับพื้นที่ก่อด้วยศิลาแลง กำแพงด้านนอกก่อเป็นผนังสูง ตอนบนสุดของกำแพงก่อเป็นรูปใบเสมา ใต้ใบเสมาทุกใบมีช่องซึ่งอาจจะใช้เป็นช่องปืน ส่วนตรงมุมกำแพงทั้ง ๔ มุม ทำเป็นป้อมรูปสี่เหลี่ยมยื่นออกมา ตอนล่างของแนวกำแพงมีช่องกุดทำเป็นวงโค้งมียอดแหลม ป้อมทุ่งเศรษฐีมีการก่อสร้างป้อมนี้ให้มีความมั่นคงมาก แต่ด้านทิศเหนือถูกรื้อออกไปด้านหนึ่ง จึงเหลือเพียง ๓ ด้าน บริเวณนี้มีวัดเก่าแก่หลายวัด เช่น วัดหนองพิกุล วัดซุ้มกอ วัดหนองลังกา เป็นต้น และที่สำคัญเป็นบริเวณที่พบพระเครื่องเลื่องลือว่าเป็นที่ขึ้นชื่อของเมืองกำแพงเพชร เช่น พระซุ้มกอ ลีลาเม็ดขนุน ทุ่งเศรษฐี หรือกำแพงเขย่ง ปัจจุบันกำแพงเหลืออยู่เพียงบางส่วน โดยบางส่วนนั้นได้ถูกรื้อออกเพื่อนำไปถมตลิ่งหน้าวัดพระบรมธาตุเจดียาราม เมื่อครั้งบูรณะพระบรมธาตุเจดีย์ ป้อมทุ่งเศรษฐีนี้ยังเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่มีการค้นพบพระเครื่องที่มีชื่อเสียงของป้อมทุ่งเศรษฐีอีกด้วย หลังรอดจากการรื้อเพราะมีการก่อสร้างถนน ผ่านป้อมอย่างหวุดหวิด เพราะทุกคนเห็นความสำคัญของป้อมทุ่งเศรษฐีแห่งนี้ ถ้าท่านผ่านมาลองเข้าไปชมความยิ่งใหญ่ และแข็งแกร่งของป้อมนี้ ท่านจะมีความภูมิใจเป็นอย่างมาก

วัดเจดีย์กลางทุ่ง
วัดเจดีย์กลางทุ่งถูกสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 18-19 เดิมทีวัดนี้เป็นวัดที่ไม่มีชื่อ แต่ด้วยจุดเด่นของวัดนี้คือเจดีย์อันสูงใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในใจกลางของวัด ชาวบ้านจึงเรียกวัดนี้ว่า วัดเจดีย์กลางทุ่ง ซึ่งเจดีย์ของวัดนี้ได้รับอิทธิพลมาจากอาณาจักรสุโขทัยซึ่งเป็นเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ หรือ ทรงดอกบัวตูม บริเวณรอบๆ ของเจดีย์มีวิหารตั้งอยู่ ซึ่งปัจจุบันนี้วิหารได้พังทลายจนสิ้นจึงเหลือเพียงแค่เจดีย์องค์เดียว และยังมีคูน้ำขนาดใหญ่อยู่ล้อมรอบทั้ง4ด้าน เรียกว่า อุทกสีมา อีกทั้งยังมีลานที่เรียกว่าลานประทักษิณที่กว้างใหญ่สามารถทำศาสนพิธีได้อย่างสะดวกสบายอยู่บริเวณรอบๆของเจดีย์อีกด้วย บริเวณฐานของเจดีย์มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมเรียงซ้อนลดหลั่นลงมาอย่างสวยงามรับกับฐานบัวแก้วและอกไก่ได้อย่างลงตัว ในส่วนของยอดเจดีย์คาดการณ์ว่าได้หักลงมาแต่ยังคงไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด นับได้ว่าเจดีย์ของวัดนี้เป็นสัญลักษณ์ของเมืองนครชุมเลยทีเดียว แต่ทว่าปัจจุบันนี้ความเจริญได้มาทำให้ความงดงามของวัดสูญเสียไปมากทีเดียว

วัดพระบรมธาตุนครชุม
   วัดพระบรมธาตุนครชุม ตั้งอยู่ใน อำเภอเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร ถูกสร้างขึ้นมาพร้อมกับเมืองนครชุมเป็นวัดประจำเมือง ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดภายในวัดก็คือ พระบรมธาตุนครชุม มหาเจดีย์ทรงสูงใหญ่ งดงามงามไปด้วยสถาปัตยกรรมและสีทองอร่ามทั้งองค์เสมือนดั่งแบบ เจดีย์ชเวดากอง ในประเทศพม่า ภายในพระบรมธาตุเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุจำนวน ๙ องค์ ซึ่งชาวกำแพงเพชรมีความศรัทธาและความเชื่อต่อองค์พระธาตุดังจารึกที่ว่า "ผิผู้ใดได้ไหว้นบกระทำบูชาพระศรีรัตมหาธาตุและพระศรีมหาโพธิ์นี้ว่าไซร้ มีผลอานิสงส์พร่ำเสมอดังได้นบพระผู้เป็นเจ้า"
พระบรมธาตุเจดีย์อยู่คู่เมืองกำแพงเพชรมาตั้งแต่สมัยเป็นเมืองนครชุมยาวนานกว่า ๖๐๐ ปี ตามข้อมูลทางประวัติศาสตร์ได้บันทึกไว้ว่า แต่เดิมนั้นเจดีย์เป็นทรงพุ่มข้าวบิณฑ์(ทรงดอกบัว)สามองค์ตั้งอยู่บนฐานเดียวกัน เมื่อปี พ.ศ. ๑๙๐๐  พระธรรมราชาที่ ๑(ลิไท) เสด็จมาเมืองนครชุม ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ และปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ มาประดิษฐานในเมืองนครชุม  ในปี พ.ศ.๒๔๑๔ มีคหบดีชาวพม่าซึ่งมีอาชีพค้าไม้ชื่อ พระยาตะก่า(แซงพอ) ที่มีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาได้ขอราชานุญาตรื้อพระเจดีย์องค์เดิมและสร้างพระเจดีย์ทรงมอญครอบแทนพระเจดีย์เดิมทั้งสามองค์ แต่ไม่แล้วเสร็จ อีกทั้งในปี พ.ศ.๒๔๑๘ พระยาตะก่าถึงแก่กรรม การปฏิสังขรณ์จึงถูกชะงักไป  พ.ศ.๒๔๔๗ พะโป้ น้องชายพระยาตะก่า ได้ทำการบูรณะต่อและได้นำยอดฉัตรมาจากพม่าขึ้นประดิษฐานบนยอดพระเจดีย์พระบรมธาตุ ในปี พ.ศ.๒๔๔๙  ดังนั้นพระเจดีย์จึงคงอยู่คู่เมืองนครชุมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน


วัดสว่างอารมณ์
 
 วัดสว่างอารมณ์ เป็นวัดเล็ก ๆ มีความเงียบสงบและงดงามเป็นอย่างมาก ตั้งอยู่บริเวณปากคลองสวนหมาก เป็นวัดที่สร้างขึ้นด้วยศิลปะแบบพม่าผสมไทย โดยพ่อค้าชาวพม่า ภายในวัดมีปูชนียวัตถุที่สำคัญ คือ หลวงพ่ออุโมงค์ พระพุทธรูป สมัยเชียงแสน ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของ จ.กำแพงเพชร พุทธลักษณะงดงาม บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ระหว่าง เมืองกําแพงเพชรและอาณาจักรล้านนาในอดีต โดยประดิษฐานอยู่ภายในพระวิหาร
     จากคำบอกเล่าได้กล่าวว่า ได้พบหลวงพ่ออุโมงค์ ในบริเวณเนินดินลักษณะคล้ายจอมปลวก ซึ่งชาวบ้านได้ขุดและพบเจอโดยบังเอิญ โดยปรากฏลักษณะเหมือนประดิษฐานอยู่ภายในอุโมงค์ จึงเป็นที่มาของชื่อ หลวงพ่ออุโมงค์ เมื่อถึงวันเพ็ญเดือน 4 ชาว จังหวัดกำแพงเพชร จะจัดงานประเพณีนมัสการปิดทอง “หลวงพ่ออุโมงค์” เป็นประจำทุกปี ซึ่งนอกจากนี้ภายในวัดยังมีส่วนอื่นๆที่น่าสนใจ เช่น ศาลาเก่าของวัดท่าหมัน


วัดหนองพิกุล
    วัดหนองพิกุลแห่งนี้ ชาวบ้านเล่าต่อกันมาว่า ผู้สร้างวัดหนองพิกุล คือนางพิกุล ธิดาของเศรษฐีใหญ่แห่งบ้านป้อมเศรษฐี มาสร้างวัดนี้ จึงเรียกกันตามผู้สร้างว่าวัดหนองพิกุล วัดนี้จึงมีลักษณะสวยงามอ่อนช้อย มีลักษณะเหมือนสตรี และที่สำคัญวัดหนองพิกุล ได้ขุดพบพระเครื่องที่เรียกกันว่าพระนางกำแพงที่งดงามจำนวนมาก ทำชื่อเสียงให้แก่ชาวกำแพงเพชรมาตลอดนับศตวรรษ
    บางตำราว่าเรียกวัดหนองพิกุลเพราะบริเวณวัดมีต้นพิกุล ขนาดใหญ่หลายต้น และมีหนองน้ำโดยรอบ เลยเรียว่าวัดหนองพิกุล บริเวณวัดหนองพิกุลมีบ่อน้ำโบราณขนาดใหญ่ ที่ก่อด้วยอิฐ อายุประมาณ 700 ปี และวัดหนองพิกุลเป็นหน้าเป็นตาของ เมืองนครชุมและเมืองกำแพงเพชรสวยงามและแปลกกว่าทุกวัด  และเป็นวัดที่สร้างขึ้นในกลุ่มอรัญญิกนอกเมืองทางทิศใต้ มีคูน้ำโดยรอบทั้งสี่ด้าน “อุทกสีมา” สิ่งก่อสร้าง ภายในวัดแตกต่างจากวัดแห่งอื่นๆ คือ การสร้างมณฑปอยู่หลังวิหารทำหน้าที่เป็นเจดีย์ประธานของวัด ลักษณะมณฑปเป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยม ฐานสูงประมาณ 1.50 เมตร ก่อผนังทึบทั้งสามด้านเว้นทางเข้าออกทางด้านทิศตะวันออกเพียงด้านเดียว ส่วนบนของฒณฑปประธานนั้นพังเสียหาย เดิมเป็นเครื่องไม้ ใช้กระเบื้องดินเผาแบบตะขอเป็นกระเบื้องมุงหลังคา ทรงหลังคาเป็นแบบมณฑปยอดแหลม ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นขนาดใหญ่ แต่ในปัจจุบันได้พังเสียหายเกือบหมด

