จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
พฤษภาคม 06, 2024, 02:02:50 am *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
ยินดีต้อนรับสมาชิก และผู้เยื่ยมชมทุกๆท่าน
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2 3 ... 10
 1 
 เมื่อ: พฤษภาคม 05, 2024, 09:16:34 am 
เริ่มโดย apairach - กระทู้ล่าสุด โดย apairach
ขุนพันธรักษ์ราชเดช
ปราบโจรกำแพงเพชร(ตอน ๑)
           ต่อมาทางจังหวัดกำแพงเพชรเกิดโจรผู้ร้ายชุกชุม ขนาดเรือเมล์กับรถยนต์รับส่งผู้โดยสารไปมาระหว่างจังหวัดนครสวรรค์-กำแพงเพชรต้องเลิกกิจการ เพราะถูกรบกวนจากอันธพาลแสดงอำนาจไม่ยอมเสียเงิน ตำรวจก็ไม่กล้าจับกุม ขนาดเกิดฆ่ากันตายในใจกลางตลาด ตำรวจก็ไม่ใส่ใจ ไม่มีการชันสูตรพลิกศพ ไม่มีการติดตามจับผู้ร้าย ถ้าเกิดเหตุใกล้ริมแม่น้ำ พวกชาวบ้านจะช่วยกันลากศพทิ้งลงแม่น้ำ โรงมหรสพต้องหยุดหมดทุกโรง โรงเรียนก็เปิดปิดไม่เป็นเวลา เหล้ายาบุหรี่ไม่มีขาย เนื่องจากมีการค้าฝิ่นกันเสรี ขนาดผู้กำกับการตำรวจมีมลทินมัวหมองเรื่องค้าฝิ่นเถื่อน จึงถูกสั่งพักราชการ ทำให้ ร.ต.อ.ประคอง  ก้องสมุทรนักเรียนนายร้อยตำรวจ(ห้วยจรเข้) ที่จังหวัดนครปฐม พ.ศ.๒๔๗๖) รองผู้กำกับการขอย้ายไปอยู่ที่อื่น ขนาดมีคำสั่งย้ายมาถึงยังไปไหนไม่ได้  เพราะไม่มีผู้กำกับมาทำงาน ข้าราชการและชาวบ้านส่วนใหญ่ติดฝิ่นกันจนโงหัวไม่ขึ้น แต่โรงยาฝิ่นยังขาดทุนทุกปี เพราะมีตำรวจมาเบ่งกินข้าวฟรี สูบฝิ่นฟรี แถมนึกสนุกหยิบปืนขึ้นยิงดังก้องทั้งวันทั้งคืน  สิ่งสำคัญที่สุดคือ ไม่ต้องทำงานหรืออยู่เวร ในเวลาปฏิบัติราชการก็ไม่มีการอบรม

           ขณะนั้น พล.ต.ต.พระพิจารณ์พลกิจ อธิบดีตำรวจได้พ้นตำแหน่งจากการเกษียณอายุ ทางรัฐบาลได้มอบให้หลวงสังวรณ์สุวรรณชีพ เจ้ากรมยุทธการทหารเรือมารักษาการแทนในตำแหน่งอธิบดีกรมตำรวจชั่วคราว จึงต้องการแก้ไขเหตุการณ์บ้านเมืองให้คืนความสงบสุข โดยสรรหาตำรวจมือปราบเดินทางไปปฏิบัติงานที่กำแพงเพชร ในช่วงนั้นมือปราบที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมีอยู่สองคน คือ มือปราบแดนใต้ พ.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช กับมือปราบนครบาล ร.ต.อ.ยอดยิ่ง  สุวรรณาคร ผู้พิชิตเสือฝ้าย แต่ผู้ที่มีอคติต่อ ร.ต.อ.ยอดยิ่ง ก็มีไม่น้อย โดยให้ความเห็นว่า ถ้าส่งยอดยิ่งไปก็เท่ากับเติมเกลือลงในน้ำทะเล  แต่กับ พ.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช ก็ยังมีมลทินเรื่องไปเข้ากับพวกเสือที่ชัยนาท จึงตัดสินใจคำสั่งให้พระราชญาติรักษา(ประกอบ  บุนนาค)ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ่อค้าคนสำคัญที่มีอาณาเขตติดต่อกับกำแพงเพชร มาประชุม  ผลการลงคะแนนปรากฏว่า พ.ต.ต.ขุนพันธ์รักษ์ราชเดชชนะ ร.ต.อ.ยอดยิ่ง  สุวรรณาคร เพียงคะแนนเดียว

          แต่หลวงสังวรณ์สุวรรณชีพ อธิบดีตำรวจมีความสงสัยว่า นายตำรวจที่มียศเป็นขุนยังมีเหลืออีกหรือ ทราบข่าวหมดไปนานแล้ว ถ้ามีชีวิตอยู่ไม่แก่จนหนวดยาวหรือ จึงมีหนังสือเรียกตัว พ.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดชมาพบที่กรมตำรวจ

          วันที่ ๖ สิงหาคม ๒๔๙๐ ขุนพันธ์ฯได้รับโทรเลขจากกรมตำรวจ จึงเดินทางเข้ากรุงเทพไปกรมตำรวจ(ขณะนั้นยังตั้งอยู่ที่กระทรวงมหาดไทย ที่ปทุมวันยังไม่สร้าง)

          ในวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๔๙๐ เวลา ๑๐.๓๐ น. พ.ต.ต.บุตร เข้าไปรายงานตัวต่ออธิบดีตามระเบียบแล้ว ทันทีที่พบหน้าหลวงสังวรณ์สุวรรณชีพเอานิ้วชี้มาตรงหน้าแล้วพูดว่า คนนี้หรือคือขุนพันธ์ฯ  ทำไมตัวนิดเดียวแถมมีหนวดด้วย คนเขาว่าเป็นเสือเมืองสุพรรณบุรี

         ครั้งแรกขุนพันธ์ฯตกใจไม่น้อยที่ผู้บังคับบัญชาเรียกตัวมาตำหนิ โดยไม่ทราบความมุ่งหมายจะมาไม้ไหนหรือหลวงนรินทร์สรศักดิ์จะไปฟ้องเพิ่มเติมอีก ขุนพันธ์ฯได้แต่ยืนนิ่งไม่โต้ตอบ

