จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
พฤษภาคม 06, 2024, 03:32:09 am *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
ยินดีต้อนรับสมาชิก และผู้เยื่ยมชมทุกๆท่าน
 
  หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
  แสดงกระทู้
หน้า: 1 ... 85 86 [87] 88 89 ... 95
1291  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / ขืนทำจะช้ำใจ ว วชิรเมธี เมื่อ: กันยายน 07, 2010, 11:56:16 am
ขืนทำจะช้ำใจ
1292  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / การทำงานที่ต้องยึดหลักคุณธรรม จริยธรรม เพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน เมื่อ: กันยายน 07, 2010, 11:47:06 am
จริยธรรมของข้าราชการการเมือง ข้าราชการ และลูกจ้าง จริยธรรมในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชา

บรรยายโดย
อาจารย์สันติ อภัยราช
นิติศาสตรบัณฑิต  การศึกษาบัณฑิต  ศิลปศาสตรมหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์
อาจารย์ ๓ ระดับ ๙   ผู้เชี่ยวชาญการพูดในที่ชุมชน
คนดีเมืองกำแพงเพชร    คนดีแทนคุณแผ่นดิน  ผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับสังคมกำแพงเพชร
อดีต ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร รองประธานสภาวัฒนธรรมภาคเหนือ
ครูต้นแบบแห่งชาติ     ครูภูมิปัญญาไทย
อาจารย์พิเศษ มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร
อาจารย์พิเศษ ศูนย์อบรม วัดหนองปลิง
๐๘๑   ๔๗๕ ๕๕๕๗


      จริยธรรมต่อตนเอง
         ๑.   เป็นผู้มีศีลธรรม  และประพฤติตนเหมาะสม
         ๒.   ซื่อสัตย์
         ๓.   มีทัศนคติที่ดีและพัฒนาตนเอง
      จริยธรรมต่อหน่วยงาน
         ๑.   สุจริต  เสมอภาค  ปราศจากอคติ
         ๒.   ทำงานเต็มความสามารถ  รวดเร็ว  ขยัน  ถูกต้อง
         ๓.   ตรงต่อเวลา
         ๔.   ดูแล  รักษา  และใช้ทรัพย์สินของทางราชการอย่างประหยัด
      จริยธรรมต่อผู้บังคับบัญชา  ผู้ใต้บังคับบัญชา  และผู้ร่วมงาน
         ๑.   ร่วมมือ  ช่วยเหลือ  แนะนำ  ทำงานเป็นทีม
         ๒.   เอาใจใส่ดูแลลูกน้อง
         ๓.   สร้างความสามัคคีในการปฏิบัติหน้าที่
         ๔.   สุภาพ  มีน้ำใจ  มีมนุษยสัมพันธ์
         ๕.   ละเว้นการนำผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตน

      จริยธรรมต่อประชาชนและสังคม
         ๑.   ให้ความเป็นธรรมเอื้อเฟื้อ  มีน้ำใจ  สุภาพอ่อนโยน
         ๒.   ประพฤติตนให้เป็นที่เชื่อถือแก่บุคคลทั่วไป
         ๓.   ละเว้นการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด  ซึ่งมีมูลค่าเกินปกติวิสัยจากผู้มาติดต่อ

จริยธรรมในฐานะหัวหน้างาน
      จริยธรรมพื้นฐานของหัวหน้างาน  มี  ๔  ประการ  คือ
      ๑.   ความซื่อสัตย์ต่อหน่วยงานแม่
      ๒.   ความซื่อสัตย์ต่อหน่วยงานของตน
      ๓.   ความรับผิดชอบต่อหน้าที่
      ๔.   ความเสียสละ
      ๕.   รับผิดชอบในความสำเร็จและความล้มเหลวของหน่วย
      ๖.   ต้องเป็นตัวอย่างที่ดี
              ๗.   สร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันภายในหน่วย
             ๘.   สั่งงานไม่เกินขีดความสามารถของหน่วยรอง
      ๙.        ตรงไปตรงมา
      ๑๐.     ยุติธรรม
      ๑๑.     ไม่เห็นแก่ตัว

จริยธรรมในฐานะฝ่ายบริการ และสนับสนุน
      ๑.   พึงปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต
      ๒.   ปฏิบัติงานด้วยความละเอียดรอบคอบ
      ๓.   มีความรับผิดชอบ
      ๔.   พัฒนาความรู้ความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่อยู่เสมอ
      ๕.   ประหยัดทรัพยากรของหน่วยงาน
      ๖.   ดำรงชีพให้เหมาะสมกับฐานะ  ไม่ฟุ่มเฟือย  ไม่สุรุ่ยสุร่าย
      ๗.   รักษาจรรยาวิชาชีพที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด
      ๘.   มีมนุษยสัมพันธ์อันดีกับทุกคน
 