วัดหนองยายช่วย
วัดหนองยายช่วยมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าวัดหนองพลับตั้งอยู่ในเขตอรัญญิก เมืองนครชุม เป็นโบราณสถานที่มีอายุมากกว่า 700 ปี
           วัดหนองยายช่วย อยู่ถัดจากวัดหนองลังกา ไปทางทิศตะวันออก ห่างจากวัดหนองลังกา ประมาณ 200 เมตร มีลักษณะรกร้าง รูปทรงเจดีย์ เป็นเจดีย์ ทรงลังกา ฐานแปดเหลี่ยม ที่มีลักษณะที่งดงามมาก มีศิลปะที่อ่อนช้อย รูปทรงเพรียวสมส่วนและยังสมบูรณ์ตั้งแต่คอระฆังลงมา ยอดที่หักไม่สามารถค้นพบได้ ส่วนบริเวณฐานพระเจดีย์ มีซุ้มพระ อีก 4 ซุ้ม มีลักษณะซุ้มที่ใหญ่มาก แต่ไม่พบพระว่ามีลักษณะใด แต่เมื่อเทียบกับวัดหนองลังกาแล้ว คาดว่าเป็นพระสี่อิริยาบถ คือยืน เดิน นั่ง นอน วัดที่มีลักษณะเหมือนกันในบริเวณนี้คือ วัดหนองลังกา วัดหม่องกาเล และวัดหนองยายช่วย และลักษณะที่พิเศษกว่าทุกวัด คือมีซุ้มพระ เจดีย์ราย และหนองน้ำขนาดใหญ่ล้อมรอบ แบบลัทธิลังกาวงศ์ ด้านหน้าวัด มีฐานวิหารขนาดใหญ่ ยังมีฐานที่ชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่ฐานพระประธาน มีขนาดใหญ่มาก ยังไม่ถูกทำลาย แต่องค์พระไม่มีแล้ว สันนิษฐานว่าจะเป็นพระปูนปั้น จึงได้ถูกทำลายไป พร้อมกับ เจดีย์ที่ถูกขุดค้นพบขึ้น…ลักษณะของวิหารเหมือนกับการสร้างโบสถ์ซ้อนอยู่ บนวิหาร มีลักษณะที่ เหมาะสมและงดงามอย่างที่สุด

วัดหนองลังกา
  วัดหนองลังกา เป็นวัดที่ตั้งอยู่ทางด้านทิศใต้ของฝั่งนครชุมและเป็นวัดที่มีขนาดใหญ่ อยู่นอกอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร วัดนี้มีมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 19 หรือสมัยพระธรรมราชาลิไท และสันนิษฐานกันว่าอาจเคยมีพระภิกษุจากลังกามาจำพรรษา โดยรอบตัววัดแห่งนี้มีร่องรอยการขุดคูน้ำรอบๆ ทั้งสี่ด้าน เป็นอุทกสีมา ตามแบบแผนสุโขทัยและโดดเด่นด้วยเจดีย์ทรงระฆังเพรียว สิ่งสำคัญภายในวัดคือเจดีย์ประธาน ซึ่งเป็นเจดีย์ทรงระฆังศิลปะลังกาของสุโขทัยก่อด้วยอิฐ ที่ฐานจะปรากฏซุ้มพระยื่นออกมาจากฐานทั้งสี่ด้าน ถัดมาเป็นชั้นมาลัยเถาจะรองรับองค์ระฆังเป็นแบบบัวค่ำ - บัวหงายสามชั้น และส่วนยอดของเจดีย์ปรากฏบัลลังก์ ประกอบด้วย ปล้องไฉน บัวฝาระมีและปลียอด โดยมีซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปปรากฏทั้งสี่ด้าน ส่วนผนังของวัดจะหันหน้าไปทางทิศตะวันออกและมีพระวิหารตั้งอยู่ส่วนหน้าของเจดีย์ประธานก่อด้วยอิฐ ส่วนของผนังก่อเป็นซุ้มเข้าไปช่องเว้นช่องสวยงาม นับเป็นวัดที่มีสภาพสมบูรณ์มากที่สุดของเขตอรัญญิก


วัดหม่องกาเล
วัดหม่องกาเล ตั้งอยู่ในบริเวณอรัญญิกนครชุม บนแนวถนนโบราณหรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่าถนนตาพระร่วง
 วัดนี้ชื่อปรากฏอย่างไม่แน่ชัด แต่ชาวบ้านเรียกวัดหม่องกาเลเพราะว่าวัดนี้ได้เคยอยู่ในที่ดินของชาวพม่า ชื่อว่าหม่องกาเลหลังจากนั้นตาหมอหร่องได้ครอบครองพื้นที่แห่งนี้และนายจันทร์ซึ่งเป็นลูกเขยของตาหมอหร่องได้ครอบครองพื้นที่นี้ต่อมานายจันทร์ได้ขายที่ดินนี้ให้ผู้อื่นซึ่งไม่สามารถสืบหาต่อได้ ปัจจุบันวัดหม่องกาเลได้รับการบูรณะแล้ว วัดนี้มีเจดีย์ประธานที่รูปทรงสวยงามขนาดเล็กกว่าวัดหนองลังกาเล็กน้อยและบริเวณฐานเจดีย์ได้มีซุ้มอยู่ประมาณสามซุ้ม ยอดของเจดีย์หักลงมาถึงบริเวณคอระฆังของเจดีย์และไม่พบซากของยอดเจดีย์ในบริเวณนั้น ด้านหน้าเจดีย์มีวิหารคล้ายวิหารของวัดเจดีย์กลางทุ่งอีกทั้งยังมีกรุพระเครื่องที่โด่งดังอย่าง พระซุ้มกอ ถูกพบอยู่ในบริเวณวัดนี้อีกด้วย

อาหาร
นอกจากจะมีสถานที่ที่สวยงามและน่าสนใจแล้ว นครชุมยังขึ้นชื่อในเรื่องของอาหารที่มีทั้งคาวและหวาน ที่นักท่องเที่ยวต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอร่อยและราคาประหยัดจนเป็นเหตุให้กลับมากินอีกครั้ง

อาหารและขนม
นครชุมนอกจากจะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่ชวนให้หลงใหลแล้ว ยังมีอาหารที่ขึ้นชื่อ และมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่อื่น ซึ่งรับประกันได้เลยว่า หากได้ลองชิมแล้วจะต้องติดใจและต้องกลับมาทานอีกครั้งอย่างแน่นอน
แกงขี้เหล็ก
ในวันเพ็ญเดือน 12 ชาวนครชุมจะทำแกงขี้เหล็ก ซึ่งเป็นประเพณีประจำถิ่นของชาวนครชุม โดยจะเก็บใบและดอกขี้เหล็กตอนเช้ามืดของวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 (หลังเที่ยงคืนก่อนเข้าสู่วันลอยกระทง) ก่อนจะรับประทานต้องทำพิธีขออนุญาตและขอพรจากต้นขี้เหล็ก โดยจุดธูป 3 ดอกและตั้งนะโม 3 จบ และทานให้หมดภายในวันนั้น เชื่อกันว่าขี้เหล็กเป็นยาอายุวัฒนะเพราะมีความเชื่อว่าในวันที่พระจันทร์เต็มดวง สารอาหารและสรรพคุณทางยาดึงดูดขึ้นไปที่ยอด ทำให้ได้กินแกงขี้เหล็กที่มีประโยชน์ที่สุด



เเกงหยวก
 แกงหยวก ถือเป็นอาหารที่มีความสำคัญกับคนในตำบลนครชุมเป็นอย่างมาก เพราะสื่อถึงการสืบทอดวิถีชีวิตของบรรพบุรุษ แกงหยวกนิยมทานเป็นอาหารหลักประจำครัวเรือน หยวกนั้นเป็นเเกนกลางของต้นกล้วย มีสีขาวอ่อน สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายอย่าง เช่น เเกงใส่ไก่บ้าน เเละ  แกงใส่วุ้นเส้น วิธีการแกงหยวกคล้ายกับการเเกงอ่อมเเต่จะมีความพิเศษตรงที่มีกลิ่นหอมเเละความกรอบของหยวกกล้วย

แจ๋วบะหมี่เกี๊ยว
แจ๋วบะหมี่เกี๊ยว เป็นร้านบะหมี่เกี๊ยวแห่งเดียวที่มีการคิดค้นวิธีการทำเส้นบะหมี่ขึ้นมาเอง ซึ่งเป็นการทำแบบส่งต่อรุ่นสู่รุ่น เปิดมายาวนานถึง 60 ปี ปัจจุบันกิจการได้รับดูแลโดยรุ่นที่ 3 เป็นผู้บริหารกิจการต่อ ซึ่งความพิเศษของร้านแจ๋วบะหมี่เกี๊ยวก็คือ เส้นหมี่ที่ทำจากไข่ มีความเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น โดยตัวเส้นจะมีความเหนียวนุ่ม รสชาติหอมอร่อย เมนูที่เป็นที่นิยมของร้านนี้ก็คือ เส้นหมี่เกี๊ยว หมูสับและหมูแดง สามารถมาลองทานได้ที่ร้านแจ๋วบะหมี่เกี๊ยว อยู่ใกล้ตลาดนครชุม ร้านแจ๋วบะหมี่เกี๊ยวเปิดให้บริการทุกวัน


ผัดไทยป้าสุภาพ
ผัดไทยป้าสุภาพ ผัดไทยนครชุม เป็นผัดไทยที่เก่าแก่ ตั้งแต่สะพานข้ามแม่น้ำปิงกำแพงเพชรแห่งแรกยังไม่ได้สร้าง ริเริ่มโดยแม่บุญเมือง อินทร์จันทร์ ร้านเปิดให้บริเวณการที่หน้าโรงภาพยนตร์เฉลิมนคร                 
ผัดไทยแม่สุภาพมีรสชาติอร่อย เส้นเหนียวหนึบนุ่ม ซอสผัดไทยรสเข้มสามรส ที่มีกลิ่นหอมของซีอิ๊ว ความพิเศษก็คือ แม่สุภาพใช้น้ำมันหมูผัดและใส่แคบหมูแทนถั่วลิสง และจัดเตรียมวัตถุดิบไม่อั้น เรื่องของผักที่ใช้กินกับผัดไทยคือ ใบกระเทียม ถั่วงอกและหัวปลีสด หากท่านใดสนใจอยากลองทาสามารถไปทานที่ร้านผัดไทยป้าสุภาพได้