        สักครู่หนึ่งอธิบดีตำรวจก็พูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า“เมื่อก่อนโน้นคนอื่นเขาว่าเป็นเสือ แต่เดี๋ยวนี้เขาเชื่อกันแล้วว่าขุนพันธ์ฯเป็นคนดี ฉันไม่เคยรู้จักมาก่อนเลยอยากพบ ฉันจะให้ขึ้นไปอยู่เมืองกำแพงเพชรจะได้หรือไม่”

         ขุนพันธ์ฯยังยืนนิ่งคอยอ่านใจเจ้านาย จนมีเสียงถามต่อมาอีกว่า“รู้หรือเปล่าว่าเมืองกำแพง

          เพชรนั้นเป็นอย่างไร” ขุนพันธ์ฯได้กราบเรียนไปว่า“ทราบแล้ว เมืองกำแพงเพชรนั้นอยู่ต่อแดนกับเมืองพิจิตร ซึ่งกระผมเคยอยู่มาเกือบ ๓ ปี พวกโจรพรานกระต่ายเคยล้ำแดนเข้ามาปล้น กระผมเคยขี่ม้าไล่ตามจับ แต่พวกโจรได้หนีเข้าเขตนอกพื้นที่รับผิดชอบ ทำให้พวกโจรยังลอยนวลมาถึงบัดนี้”

        อธิบดีตำรวจพยักหน้ารับรู้เรื่องราวและถามต่อไปอีกว่า“ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น”

        ขุนพันธ์ฯได้กราบเรียนไปว่า เพราะเจ้าหน้าที่ไม่ดี ไม่ว่าบ้านเมืองใด หากเจ้าหน้าที่ไม่ดีแล้วก็จะต้องเป็นเช่นนั้น หากเจ้าหน้าที่ดีมีความสามารถแล้ว พวกโจรผู้ร้ายก็จะไม่กำเริบ

        อธิบดีตำรวจนิ่งอยู่สักครู่ก่อนจะถามด้วยเสียงอันดังว่า“ที่ว่าเขาไม่ดีไม่ดีนั้น ใครไม่ดี”

       ขุนพันธ์ฯกราบเรียนว่า ทุกคนตั้งแต่ชั้นเล็กๆจนถึงชั้นผู้ใหญ่

        หลวงสังวรณ์สุวรรณชีพนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง“เออจริง ฉันจะให้ขึ้นไปอยู่เมืองกำแพงเพชรจะว่าอย่างไร”

          พ.ต.ต.บุตร ยืนนิ่งอีก แต่ในหัวใจยังครุ่นคิดถึงเรื่องสุพรรณบุรีและชัยนาทอยู่ ก่อนจะตัดสินใจพูดออกไปว่า“เป็นพระคุณอย่างเหลือล้นที่กรมตำรวจยังเรียกใช้ แต่จะขอความกรุณาให้กลับขึ้นไปสุพรรณบุรีและชัยนาท เพื่อล้างมลทินที่ถูกกล่าวหาเป็นเสือ”

         อธิบดีกรมตำรวจพูดขึ้นว่า“เขาจะให้ไปกำแพงเพชรยังจะขืนไปสุพรรณบุรีและชัยนาทอีก ส่วนเรื่องปราบผู้ร้ายทุกคนเชื่อว่าขุนพันธ์ฯทำได้ แต่จะเก่งแต่อย่างเดียวไม่ได้ เรื่องจัดการกับเมืองกำแพงเพชรให้สงบเคยทำมาก่อนหรือ

         พอขุนพันธ์ฯได้ฟังดังนั้นก็ตัดสินใจกราบเรียนไปว่า เมื่อทางกรมตำรวจมีความประสงค์เช่นนั้นก็จะไป แต่จะขอพร ๔ ประการ หากท่านกรุณาให้ก็ขอรับรองว่าต้องทำงานสำเร็จแน่ๆ

        หลวงสังวรณ์สุวรรณชีพรู้สึกแปลกใจไม่น้อย“ลองว่ามาให้ฟังซิ ถ้าให้ได้ก็จะให้

ขุนพันธ์ฯเห็นนายยิ้มแย้มดี จึงได้ลำดับพรตามความต้องการคือ
๑. รองผู้กำกับการที่จังหวัดกำแพงเพชรนั้น ขอได้กรุณาให้ขุนพันธ์ฯเป็นผู้เลือกเอง อย่าได้แต่งตั้งใครที่ขุนพันธ์ฯไม่ได้ขอมาก่อน หากเลือกไม่ได้ขุนพันธ์ฯก็จะขอไปคนเดียว

๒. ใครๆก็ดีเมื่อขุนพันธ์ฯรายงานมาแล้วว่าไม่ดี ขอให้ทางกรมได้กรุณาเชื่อไว้ก่อนโดยไม่ต้องตั้งกรรมการ เพราะการตั้งกรรมการนั้น มันแล้วแต่พยานของใครดีไม่ดีและเป็นเรื่องล่าช้าเสียเวลา  อาจจะทำให้คนมีความผิดเป็นไม่ผิด คนไม่ผิดเป็นผิดได้

๓. เมื่อทำสำเร็จแล้วขอกลับไปสุพรรณบุรี-ชัยนาท

๔. ขอเงินเดือนขึ้น ๑ ขั้น หากทำได้ตามความต้องการของกรม

         เมื่ออธิบดีกรมตำรวจได้ฟังก็ตอบตกลงและยังย้อนถามขุนพันธ์ฯว่า ขอเงินเดือนขั้นเดียวเท่านั้นหรือ ตอนนี้ขุนพันธ์ฯได้ยืนยันกับท่านไปว่าขอขั้นเดียว ท่านยังกล่าวต่อไปว่างานนี้จะให้ขุนพันธ์ฯไปทำสัก ๔ เดือน ถ้ายังไม่เรียบร้อยจะเพิ่มให้อีก

         ฝ่ายขุนพันธ์ฯยังคงเชื่อความขลังของพร ในใจคิดว่าเพียงเดือนเดียวอาจสำเร็จเรียบร้อยหมดจึงได้แต่ยืนนิ่งไม่มีการคัดค้าน

        ขุนพันธ์ได้รับคำสั่งให้ออกเดินทางในวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๔๙๐ จึงเริ่มเก็บข้าวของเตรียมตัว

            ฝ่ายคุณเฉลา ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากของขุนพันธ์ทราบว่า สามีต้องไปรับตำแหน่งผู้กำกับตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชรก็ตกใจ เพราะทราบข่าวมาว่าเมียนายอำเภอพรานกระต่ายเข้ามาในเมือง แต่ในระหว่างทางถูกโจรฉุดลากเข้าป่า แล้วหายสาบสูญไปตั้งแต่บัดนั้น

