หัวข้อ: เรื่อง หยาดน้ำตาแห่งความสำเร็จ โดยนางสาวนิตยา โพธิ์ศิริ ครุศาสตร์ภาษาไทย มรภ.กพ. เริ่มหัวข้อโดย: apairach ที่ สิงหาคม 26, 2012, 05:23:55 pm ฉันเข้ามาในมหาวิทยาลัยวันแรกเจอเพื่อนมากหน้าหลายตา มีเพื่อนที่จบมาจากโรงเรียนเดียวกันสองสามคน ในบริเวณภายในมหาวิทยาลัยดูกว้างใหญ่กว่าโรงเรียนมัธยม มีสนามหญ้ากว้างๆจรดสวนหย่อมดูสวย มีสระน้ำกว้างใหญ่มองไปสุดตา มีตึกสูงต่ำเรียงกันไปมากมาย มีเส้นทางที่สลับซับซ้อน มีรถวิ่งผ่านไปมามากมาย มีหมู่ชายหญิงแต่งตัวเรียบร้อยบ้างก็ผมสั้น บ้างก็ผมยาว ก่อนจะเข้ามาอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยแม่และพ่อต่างพร่ำบอกให้ฉันตั้งใจเรียนหนังสือและดูแลตัวเองให้ดีๆ ฉันอยู่หอพักกับเพื่อนอีก 2 คนโดยมีรถมอเตอร์ไซด์ คันหนึ่งที่ฉันขี่มาเรียนทุกวันเวลาผ่านไปหลายเดือนเงินที่แม่ให้ไว้ก็เริ่มหมดลงอย่างช้าๆฉันกลับไปเอาเงินที่แม่อยู่เรื่อยๆ แม่บอกว่า ?ใช้เงินประหยัดๆหน่อยนะแม่หาไม่ทันแล้ว? ฉันฟังคำที่แม่พูดแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย และกลับมาใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยตามเดิม เมื่อกลางดึกคืนที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2554เวลาประมาณ 23.00น ฉันนั่งทำการบ้านเสร็จกำลังจะเข้านอนสักพักมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นลั่นห้องพอรับสายมีเสียงผู้หญิงวัยกลางคนพูดว่า ?ทำใจดีๆนะป้ามีอะไรจะบอก?นั่นคือเสียงของป้าฉันเองฉันถามกลับไปว่า ?อะไรมีอะไรหรือเปล่า? ผู้หญิงวัยกลางคนพูดว่า ?พ่อหนูถูกรถชน? เมื่อได้ยินดังนั้นฉันตกใจมากและปลุกเรียกเพื่อนให้พาฉันไปที่โรงพยาบาล นั่งรถมอเตอร์ไซด์ได้สักพักก็ถึงโรงพยาบาล ฉันเดินตรงไปที่ห้องฉุกเฉินโดยไม่สนใจอะไรเลย พอถึงหน้าห้องฉุกเฉินเห็นแม่และน้องนั่งรออย่างห่อเหี่ยว ผู้หญิงวัยกลางคนพาฉันเข้าไปในห้องฉุกเฉิน สิ่งที่ฉันพบเจอและน่าตกใจนั่นคือ เลือดที่เต็มใบหน้าขอพ่อมีผ้าพันรอบศีรษะของพ่อ ดูอาการของพ่อแล้วฉันคิดว่าจะต้องเสียพ่อไปแน่ๆ เมื่อเห็นภาพของพ่อเพียงแวบเดียวน้ำตาก็ไหลรินออกมาเป็นสายไม่หยุดยั้ง ฉันออกมานั่งร้องไห้อยู่ข้างนอก แม่ปรึกษากับผู้หญิงวัยกลางคนว่าจะส่งตัวพ่อไปโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์จังหวัดนครสวรรค์ ผู้หญิงวัยกลางคนทำเรื่องส่งตัวพ่อไปโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ไม่นานนักมีรถโรงพยาบาลมารับตัวพ่อขึ้นรถฉันและผู้หญิงวัยกลางคนก็นั่งไปด้วย ฉันนั่งจับตัวพ่อไว้เพราะพ่อดิ้นแรงมากเหมือนคนไร้สติ ฉันมองที่ศีรษะของพ่อมันบวมโตมากฉันกลัวว่าศีรษะของพ่อจะกระทบกระเทือนนั่งรถไม่นานนักก็ถึงโรงพยาบาล บุรุษพยาบาลนำตัวพ่อไปในห้องฉุกเฉินมีนางพยาบาล 3-4 คนมารุมเช็ดเลือดทำแผลให้พ่อ นางพยาบาลที่นี่ดูแลดีมากต่างจากโรงพยาบาลที่ย้ายมาซึ่งไม่ได้ช่วยเหลืออะไรพ่อมากนัก เมื่อทำแผลเสร็จบุรุษพยาบาลพาพ่อไปที่ชั้น 5 เพื่อไปนอนพักตัวแต่อาการดิ้นของพ่อก็ยังไม่หยุด บุรุษพยาบาลจึงต้องมัดเท้ามัดมือพ่อเอาไว้ ฉันนั่งเฝ้าโดยไม่หลับ มีหมอมาตรวจดูอาการของพ่อเรื่อยๆ หมอบอกว่าอาการที่พ่อดิ้นเป็นสื่อว่าพ่อยังมีเปอร์เซ็นต์พ้นขีดอันตรายสูง ได้ยินดังนั้นก็ดีใจมากแต่อาการของพ่อก็ยังน่าเป็นห่วงเพราะส่วนใหญ่หลังจากประสบอุบัติเหตุอวัยวะที่มีแผลมากที่สุดก็คือศีรษะและเลือดก็ออกมาเยอะมาก