เมี่ยงนครชุม
เมี่ยงนครชุม เป็นอาหารที่ได้รับอิทธิพลมาจากทางประเทศลาว ไส้ของเมี่ยงทำมาจาก มะพร้าวคั่ว กระเทียม ถั่วลิสง และขิง จากนั้นนำวัตถุดิบเหล่านี้ไปทอดกรอบ ทานคู่กับใบเมี่ยง (ใบชาหมัก) ใบชาหมักมีรสชาติเปรี้ยวเฝื่อน ส่วนมากนิยมทานกันทางฝั่งภาคเหนือ ซึ่งอาจมีการโรยกากหมูเพิ่มเติมไปด้วย ในสมัยโบราณเมี่ยงนั้นถือว่าเป็นอาหารพื้นบ้านและเป็นของฝากของทานเล่น เด็กและผู้ใหญ่สามารถทานได้ เมี่ยงนครชุมถือว่าเป็นเมี่ยงที่พิเศษกว่าที่อื่น เพราะไส้เมี่ยงจะมีรสชาติที่เเตกต่างออกไป อีกทั้งยังมีความหอมหวานของมะพร้าวคั่วเเละกลิ่นของมะพร้าวคั่วอีกด้วย จึงถือว่าเป็นเอกลักษณ์พิเศษอย่างหนึ่งให้ได้มาลองชิมกัน


ขนมจีบแป้งสด
ขนมจีบแป้งสด เป็นหนึ่งในอาหารว่างที่เป็นที่นิยมอย่างมาก โดยจะมีรสชาติอร่อยไม่เหมือนใคร  เพราะขนมจีบแป้งสดของนครชุมมีการนำแป้งข้าวเจ้ามาทำเป็นแผ่นบางใสสำหรับห่อไส้ ซึ่งประกอบไปด้วยหน่อไม้ กุ้ง หมูสับ พร้อมเครื่องเทศรสจัดจ้านและกลมกล่อม เวลาทานจะมีความรู้สึกถึงความเหนียวนุ่ม เต็มคำ ปัจจุบันนี้สามารถหาทานได้จากตลาดสดนครชุมและตลาดย้อนยุคนครชุมเท่านั้น


ขนมข้าวตอก
ขนมข้าวตอก หรือขนมข้าวตอกอัด จัดอยู่ในประเภทขนมหวาน ทำมาจาก ข้าวเปลือกข้าวเหนียว น้ำตาลปี๊บ และน้ำกะทิ ข้าวตอกอัดเป็นขนมโบราณที่มีมาอย่างช้านานของชาวบ้านนครชุม โดยเฉพาะขนมข้าวตอกอัดสูตรของบ้านยายประภาศรี เอกปาน ซึ่งเป็นบ้านที่ขึ้นชื่อเรื่องขนมโบราณแห่งเมืองนครชุม ที่ยังมีกรรมวิธีและรสชาติแบบดั้งเดิม ขนมข้าวตอกมีลักษณะเหนียวนุ่ม และมีกลิ่นหอม วิธีทำขนมข้าวตอกมีหลายขั้นตอนและใช้เวลานานกว่าจะได้ขนมที่มีความนุ่ม เหนียว และอร่อย มีกลิ่นหอมหวนชวนรับประทาน จึงนับเป็นของดีอีกหนึ่งอย่างของเมืองกำแพงเพชรไม่แพ้เฉาก๊วยชากังราว ที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาตินิยมซื้อติดไม้ติดมือเป็นของฝาก แต่ในปัจจุบันนี้ขนมข้าวตอกอัดสูตรของบ้านยายประภาศรี นับเป็นของหายาก เพราะไม่ได้ทำขายเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ต้องสั่งทำเป็นพิเศษเท่านั้น แต่อย่างไรก็ดี ยังมีขนมข้าวตอกอัดจากเจ้าอื่นในนครชุมที่ยังสืบทอดเพื่อให้เป็นอาหารประจำท้องถิ่นของชาวนครชุมต่อไป สามารถหาทานได้จากตลาดย้อนยุคนครชุมและงานเทศกาลประเพณีที่สำคัญเท่านั้น


78  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / แด่ แม่ประภาศรี เอกปาน ตำนานขนมข้าวตอกอัด บ้านปากคลอง นครชุม กำแพงเพชร เสี เมื่อ: สิงหาคม 01, 2021, 07:08:30 pm
แด่ แม่ประภาศรี  เอกปาน
ตำนานขนมข้าวตอกอัด บ้านปากคลอง นครชุม กำแพงเพชร
     เสียงอ่อนหวาน แสนไพเราะ เสนาะโสต       พูดเสียงเบา ตอบโจทย์  ทุกคำถาม
ใจงดงาม   สวยหมดจด  หมดทุกยาม               ท่านมีนาม ประภาศรี ที่คุ้นเคย
   ไปพบท่าน คราใด ไม่ผิดหวัง                  สาธิตพลัง ขนมไทย  ไม่อยู่เฉย
ข้าวตอกอัด แสนโด่งดัง  ไม่ละเลย                    เมื่อเราเอ่ย   ต้อนรับ  จับหัวใจ
   เล่าประวัติ  ครูมาลัย ไม่เคยหวง              พวกเราห่วง  สุขภาพ  ท่านสดใส
บอกแข็งแรง ไม่ต้องห่วง ดวงฤทัย                      ถึงเวลา ก็จากไป  อย่ากังวล
   มาวันนี้  เกือบปี ไม่พบหน้า                   ได้ข่าวว่า   ท่านจากไป  ให้สับสน
ไม่กล้าไป เยี่ยมเยือน กลัวโรคยล                      ให้ผ่านพ้น โรคร้าย จะไปเยือน
        ไม่ทันแล้ว แม่จวบ  จากแต่ร่าง                    ไม่จืดจาง  ความดีงาม  ใครจะเหมือน
ความงดงาม กายใจ ไม่ลืมเลือน                     แสนสะเทือน กุลสตรี  ที่จากไป
      ไม่มีแล้ว  สุนทร แสนอ่อนหวาน               ไม่มีแล้ว ตำนาน  ที่สดใส
ไม่มีแล้ว  ความศรัทธา  ที่จริงใจ                    ไม่มีแล้ว ดวงฤทัย  ใจเมตตา
     ขอแม่สู่  สรวงสวรรค์   ชั้นพิเศษ               ครูภูมิปัญญา ในเขต   แสนหรรษา
เสวยสุข  เกษมศักดิ์  ในวิชชา                        ดับจันทรา ใจสลาย  แม่ตายแล้ว
                                                 