         ครั้งแรกขุนพันธ์ฯมีความตั้งใจจะเดินทางด้วยเกวียน แต่กว่าจะถึงเมืองกำแพงเพชรต้องเวลาร่วมเดือน เพื่อที่จะให้งานสำเร็จตามกำหนดที่รับปากกับอธิบดีตำรวจไว้ จึงจำเป็นต้องไปติดต่อขอเช่าเรือแดงที่เคยสัญจรเมื่อสามปีก่อน แต่ได้รับการปฏิเสธกลับมา

         ขุนพันธ์ฯผิดหวังกลับมาปรับทุกข์กับภรรยาของตน คุณเฉลาแนะนำให้ไปหาคุณนายของผู้จัดการเดินเรือ ซึ่งเป็นชาวนครศรีธรรมราชเหมือนกัน
บ่ายวันนั้นขุนพันธ์ฯกลับไปที่บริษัทอีกครั้ง เพื่อขอพบคุณนายผู้จัดการเดินเรือ

         ฝ่ายคุณนายผู้จัดการเดินเรือสาววัยไม่ถึง ๓๐ ปี ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานของเจ้าจอมสว่างในรัชกาลที่ ๕(ธิดาพระยานครศรีธรรมราช น้อยกลาง ณ นคร) ออกมาต้อนรับ พร้อมกับทักทายคนบ้านเดียวกันและถามจุดประสงค์ที่มาในครั้งนี้

          ขุนพันธ์ฯยกมือไหว้อย่างนอบน้อมและแนะนำตนเอง“ผมขุนพันธ์ฯเป็นชาวนครศรีฯครับ ทราบข่าวท่านเป็นลูกหลานเจ้าจอมสว่างกับเจ้าพระยาบดินทร์เดชานุชิต(แย้ม ณ นคร) เลยมากราบคารวะ ผมมีเพื่อนร่วมรุ่นที่จบพร้อมกันเคยไปอาศัยอยู่ที่บ้านเจ้าพระยาบดินทร์ฯ คือ คุณบัญญัติ ณ นคร (นักเรียนนายร้อยตำรวจ(ห้วยจรเข้)ที่จังหวัดนครปฐม พ.ศ.๒๔๗๒) ที่เป็นผู้กำกับอยู่เกาะคา ลำปาง และ ร.ต.ต.พริ้ง ณ นคร(นักเรียนนายร้อยตำรวจ(ห้วยจรเข้)ที่จังหวัดนครปฐม พ.ศ.๒๔๗๒) ที่เป็นผู้กำกับอยู่ชัยนาท วันนี้ผมมาขอเช่าเรือไปเมืองกำแพงเพชร แต่ท่านผู้จัดการไม่ยอม

            พอคุณนายทราบก็หันไปบอกกับผู้จัดการเดินเรือผู้เป็นสามีว่า“ชาวใต้ด้วยกันต้องช่วยกันซิ”

           ในที่สุดขุนพันธ์ได้เช่าเรือเป็นเงิน ๒,๐๐๐ บาท  แต่มีข้อสัญญาว่า“เมื่อเรือจะจอดและค้างคืนที่ใดขุนพันธ์ฯจะต้องชักธงชาติบนหลังคาเรือ แล้วประกาศให้คนรู้ทั่วกันว่า เป็นเรือราชการไปเมืองกำแพงเพชร ไม่ใช่เรือรับจ้างคนโดยสาร” ขุนพันธ์ฯตอบตกลง

            คืนวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๔๙๐ เวลาตีสอง เรือได้ออกจากอยุธยามุ่งตรงไปยังกำแพงเพชร

           ก่อนออกเดินทางคุณนายผู้จัดการเดินเรือได้มอบหวายของเจ้าจอมสว่าง ซึ่งผ่านการปลุกเสกในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ มอบให้เจ้านายไปปราบผู้ร้ายที่กระด้างกระเดื่อง โดยให้ขุนพันธ์ฯนำไปปราบผู้ร้าย

         วันที่ ๕ ตุลาคม ๒๔๙๐ พักที่โรงแรมตึกขาว นครสวรรค์ เผอิญได้พบกับนายเข่งที่รู้จักกันแต่ครั้งอยู่พิจิตรมาขอไปด้วย โดยถามว่าไปกันกี่คน ขุนพันธ์ตอบว่าไปกัน ๕ คน คือ ขุนพันธ์ฯและภรรยา    ด.ญ.สุจิตรา อายุ ๖ ขวบ(บุตรสาว) ด.ญ.อักษร อายุขวบกว่าๆ(บุตรสาว) และ ด.ญ.กัลยา(หลานสาว)

         พอขุนพันธ์ฯมีเพื่อนร่วมเดินทางไปด้วย คุณเฉลาภรรยาคิดจะไม่ไปด้วย โดยจะขอนำเด็กๆไปรออยู่ที่บ้านญาติในกรุงเทพฯ แต่ขุนพันธ์ฯได้ชี้แจงว่า ถ้าไปกับนายเข่งเพียงสองคนแล้ว ใครเล่าจะหุงหาอาหารให้กิน ในที่สุดภรรยาขุนพันธ์ก็ยอมไปด้วย

          วันที่ ๖ ตุลาคม ๒๔๙๐ ขุนพันธ์ฯออกจากปากน้ำโพ ผ่าน อ.เก้าเลี้ยว อ.ขาณุวรลักษณ์ ตลอดระยะทาง ข่าวผู้กำกับคนใหม่ล่วงรู้ไปถึงพวกโจรผู้ร้าย จึงถูกลองดีด้วยการปล่อยท่อนซุงไหลมาชนเรือขุนพันธ์ ทำให้การเดินทางต้องล่าช้าออกไปอีก

          วันที่ ๙ ตุลาคม ๒๔๙๐ เวลาสามทุ่ม เรือแล่นมาถึง อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร คนขับไม่ยอมขับต่อไปอีก เพราะมีท่อนซุงลอยมามากขึ้นทุกที ขุนพันธ์ฯได้ขึ้นไปบน สภ.อ.คลองขลุง เพื่อขอลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน แล้วขอพบ ร.ต.อ.เยื้อน  จุลศิริ หัวหน้า สภ.อ.คลองขลุง(ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ ๒๔๙๐-๒๔๙๕)แจ้งให้ทราบว่าผู้กำกับมาตรวจงาน ปรากฏว่าเป็นเพื่อนร่วมรุ่นด้วยกัน จึงได้สนทนาเรื่องราวต่างๆ รวมถึงเหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้นในกำแพงเพชรทั้งหมด