พ่อต้องใช้เครื่องช่วยหายใจและยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ฉันดูแลพ่ออย่างใกล้ชิด รอวันรุ่งขึ้นแม่ก็มาพร้อมเอกสารที่จำเป็นที่จะใช้ในการรักษาตัวพ่อ ฉันนอนเฝ้าพ่อเป็นเวลา 2 คืน 3 วันแต่อาการดิ้นของพ่อก็ยังไม่หยุดตลอดระยะเวลา 2 คืน 3 วันฉันได้อาบน้ำให้พ่อดูแลพ่อไม่ห่างทำทุกอย่างเท่าที่ลูกคนหนึ่งจะทำเพื่อพ่อได้ หลังจากนั้นฉันก็ได้เดินทางกลับมาจังหวัดกำแพงเพชรเพื่อที่จะเตรียมตัวอ่านหนังสือสอบในวันอังคารที่จะถึงนี้ ก่อนจะกลับมาแม่บอกกับฉันว่า ?กลับไปเถอะตั้งใจสอบเถอะไม่ต้องเป็นห่วงทางนี้เดี๋ยวแม่ดูแลพ่อเอง? เมื่อกลับมาถึงฉันได้ตั้งใจอ่านหนังสือเพื่อที่จะเตรียมตัวสอบปิดภาคเรียนที่1 และจะทำให้ดีที่สุดเพื่อพ่อและแม่ พ่อป่วยอยู่ประมาณ 9 วันก็ได้ออกจากโรงพยาบาลกลับมาพักผ่อนอยู่ที่บ้าน หน้าของพ่อดูบิดเบือนไปจากเดิมมาก พ่อยังมีอาการซึมๆยังไม่พูดกับใคร เมื่อสอบเสร็จฉันได้กลับมาช่วยแม่ดูแลพ่อ อาบน้ำให้พ่อจัดหาข้าวหายามาให้พ่อกินไม่นานนักอาการของพ่อก็ดีขึ้นเรื่อยๆตามลำดับ เมื่อเปิดเรียนภาคที่ 2 ได้ไม่นานฉันก็บอกกับแม่ว่าฉันจะหางานทำในช่วงหลังเลิกเรียนเพราะจะได้ช่วยแบ่งเบาภาระของแม่เพราะตอนที่รักษาพ่อแม่หมดเงินเป็นจำนวนมากและฉันก็ไม่อยากจะไปเอาเงินแม่มาใช้ เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ฉันได้สมัครและเข้าทำงานในร้านเดอะพิซซ่าคอมปะนี ตอนแรกก็คิดว่าเราจะทำได้หรือเปล่าภาษาอังกฤษก็อ่านไม่ออกไม่เคยทำงานที่ไหนมาก่อนด้วย อย่างว่างานทุกงานที่ทำต้องมีอุปสรรคต่างๆ และฉันก็เป็นคนหนึ่งที่ได้เจออุปสรรคเหล่านั้น ด้วยความที่อ่านภาษาอังกฤษไม่ออกและไม่เคยทำงานที่ไหนมาก่อน จึงโดนเพื่อนร่วมงานต่อว่ากดขี่ใช้เยืองขี้ข้า และทำไมฉันจึงต้องอดทน ทำไมฉันจึงต้องอดทนกับการต่อว่าของเพื่อนร่วมงาน เพราะพ่อและแม่เป็นแรงบันดาลใจให้ฉันต้องสู้ชีวิตที่แสนจะลำบากเพื่อที่ได้เงินมาใช้ในแต่ละวันเหมือนพ่อแม่ที่อดทนต่อการทำงานต่างๆเพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูเรา เงินที่ได้มาถึงแม้ว่าจะมาเหลือให้แม่ใช้แต่ก็ยังดีกว่าที่จะไปขอเงินแม่ใช้ เงินที่ได้มาในแต่ละเดือนประมาณ 4,000 กว่าบาทพอใช้จ่ายได้แค่เดือนชนเดือนเท่านั้นถึงเหลือก็เหลือไม่มากนัก ฉันต้องใช้จ่ายอย่างประหยัด ฉันทำงานได้ 2 เดือนฉันก็เริ่มเป็นงานและทำงานดีขึ้นผู้จัดการร้านไว้ใจและวางใจให้ฉันดูแลงานบางส่วน ความสำเร็จที่เกิดขึ้นเป็นเพราะฉันมีความอดทน พยายามและความมานะทำให้ฉันมีงานทำเป็นหลักเป็นแหล่ง ฉันใช้เงินที่ได้จากการทำงานส่งตัวเองเล่าเรียนหนังสือโดยไม่ขอเงินพ่อและแม่เลย ฉันบอกกับแม่ว่า ?ฉันจะภูมิใจในตัวเองมากที่ส่งตัวเองเรียนหนังสือจนจบระดับมหาวิทยาลัยและมีงานดีๆทำมีเงินส่งให้แม่ใช้อย่างไม่ขัดสน? |