                                            สันติ อภัยราช  ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร
79  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / นายฮุย จันทร์เจริญ ชาตะ 2470 มรณะ 2544 สิริอายุ 73 ปี สวนเกษตรลุงฮุย ตั้งอยู่บ้ เมื่อ: มิถุนายน 22, 2021, 04:46:25 pm
นายฮุย จันทร์เจริญ
ชาตะ 2470
มรณะ 2544
สิริอายุ 73 ปี
สวนเกษตรลุงฮุย ตั้งอยู่บ้านหนองกรด ตำบลสระแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร
ลุงฮุยเป็นคนจังหวัดนครปฐม มีอาชีพเป็นพ่อค้าขายผลไม้โดยนำมาจากจันทบุรี อย่าง เงาะ ทุเรียน มังคุด ลองกอง มะไฟ กระท้อน แล้วเกิดสงสัยว่า ถ้าลองปลูกที่กำแพงเพชรจะได้ไหม จึงลองนำผลไม้ที่ซื้อมาปลูกในพื้นที่ตัวเอง แล้วศึกษาหาความรู้วิธีปลูก ปรากฏสำเร็จบ้าง ล้มเหลวบ้างสลับกัน จนชาวบ้านละแวกที่อาศัยดูแคลนว่า คงทำไม่ได้ เพราะผลไม้เหล่านี้ต้องปลูกที่จันท์เท่านั้นจึงจะได้ผล
แต่ในที่สุดลุงฮุยทำสำเร็จ จึงลงมือปลูกไม้ผลชนิดต่างๆ อย่าง ทุเรียนหมอนทอง ชะนีก้านยาว กระดุม รวมทั้งสิ้นกว่า 200 ต้น แล้วยังมีเงาะโรงเรียน จำนวน 300 ต้น ตลอดจนไม้ผลอื่นๆ ภายในพื้นที่ จำนวน 21 ไร่ แล้วนำผลไม้เหล่านั้นขายอยู่ในละแวกบ้าน มีรายได้ดีมาก เพราะชาวบ้านแถวนั้นได้ทานผลไม้ที่มีคุณภาพเช่นเดียวกับทางจันทบุรีโดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไป ซึ่งครอบครัวนับเป็นรายแรกที่ได้นำผลไม้จากจังหวัดจันท์มาปลูกที่กำแพงเพชร
เหตุผลที่ในพื้นที่บริเวณนี้สามารถปลูกไม้ผลได้มีคุณภาพและรสชาติเหมือนกับทางเมืองจันท์ อาจเนื่องมาจากลักษณะเนื้อดินเป็นดินเหนียว มีคุณภาพดีมากเพราะอยู่ใกล้แม่น้ำ อีกทั้งสภาพอากาศบริเวณนี้มีความชุ่มชื้น ดูแล้วคล้ายกับทางจันทบุรี ดังนั้น จึงเพิ่มพันธุ์ทุเรียนเข้ามาอีก ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์มูซันคิง สาลิกา และกบสุวรรณ ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดในปัจจุบัน
ด้วยความที่มีสภาพพื้นที่เอื้อต่อการปลูกไม้ผลเช่นนี้จึงทำให้ทุกๆ ปีผลผลิตจะออกก่อนทางจันท์ โดยเริ่มทยอยมีผลผลิตตั้งแต่เดือนเมษายน จะเริ่มจากมะไฟก่อน ต่อด้วยทุเรียนกระดุม ชะนี และหมอนทอง ที่ออกพร้อมกับเงาะ แถมในช่วงปีที่ผ่านมาสภาพอากาศดีจึงทำให้ขายผลไม้ได้ราคาดี หมดในเวลาที่รวดเร็ว
นอกจากนั้นแล้วสวนลุงฮุยยังเน้นปลูกไม้ผลและพืชชนิดอื่นๆ ในแบบอินทรีย์เท่านั้น จะผลิตปุ๋ยอินทรีย์ทุกอย่างไว้ใช้เอง อีกทั้งการป้องกันโรค/แมลง ยังนำสารที่ผลิตจากธรรมชาติมาใช้ โดยการปลูกพืชแบบอินทรีย์ไม่ใช่เรื่องยาก ไม่ได้ส่งผลต่อคุณภาพหรือปริมาณผลผลิตด้อยลงแต่ประการใดเลย
อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างคุณภาพและความเข้มแข็งให้แก่พืชไม้ผล ทำให้ผลผลิตมีรสอร่อย ขนาดใหญ่ รูปลักษณะสมบูรณ์มากกว่าเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้รับความสนใจจากลูกค้ามากหากรู้ว่าเป็นอินทรีย์ซึ่งลูกค้าไม่ต่อรองราคาเลย ถึงวันนี้สวนเกษตรลุงฮุยมีอายุกว่า 40 ปีแล้ว
80  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / นายฮุย จันทร์เจริญ ชาตะ 2470 มรณะ 2544 สิริอายุ 73 ปี สวนเกษตรลุงฮุย ตั้งอยู่บ้ เมื่อ: มิถุนายน 22, 2021, 04:42:54 pm
นายฮุย จันทร์เจริญ
ชาตะ 2470
มรณะ 2544
สิริอายุ 73 ปี
สวนเกษตรลุงฮุย ตั้งอยู่บ้านหนองกรด ตำบลสระแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร
ลุงฮุยเป็นคนจังหวัดนครปฐม มีอาชีพเป็นพ่อค้าขายผลไม้โดยนำมาจากจันทบุรี อย่าง เงาะ ทุเรียน มังคุด ลองกอง มะไฟ กระท้อน แล้วเกิดสงสัยว่า ถ้าลองปลูกที่กำแพงเพชรจะได้ไหม จึงลองนำผลไม้ที่ซื้อมาปลูกในพื้นที่ตัวเอง แล้วศึกษาหาความรู้วิธีปลูก ปรากฏสำเร็จบ้าง ล้มเหลวบ้างสลับกัน จนชาวบ้านละแวกที่อาศัยดูแคลนว่า คงทำไม่ได้ เพราะผลไม้เหล่านี้ต้องปลูกที่จันท์เท่านั้นจึงจะได้ผล
แต่ในที่สุดลุงฮุยทำสำเร็จ จึงลงมือปลูกไม้ผลชนิดต่างๆ อย่าง ทุเรียนหมอนทอง ชะนีก้านยาว กระดุม รวมทั้งสิ้นกว่า 200 ต้น แล้วยังมีเงาะโรงเรียน จำนวน 300 ต้น ตลอดจนไม้ผลอื่นๆ ภายในพื้นที่ จำนวน 21 ไร่ แล้วนำผลไม้เหล่านั้นขายอยู่ในละแวกบ้าน มีรายได้ดีมาก เพราะชาวบ้านแถวนั้นได้ทานผลไม้ที่มีคุณภาพเช่นเดียวกับทางจันทบุรีโดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไป ซึ่งครอบครัวนับเป็นรายแรกที่ได้นำผลไม้จากจังหวัดจันท์มาปลูกที่กำแพงเพชร
เหตุผลที่ในพื้นที่บริเวณนี้สามารถปลูกไม้ผลได้มีคุณภาพและรสชาติเหมือนกับทางเมืองจันท์ อาจเนื่องมาจากลักษณะเนื้อดินเป็นดินเหนียว มีคุณภาพดีมากเพราะอยู่ใกล้แม่น้ำ อีกทั้งสภาพอากาศบริเวณนี้มีความชุ่มชื้น ดูแล้วคล้ายกับทางจันทบุรี ดังนั้น จึงเพิ่มพันธุ์ทุเรียนเข้ามาอีก ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์มูซันคิง สาลิกา และกบสุวรรณ ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดในปัจจุบัน
ด้วยความที่มีสภาพพื้นที่เอื้อต่อการปลูกไม้ผลเช่นนี้จึงทำให้ทุกๆ ปีผลผลิตจะออกก่อนทางจันท์ โดยเริ่มทยอยมีผลผลิตตั้งแต่เดือนเมษายน จะเริ่มจากมะไฟก่อน ต่อด้วยทุเรียนกระดุม ชะนี และหมอนทอง ที่ออกพร้อมกับเงาะ แถมในช่วงปีที่ผ่านมาสภาพอากาศดีจึงทำให้ขายผลไม้ได้ราคาดี หมดในเวลาที่รวดเร็ว
นอกจากนั้นแล้วสวนลุงฮุยยังเน้นปลูกไม้ผลและพืชชนิดอื่นๆ ในแบบอินทรีย์เท่านั้น จะผลิตปุ๋ยอินทรีย์ทุกอย่างไว้ใช้เอง อีกทั้งการป้องกันโรค/แมลง ยังนำสารที่ผลิตจากธรรมชาติมาใช้ โดยการปลูกพืชแบบอินทรีย์ไม่ใช่เรื่องยาก ไม่ได้ส่งผลต่อคุณภาพหรือปริมาณผลผลิตด้อยลงแต่ประการใดเลย
อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างคุณภาพและความเข้มแข็งให้แก่พืชไม้ผล ทำให้ผลผลิตมีรสอร่อย ขนาดใหญ่ รูปลักษณะสมบูรณ์มากกว่าเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้รับความสนใจจากลูกค้ามากหากรู้ว่าเป็นอินทรีย์ซึ่งลูกค้าไม่ต่อรองราคาเลย ถึงวันนี้สวนเกษตรลุงฮุยมีอายุกว่า 40 ปีแล้ว
81  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / คำนึงครั้ง เยาว์วัย เป็นเพื่อนเล่น แม้จะเป็น คุณอา ตามศักดิ์ศรี อายุห่าง หลานสาว เมื่อ: มิถุนายน 07, 2021, 03:08:36 am
 ;)คำนึงครั้ง เยาว์วัย เป็นเพื่อนเล่น
แม้จะเป็น คุณอา ตามศักดิ์ศรี
อายุห่าง หลานสาว เพียงสามปั
มีชีวี ใกล้กัน อย่างมั่นใจ

เราอยู่บ้าน เดียวกัน  สองหลังหลัก
นอกชานแล่น กลางประจักษ์ ครอบครัวใหญ่
นอกชานกั้น  กลางบ้าน  เล่นรวมใจ
แดงพี่ใหญ่ ดูแลน้อง อีกหลายคน

แดง จุก เบิ้ม ขวัญ กล้วย แขก รา ตามลำดับ
พี่ระเวีย พี่สะใภ้รับ  กำกับหน
พี่สมนึก พี่ชายใหญ่ใจอดทน
เลี้ยงลูกหลาน จน เติบใหญ่ไม่ร้างลา

บ้านข้างหลัง พ่อ แม่ พี่น้องอยู่
สนุกเล่น อ่อยเหรียญ  อย่างหรรษา
แม่ย่าให้สตางค์แดง เล่นอ่อยมา
ทุกเวลา หยอกล้อ อย่างพอใจ

เมื่อเติบใหญ่ แยกย้าย ไปหลายแห่ง
อาไปตั้งหลักแหล่ง  นครใหญ่
นานนานมา เยี่ยมหลาน ด้วยฤทัย
แยกครอบครัว กันไป ในเส้นทาง

แดงได้เป็น ศอ.นอ. คนรู้จัก
มีคนรัก มากมาย ที่ถากถาง
การศึกษา ดูแล ชี้แนวทาง
เป็นตัวอย่าง แก่ครูบา มาช้านาน

เมื่อเกษียณ ยังทำงาน  การหลายหลาก
ไม่คิดว่า  จะจาก ยังเยี่ยมขาน
ครั้งสุดท้าย ไปเยี่ยมเยือน ที่โรงบาล
ไม่กี่วาร ลาจากไป มิได้ลา

มีลูกดี อย่างหมอเปิ้ล  คนกล่าวขาน
แดงมีหลาน สองคน แสนหรรษา
รักลูกหลาน ยิ่งชีวิต จิตศรัทธา
มอบเวลา ให้ลูกหลาน  อย่างมั่นคง

ฟ้ามาพราก จากไป ในครานี้  
ไม่ปราณี เจ็บช้ำ ย้ำประสงค์
ขอให้แดง อยู่คู่ฟ้า เจตน์จำนง
สุวิมล เทพประจง  เจิดวิมาน
82  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / หลวงพ่อทำนอง] ประวัติ ร้อยเอกทำนอง โยธินธนสมบัติ เป็นบุตรนายผ่าน-นางท เมื่อ: มิถุนายน 02, 2021, 02:43:24 pm
หลวงพ่อทำนอง]

ประวัติ
          ร้อยเอกทำนอง โยธินธนสมบัติ เป็นบุตรนายผ่าน-นางทองสุข ปัสสา เกิดเมื่อวันที่ 21 กรกฏาคม พ.ศ. 2467 ที่จังหวัดชัยนาท เป็นบุตรคนที่ 5 ในจำนวนพี่น้องทั้งหมด 13 คน สำเร็จการศึกษามัธยมศึกษาปีที่ 5 จากโรงเรียนวิชัยบำรุงราษฏร์ อำเภอเมือง จังหวัดชัยนาท จากนั้นได้ประกอบอาชีพครู ต่อมาได้รับราชการทหาร และใน พ.ศ.2525 ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุประจำอยู่ที่วัดศรีโยธินจนถึงทุกวันนี้