         รุ่งขึ้นเรือแล่นออกจาก สภ.อ.คลองขลุง มุ่งตรงไป จ.กำแพงเพชร หากจะขี่ม้าไปใช้เวลาเพียง ๓๐ นาทีก็ถึง แต่ติดขัดที่มีเด็กและสัมภาระมาด้วยจำเป็นต้องใช้เรือ ระยะทางอำเภอเดียวต้องเสียเวลาเกือบหนึ่งวันเต็ม เพราะต้องเผชิญกับอุปสรรคนานาประการ ที่ผู้พยายามขัดขวางไม่ให้ผู้กำกับคนใหม่ไปถึงกำแพงเพชรได้สำเร็จ แต่ทว่าขุนพันธ์ฯก็สามารถฝ่าฟันอุปสรรคทั้งหมดได้สำเร็จ

          วันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๙๐ เวลา ๒๑.๓๐ น. เรือได้มาถึงเมืองกำแพงเพชร พร้อมกับเข้าพักที่โรงแรมของนางถี่ตรงท่าเรือนั้นเอง
ในขณะขุนพันธ์ฯกำลังขนสัมภาระเข้าโรงแรมนิตยประภา ทันนั้นเองมีเสียงปืนดังขึ้นที่หน้าโรงแรมเหมือนเป็นการต้อนรับผู้กำกับคนใหม่ ขุนพันธ์ฯเข้าใจว่าถูกท้าทายจึงวิ่งขึ้นบันไดไปเอาปืนลงมา

 2 
 เมื่อ: พฤษภาคม 05, 2024, 09:09:59 am 
เริ่มโดย apairach - กระทู้ล่าสุด โดย apairach
ขุนพันธรักษ์ราชเดช(ตอน 2)
ปราบโจรกำแพงเพชร
         นางถี่เจ้าของโรงแรมเห็นเข้าก็เข้ากอดขุนพันธ์ฯไว้ แล้วพูดว่าไม่ใช่เรื่องของคุณ อย่าออกไป ขุนพันธ์ฯจะสะบัดอย่างไรไม่หลุด แกบอกขุนพันธ์ฯว่า มันเป็นธรรมเนียมของเมืองนี้ ใครจะเมาหรือไม่เมา เมื่ออยากยิงปืนก็ยิงกันได้ตามสบาย ดังนั้นขุนพันธ์ฯได้ไปอาบน้ำ ในคืนนั้นขุนพันธ์ฯนอนคิดหาวิธีปราบปรามผู้ร้ายเมืองกำแพงเพชรให้อยู่ในความสงบโดยรวดเร็ว
(พุทธศักราช ๒๕๔๘ นายวินิต นางชูจิตต์ ตัดสินใจรื้อถอนโรงแรมนิตะยประภา แล้วนำไม้สักทั้งหมดไปสร้างใหม่ ติดกับโรงแรมจิตต์ประภา(เป็นโรงแรมที่คุณวินัย นิตยะประภา(ทนายความ) บุตรของนายวินิต นางชูจิตต์สร้างขึ้น เมื่อพุทธศักราช ๒๕๑๘) บริเวณหัวสะพานฝั่งนครชุม แยกเป็น ๒ หลัง ให้กับบุตรชายและหญิง หลังที่ ๑ ชื่อ“ฬฬิฬ เรือนไทยไม้สักทอง” เป็นของนายวิจาร(ทนายความ) นางณัฐสิริ นิตยะประภา หลังที่ ๒ ชื่อ“บ้านพระคุณแม่”(เรือนอาจารย์) เป็นของอาจารย์นิภาพร  สุวรรณพงศ์(นิตยะประภา) ดังนั้นโรงแรม“นิตยะประภา” ซึ่งเป็นโรงแรมแห่งแรกของเมืองกำแพงเพชร สร้างเมื่อพุทธศักราช ๒๔๘๙ และรื้อถอนเมื่อพุทธศักราช ๒๕๔๘ นับอายุได้ ๖๐ ปี ข้อมูลจาก อ.สันติ  อภัยราช)

          รุ่งขึ้นวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๔๙๐ เวลา ๐๗.๐๐ น. ขุนพันธ์ฯแต่งเครื่องแบบเรียบร้อยแล้ว สั่งให้เด็กไปเช่าจักรยานมาคันหนึ่งราคา ๒๗ สตางค์ เพื่อให้เด็กขี่พาไปที่ สภ.อ.กำแพงเพชร

         ส่วนขุนพันธ์ฯขี่จักรยานของตนเอาที่เอามาด้วย วันนั้นไม่มีข้าราชการคนใดทราบข่าวการมาของผู้กำกับคนใหม่ พอเด็กพาไปถึงป่าแห่งหนึ่งก็หยุดนิ่ง พร้อมกับชี้ให้รู้ว่าที่แห่งนี้แหละ “สถานีตำรวจกำแพงเพชร”

          สภาพ สภ.อ.กำแพงเพชร ที่เห็นเต็มไปด้วยต้นไม้เถาวัลย์ขึ้นปกคลุมจนมิดหลังคา บ้านผู้กำกับพังครืนไปครึ่งหนึ่ง จนนกกระจาบเข้าอาศัยทำรังอยู่เป็นฝูงๆ กระดานป้ายชื่อสถานีตำรวจถูกปลวกกัดจนตกลงมากองอยู่กับพื้นดิน ถนนเข้าสถานีตำรวจที่เคยกว้าง ๕ เมตรมีหญ้าอ้อ หญ้าแขม หญ้าคา ขึ้นปกคลุมจนเป็นซุ้มหนา มีช่องเล็กๆที่คนใช้เป็นทางเข้าออกได้