    จริยธรรมในการทำงาน จากประสบการณ์

  ข้อที่พึงละเว้น
      -   ไม่นินทานาย หรือกล่าวถึงส่วนไม่ดีของนายให้ผู้ใดฟังทั้งสิ้น
      -   ไม่พูดเรื่องส่วนตัวของนายให้ผู้อื่นทราบแม้คนใกล้ชิดในครอบครัวของเรา
      -   ไม่ปิดบังเรื่องใด ๆ กับนายแม้ความผิดของตัวเองก็ยอมรับผิดอย่างตรงไปตรงมา
      -   ไม่ฟ้องนายในเรื่องที่เพื่อนร่วมงานหรือลูกน้องทำผิดพลาด บางเรื่องกลับต้องออกรับหน้าแทนเสียเอง
      -   ไม่เอาเปรียบเพื่อนร่วมงานในทุกเรื่อง
      -   ไม่เห็นแก่ตัวเอาความดีใส่ตัวเพียงคนเดียว หรือโยนความผิดให้ผู้อื่น
      -   ไม่งอนหรือแสดงสีหน้าไม่พอใจนาย เมื่อนายใช้อารมณ์กับเรา
      -   ไม่เถียงนายต่อหน้าผู้อื่น ใช้วิธีขออนุญาตชี้แจงเมื่อไม่มีคนอื่นแล้ว
      -   ไม่ต้องให้นายสั่งไปเสียทุกเรื่อง
      -   ไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของนาย
      -   ไม่ทำหรือส่งเสริมหรือสนับสนุนให้นายทำในสิ่งที่ผิดศีลธรรม, คุณธรรม, จริยธรรม, ระเบียบ, ข้อบังคับ ตลอดจนกฎหมายบ้านเมือง
      -   ไม่ประพฤติตนผิดศีลธรรม, จริยธรรม, ระเบียบ, ข้อบังคับ, กฎหมายบ้านเมือง จนมีเรื่องเดือนร้อนมาถึงนาย
      -   ไม่รับสินบนหรือของกำนัลในลักษณะสินบนจากบุคคลอื่น
      -   ไม่ใช้หน้าที่และฐานะที่อยู่หน้าห้องนาย เพื่ออำนวยประโยชน์ให้แก่พวกพ้อง หรือคนในครอบครัวในทางที่ไม่สมควร
      -   ไม่นำพวกพ้องหรือคนในครอบครัวมาเป็นภาระให้นายช่วยเหลือ
      -   ไม่ร้องขอความช่วยเหลือในเรื่องส่วนตัวใด ๆ จากนาย ยกเว้น นายยื่นมือเข้าช่วยเหลือเอง
      -   ไม่กีดกันบุคคลใด ๆ ไม่ให้เข้าพบหรือติดต่อกับนาย ยกเว้นบุคคลที่นายสั่งไว้ (ไม่หวงนาย)
      -   ไม่ตัดสินใจหรือออกความเห็นแทนนายในเรื่องที่บุคคลในหน่วยงานขอให้ถามนาย
      -   ไม่แก้หนังสือของหน่วยรอง และส่งกลับคืนเสียเองก่อนนำเรียนนาย
      -   ไม่ตอบนายว่า ?ไม่ทราบ? อยู่เสมอ ๆ ควรใช้คำพูดว่า ?ขออนุญาตไปตรวจสอบก่อน?
      -   ไม่ใช้โทรศัพท์ของนาย หรือเวลาที่จะต้องปฏิบัติหน้าที่ให้นายไปติดต่อเรื่องส่วนตัว
      -   ไม่ฉวยโอกาสแสวงประโยชน์ส่วนตัวจากบุคคลที่มาติดต่อกับนายหรือแขกของนาย
      -   ไม่เปิดเผยข้อราชการหรือการสั่งการของนายที่เป็นเรื่องลับ หรือเรื่องที่ไม่ควรเปิดเผยทั่วไป ให้แก่บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้อง
      -   ไม่อ้างนายหรือคำสั่งนาย หรือทำให้ผู้อื่นเข้าใจว่าเป็นคำสั่งนาย ต่อผู้อื่นเพื่อประโยชน์ตน
      -   ไม่ขออนุญาตไปทำธุระส่วนตัวโดยไม่คำนึงถึงความสำคัญของงานของนายในวันนั้น

ข้อที่พึงปฏิบัติ
      -   กล่าวสรรเสริญความดีของนายต่อบุคคลอื่นเสมอ (ถึงแม้มีส่วนที่ไม่ดีอยู่บ้างก็จะพูดเฉพาะส่วนที่ดี)
      -   รักษาความลับในเรื่องส่วนตัวของนาย
      -   กล้าพูด กล้าถาม กล้าแสดงความคิดเห็นทุกเรื่อง อย่างตรงไปตรงมา
      -   เสนอแนะนายในการดูแลสวัสดิการและความก้าวหน้าของเพื่อนร่วมงานและลูกน้อง
      -   ทำใจให้พร้อมที่จะรองรับอารมณ์โกรธหรือถูกด่าว่า ถูกตำหนิจากนาย (บางคน) โดยไม่แสดงออกซึ่งความไม่พอใจ
      -   ชี้แจงเหตุผลให้นายทราบเมื่อนายอารมณ์เย็นลงแล้ว
      -   ดูแลต้อนรับผู้มาติดต่อกับนาย และแขกของนายอย่างเท่าเทียมกัน โดยไม่ต้องให้นายสั่ง
      -   ริเริ่มวาดภาพล่วงหน้าเสมอ สมมุติว่าถ้าเราเป็นนายเราจะต้องไปไหน ทำอะไรบ้างในวันนี้และพรุ่งนี้  ควรจะต้องรับรู้หรือเตรียมการอย่างไรบ้าง แล้วเราก็เตรียมแบบนั้นให้นายโดยไม่ต้องรอให้นายสั่งก่อนจึงทำ
      -   ประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในศีลธรรมอันดี การพูดติดต่อประสานงานกระทำด้วยวาจาสุภาพ แต่งกายเรียบร้อยถูกระเบียบ มีวินัยในการแสดงการเคารพ ไม่ถือตัวว่าอยู่หน้าห้องนายแล้วไม่ต้องไหว้ใคร ทำตัวให้ผู้อื่นชื่นชม
      -   ปฏิบัติต่อบุคคลต่าง ๆ ตามนโยบายของนาย เช่น ผู้ใดไม่ต้องการพูดโทรศัพท์ด้วย หรือไม่อยากให้เข้าพบ เป็นต้น ต้องรู้จักหาวิธีพูดปฏิเสธโดยนุ่มนวล ไม่ให้เขารู้สึกว่านายสั่งไว้
      -   หากตรวจพบข้อผิดพลาดในหนังสือที่จะนำเรียนนาย ควรนำกลับไปถามนายรองคนสุดท้ายที่เซ็นเสนอขึ้นมาให้ท่านตัดสินใจและรับผิดชอบดำเนินการต่อไป ไม่ควรติดต่อกับเจ้าของ ยกเว้นเป็นคำผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่ควรกวนนายรอง
      -   มาถึงที่ทำงานก่อนนายและกลับหลังนายเสมอ
      -   ใช้คำพูดที่เหมาะสมในการตอบผู้มาติดต่อในขณะที่นายพักผ่อนอยู่ หรือออกไปรับประทานอาหารกลางวันแล้วยังไม่กลับเข้าสำนักงาน
      -   รีบติดต่อแจ้งให้นายทราบทันทีที่นายใหญ่เรียกพบ หรือมีบันทึกสั่งการในหนังสือ      -   ต้องเรียนรู้นิสัยใจคอของนายรู้ว่าสิ่งใดที่เราควรพูด ควรทำหรือไม่ แค่ไหน อย่างไร ในช่วงจังหวะเวลาใด