 ผลงาน
          ร้อยเอกทำนอง โยธินธนสมบัติ เป็นผู้ก่อตั้งหมู่บ้าน และวัดศรีโยธิน หมู่ที่ 7 ตำบลหนองปลิง โดยจับจองซื้อที่ดินจากกำนันบุศย์ ประมาณ 200 กว่าไร่ และซื้อเพิ่มอีก 100 ไร่ เพื่อต้องการสร้างวัดและหมู่บ้าน ในปี พ.ศ. 2520 ได้สร้างวัด ตัดถนนและซอยทั้งหมด 17 ซอย รวมเป็นเนื้อที่ 51 ไร่ จากนั้นได้จัดแบ่งให้ราษฏรที่ไม่มีที่อยู่อาศัยมาอาศัยอยู่ครอบครัวละ 1 งาน ในเนื้อที่ประมาณ 20 ไร่ คนที่มาอาศัยส่วนใหญ่อพยพมาจากทางภาคอีสาน เมื่อรวบรวมผู้คนได้ประมาณ 40 กว่าหลังคาเรือน ก็แยกจากบ้านบ่อสามแสนตั้งหมู่บ้านขึ้นใหม่ เป็นหมู่ที่ 14 ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นหมู่ที่ 7 บ้านศรีโยธิน นอกจากนี้ยังได้แบ่งที่ดินให้เป็นที่ก่อสร้างสำนักงานขนส่งจังหวัด จำนวน 16 ไร่ แบ่งที่ดินให้เป็นที่สร้างศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอีกจำนวน 20 ไร่ ร้อยเอกทำนองสนใจในพระพุทธศาสนาจึงได้อุทิศตนเพื่อทำนุบำรุงพุทธศาสนาให้เจริญยิ่งๆ ขึ้น ท่านร่วมกับชาวบ้านอัญเชิญหลวงปู่ศรีสรรเพชญมาประดิษฐาน ณ วัดศรีโยธิน ซึ่งหลวงปู่ศรีสรรเพชญเป็นพระพุทธรูปโบราณเนื้อศิลาแลงทั้งองค์ ขุดพบที่บริเวณวัดคูยาง อำเภอเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ในวิหารวัดศรีโยธิน
         บุคคลที่กล่าวมาเป็นบุคคลที่ได้กระทำความดี ทำประโยชน์ สร้างสรรค์และพัฒนาท้องถิ่นให้เจริญก้าวหน้า สร้างความศรัทธา เป็นที่ยอมรับและเชื่อถือแก่คนในท้องถิ่น แนวทางการทำงานและการกระทำความดีต่างๆ จะเป็นแบบอย่างที่ดีในการดำเนินชีวิตของชนรุ่นลูกรุ่นหลานต่อไป

คำสำคัญ : หลวงพ่อทำนอง

ที่มา : สันติ อภัยราช. (2548). หนองปลิง วัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์และภูมิปัญญา ตำบลหนองปลิง อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร. กำแพงเพชร: องค์การบริหารส่วนตำบลหนองปลิง.
83  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / แด่คุณแม่นิภา เกตุอ่ำ ราวเดือนดับ ดาวร่วง อีกดวงแล้วประกายแวว วูบดับ ลับห เมื่อ: พฤษภาคม 29, 2021, 12:51:35 pm
แด่คุณแม่นิภา   เกตุอ่ำ
ราวเดือนดับ   ดาวร่วง  อีกดวงแล้ว   ประกายแวว  วูบดับ ลับหล่นหล้า
ในคืนนี้ ไม่มีแล้ว ดวงดารา                                 อยู่คู่ฟ้า  มานาน นิรันดร์กาล
          แม่นิภา  เกตุอ่ำ ยังเจิดจิต                          มีชีวิต   ที่งดงาม ตามประสาน
จากนางฟ้า วิชาชีพ  พยาบาล                              ต้องลาออก จากงาน  ติดตามไป
       นายอำเภอประเทือง เรืองยศา                     ด้วยศรัทธา  ย้ายตาม งามสดใส
หลายแห่งหน  หลายอำเภอ ทั้งใกล้ใกล                 มีจิตใจ ที่งดงาม  ตามสามี
      เลี้ยงลูกหลาน  ด้วยรัก ประจักษ์จิต                มีชีวิต ที่งดงาม  ในศักดิ์ศรี
แม่นิภา  เกตุอ่ำ   ยอดนารี                                 แม่จึงมี  พระคุณ  อิ่มอุ่นไอ
     สนับสนุน สามี และลูกหลาน                         อยู่เบื้องหลัง การงาน  ร่วมแก้ไช
งานทุกอย่าง   สำเร็จ  เสร็จด้วยใจ                       แม่จากไป ไม่กลับมา เมื่อเสร็จงาน
     รำลึกถึง ความดี ที่มีอยู่                                 เคยครองคู่  กับบิดา มหาศาล
หลายสิบปี  ครองคู่ นิรันดรฺกาล                           บรรเจิดจาร  จากไป  ไม่กลับคืน
      ต่อไปนี้ ไม่มีแล้ว คนห่วงหา                           คนดูแล  ทุกเวลา ไม่ขัดขืน
คนที่รัก ดูแล คนหยัดยืน                                   คนที่ฝีน แม้เหนื่อยอ่อน คนสอนดี
    ลูกสัญญา จะมิเลือน เตือนจากจิต                 มีชีวิต  ตามคำสอน ให้สุขี
ขอแม่สู่  สรวงสวรรค์ ชั้นปราณี                        เกษมศรี  สรวงสรรค์  ชั้นดารา
    แม่กลับสู่ ฟากฟ้า ดาราสวย                         ดาวคู่ด้วย ความดีงาม แสนสง่า
คงงดงาม สุกสว่าง กลางนภา                  ทุกหัวใจ  รักศรัทธา แม่นิรันดร์......
     








84  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / ภายในบริเวณวัดท้ายเกาะ ตำบลไตรตรึงษ์ อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร ได้ทำการรื้อถอน เมื่อ: พฤษภาคม 24, 2021, 06:03:16 pm
ภายในบริเวณวัดท้ายเกาะ ตำบลไตรตรึงษ์ อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร ได้ทำการรื้อถอนโบสถ์เก่า อายุ 82 ปี สร้างในปีพุทธศักราช 2482 มีลักษณะพื้นและผนังเป็นอิฐโบกปูน เสาเป็นไม้ หลังคามุงกระเบื้องดินเผา เนื่องจากได้ชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา จึงได้ทำการบูรณะปฏิสังขรณ์สร้างโบสถ์ใหม่ พบว่า ใต้ฐานเสมามีลูกนิมิตที่แปลกลักษณะเป็นหินก้อนใหญ่ๆ จำนวน 9 ลูก มีชาวบ้านที่ทราบข่าวเดินทางมาที่วัดท้ายเกาะ เพื่อกราบไหว้ขอโชค ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล ซึ่งปัจจุบันหาดูลูกนิมิตลักษณะนี้ได้ยากแล้ว มักจะพบเป็นลูกนิมิตที่ลักษณะทรงกลม  นอกจากนั้น ยังพบฐานหน้าองค์พระประธาน บรรจุพระพิมพ์ต่างๆ เทปูนปิดทับไว้ มีข้อความเขียนไว้  วิสาขะบูชา ปีระกา พ.ศ. 2512 สร้างพระพิมพ์แบบต่างๆ เป็นพุทธบูชา 135,610 องค์ เสร็จวันเพ็ญเดือน 9 บรรจุไว้ ถ้ำเขาตระบองนาค ตาคลี นครสวรรค์ 40,025 วัดคณฑีศรีวชิราราม กำแพงเพชร 40,025 และที่วัดศรีปุณณาวาสได้ทำพิธีปลุกเสก วันพฤหัสบดีที่ 6 สิงหาคม 2513 โดยพระสงฆ์ 30 รูป บรรจุวันศุกร์ ในโอ่ง 7 โอ่ง จำนวน 55,565 และข้อความที่ไม่ชัดเจนคาดว่าเป็นของประชาชนอีกจำนวน 1 โอ่ง จำนวน 1,591 ส่วนบริเวณภายในวัดมีพุทธศาสนิกชนที่เลื่อมใสในพุทธศาสนา มาร่วมกันก่อสร้างบูรณะปฏิสังขรณ์โบสถ์ใหม่แทนหลังเก่า โดยพระครูอาทร วชิโรวาท  เจ้าคณะตำบลไตรตรึงษ์   เจ้าอาวาสวัดศรีปุณณาวาส เปิดเผยว่าโบสถ์หลังเก่าได้ชำรุดทรุดโทรมลงไปมาก จึงได้ทำการรื้อเพื่อสร้างใหม่ให้เหมือนโบสถ์หลังเก่าให้ได้มากที่สุด จึงฝากบอกบุญญาติโยม สามารถมากราบไหว้ ร่วมทำบุญได้ที่วัดท้ายเกาะ สำหรับ วัดท้ายเกาะ หรือชื่อเป็นทางการว่า วัดศรีปุณณาวาส คำว่า วัดท้ายเกาะ หมายถึง วัดท้ายเกาะขี้เหล็ก ซึ่งเป็นเกาะขนาดใหญ่หน้าเมืองไตรตรึงษ์ ที่เรียกว่าเกาะขี้เหล็กเพราะบนเกาะนั้นมีเศษตะกรันขี้เหล็กจำนวนมาก จากการสืบถามและสันนิษฐานว่า จะเป็นเกาะที่ทำอาวุธส่งเมืองกำแพงเพชรและเมืองใกล้เคียง
85  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / เอก บรมธาตุแล้ว เอกองค์ เอก ราชวชิรเมธีจำนง เอกล้ำ เอก สงฆ์ชากังร เมื่อ: พฤษภาคม 17, 2021, 10:03:05 pm
เอก บรมธาตุแล้ว            เอกองค์
เอก ราชวชิรเมธีจำนง     เอกล้ำ
เอก สงฆ์ชากังราวผจง     เอกมั่น  รูปนา
เอก เจ้าคณะจังหวัดค้ำ    เอกแล้วเรืองกำแพง
86  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / Toggle navigation หน้าหลัก พระธรรมภาณพิลาส (อดุลย์ อมโร ป.ธ.๘) เกิด๕ เมษาย เมื่อ: พฤษภาคม 17, 2021, 09:44:32 pm
Toggle navigation
หน้าหลัก


พระธรรมภาณพิลาส (อดุลย์ อมโร ป.ธ.๘)
 

เกิด   ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๕
อายุ   ๖๙ ปี
พรรษา   ๔๖
วัด   วัดคูยาง
ท้องที่   กำแพงเพชร
สังกัด   มหานิกาย
วุฒิการศึกษา   ป.ธ.๘, ศษ.บ., ศษ.ม., พธ.ด.