          ขุนพันธ์ฯทิ้งรถจักรยานไว้ข้างนอก แล้วแหวกหญ้าเข้าไป จนน้ำค้างเปียกเสื้อกางเกงหมด พอถึงบันไดสถานีตำรวจ มองเห็นที่ล้างเท้าน้ำแห้งสนิท ข้างบนมีตำรวจนั่งกอดปืนกระดิกเท้าอยู่ สภาพการแต่งกายบ่งบอกเป็นตำรวจถูกต้อง แต่เสื้อผ้าที่สวมใส่ไม่เคยซักแดงเป็นสนิท หมวกแก๊ปสวมไปทาง  กระเป๋าเสื้อขาดรุ่งหริ่ง ขุนพันธ์ฯเดินขึ้นไปตรงหน้ายาม ยามยังนั่งมองหน้าเฉย ขุนพันธ์ฯจึงถามว่าเธอเป็นยามใช่ไหม ยามตอบว่าใช่ ขุนพันธ์ฯได้ถามต่อไปว่า เธอรายงานตัวเป็นไหม และเมื่อยามแต่งตัวสวมหมวกถือปืนอย่างนี้ เมื่อผู้บังคับบัญชาขึ้นมาหรือมาพูดด้วยจะต้องทำอย่างไรก่อน
ยามตอบว่าไม่ทราบ ขุนพันธ์ฯจึงถามต่อไปว่า เธอเป็นตำรวจมากี่ปีแล้ว เคยฝึกหัดบ้างหรือเปล่า ใครเป็นนายร้อยเวร สิบเวร ต่อไปใครเป็นยาม ทำไมโรงพักรกเต็มไปหมดอย่างนี้ เก้าอี้ก็ล้มหงายบ้าง  ตะแคงบ้าง ราวปืนก็มีแต่ราว โรงพักเหมือนโรงร้างมานานปี

         ยามตอบว่าเป็นตำรวจมา ๒ ปีแล้ว จะปลดเดือนเมษายนปีนี้ ไม่เคยฝึกหัดเลย นายร้อยเวร สิบเวรไม่มี ใครเป็นยามคนต่อไปไม่ทราบ ถึงเวลาเขามาเปลี่ยนกันเอง โต๊ะเก้าอี้ไม่มีใครจัด โรงพักก็ไม่มีคนทำความสะอาด ปืน ดาบปลายปืน กระเป๋ากระสุนปืนของใครก็เอาไปเก็บรักษาไว้ที่บ้าน ที่โรงพักเอาไว้ไม่ได้จะถูกขโมยลักหมด

ขุนพันธ์ถามว่า ถ้าสมมุติจะฝึกแถวจะหัดที่ไหน
         ยามตอบว่าต้องไปหัดตามวัดหรือตามโรงเรียน เพราะที่นั่นมีลานมีสนามเตียนดี ขุนพันธ์ฯได้ฟังดังนั้นก็รู้สึกสงสาร ประกอบกับเห็นสภาพของโรงพักแล้วก็ยิ่งเศร้าสลดใจ ขุนพันธ์ฯถามเขาต่อไปว่า“เธอรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร แต่งตัวอย่างนี้มียศชั้นไหน”

        ยามตอบว่าเข้าใจว่าเป็นผู้กำกับมาใหม่ มียศเป็นนายพันตำรวจตรี
ขุนพันธ์ฯจึงได้อบรมยามต่อไปว่า ต่อไปจำไว้เมื่อยามแต่งตัวเรียบร้อยดีเช่นนี้ มีหมวกถือปืนอย่างนี้ หากผู้บังคับบัญชาตั้งแต่นายร้อยตรีขึ้นไป เมื่อมาพูดกับยามหรือไม่พูดก็ตาม หากเห็นในระยะอันสมควร ยามจะต้องทำวันทยาวุธและโดยเฉพาะสำหรับผู้บังคับบัญชาเช่นผู้กำกับนี้ ยามจะต้องรายงานด้วย แล้วขุนพันธ์ฯก็สั่งไว้กับยามว่า“ให้บอกกันทุกคนว่า ผู้กำกับใหม่เขามาถึงตั้งแต่วานนี้ จะไปตรวจที่อำเภอพรานกระต่าย ๓ วัน แล้วจะกลับมาหัดแถวในบริเวณโรงพัก หัดเฉพาะท่าคลานกับท่ามอบให้จนหญ้าเตียน”

        วันที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๙๐ เวลา ๐๗.๑๕ น. พ.ต.ต.บุตร ได้วางแผนที่จะได้จัดการกับอำเภอพรานกระต่าย โดยขอร้องให้นางถี่เจ้าของโรงแรมช่วยเช่าเกวียนมาเล่มหนึ่งในราคา ๖๐ บาท เพื่อที่จะเดินทางไปคนเดียว ๓ วัน ในเกวียนมีแค่น้ำดื่ม ข้าวปลาอาหารขุนพันธ์ฯไม่กิน ขณะนั้นยาจากวัดดอนศาลายังออกฤทธิ์อยู่

       ในระหว่างทางได้ไปตรวจท้องที่อำเภอพรานกระต่าย ซึ่งเป็นอำเภอเดียวที่มีการทำนามาก  ราษฎรต่างประกอบอาชีพด้านเกษตรกรรม จึงนับว่ามีความเป็นอยู่ที่สมบูรณ์กว่าอำเภออื่น ด้วยเหตุนี้ที่อำเภอพรานกระต่ายมีโจรผู้ร้ายชุกชุมมาก ผิดกับอำเภอเมืองกำแพงเพชรมีแต่พวกอันธพาลทั่วเมือง  ส่วนที่อำเภอคลองขลุงมีโจรผู้ร้าย แต่ก็ไม่มากนัก

        พอไปถึงตัวอำเภอได้เข้าหา นายอนันต์  โพธิพันธ์ นายอำเภอพรานกระต่าย(ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๙๐-๒๔๙๑) ร.ต.อ.สะอ้าน  ธาราศรี หัวหน้า สภ.อ.พรานกระต่าย(ดำรงตำแหน่งผู้บังคับกอง สภ.อ.พรานกระต่าย พ.ศ.๒๔๘๙-๒๔๙๑)ว่า ผมมารับราชการที่นี่คนเดียว ไม่มีรองผู้กำกับมาด้วย มาขอทำความรู้จักและพึ่งบารมีพวกข้าราชการเมืองกำแพงเพชร ปัจจุบันภาพพจน์เมืองกำแพงเพชรในสายคนภายนอกเสียหายมาก จึงมาขอความช่วยเหลือในการปฏิบัติราชการ พวกเราเป็นข้าราชการคงอยู่กันไม่นาน แต่ขณะที่ยังอยู่อยากให้สร้างความดีให้ชาวกำแพงเพชรระลึกถึงยามจากไป อีกอย่างหนึ่งต้องการมาขอพบพวกมิจฉาชีพทุกประเภท ตั้งแต่โจรผู้ร้าย อันธพาล นักเลง นักพนัน พ่อค้าของเถื่อน ฯลฯ เพื่อทำความรู้จักฝากเนื้อฝากตัว โดยขอร้องให้ ร.ต.อ.สะอ้าน  ธาราศรี นัดบรรดาอันธพาลและผู้กว้างขวางทั้งหลาย ตลอดจนกำนันผู้ใหญ่บ้านและคณะกรรมการอำเภอมากินเลี้ยงที่บ้านในคราวหน้า

         วันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๔๙๐ ขุนพันธ์ฯกลับจากตรวจราชการที่พรานกระต่ายมาถึง สภ.อ.กำแพงเพชร ก็รู้สึกแปลกใจที่บริเวณโรงพักเตียนสะอาดขึ้น แม้จะทำการฝึกหัดท่าคลานและหมอบก็ตาม ก็ไม่มีตอและหนามตำ

          วันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๙๐ ร.ต.อ.ประคอง  ก้องสมุทร เข้ามารายว่า ตำรวจในจังหวัดกำแพงเพชรมี นายร้อย ๕ คน จ่า ๒ คน นายสิบ ๒๔ คน นายพันมีคนเดียวคือขุนพันธ์ฯ รองไม่มีเพราะหาไม่ได้ หลังจากได้รับรายงานเสร็จเรียบร้อย ขุนพันธ์ฯได้นัดประชุมตำรวจพร้อมกันทั้งหมด พร้อมกับทำความเข้าใจกับตำรวจทุกคนว่า ขุนพันธ์ฯมารับหน้าที่ตามคำสั่งกรมตำรวจ และได้พรมา ๔ ประการ  สำหรับระเบียบวินัยตลอดจนข้อบังคับมีอยู่พร้อมแล้วในเมืองกำแพงเพชรนี้ มิใช่ว่าขุนพันธ์ฯจะมาตั้งขึ้นใหม่ ต่อไปจะต้องจัดเวรยามตามระเบียบและให้มาทำงานกันทุกคน ปืนดาบปลายปืน กระเป๋ากระสุนให้เอามาเก็บไว้ที่โรงพัก และเอามาเข้าราวไว้ให้หมด ถ้าของหลวงถูกขโมยก็ต้องช่วยกันชดใช้ตั้งแต่ผู้กำกับลงไป อีกทั้งต้องมีการฝึกอบรมเป็นประจำและจะต้องมีสมุดเซ็นชื่อลงเวลามาทำงานและกลับ เสร็จแล้วขุนพันธ์ฯให้เวลาทำความสะอาดโรงพักและปืนให้เรียบร้อยภายใน ๓ วัน นับแต่วันประชุมอบรมนี้เป็นต้นไป

           ครั้นถึงกำหนด ปืนและของหลวงทุกอย่างก็เข้าที่ ตำรวจพามาทำงานกันตามระเบียบ มีการอบรมสั่งสอนกันเป็นประจำ ด้านโรงพักเป็นอันเรียบร้อยไป คราวนี้ปัญหาอยู่ที่บ้านพักผู้กำกับที่ชำรุดจนไม่สามารถใช้เป็นที่พักได้ ขุนพันธ์ฯได้พิจารณาย่านตลาด ตรงโรงยาฝิ่นที่เกิดเรื่องทะเลาะวิวาทกันอยู่เสมอ ทำให้เจ้าของกิจการต้องขาดทุนทุกปี แถมยังตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของพวกบรรดานักเลงอันธพาลที่บังคับให้ประมูลทุกปีด้วย คนอื่นจะประมูลไม่ได้

          สภาพโรงยาฝิ่นเป็นห้องแถวใหญ่โตแข็งแรง ๒ ห้อง ๒ ชั้น ใหญ่โตแข็งแรง หากผู้กำกับจะขอแบ่งเช่าอยู่สักครึ่งหนึ่งก็คงไม่เดือดร้อน ตอนแรกขุนพันธ์ฯไปเจรจากับขุนสรสิทธิ์เจ้าของห้องบอกว่าสุดแต่ผู้เช่า ขุนพันธ์ฯจึงไปพบกับเถ้าแก่ผู้เช่า เถ้าแก่โรงยาฝิ่นตกใจคิดว่า แค่ถูกนายร้อย นายสิบ และพลตำรวจไถและเบ่งสูบฟรีเป็นประจำ ทำให้ต้องเดือดร้อนแทบจะแย่อยู่แล้ว คราวนี้ขนาดชั้นนายพันแถมยังเป็นผู้กำกับด้วยคงจะหนักกว่าเก่าหลายเท่านัก เถ้าแก่จึงไม่ยอมตกลงด้วย ขุนพันธ์ฯต้องใช้วิธีพูดกันแบบสองต่อสองหลายครั้ง โดยอธิบายว่าที่ขุนพันธ์ฯต้องการมาเช่าอยู่นี้ เพื่อจะมาปราบพวกอันธพาลและคอยคุ้มกันไม่ให้ใครมาสูบฝิ่นฟรีให้ เถ้าแก่โรงยาฝิ่นค่อยเข้าใจและยอมตกลงด้วย

 3 
 เมื่อ: เมษายน 22, 2024, 09:55:13 pm 
เริ่มโดย apairach - กระทู้ล่าสุด โดย apairach
เรือนจันทน์ 20-04-67
       @ อ สันติ  อภัยราช
*ท่านขุดเพชร ไว้ประดับเมืองกำแพง
  ท่านทุ่มแรง  เจียรนัยมากมายเพชร
  รักษ์สืบสาน  เพชรที่ท่านเจียรทุกเม็ด
  อย่ามองเพชร  เหมือนไก่มองเห็นพลอย
*ท่านขุดทอง  กองให้ทุกท้องถิ่น
  ภูมิปัญญา คือทรัพย์สินสืบใช้สอย
   ประเพณี  วัฒนธรรมล้ำเลิศลอย
   ยิ่งใช้บ่อย  ยิ่งเพิ่มค่าเอนกอนันต์
  *ท่านคือช่าง เจียรนัยฝีมือเด็ด
  เจียรดินหิน  เป็นเพชรค่ามหาศาล
  บ้างเรียกครู  บ้างเรียกพ่อเรียกอาจารย์
  ผลบุญทาน  คุ้มคนดีศรีกำแพง
      ด้วยความเคารพรัก
          อธิคม  สือพัฒธิมา