เทคนิคบางประการในการทำงานทั่วไป
                  - สร้างความสัมพันธ์อันดีกับทุกคนในหน่วยงาน
      - มีของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ทุกคนในหน่วยงาน เมื่อถึงวันเกิดหรือเทศกาลปีใหม่
      - ถ้าผู้อาวุโสโทรมาบอกว่าจะมาประสานเรื่องงาน จะเป็นฝ่ายเดินไปหาผู้อาวุโสเอง
      - ใช้หลักธรรมะในการปฏิบัติงาน ที่ใช้ประจำได้แก่
           * เราจะให้อภัย ไม่โกรธ ไม่หงุดหงิด ไม่อึดอัดขัดเคืองผู้ใด  หรือเรื่องใด
           * เขามีส่วนเลวบ้างช่างหัวเขา จงเลือกเอาส่วนที่ดีเขามีอยู่?
          * แก้ที่คนอื่นยาก ต้องแก้ที่ใจเรา
          * กรรมบท ๑๐ ได้แก่  กาย  ๓  (ไม่ฆ่าสัตว์  ไม่ลักทรัพย์  ไม่ประพฤติผิดในกาม)  วาจา  ๔(ไม่พูดปด  ไม่พูดหยาบ  ไม่พูดส่อเสียด  ไม่พูดเพ้อเจ้อ)  ใจ  ๓  (ไม่คิดอยากได้ทรัพย์ผู้อื่น ? โลภะ  ไม่ผูกอาฆาต ? โทสะ  มีความเห็นถูกต้อง ? โมหะ)
       - ซื่อสัตย์ จริงใจต่อนายและลูกน้องในหน่วย  ถือหลัก รายงานนายทุกเรื่องกระจายข่าวสาร แลกเปลี่ยนความรู้ เพื่อนร่วมงาน
   - รายงานเรื่องที่ทำการแทนนายทันที่ที่ท่านกลับมา หรือเขียนโน้ตทิ้งไว้บนโต๊ะนาย
      - เมื่อหัวหน้าเรียกนาย ช่วยคิดและคาดเดาว่าจะเป็นเรื่องอะไร เสนอแฟ้มอะไรขึ้นไปหรือสอบถามเลขา ให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่นาย เอาเรื่องเดิมมาให้ท่านทบทวน เสนอแนะจุดที่คิดว่าน่าจะเป็นปัญหา และคำตอบหรือคำชี้แจงหัวหน้า
      - แสดงการเคารพผู้อื่นด้วยความเคารพ ยิ้มแย้มแจ่มใส
      - รักษาน้ำใจเพื่อนร่วมงาน และผู้ใต้บังคับบัญชา เช่น การแก้หนังสือ การรับประทานของว่าง
      - ให้ความเห็นใจต่อความจำเป็นส่วนตัวของแต่ละคน ถามทุกข์สุข ถามการเดินทางไป - กลับบ้าน เห็นใจไม่ใช้งานใกล้เวลากลับบ้าน
      - ก่อนเวลางาน หรือพักเที่ยง หรือเกินเวลางาน ถ้ามีงานด่วนมักจะพิมพ์เองทำเอง แล้วลูกน้องเขาก็มาช่วยเอง
      - ใช้คนให้เหมาะกับงาน รู้ว่าใครถนัดอะไร ไม่ถนัดอะไร สั่งแล้วทำไม่ถูก ใคร่ครวญดูว่าเขาเข้าใจผิดหรือเราสั่งไม่ชัดเจน
      - พูดกับลูกน้องที่เกเร แบบสองต่อสอง สอบถามความจำเป็นส่วนตัว ขอให้คิดถึงส่วนรวมไม่เอาเปรียบเพื่อนร่วมงาน ไม่ด่าว่าต่อหน้าคนอื่น
      - ไม่ทำลายบรรยากาศในสำนักงานด้วยการระบายอารมณ์ใส่ลูกน้อง
      - ขอโทษทุกคนเสมอ เมื่อความผิดพลาดนั้นเกิดจากเรา
      - ให้เกียรติด้วยคำพูดต่อผู้ที่มีอายุมากกว่า
      - ปฏิบัติตัวเป็นตัวอย่างทุกเรื่องที่คนทั่วไปมักจะปฏิบัติย่อหย่อน เช่น การตรงต่อเวลาในการเข้าทำงานเช้า พักกลางวัน และเวลากลับบ้าน การไม่ใช้โทรศัพท์ของหน่วยงานติดต่อเรื่องส่วนตัว การรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบของโต๊ะทำงาน การประหยัดไฟฟ้าด้วยการปิด - เปิดไฟ/เครื่องปรับอากาศ ตามเวลาที่กำหนด การไปร่วมฟังธรรม  การไม่กู้หนี้ยืมสิน ไม่เล่นหวยใต้ดินในที่ทำงาน ไม่สวมรองเท้าแตะออกนอกห้องทำงาน ใช้ห้องน้ำแล้วราดให้เรียบร้อยช่วยปิดก๊อกที่ปิดไม่สนิท ช่วยเก็บถ้วยจานที่ลูกน้องบริการของว่างบนโต๊ะทำงาน ช่วยปิดสำนักงานหน้าต่างประตูเมื่อจะกลับบ้าน เซ็นแฟ้มแล้วเดินเอาไปให้ลูกน้องที่โต๊ะ รีบทำเรื่องด่วนทันทีที่เห็นไม่รอให้ลูกน้องนำมาให้ตามขั้นตอน เซ็นแฟ้มทันทีที่ลูกน้องนำมาวางไม่ให้เรื่องแช่อยู่ที่โต๊ะเรา ไม่ใช้ลูกน้องทำธุระส่วนตัวมากจนเกินควร
   - ลูกน้องปฏิบัติไม่ถูกไม่เหมาะสมด้วยเรื่องใด ไม่ต่อว่าทันที ดูที่ตัวเราก่อนว่าสั่งผิดหรือเปล่า พูดหรือเขียนไม่ชัดเจนหรือเปล่า ถ้าตรวจสอบแล้วเราไม่ผิด จะใช้วิธีสอนและอธิบายในสิ่งที่ถูกให้ฟัง
      - ไม่โทษลูกน้องเมื่อนายตำหนิ เนื่องจากเอกสารผิดพลาดเพราะเราก็มีส่วนในการตรวจผ่านไป
      - หน้าห้องนายแก้หนังสือเรา ถ้าเราผิดจริงยอมแก้โดยดุษณีและขอบคุณเขาที่ช่วยดูไม่โกรธ แต่ถ้าเขาผิด ขึ้นไปอธิบายให้ฟังหรือเขียนโน้ตชี้แจง ขออนุญาตยืนยันตามเดิมยกเว้นนายสั่งแก้
      - เรื่องด่วนที่สุด สำคัญจริง ๆ ต้องรู้วิธีลัดขั้นตอน ทั้งการเสนอเซ็น และการให้ม้าเร็วไปส่งหนังสือถึงตัวผู้ดำเนินการต่อ ไม่ยึดติดกับระเบียบปฏิบัติจนเกินไป
   - ให้เกียรติหน้าห้องนายในการตรวจแก้หนังสือ ถึงแม้เขาจะอาวุโสน้อยกว่า ถือว่าเขาช่วยไม่ให้หนังสือของหน่วยผิดพลาด
   - ไม่แก้ร่างหนังสือของลูกน้องโดยฉีกทิ้งทั้งฉบับหรือร่างใหม่ทั้งหมด พยายามใช้กระดาษของเขาและข้อความของเขาให้มากที่สุด เพื่อรักษาน้ำใจและเสริมสร้างกำลังใจ
      - การแก้ร่างหนังสือหากงานไม่ยุ่งมากจะพยายามแก้ไขร่างที่ลูกน้องเขียนมาทุกเรื่อง จะไม่ใช้วิธี ?พูดอย่างเดียว?   ว่าให้ไปปรับอย่างนั้นอย่างนี้ เพื่อให้ลูกน้องไม่อึดอัดและบ่นในใจว่า ?ก็ผมคิดได้แค่นี้ จะให้แก้อย่างไรก็เขียนมาสิ?  และเพื่อให้เขามีตัวอย่างเก็บไว้ดูด้วยว่าเราคิดอย่างไรเขียนอย่างไร
   - สนับสนุนลูกน้องที่หารายได้พิเศษโดยสุจริต ไม่เบียดบังเวลางานจนเกินไป เช่น ช่วยซื้อของที่นำมาขายนอกเวลางาน ฯลฯ
   - กล่าวชมเชยและขอบคุณลูกน้องเสมอ ๆ
   - ดูแลให้มีเครื่องมือและอุปกรณ์ในการทำงานของลูกน้องอย่างเพียงพอไม่สั่งงานอย่างเดียว
   - ใช้งานลูกน้องออกนอกหน่วย ให้ค่าอาหาร ค่าน้ำมันรถ และใช้ในเส้นทางกลับบ้าน
   - รีบแจ้งเรื่องสำคัญเร่งด่วน ที่เกี่ยวข้องกับกำหนดการปฏิบัติของนายให้หน้าห้องทราบทางโทรศัพท์ในชั้นต้นก่อน แล้วจึงทำงานหนังสือ