การศึกษา
ปริญญาพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต (พธ.ด.)
พ.ศ. ๒๕๒๑ สอบได้ เปรียญธรรม ๘ ประโยค
พ.ศ. ๒๕๒๗ สำเร็จ ปริญญาศึกษาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาภาษาไทย (ศษ.บ.) มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
พ.ศ. ๒๕๓๙ สำเร็จ ปริญญาศึกษาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาบริหารการศึกษา (ศษ.บ.) มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
พ.ศ. ๒๕๔๓ สำเร็จ ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา (ศษ.ม.) มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
ตำแหน่ง
ฝ่ายปกครอง
 เจ้าอาวาสวัดคูยาง พระอารามหลวง
 เจ้าคณะจังหวัดกำแพงเพชร
สมณศักดิ์
พ.ศ. ๒๕๒๑ เป็น เปรียญธรรม ๘ ประโยค
๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๐ เป็น พระราชาคณะชั้นสามัญเปรียญ ที่ พระวิเชียรโมลี [1]
๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๖ เป็น พระราชาคณะชั้นราช ที่ พระราชวชิรดิลก ตรีปิฎกวิภูษิต มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี [2]
๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็น พระราชาคณะชั้นเทพ ที่ พระเทพปริยัติ พิพัฒนศาสนกิจ ตรีปิฎกวิภูษิต มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี [3]
๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็น พระราชาคณะชั้นธรรม ที่ พระธรรมภาณพิลาส ศาสนศาสก์สุนทร บวรปริยัติกิจ ตรีปิฎกวิภูษิต มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี [4]

ที่มา
1. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์, เล่ม ๑๐๔, ตอนที่ ๒๕๓ ง, ๕ ธันวาคม ๒๕๓๐, หน้า ๙
2. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์, เล่ม ๑๑๐, ตอนที่ ๒๐๒ ง, ๖ ธันวาคม ๒๕๓๖, หน้า ๓
3. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์, เล่ม ๑๒๑, ตอนที่ ๓ ข, ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗, หน้า ๙
4. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์, เล่ม ๑๒๙, ตอนที่ ๖ ข, ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕, หน้า ๑
พระราชาคณะภูมิลำเนาภาคเหนือ
แจ้งเพิ่มข้อมูล info@sangkhatikan.com

www.sangkhatikan.com สร้างขึ้นเพื่อให้ผู้ที่สนใจ ศึกษาข้อมูล และเป็นที่รวบรวมข้อมูลพระสังฆาธิการทั่วประเทศ
ทางผู้จัดทำขออนุญาติ เจ้าของรูปและข้อมูลทุกท่าน ที่นำมาเผยแพร่

พระสังฆาธิการ : sangkhatikan.com
สำนักงานweb : วัดสำโรงเหนือ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ๑๐๑๓๐
E-mail : info@sangkhatikan.com
Facebook

 
87  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / ???????????? ขอกราบถวายมุฑิตาสักการะ ในโอกาสที่ พระราชวชิรเมธี (หลวงตาเอก) ผศ.ดร. (ว เมื่อ: พฤษภาคม 17, 2021, 09:37:04 pm
ฮืมฮืมฮืมฮืม

ขอกราบถวายมุฑิตาสักการะ ในโอกาสที่

พระราชวชิรเมธี (หลวงตาเอก) ผศ.ดร. (วีระ วรปญฺโญ)
รองเจ้าคณะจังหวัดกำแพงเพชร รูปที่ 1
เจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุ พระอารามหลวง
ตำบลนครชุม อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร

ได้รับแต่งตั้งให้เป็น ผู้รักษาการแทนเจ้าคณะจังหวัดกำแพงเพชร

ฮืมฮืมฮืมฮืม

พระราชวชิรเมธี (วีระ วรปญฺโญ ป.ธ.9,ผศ.ดร.)
 
เกิด  6 กรกฎาคม พ.ศ.2502
(หมายเหตุ ที่จริงท่านเกิด 12 สิงหาคม พ.ศ.2502 แต่ไปแจ้งทางอำเภอทำพลาด จึงเลยตามเลย ข้อมูลจากท่าน บอกผู้บันทึกเอง)
อายุ 62 ปี
อุปสมบท 22 มีนาคม พ.ศ.2522
พรรษา 43
วัด วัดพระบรมธาตุ
ท้องที่ ตำบลนครชุม อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร
สังกัด มหานิกาย
วุฒิการศึกษา น.ธ.เอก, ป.ธ.๙, พ.ม., น.บ., พธ.บ., ศษ.บ., อ.ม., กศ.ด., พธ.ด.

ชาติภูมิ
พระราชวชิรเมธี มีนามเดิมว่า วีระ ภูมิเมือง เกิดเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ.2502 นามบิดา นายทวี ภูมิเมือง นามมารดา นางบาง ภูมิเมือง บ้านเลขที่ 60 หมู่ที่ 5 ตำบลวังควง อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร

อุปสมบท
อุปสมบท เมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ.2522 ณ พัทธสีมา วัดสุวรรณาราม ตำบลวังควง อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร โดยมี เจ้าอธิการประสิทธิ์ เตชวโร (พระครูวชิรวราภรณ์ เจ้าคณะอำเภอลานกระบือ) วัดราษฎร์บูรณะ ตำบลวังตะแบก อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร เป็นพระอุปัชฌาย์

การศึกษา
พ.ศ.2511 สำเร็จการศึกษาชั้น ประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านคุยป่ารัง ตำบลวังควง อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร
พ.ศ.2522 สอบได้ นักธรรมชั้นตรี วัดสุวรรณาราม สำนักเรียนคณะจังหวัดกำแพงเพชร
พ.ศ.2523 สอบได้ นักธรรมชั้นโท วัดสุวรรณาราม สำนักเรียนคณะจังหวัดกำแพงเพชร
พ.ศ.2524 สอบได้ นักธรรมชั้นเอก สำนักศาสนศึกษาวัดโพธาราม สำนักเรียนคณะจังหวัดนครสวรรค์
พ.ศ.2525 สอบได้ เปรียญธรรม 3 ประโยค สำนักศาสนศึกษาวัดโพธาราม สำนักเรียนคณะจังหวัดนครสวรรค์
พ.ศ.2529 สอบไล่ได้ ประโยคมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.6) โรงเรียนนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์
พ.ศ.2530 สอบได้ เปรียญธรรม 6 ประโยค สำนักเรียนวัดราชบูรณะ แขวงวังบูรพาภิรมณ์ เขตพระนคร กรุงเทพ ฯ
พ.ศ.2533 สอบได้ ประกาศนียบัตรประโยคครูพิเศษมัธยม (พ.ม.)
พ.ศ.2533 สอบได้ เปรียญธรรม 9 ประโยค สำนักเรียนวัดราชบูรณะ แขวงวังบูรพาภิรมณ์ เขตพระนคร กรุงเทพ ฯ
พ.ศ.2534 สำเร็จ ปริญญาศึกษาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาประถมศึกษา (ศษ.บ.) มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช นนทบุรี
พ.ศ.2536 สำเร็จ ปริญญาพุทธศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาศาสนา (พธ.บ.) มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
พ.ศ.2539 สำเร็จ ปริญญาอักษรศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาศาสนาเปรียบเทียบ (อ.ม.) มหาวิทยาลัยมหิดล
พ.ศ.2552 สำเร็จ ปริญญาการศึกษาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา (กศ.ด.) มหาวิทยาลัยนเรศวร
พ.ศ.2558 สำเร็จ ปริญญาพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ (พธ.ด.) มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
พ.ศ.2561 สำเร็จ ปริญญานิติศาสตรบัณฑิต สาขาวิชานิติศาสตร์ (น.บ.)

ตำแหน่ง ฝ่ายปกครอง
พ.ศ.2540 เป็น ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโพธาราม พระอารามหลวง
พ.ศ.2544 เป็น ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุ พระอารามหลวง
พ.ศ.2545 เป็น เจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุ พระอารามหลวง
พ.ศ.2546 เป็น พระอุปัชฌาย์ วิสามัญ รองเจ้าคณะจังหวัดกำแพงเพชร

ฝ่ายการศึกษา
พ.ศ.2539 เป็น อาจารย์ใหญ่โรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดโพธาราม จังหวัดนครสวรรค์
พ.ศ.2542 เป็น อาจารย์ใหญ่โรงเรียนบาลีเตรียมอุดมศึกษาวัดโพธาราม โรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา
พ.ศ.2542 เป็น รองผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์นครสวรรค์
พ.ศ.2543 - 2546 เป็น ประธานกลุ่มโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา กลุ่มที่ 7
พ.ศ.2559 เป็น ผู้ช่วยศาสตราจารย์
พ.ศ.2560 เป็นผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์นครสวรรค์
พ.ศ.2561 เป็น ผู้ช่วยอธิการบดี ฝ่ายวิชาการ วิทยาเขตนครสวรรค์
สมณศักดิ์
พ.ศ.2533 เป็น เปรียญธรรม 9 ประโยค
5 ธันวาคม พ.ศ.2544 เป็น พระราชาคณะชั้นสามัญเปรียญ ที่ พระศรีวชิราภรณ์
5 ธันวาคม พ.ศ.2553 เป็น พระราชาคณะชั้นราช ที่ พระราชวชิรเมธี ตรีปิฎกบัณฑิต มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี
และ 14 พฤษภาคม พ.ศ.2564 เป็น รักษาการเจ้าคณะจังหวัดกำแพงเพชร

⏰จันทร์ที่ 17 พฤษภาคม 2564
ฮืม?By Mickysun
88  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / พระธรรมภาณพิลาสล้ำ สาธุการ จริยาวัตรเจริญฌาณ เพริศฟ้า เจ้าคณะภ เมื่อ: พฤษภาคม 16, 2021, 10:53:33 pm
พระธรรมภาณพิลาสล้ำ        สาธุการ
จริยาวัตรเจริญฌาณ            เพริศฟ้า
เจ้าคณะภาคสี่ขาน               ภูมิยิ่ง   ยลนา
เจิดกำแพงแกร่งกล้า           กราบได้สนิทคง
89  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / ร่วมพิธีบรรจุศพพระนักพัฒนาชาวกำแพงเพชร พระครูถาวรวชิรสาร (ทูล ฐานทตฺโต น เมื่อ: พฤษภาคม 11, 2021, 06:58:57 pm
บันทึกคุณอาทิตย์ สุวรรณโชติ