 4 
 เมื่อ: เมษายน 17, 2024, 02:55:27 pm 
เริ่มโดย apairach - กระทู้ล่าสุด โดย apairach
แด่คุณวิชสุดา อัครโพธิ์
   งานสงกรานต์ ยังไม่จบ พบเรื่องเศร้า    เพื่อนรักเรา จากไป แสนใจหาย
วิชสุดาอัครโพธิ์ เกียรติ์กำจาย              เธอจากไป  กลางสงกรานต์ งานบ้านเรา
   อรุณี สุวรรณวิชนีย์ คือชื่อเก่า            เพื่อนรักเรา จากสลาย กลายเงียบเหงา
แสนเสียดาย เธอจากไป ไร้รูปเงา           เพื่อนรักเราชีวาวาย เสียดายจริง
    เธอ นางฟ้าชุดขาว เป็นดาวเด่น         จบอุตรดิตถ์ เป็น แหล่งสำคัญกว่าทุกสิ่ง
ปริญญาโทราชภัฏกำแพงแข็งแกร่งจริง    งานยอดยิ่ง โรงพยาบาลกำแพงเพชร
  ศัลยกรรมชาย หลายปี ที่กำแพง            เธอแข็งแกร่งดูแลคน จนสำเร็จ
งานดูแลรักษาหลายปีกำแพงเพชร           ประทับใจ งานเสร็จ อย่างงดงาม
  ย้ายไปอยู่ชลบุรี ไม่มีทุกข์                     สาธารณสุข ชลบุรี มีคนขาม
แสนขยัน แสนประหยัด  ซื่อทุกยาม          เป็นตัวอย่าง ผู้คนตาม สรรเสริญเธอ
กลับมาอยู่ เทศบาล กำแพงเพชร              ทำงานเสร็จสมประสงค์ สม่ำเสมอ               
   ทุกคนรัก ทุกคนห่วง มีเพื่อนเกลอ          จวบ จนเธอ เกษียณงาน อย่างภูมิใจ
มาทำธุรกิจส่วนตัว อย่างที่ชอบ                  เธอประกอบกิจ แสนขยัน สุขสดใส
   ทราบข่าวร้าย กลางสงกรานต์ งานของไทย   เธอจากไป รวดเร็ว  ไม่อำลา
โรคหัวใจล้มเหลว คร่าชีวัน                        ต้องจากกัน ดัวยรัก ไม่หรรษา
    ขอเธอสู่สรวงสวรรค์ชั้นเทวา               สุขศรัทธา เกษมสันต์ ทุกวันเทอญ





 5 
 เมื่อ: เมษายน 17, 2024, 07:34:44 am 
เริ่มโดย apairach - กระทู้ล่าสุด โดย apairach
เจดีย์วัดบาง

 6 
 เมื่อ: เมษายน 17, 2024, 07:34:04 am 
เริ่มโดย apairach - กระทู้ล่าสุด โดย apairach
เจดีย์วัดบาง

 7 
 เมื่อ: มีนาคม 19, 2024, 02:25:47 pm 
เริ่มโดย apairach - กระทู้ล่าสุด โดย apairach
คำขอบคุณ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร

เข้ารับการ  อบรม  หลักสูตรแท้            การดูแล ผู้สูงอายุ  ระยะหลัง
ต้องพึ่งพิง ผู้ดูแล เฝ้าระวัง                    อย่างจริงจัง ด้วยจิตรัก สมัครใจ
จัดโดยคณะ พยาบาลศาสตร์  ราชภัฎ    กำแพงเพชร งานถนัด  ยลสมัย
เรียนหลักสูตร รุ่นหนี่ง  ซึ้งฤทัย             สี่ร้อยยี่สิบ ชั่วโมงไป อบรมกัน
                 หลักสูตรดี วิทยากรเก่ง  และเคร่งครัด   สื่อสารชัด กับผู้สูงอายุ อย่างสร้างสรรค์
มีจรรยา มารยาท สะอาดครัน                ความรู้นั้น เพรียบพร้อม        น้อมศรัทธา
   ขอขอบคุณ โรงพยาบาล กำแพงเพชร   เอกชน รัฐ  สมานเสร็จ      เสกสรรหา
ครูอาจารย์ ราชภัฎ ถนัดวิชา                             คณะพยา   บาลศาสตร์   ปราชญ์เปรื่องจริง
              อาจารย์กนกพร ไพศาล สุจารีกุล          ผู้ค้ำจุน โครงการ  ช่วยทุกสิ่ง
เจ้าหน้าที่ และแหล่งฝึก ไม่ทอดทิ้ง                      ฝึกเราจริง ได้ความรู้   ครูมากมาย
   ขอขอบคุณ   เพื่อนเพื่อน  คอยเตือนจิต      ร่วมอุทิศ  ความรัก ไม่ห่างหาย
มีความสุข สนุกสนาน สำราญกาย                          เกียรติกำจาย อบอุ่น  เกื้อหนุนกัน
              เราผูกพัน สามัคคี   มีความรัก                  เราประจักษ์ ในจิต อาสาสรรค์
เรามาร่วม สัญญา รวมใจพลัน                                ใช้ความรู้  นิรันดร์  ขอสัญญา
            นำไปใช้ ให้เกิด  ประโยชน์สุด                   ดูแลดุจ  บุพการี        ที่รักษา
ด้วยใจรัก  ด้วยศักดิ์ศรี ด้วยศรัทธา                        ย้ำสัญญา  แม้เหนื่อยยาก  จากใจเอย
               
 

 8 
 เมื่อ: มีนาคม 19, 2024, 01:15:47 pm 
เริ่มโดย apairach - กระทู้ล่าสุด โดย apairach
โครงการประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาคุณภาพบริการพยาบาล
๑๙ - ๒๐ มีนาคม ๒๕๖
นาตยา คำสว่าง
          สาธารณสุขศาสตรดุษฎีบัณฑิต       มีชีวิต เพื่อพัฒนา  มหาศาล
นางฟ้าชุดขาว ช่วยบันดาล                          เกริกตระการ เก่งกล้า ประชาชม
          มีผลงานวิจัย หลากหลายเรื่อง             เชี่ยวชาญเปรื่อง ปราชญ์พยาบาล กาลเหมาะสม
คือวิทยากร คนเก่ง ช่วยสังคม                         เราชื่นชม ด็อกเตอร์ นาตยา คำสว่าง อย่างจริงใจ

สุพิชา  เกิดอุดร

         ผู้เขี่ยวชาญ สวนหัวใจ  หลอดโลหิต     อาจารย์พิเศษ มีชีวิต เพื่อช่วยเหลือ
มหาวิทยาลัย นเรศวร ท่านจุนเจือ           วิทยากร คนชมเชื่อ  ตลอดกาล
        ช่วยชีวิต คนมากมาย  หัวใจแกร่ง           ท่านคือแหล่ง ความรู้ เชี่ยวประสาน
เป็นวิทยากร  คนดี ที่เชี่ยวชาญ                   เก่งตระการ คุณสุพิชา เกิดอุดร คนสอนเรา