ข้อคิดบางประการในการทำงานเกี่ยวกับการเงิน
      - มีความรู้สึกต่อเงินของหน่วยงานเสมือนหนึ่งเป็นผู้เก็บรักษาเศษกระดาษ (ไม่มีค่าสำหรับเรา)  แต่ต้องเก็บรักษาให้ดีเหมือนธนาคารรับฝากเงินคนอื่น
   - เก็บเงินของหน่วยงานกับเงินส่วนตัวคนละกระเป๋า คนละบัญชี เพื่อป้องกันการครหา
   - เงินแก้ปัญหาของผู้บังคับบัญชา ต้องสนับสนุนให้หน่วยเกี่ยวข้องเพื่อแก้ปัญหาในการปฏิบัติงานได้อย่างรวดเร็ว ทันเวลา ไม่กำหนดข้อปฏิบัติด้านเอกสารยุบยิบเกินไป เพื่อมุ่งแต่จะป้องกันตนเองไม่ให้ถูกกล่าวหาว่า  ทุจริต  หรือไม่รอบคอบ
   - ทำหน้าที่ถือเงินของหน่วย   ถ้าออกเงินให้กู้  (ถึงแม้จะเป็นเงินส่วนตัว)  จะทำให้ภาพพจน์เสียได้  อาจถูกมองว่า  นำเงินหน่วยมาให้กู้กินดอก
   - เจ้าหน้าที่การเงินเป็นผู้หนึ่งที่ช่วยสร้างและบำรุงขวัญของข้าราชการในหน่วยได้ เพราะทุกคนย่อมต้องการได้รับเงินโดยเร็ว ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน เงินตกเบิก เงินค่าเช่าบ้าน เงินค่ารักษาพยาบาล เงินค่าเล่าเรียนบุตร ฯลฯ  ฉะนั้น พึงปฏิบัติงานเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ให้รวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
   - ข้าราชการบางคนติดภารกิจสำคัญไม่สามารถไปเซ็นรับเงินด้วยตนเองได้ อาจขอให้ผู้อื่นมาเซ็นรับแทน เรื่องนี้ถ้าพออนุโลมได้น่าจะให้รับแทนได้ ไม่ทำตัวเป็นไม้บรรทัดเหล็กตรงเป๊ะ
    - ไม่ทำงานป้องกันตนเองจนเกินไป    โดยไม่คำนึงถึงภารกิจของหน่วยหรือความเดือนร้อนของข้าราชการในหน่วย
   - ไม่ห่วงเรื่องส่วนตัวมากกว่างานในหน้าที่  เช่น  ลาหยุด  ๓  วัน  เพื่อดูหนังสือเตรียมสอบวิชาที่กำลังเรียนนอกเวลาราชการ  ทำให้งานในส่วนที่รับผิดชอบอยู่ต้องชะงักล่าช้าไป  ๓  วัน  หรือบางครั้งเกินกำหนดส่งประจำงวดหรือประจำเดือน  กลายเป็นล่าช้าไปอีก  ๑  งวด  หรือ  ๑  เดือน
   - ไม่สะสมเรื่องไว้ทำพร้อมกันครั้งเดียวหลายเรื่อง  ทั้งที่เรื่องนั้นสามารถแยกทำทีละรายได้ ทั้งนี้  เพื่อความเป็นธรรมแก่ผู้ยื่นเรื่อง  ก่อน - หลัง
    - ไม่เลือกปฏิบัติกับคนที่คุ้นเคยกันโดยทำเรื่องให้เร็วหรือทำเรื่องให้ก่อน  และไม่ดึงเรื่องของคนที่ไม่ชอบกันให้ช้า  ควรแยกความรู้สึกส่วนตัวกับบุคคลต่าง ๆ  ออกจากความรับผิดชอบงานในหน้าที่