ร่วมพิธีบรรจุศพพระนักพัฒนาชาวกำแพงเพชร
พระครูถาวรวชิรสาร (ทูล ฐานทตฺโต นิลรัตน์)
อดีตเจ้าอาวาสวัดอินทาราม ตำบลท่าไม้ อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร
ชาตะ วันที่ 11 มีนาคม พ.ศ.2473
มรณภาพ วันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ.2564
อายุ 91 ปี พรรษา 47
เมื่อวันอังคารที่ 11 พฤษภาคม 2564  เวลา 14.00 น.ที่วัดอินทาราม ตำบลท่าไม้ อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร นายสุรสิทธิ์(กำนันตู้) วงศ์วิทยานันท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบัญชีรายชื่อ พร้อมด้วย นายเพชรภูมิ  อาภรรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจังหวัดกำแพงเพชร เขต2 ,ดร.เสริมวุฒิ  - นางอมรรัตน์  สุวรรณโรจน์ ประธานบริษัท เฉาก๊วยชากังราว จำกัด (ซึ่งเป็นศิษย์เอกและโยมอุปถากในตัวหลวงพ่อทูล เป็นประธานดำเนินการ) พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ และพุทธศาสนิกชนชาวบ้านร่วมพิธีจำนวนมาก โดยมี พระวิเชียรมุนี (ผดุงกิจ กิตฺติธโร)  วัดพัฒนราษฎร์บำรุง ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกำแพงเพชร  ประธานในพิธีวางผ้าไตร มหาบังสุกุล และ นายเชาวลิตร  แสงอุทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร เป็นประธานพิธีบรรจุศพ (วางทราย) พระครูถาวรวชิรสาร (หลวงพ่อทูล  ฐานทตฺโต) อดีตเจ้าอาวาสวัดอินทาราม ตำบลท่าไม้  อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งมรณภาพ เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2564   และเคลื่อนศพ ไปไว้ที่วิหารแก้ว วัดอินทาราม ต่อไป
ประวัติ พระครูถาวรวชิรสาร (หลวงพ่อทูล ฐานทตฺโต)
อดีตเจ้าอาวาสวัดอินทาราม ต.ท่าไม้ อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร
ประวัติชาติภูมิ
พระครูถาวรวชิรสาร (หลวงพ่อทูล ฐานทตฺโต) นามสกุล นิลรัตน์ เกิดเมื่อ วันที่ 11 มีนาคม พ.ศ.2473 ณ บ้านทำไม้ หมู่ที่ 10 ต.ท่าไม้ อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร เป็นบุตรของพ่อเคลือบ - แม่ส้มลิ้ม นิลรัตน์ มีพี่น้องรวม 4 คน ดังนี้
1. นายเสริม นิลรัตน์ เสียชีวิตแล้ว
2. พระครูถาวรวชิรสาร (ทูล ฐานทตุโต) นามสกุล นิลรัตน์
3. นายวิสุทธิ์ กัลปา เสียชีวิตแล้ว
และ 4. นายเสน่ห์ กัลปา เสียชีวิตแล้ว
ประวัติด้านการศึกษาในวัยเยาว์ หลวงพ่อทูล ฐานทตุโต นามสกุล นิรัตน์ เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนบ้านท่าไม้ ต.ท่าไม้ อ.พร้านกระต่าย จ.กำแพงเพชร ในราวปี พ.ศ. 2483
ประวัติด้านการประกอบอาชีพและการอุปสมบท
เมื่อหลวงพ่อเรียนจบระดับชั้นประถมศึกษาแล้วจึงออกมาประกอบอาชีพกสิกรรม ทำนา ทำไร่ และเมื่ออายุครบบวชจึงได้อุปสมบทตามประเพณีที่วัดอินทาราม ได้หนึ่งพรรษาจึงลาสิกขามาประกอบอาชีพการงานเลี้ยงดูบิดา - มารดาด้วยความขยันขันแข็ง และได้สมรสกับ นางแกะ พนัส มีบุตรธิดา 2 คน คือ นายมุย นิลรัตน์ และนางปาน นิลรัตน์ และในราวปี พ.ศ. 2503 ท่านได้สมัครเข้าทำงานเป็นนักการการโรง ที่โรงเรียนบ้านท่าไม้ ท่านปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายด้วยความขยันขันแข็งจนเป็นที่กล่าวถึงของบุคคลทั่วไป ต่อมาใน พ.ศ.2516 ท่านเกิดความเบื่อหน่ายในชีวิตฆราวาส ที่มีแต่การคำเนินชีวิตที่หมุนเวียนไปมา เมื่อบุตรทั้งสองได้เติบโตพอที่จะเลี้ยงตัวเองได้แล้ว ท่านจึงตัดสินใจกลับมาบวชในพระบวรพระพุทธศาสนาอีกครั้ง เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2517 ณ วัดกุฏิการาม อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร โดยมีพระครูวชิรปัญญาคุณ (หลวงพ่อจวบ ปญฺญาคโม)เป็นพระอุปัชฌาข์ พระใบฎีกาจำรัส ติสฺสเทโว  วัคไตรภูมิ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระดำรงค์ศักดิ์ ธมฺมกาโม(พระครูวิศาลวัชรกิจ) วัดกุฏิการาม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ และจำพรรษาที่วัดอินทาร าม และต้องรับหน้าที่รักษาการแทนเจ้าอาวาสตั้งแต่พรรษาแรก เนื่องจากไม่มีพระสงฆ์ที่มีพรรษามากกว่าและได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสอย่างเป็นทางการ ในปี พ.ศ.2523 ในปี พ.ศ. 2548 ได้รับแต่งตั้งเป็น พระครูถาวรวชิรสาร เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2548 ปฏิบัติหน้าที่ เจ้าอาวาสวัดอินทาราม ต.ท่าไม้อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร
ประวัติด้านการศึกษาพระปริยัติธรรมและส่งเสริมพระสงฆ์ สามเณรให้ศึกษา ฯ
ปี พ.ศ.2518 สอบได้นักธรรมชั้นตรี สำนักเรียนวัดอินทาราม ต. ท่าไม้ อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร
ปี พ.ศ.2519 สอบได้นักธรรมชั้นโท สำนักเรียนวัดอินทาราม ต. ท่าไม้ อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร
ปี พ.ศ.2520 สอบได้นักธรรมชั้นเอก สำนักเรียนวัดอินทาราม ต. ท่าไม้ อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร
หลวงพ่อยังได้ส่งเสริมให้พระสงฆ์และสามเณรศึกษาด้านพระปริยัติธรรม โดยเข้าสอบในสนามหลวงทุกปีและได้ส่งไปศึกษาต่อที่ต่างจังหวัด เช่น วัดโพธาราม จังหวัคนครสวรรค์ เป็นต้น
ประวัติด้านอุปนิสัยของหลวงพ่อ
หลวงพ่อเป็นพระนักพัฒนา ขยันขันแข็ง พูดน้อยและสันโดษ มีเมตตากับบุคคลทั่วไป ทำงานสิ่งใดท่านจะมีความมุ่งมั่นอย่างจริงจังจนกว่างานจะสำเร็จ อบรมสั่งสอนพระภิกษุสามเณรให้อยู่พระธรรมวินัย นอกจากนั้นท่านยังอบรมธรรมะ สั่งสอนชาวบ้านในทุกเช้าก่อนสว่างในวันพระอยู่เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ จนท่านอายุมากแล้วจึงมอบให้พระสงฆ์รูปอื่นพูดอบรมแทนท่าน
นอกจากนั้นท่านยังเป็นพระสงฆ์ที่ชอบศึกษาธรรมะ โดยสอบ นักธรรมชั้นตรี โท และเอกได้ในพรรษาต้นๆ และยัได้ศึกษาตำราคัมภีร์โบราณ ยันต์ ภาษาขอม และตำราคาถาอาคมของลุงถ้วย มณีเขียว ซึ่งตำราปัจจุบันยังเก็บรักษาไว้ที่วัดอินทาราม และหลวงพ่อได้ใช้ตำรานี้ในการชาวบ้านที่มาขอความช่วยเหลือจากท่านโดยเท่าเทียมกัน
ประวัติด้านการพัฒนาวัด และชุมชน
ปี พ.ศ.2519 ได้ดำเนินการก่อสร้างศาลาการเปรียญ  ที่สร้างยังไม่แล้วเสร็จจนสมบูรณ์และมีการฉลองยกช่อฟ้า
ปี พ.ศ.2520 ได้ดำเนินการบูรณะซ่อมแซมอุโบสถหลังเก่า ด้วยเงินบริจาคของชาวบ้านประมาณสามหมื่นบาทเศษ
ปี พ.ศ.2528 ได้ดำเนินการบูรณะซ่อมแซมวิหารหลังเก่า ด้วยเงินบริจาคของชาวบ้านประมาณสองแสนบาทเศษ
ปี พ.ศ.2536 ได้ดำเนินการก่อสร้างเมรุเผาศพ ด้วยเงินบริจากของชาวบ้านและบุคคลทั่วไปใช้ประมาณก่อสร้างประมาณสามแสนบาทเศษ
ปี พ.ศ.2537 ได้ดำเนินการบูรณะซ่อมแซมมณฑปหลังเก่า ด้วยเงินบริจาคของชาวบ้าน
ประมาณหนึ่งแสนบาทเศษ
ปี พ.ศ.2540 ได้ดำเนินการสร้างซุ้มประตูด้านทิศเหนือ ด้วยเงินบริจาคของชาวบ้านประมาณห้าหมื่นบาทเศษ
ปี พ.ศ.2541 ได้ดำเนินการสร้างสะพานข้ามกลองแม่ระกา หมู่ที่ 10 บ้านคลองสงกรานต์ ต.ท่าไม้ อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร ด้วยเงินบริจาคของชาวบ้านประมาณสองหมื่นบาทเศษ
ปี พ.ศ.2543 ได้ดำเนินการก่อสร้างอุโบสถหลังใหม่ ทดแทนอุโบสถหลังเก่าซึ่งทรุดโทรมยากแก่การบูรณะซ่อมแซม ด้วยเงินบริจาคของชาวบ้านและบุคคลทั่วไป
ปี พ.ศ.2546 ได้ดำเนินการก่อสร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่ ด้วยเงินบริจาคของชาวบ้าน และบุคคลทั่วไปประมาณสองล้านบาทเศษ
ปี พ.ศ.2550 ได้ดำเนินการก่อสร้างกุฏิสงฆ์แบบคอนกรีตเสริมเหล็ก ด้วยเงินบริจาคของชาวบ้านและบุคคลทั่วไปประมาณสองแสนบาทเศษ
ปี พ.ศ.2552 ได้ดำเนินการก่อสร้างหอระฆังแบบคอนกรีตเสริมเหล็ก โคยมีคุณเสริมวุฒิ - คุณอมรรัตน์ สุวรรณโรจน์ บริษัทเฉาก๊วยชากังราว เป็นเจ้าภาพและมีชาวบ้านร่วมบริจาค
ปี พ.ศ.2554  ได้ดำเนินการก่อสร้างกุฏิเจ้าอาวาสแบบคอนกรีตเสริมเหล็ก ด้วยเงินบริจาคของชาวบ้านและบุคคลทั่วไปประมาณสองล้านบาทเศษ
ปี พ.ศ.2555 ได้ดำเนินการก่อสร้างซุ้มประตูด้านทิศตะวันออก ด้วยเงินบริจาคของชาวบ้านและบุคคลทั่วไปใช้เงินประมาณสองแสนบาทเศษ
ปี พ.ศ.2556 ได้ดำเนินการก่อสร้างวิหารหลังใหม่ โคยมีคุณเสริมวุฒิ - คุณอมรรัตน์ สุวรรณโรจน์ บริษัทเฉาก๊วยชากังราว เป็นเจ้าภาพและมีชาวบ้านร่วมบริจาค ใช้งบประมาณก่อสร้าง ประมาณ 10 ล้านบาทเศษ
ปี พ.ศ.2559 ได้ดำเนินการก่อสร้างกูฏิสงฆ์แบบคอนกรีตเสริมเหล็ก โดยมีคุณเสริมวุฒิ - คุณอมรรัตน์ สุวรรณโรจน์ บริษัทเฉาก๊วยชากังราว เป็นเจ้าภาพและมีชาวบ้านร่วมบริจาค ใช้งบประมาณก่อสร้างประมาณ 3 ล้านบาท
ปี พ.ศ.2560 ได้ดำเนินการซื้อที่ดินด้านหลังวัดเพิ่มเติม ให้เป็นสมบัติของวัดด้วยเงินบริจาค ของ นายสุรสิทธิ์(กำนันตู้) วงศ์วิทยนันท์ และคุณเสริมวุฒิ-คุฌอมรรัตน์ สุวรรณโรจน์ เป็นเจ้าภาพ
ปี พ.ศ.2563 ได้บริจากเงินให้กับโรงพยาบาลพรานกระต่าย 100,000 บาท เดื้อจัดหาเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์
ปี พ.ศ.2563 ได้บริจาคเงินให้กับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลท่าไม้ 200,000 บาท เพื่อจัดสร้างห้องฉุกเฉินและเครื่องมือแพทย์
นอกจากนั้น หลวงพ่อยังได้บริจาคทุนการศึกษาให้กับนักเรียนและบริจาคเงินให้กับผู้สูงอายุในงานวันอายุวัฒนมงคลของท่านเป็นประจำทุกปี
ประวัติด้านการนำพระสงฆ์ สามเณรและชาวบ้านพัฒนาวัด
วัดอินทาราม เป็นเก่าที่มีประวัติการก่อสร้างมาหลายร้อยปี ในช่วงก่อนหลวงพ่ออุปสมบทวัดมีความทรุดโทรมเป็นอย่างมากไม่มีพระสงฆ์ที่มีพรรษามากพอที่จะเป็นหัวหน้าได้ มีแต่พระบวชใหม่เพียง 2-3 รูป ญาติโยมจึงต้องพากันไปขอความอนุเคราะห์จากหลวงพ่อพระครูวชิรปัญญาคุณ (หลวงพ่อจวบ) วัดกุฏิการาม เจ้าคณะอำเภอพรานกระต่ายในสมัยนั้น เพื่อขอพระสงฆ์จากวัดกุฏิการาม มาจำพรรษาที่วัดอินทาราม หลวงพ่อพระครวชิรปัญญาคุณ(หลวงพ่อจวบ) จึงได้ส่งคณะสงฆ์จำนวนหนึ่งประมาณ 4-5 รูป มาอยู่จำพรรษาและเป็นหัวหน้าพระสงฆ์อยู่ระยะหนึ่ง เมื่อหลวงพ่อทูล ฐานทตฺโต ได้อุปสมบทในต้นปี พ.ศ.2517 พระสงฆ์ที่มาจากวัดกุฏิการาม จำเป็นต้องไปศึกษาพระธรรมต่อที่จังหวัดนครสวรรค์ จึงได้มอบหมายภารกิจดูแลวัดอินทารามให้กับหลวงพ่อทูล ฐานทตฺโต ดูแลต่อในขณะที่หลวงพ่อเพิ่งจะบวชใหม่ยังมิได้พรรษาแต่เนื่องจากคณะสงฆ์และญาติโยมเห็นว่าหลวงพ่อเป็นคนในท้องถิ่นและมีความเหมาะสมที่จะดูแลวัดให้เจริญรุ่งเรืองได้
หลังจากหลวงพ่อได้อุปสมบทและรับภาระดูแลวัดอินทาราม จากหลวงพ่อ พระครูวชิรปัญญาคุณ(หลวงพ่อจวบ) พระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อทูล ได้นำพาพระสงฆ์ สามเณรและชาวบ้าน พัฒนาวัดอินทาราม อย่างขันแข็งไม่ย่อท้อทำให้วัดที่ทรุดโทรมได้รับพัฒนารุ่งเรืองให้มีความเหมาะสมสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นกูฏิสงฆ์ โบสถ์ วิหารลานเจดีย์ อีกทั้งศาลาการเปรียญ ก็ยังสร้างค้างไว้ยังไม่เสร็จ หลวงพ่อก็นำสร้างต่อจนเสร็จสมบูรณ์ ด้วยความขยันขันแข็งอดทน และบางอย่างท่านสร้างด้วยตนเอง เช่น การสร้างหอระฆังสร้างด้วยเสาไม้ต่อกันหลายต้นหลวงพ่อทูลขึ้นมุงหลังคาด้วยตนเองซึ่งในขณะนั้นหลวงพ่อก็มีอายุมากแล้ว แต่ไม่มีใครที่สามารถขึ้นไปมุงหลังคาได้ ไม่ว่าหลวงพ่อท่านจะออกปากว่าจะสร้างสิ่งใด ชาวบ้านจะร่วมกันบริจาคเงินคนละเล็ก คนละน้อย ช่วยสร้าง
สำเร็จลงได้ เพราะเห็นในความตั้งใจจริงของท่าน
หลวงพ่อทูล ฐานทตฺโต ท่านเป็นพระนักพัฒนาที่เน้นให้วัดมีความสะอาด ในทุกวันท่านจะนำพระสงฆ์ สามเณร กวาดลานวัดให้สะอาดอยู่เสมอ จนเป็นที่รู้กันไปทั่วหรือแม้แต่ในวงการพระสงฆ์ต่างก็พูดถึงและยอมรับกันว่าวัดอินทาราม ของหลวงพ่อทูลเป็นวัดที่สะอาด สวยงามเป็นแบบอย่างให้กับวัดอื่นๆได้ มาจนถึงปัจจุบัน
ประวัติด้านการอาพาธหรือเจ็บป่วย
ในระยะ 2-3 ปีมานี้ หลวงพ่อมีอาการอาพาธอยู่บ่อยครั้ง ลูกศิษย์และญาติโยมได้นำหลวงพ่อเข้ารักษาที่โรงพยาบาลกำแพงพชร และเมื่อหายดีแล้วจึงกลับมาพักฟื้นอยู่ที่วัดอินทาราม และฉันยาตามแพทข์สั่งอย่างสม่ำเสมอ โดยมีพระสงฆ์และญาติโยมอยู่อุปัฎฐากตลอดเวลา จนถึงคืนวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ.2564 เวลาประมาณส 23.20 น. หลวงพ่อได้เรียกพระสงฆ์และญาติโยมที่นอนเฝ้าอยู่ด้านนอกให้เข้าไปหา แต่หลวงพ่อมิได้สั่งเสียสิ่งใดไว้ และละสังขารด้วยอาการอันสงบ ด้วยโรคชรา เมื่อเวลา 23 28 น. ของคืนวันที่ 3 พฤษกาคม พ.ศ.2564 ตรงกับวันแรม 7 ค่ำ เดือน 6 ปีฉลู สิริรวมอายุได้ 91 ปี พรรษา 47