ชื่นมนัส จาดยางโทน

 ท่านนางฟ้า จิตเวช วิเศษเหลือ       ปริญญาเหนือ หลายสาขา มาเกื้อหนุน
นิติศาสตร มหาบัณทิต ที่ทรงคุณ           เอื้ออาทร  ช่วยค้ำจุน งานของเรา
             อาจารย์พิเศษ จริยศาสตร์ และกฎหมาย  การพยาบาลคือเป้าหมาย เป็นดั่งเสา
ท่านเก่งกาจ สามารถชาญยุทธ์เชาวน์          ขวัญใจเรา คุณชื่นมนัส จาดยางโทน

รุ่งทิพย์  โตอิน

         พยาบาลชำนาญการพิเศษ วิเศษล้ำ       หัวใจนำเทคโนโลยี มารักษา
วิทยากร พัฒนาคุณภาพ ชาญวิชา                  เอื้ออาทร ผู้ป่วยมา อย่างเนิ่นนาน
        เป็นอาจารย์พิเศษ เวชศาสตร์                เชี่ยวชาญศาสตร์  ทรวงอก มหาศาล
สอนพิเศษ   มอ นเรศวร มาเนิ่นนาน               แสนเบิกบาน คุณรุ่งทิพย์ โตอิน ยินดีค่ะ



 9 
 เมื่อ: มีนาคม 19, 2024, 01:13:27 pm 
เริ่มโดย apairach - กระทู้ล่าสุด โดย apairach
แด่คุณจตุพร บุญยืด นางฟ้าชุดขาว ผู้จากไป
         ราวอสุนีบาต   ฟาดลง  ตรงใจฉัน      จากนิรันดร์    นางฟ้า   มหาสวรรค์
                               เธอนางฟ้า  ชุดขาว  ผู้พราวพรรณ                 ความซึ้งกัน  ยังอยู่  คู่หัวใจ
                     จตุพร บุญยืด  เธอหญิงแกร่ง           เธอแข็งแรง  แกร่งกล้า และสดใส
          รักน้องบุ๋ม  รักพี่บุ๋ม  สุมฤทัย                           รักนิสัย เธอน่ารัก ประจักษ์จริง
             อ                              เธอ ยิ้มแย้ม แจ่มจิต ชีวิตรุ่ง              เธอหมายมุ่ง ดูแล  ในทุกสิ่ง
      ศัลยกรรม บุ๋มดูแล ไม่ประวิง         เธอเป็นยิ่ง นางฟ้า จรรยางาม
                                    เธออ่อนหวาน น่ารัก ประจักษ์จิต          มีชีวิต เพื่อผู้อื่น ไม่หยาบหยาม
                            อายุยัง  ไม่มาก จากเพียงนาม      จตุพร น้องบุ๋มงาม ยิ่งจรรยา   
                                          รักอาชีพ รักนางฟ้า มามากล้ำ                จตุพร  มีสุขย้ำ  แสนหรรษา
      พอทราบข่าว ราวฟ้าฟาด  บุ๋มจากลา                  อนิจจา  ความเศร้า เข้ามาเยือน
         ภาพน่ารัก สดชื่น ระรื่นจิต                      ภาพชีวิต ภาพหัวใจ  ใครจะเหมือน
                            มะเร็งร้าย  มาพรากเธอ ไม่ลืมเลือน                      เคยล้อเล่น เคยเยี่ยมเยือน  ยังจารจำ
                                          ขอเธอสู่  ฟากฟ้า  มหาสวรรค์                เป็นนางฟ้า นิจนิรันดร์  เถิดงามขำ
                            เธอนางฟ้า ชุดขาว  จะจดจำ                                จะ รักบุ๋ม พี่ขอย้ำ นิรันดร์เทอญ


                                           

 10 
 เมื่อ: มีนาคม 19, 2024, 01:11:56 pm 
เริ่มโดย apairach - กระทู้ล่าสุด โดย apairach
แด่คุณแม่ศรีนวล นิลรัตน์
ฟ้ามัวมืด เมฆครึ้ม เศร้าซึมหมอง        ฝนครึ้มครอง ซึมเซา ให้เศร้าแสน
สวรรค์ฉ่ำ น้ำฟ้า ทั่วดินแดน                   ร่ำร้องไห้  ด้วยใจแสนารักศรัทธา
แม่ศรีนวล  คือทุกอย่าง ในชีวิต     มีดวงจิต  ที่ยิ่งใหญ่ ให้ศึกษา
แม้จนยาก ลำบาก มีเมตตา                                เลี้ยงลูกมา อุตสาหะ มานะใจ
   แม่เลี้ยงวัว เลี้ยงเป็ด ทำทุกสิ่ง    มิเกรงกริ่ง ความลำบาก แม่สดใส
ทำขนมหวาน แสนอร่อยให้กลอยใจ                   ช่วยแม่ขาย เก็บเงินมาให้ลูกเรียน
            แม่เหนื่อยยาก เพียงใด ใครก็รู้        ลูกจึงสู้ ช่วยแม่ มิแปรเปลี่ยน
ทำเพื่อเรียน ทำเพื่อรัก ทำเพื่อเพียร                     ลูกได้เปลี่ยน ช่วยแม่  ในทุกทาง

ลูกเรียนจบ  ตอบแทนคุณ บุญล้นฟ้า      แม่เราเริ่มมีเวลา พักผ่อนบ้าง
แม่เริ่มสุข หลังเลี้ยงลูก เริ่มปล่อยวาง                     แม่ศรีนวล คือทุกอย่าง ของพวกเรา
   ตอบแทนคุณ เกื้อหนุน คุณของแม่            ลูก ดูแล มิให้แม่   ได้หมองเศร้า
แม่ศรีนวล เริ่มล้มป่วย เจ็บไม่เบา                                 เทพเชิญเอา แม่ไปไว้ ใกล้เทวา
   พ่อรออยู่ บนสวรรค์  ชั้นสูงสุด                ที่มนุษย์  สามารถ แสวงหา
แม่ศรีนวล กลับสู่ เทพมารดา                                 คู่พ่อสุรจิต หรรษา นิรันดร์กาล
                 ฟ้าสว่างเจิดอำไพ กว้างไกลกว่า           แจ่มแจ้งแสงสุริยา มหาศาล
สร้างบุญแห่งความดี มาช้านาน              แม่ศรีนวล คือตำนาน ชั่วกาลเอย


หน้า: [1] 2 3 ... 10
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.11 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!