พฤติกรรมตัวอย่างที่เห็นว่าเป็นพฤติกรรมที่มีคุณธรรมและจริยธรรม
   ๑.   พาผู้ใต้บังคับบัญชาไปวัดฟังธรรมและนั่งสมาธิ
   ๒.   ให้หัวหน้าแผนกไปติดตามดูลูกจ้างที่ขาดราชการไปหลายวัน  ทราบว่าที่บ้านถูกน้ำท่วมจึงทำเรื่องขอความช่วยเหลือจากทางราชการและรวบรวมความช่วยเหลือขั้นต้นภายในหน่วย
   ๓.   ยอมรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายไม่ถือความคิดของตนเองเป็นใหญ่
   ๔.   สนับสนุนผู้ใต้บังคับบัญชาให้เข้าศึกษาอบรมหลักสูตรต่าง ๆ  เพื่อเพิ่มพูนความรู้
   ๕.   แยกเรื่องงานออกจากความขัดแย้งส่วนตัวได้
   ๖.   ถือว่าความสำเร็จของงานมาจากความสามารถของผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคน
   ๗.   ไม่ปล่อยให้งานคั่งค้าง ตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้องพร้อมให้ข้อมูลแก่ผู้บังคับบัญชาเสมอ
   ๘.   ได้รับสินน้ำใจจากผู้มาติดต่อ  นำเข้าเป็นส่วนรวมไม่เก็บไว้คนเดียว
   ๙.   เก็บเงินที่ผู้รับเงินทำตกไว้  คืนให้เจ้าของ
   ๑๐.   ไม่ใช้อารมณ์ในการทำงานไม่ใช้วาจาจาบจ้วงหรืออารมณ์ร้ายกับผู้ใต้บังคับบัญชา
   ๑๑.   เป็นครูของผู้ใต้บังคับบัญชาได้  ไม่สั่งการหรือควบคุมอย่างเดียว
   ๑๒.   แสดงความชื่นชมผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งต่อหน้าและลับหลัง
   ๑๓.   ค้นคว้าหาความรู้ใหม่ ๆ  นำมาบอกผู้ใต้บังคับบัญชาให้รู้ด้วย
   ๑๔.   ประดิษฐ์ดอกไม้มอบให้ลูกน้องในวันเกิด
   ๑๕.   เยี่ยมให้กำลังใจข้าราชการที่ป่วย  รวมทั้งบิดา - มารดา  ของข้าราชการที่ป่วยนอน  รพ.
   ๑๖.   สวดมนต์ไหว้พระและแผ่เมตตาทุกเช้าก่อนเริ่มงาน
   ๑๗.   ปกป้องลูกน้องที่ดีเมื่อทำงานผิดพลาดในบางครั้ง
   ๑๘.   ปฏิบัติงานก่อนและหลังเวลาราชการ  (มาทำงาน  ๐๗๐๐ - ๑๘๐๐)
   ๑๙.   กล้ารับผิดชอบงานที่ลูกน้องทำเสมอ
   ๒๐.   ต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิของผู้ใต้บังคับบัญชา
   ๒๑.   มาทำงานตรงต่อเวลาและไม่กลับก่อนเวลา
                  ๒๒.   ช่วยดูแลไม่ให้เพื่อนร่วมงานใช้วัสดุสิ้นเปลืองเกินจำเป็น และไม่ใช้วัสดุของทางราชการไปทำงานส่วนตัว  เช่น  การถ่ายเอกสาร  เป็นต้น
   ๒๓.   ช่วยปิดไฟฟ้าเมื่อหยุดพักทำงาน
   ๒๔.   ข้าราชการเข้าใหม่ผู้หนึ่ง  ใช้ความเป็นข้าราชการไปทำมาหากินโดยมิชอบ  เพื่อนำเงินทองมาเที่ยวเตร่เลี้ยงเพื่อนฝูงจนเกิดเหตุ  ผู้บังคับบัญชาได้ลงโทษพอควรแก่เหตุและให้โอกาสปรับปรุงตัว  และกระตุ้นเตือนเพื่อนร่วมงานอย่าได้ซ้ำเติม  ขอให้ช่วยเป็นกำลังใจและให้โอกาสแก่ข้าราชการผู้นั้น  ทำให้ข้าราชการผู้นั้นมีกำลังใจที่จะแก้ไขปรับปรุงตัว  จนเป็นข้าราชการที่ดีในที่สุด
   ๒๕.   เมื่อมีข้าราชการมีเหตุจำเป็น  ก็จัดเวรแทนกัน
   ๒๖.   มีความเป็นธรรมในการพิจารณาบำเหน็จประจำปี  โดยพิจารณาจากการทำงานทั้งปี  ไม่ได้ดูเฉพาะใกล้ ๆ  เวลาพิจารณาบำเหน็จ
   ๒๗.   เรียกผู้ใต้บังคับบัญชาไปตักเตือนตัวต่อตัว  ด้วยคำพูดแสดงความห่วงใย  ไม่ประจานต่อหน้าผู้อื่น
   ๒๘.   ข้าราชการผู้หนึ่งพบเห็นอุปกรณ์ของทางราชการชำรุด  ก็ซ่อมให้ด้วยความรู้ความ สามารถของตนด้วยใจ  โดยไม่คิดว่าธุระไม่ใช่
   ๒๙.   จ่ายเงินให้ลูกน้องเกินไป  ๕๐๐.- บาท  ลูกน้องผู้นั้นได้นำเงินมาคืนให้
   ๓๐.   ผู้บังคับบัญชาท่านหนึ่ง  ปกครองผู้ใต้บังคับบัญชาเหมือนพ่อแม่ที่ห่วงใยลูกหลาน  ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยใจจริง  และห่วงใยไปถึงครอบครัวและบุตรหลาน
   ๓๑.   ผู้บังคับบัญชาท่านหนึ่งมีความเป็นธรรมในการปกครองบังคับบัญชา  ผู้ใดทำงานดีท่านจะยกย่องและให้ความดีความชอบตามความเหมาะสม  ผู้ใดทำงานไม่ดีไม่มีผลงานท่านจะว่ากล่าวตักเตือนและพิจารณาผลงานตามความเป็นธรรม  ผู้ใต้บังคับบัญชาบางรายพยายามประจบประแจงทั้ง ๆ  ที่ตนไม่มีผลงานแต่ท่านก็ไม่หลงกลทำให้เสียความเป็นธรรมแต่อย่างใด