ฮืมฮืมฮืมฮืม
By Mickysun
90  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / แด่แม่ ส่งเสริม ถมเถื่อน โอ้เดือนดับ ลับล่วง อีกดวงแล้ว เมื่อ: เมษายน 09, 2021, 08:35:22 am
แด่แม่ ส่งเสริม ถมเถื่อน
        โอ้เดือนดับ ลับล่วง อีกดวงแล้ว                        ดั่งดวงแก้ว อาสาสมัคร . จักลับแสง
เสียสละ ให้สังคม ระดมแรง                                     ทุกหนแห่ง รู้จัก  และรักเธอ
      ยอด อสม. เมืองกำแพง กล้าแกร่งนัก                   พี่น้องรัก   คุณความดี  สม่ำเสมอ
ทำงานหนัก ประจักษ์จิต ได้เจอะเจอ                          เธอเสนอ สนองงาน  อย่างมั่นใจ
     แม่ส่งเสริม ถมเถื่อน ไม่เลือนจาก                        แม้กรรมพราก  จากคนรัก ไม่สดใส
เธอขยัน อาสางาน ท่วมฤทัย                                     อยู่กลางใจ คนรู้จัก ต้องรักนาง
     เอื้ออาทร สอนงาน เธอสานต่อ                             มีความสุข ได้จุนเจือ เธอถากถาง
งานยากง่าย เธอเต็มใจ ไม่จืดจาง               ไม่เคยว่าง ขยันอาสา น่านิยม
     เป็นหัวหน้า  แม่ค้า ตลาดศูนย์                              เธอเกื้อกูล ดูแล อย่างเหมาะสม
ทุกคนรัก  ปรับทุกข์สุข รับอารมณ์                              ชาวตลาด ชื่นชม  น้ำใจจริง
     แล้วฟ้าพราก เธอจากไป ให้เศร้าแสน                     ไปสู่แดน  สุขาวดี  มีทุกสิ่ง
เธอคือเดือน ที่ดับไป ไม่ประวิง                                   เป็นความจริง มิใช่ฝัน พลันจากไป
     ขอเธอสู่ สวรรค์  อาสาสมัคร                                        เทพพิทักษ์ ความดีงาม ที่สดใส
เสวยสุข เสวยอาสา นิรันดร์ไป                                   ทุกดวงใจ  ยังรัก ตระหนักเธอ

     

หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7 8 ... 95
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.11 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!