พฤติกรรมตัวอย่างที่เห็นว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่มี  หรือขาด  หรือด้อย  คุณธรรมและจริยธรรม
   ๑.   ทราบข้อมูลใหม่ ๆ  แต่ไม่บอกเพื่อนร่วมงาน
   ๒.   ไม่ให้ความร่วมมือให้ข้อมูลแก่ผู้อื่น  จะเก็บไว้เรียนกับผู้บังคับบัญชาเอง
   ๓.   เอาแต่พวกพ้อง  พูดจาไม่ดีในการใช้งาน  ผู้ใต้บังคับบัญชามีปัญหาส่วนตัวซึ่งทำให้กระทบถึงการทำงาน  แต่ไม่สอบถามทุกข์สุขกลับรายงานผู้บังคับบัญชาชั้นสูงเพื่อลงโทษเลย
   ๔.   ใช้พระเดชมากกว่าพระคุณ  ถือความคิดเห็นของตนเองเป็นใหญ่  ไม่ฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
   ๕.   ไม่มีจุดยืนของตัวเอง  ขาดความเชื่อมั่นไม่กล้าตัดสินใจ
   ๖.   ไม่กล้าลงโทษผู้ใต้บังคับบัญชาที่ละทิ้งงาน
                  ๗.    เป็นเจ้าหน้าที่เบิกค่ารักษาพยาบาลและค่าเล่าเรียน  แต่มักจะพูดจาไม่ไพเราะเอาแต่ใจ  จนคนงานและลูกจ้างไม่กล้าติดต่อด้วย  ต้องติดต่อผ่านเจ้าหน้าที่คนอื่น
   ๘.   ยักยอก  ปลอมแปลงเอกสาร  ปลอมลายเซ็นผู้บังคับบัญชา
   ๙.   พิจารณาบำเหน็จไม่เป็นธรรม  งานคั่งค้างทำงานไม่ตรงต่อเวลาแต่ได้รับการปูนบำเหน็จ
   ๑๐.      พูดจาไม่เรียบร้อย  เสียงดัง  ข่มด่าข้ามหัวผู้อื่น  ชอบนำปมด้อยของผู้อื่นมาล้อเลียน  ชอบนินทา  ยุแยงตะแคงรั่วให้ผู้อื่นทะเลาะกัน
   ๑๑.      ปกครองผู้ใต้บังคับบัญชาแบบระบบอาญาสิทธิ์  ใช้อารมณ์  ไม่เป็นกลางในการตัดสินใจ
   ๑๒.   สั่งงานข้ามขั้นไม่สั่งตามสายการบังคับบัญชา
   ๑๓.   พูดคำด่าคำ  เช่น  โง่  บ้า  ปัญญาอ่อน  สมองหมา  ปัญญาควาย
   ๑๔.   หวงความรู้  หวงข้อมูล  ไม่ยอมบอกให้เพื่อนร่วมงานทราบ  เพราะเกรงว่าเพื่อนร่วมงานจะดีเด่นกว่า
   ๑๕.   เชื่อและฟังคนใกล้ชิดมากเกินไป  ทำให้เสียการปกครอง
   ๑๖.   บางคนทำผิดร้ายแรงแต่ไม่ลงโทษหรือลงโทษเบา  แต่บางคนทำผิดเล็กน้อยหรือด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์  และไม่ใช่ความผิดร้ายแรง  กลับได้รับโทษหนัก
   ๑๗.   เอาความดีใส่ตนโดยที่ตนเองไม่ได้ทำงานนั้นเอง
   ๑๘.   ผู้บังคับบัญชาบางคนไม่ชอบพอใครเป็นส่วนตัว  พยายามหาทางขัดขวางหรือทำลายให้เสียหาย
   ๑๙.   นำปัญหาของผู้อื่นไปเล่าให้คนอื่น ๆ  ฟังในลักษณะนินทา  แทนที่จะสงสารหรือคิดช่วยเหลือ
   ๒๐.   โกงกินกันเป็นกลุ่ม ๆ
   ๒๑.   มาทำงานสาย  กลับก่อน  ลาครึ่งวัน  ชอบเดินคุยตามห้อง  เวลาทำงานลงไปกินข้าว  เวลาคนอื่นทำงานก็นั่งหลับ  ทำงานส่วนตัวในที่ทำงาน  ทำงานราชการเป็นงานอดิเรก  ไม่เคยให้คำปรึกษาแก่ลูกน้อง  ไม่สนใจว่าลูกน้องมีปัญหาอะไร
   ๒๒.   เมื่อย้ายมารับหน้าที่ใหม่  นำพวกพ้องตามมาด้วยกลุ่มหนึ่ง  และร่วมกันทำการไม่โปร่งใส
   ๒๓.   ลูกน้องไปส่งหนังสือนอกหน่วย  รถจักรยานยนต์ล้มได้รับบาดเจ็บ  รถเสียหาย  หัวหน้ากลับเรียกมาด่า  หาว่าทำงานโดยความประมาทแทนที่จะให้กำลังใจ
   ๒๔.   คนที่ทำงานขยันมากไม่ได้รับบำเหน็จ  ๒  ขั้น  แต่เด็กของนายที่ไม่ค่อยทำงานเท่าไรนายกลับให้  ๒  ขั้น
   ๒๕.   ชอบบังหลวงเป็นประจำ  สร้างหนี้สินมากมาย
   ๒๖.   ผู้บังคับบัญชาบางคนพยายามสร้างความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับลูกน้องผู้หญิงที่หน้าตาดี
                  ๒๗.    ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ทั่วถึง  ให้ความสนิทสนมเฉพาะกลุ่ม
                  ๒๘.   มีอคติลำเอียง  มีความอยุติธรรม  ขาดเมตตาธรรม  ขาดภาวะผู้นำ  ให้สิทธิประโยชน์แก่คนใกล้ตัว  ตัดสินใจไม่เด็ดขาด
   ๒๙.   ผู้ร่วมงานบางคนหวงงาน  เอาเปรียบผู้อื่น  ทำงานหยิบโหย่ง  ชอบทำงานเอาหน้า  ชอบการหมกเม็ด
   ๓๐.   นินทาเพื่อนร่วมงาน  หาทางปัดแข้งปัดขาผู้อื่น
   ๓๑.   เอาเปรียบทางราชการ  มาสายกลับก่อน  ใช้วัสดุของทางราชการไปทำประโยชน์ส่วนตัว
   ๓๒.   ไม่ให้ความร่วมมือในการประหยัดพลังงานของหน่วย
   ๓๓.   เพื่อนร่วมงานมีงานเข้ามามากจะไม่ยอมช่วยเหลือ  แต่ถ้างานของตัวเองเข้ามามาก  ก็จะบ่นมากมายเพื่อให้ผู้บังคับบัญชาแบ่งงานของตนเองให้แก่ผู้อื่น
   ๓๔.   ผู้บังคับบัญชาท่านหนึ่ง  ปกครองผู้ใต้บังคับบัญชาโดยใช้อำนาจตามความพอใจของตนไม่เคยฟังความคิดเห็นของผู้ใต้บังคับบัญชา  หากไม่พอใจใครจะคอยหาโอกาสขัดขวางและทำลายให้เกิดความเสียหายโดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง  จนทำให้ข้าราชการดี ๆ  ที่มีความซื่อสัตย์สุจริตเกิดความท้อแท้อย่างมาก
   ๓๕.   บางคนหาทางก้าวหน้าโดยอาศัยคนรู้จัก  โดยไม่คำนึงถึงใครมาก่อนมาหลัง
   ๓๖.   ผู้บังคับบัญชาบางคนใจแคบ  ไม่ค่อยซื้ออะไรเลี้ยงลูกน้อง    แต่ชอบกินของลูกน้องเป็นประจำ  กว่าจะเลี้ยงลูกน้องบ้างก็ต้องถูกลูกน้องพูดจากถากถางเสียก่อน
   ๓๗.   เป็นผู้บังคับบัญชา  แต่พูดจาทะลึ่งไม่น่าเคารพ
   ๓๘.   ผู้เป็นหัวหน้างานควรมีความรับผิดชอบ  เมื่อลูกน้องทำผิดพลาดควรจะรับผิดชอบด้วยเพราะหัวหน้างานก็เซ็นผ่านไม่น่าอ้างว่าไม่เห็น  หรือโทษว่าลูกน้องเป็นคนทำ  ควรรับผิดด้วยไม่ใช่รับชอบอย่างเดียว
   ๓๙.   ข้าราชการบางคนดื่มสุราเป็นอาจิณ  ไม่รับผิดชอบต่อครอบครัว  เล่นการพนันในวันเงินเดือนออก
   ๔๐.   แก่งแย่งชิงดี  อิจฉาริษยาในวงราชการ
   ๔๑.   ข้าราชการบางคน  ไม่อุทิศกำลังกายกำลังใจในการปฏิบัติงาน  เมื่อไม่สมหวังก็เริ่มจะเกเรลาป่วย  ทำงานตอนเช้าตอนบ่ายหาย
   ๔๒.   ข้าราชการบางคนไม่ตั้งใจทำงานแต่พยายามเอาตัวรอดโดยการประจบประแจง  เช่นนำสิ่งของมาให้ผู้บังคับบัญชา  หรือพูดยกย่องผู้บังคับบัญชาโดยไม่เป็นจริง
   ๔๓.   มีความประพฤติเสื่อมเสียทางเพศ  ตนเองมีครอบครัวแล้ว  แต่ยังชอบคบกับคนต่างเพศอย่างใกล้ชิดจนเกินควร  เช่น  ไปไหนมาไหนด้วยกันตามลำพัง  เป็นต้น


                                                ................................................................























 

1293  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / การสร้างจิตสำนึกที่ดีในการปฏิบัติงาน เมื่อ: กันยายน 07, 2010, 11:39:34 am
การสร้างภูมิคุ้มกันด้านจิตใจ
เพื่อให้มีพฤติกรรมในเชิงสร้างสรรค์มีจิตสำนึกพร้อมที่จะปฏิบัติงานเพื่อประชาชนและสังคม
และ
การทำงานที่ต้องยึดหลักคุณธรรม จริยธรรม เพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน

 

บรรยายโดย
อาจารย์สันติ อภัยราช
นิติศาสตรบัณฑิต  การศึกษาบัณฑิต  ศิลปศาสตรมหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์
อาจารย์ ๓ ระดับ ๙   ผู้เชี่ยวชาญการพูดในที่ชุมชน
คนดีเมืองกำแพงเพชร     ผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับสังคมกำแพงเพชร
ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร รองประธานสภาวัฒนธรรมภาคเหนือ
ครูต้นแบบแห่งชาติ     ครูภูมิปัญญาไทย

อบตท่าขุนราม กำแพงเพชร ๑๐ กันยายน ๒๕๕๓




การสร้างจิตสำนึกที่ดีในการปฏิบัติงานของลูกน้องหรือผู้ใต้บังคับบัญชา เป็นสิ่งที่มีความจำเป็นสำหรับองค์กร ผู้บริหารจึงต้องคำนึงถึงการปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีเพื่อส่งเสริมให้พนักงานปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ มีเป้าหมายในการทำงานชัดเจน มีความรับผิดชอบในการทำงาน งานที่ทำออกมาก็จะเป็นงานที่มีคุณภาพสูงสุด อีกทั้งพนักงานก็ยังมีจิตสำนึกที่ดีในการช่วยดูแลทรัพยากรและทรัพย์สินของบริษัทเสมือนหนึ่งเป็นของตนเอง คนที่เป็นผู้จัดการจึงต้องมีความอดทน รอบคอบ มีทักษะในการฝึกและสอนคนให้เป็น รู้จักที่จะติดตามผลงานกับพนักงาน เมื่อคุณได้มอบความรับผิดชอบในการทำงานเป็นที่เรียบร้อยและชัดเจน ควรตรวจสอบความคืบหน้าของงานที่เกิดขึ้นด้วย ซึ่งก็เท่ากับว่าได้กระตุ้นให้พนักงานเกิดความคิดริเริ่ม และรับผิดชอบงานที่ตนเองทำอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้ผลงานมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากที่สุด สุดท้ายองค์กรของคุณก็จะเข้าสู่องค์กรที่มีประสิทธิภาพ
เมื่อผู้ใต้บังคับบัญชาของคุณมีจิตสำนึกที่ดีในการปฏิบัติงาน ประโยชน์ที่จะได้รับก็คือจะสามารถลดภาระในการควบคุมงานลง พนักงานหรือผู้ใต้บังคับบัญชาจะมีความคิดริเริ่มใหม่ๆในการทำงาน องค์กรจะมีพนักงานที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี และมีศักยภาพที่จะพัฒนาองค์กรของให้ประสบความสำเร็จ

การสร้างจิตสำนึกที่ดีทำอย่างไร

? ให้พนักงานมีอิสระในการทำงานในแบบของเขามากที่สุด หมายถึงให้พนักงานเป็นผู้ตั้งเป้าหมายในการทำงาน และกำหนดวิธีการที่ทำให้บรรลุเป้าหมายโดยพนักงานผู้นั้นเป็นผู้ระบุขึ้นมาตามสายงายของตนเอง รวมทั้งกระบวนการในการแก้ปัญหาในการผลิต และข้อเสนอแนะต่างๆในการทำงาน โดยไม่ขัดแย้งกับกฎเกณฑ์และระเบียบของการทำงาน

? มอบอำนาจให้กับพนักงานในการตัดสินใจตามกรอบงานที่เขารับผิดชอบ จะเป็นการพัฒนาความมั่นใจและความเคารพนับถือในตัวเอง นั่นเท่ากับเป็นการกระตุ้นให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเกิดความคิดริเริ่มที่จะทำให้งานสำเร็จอย่างไรโดยได้รับความร่วมมือจากผู้ที่เกี่ยวข้อง ในฐานะผู้จัดการคุณก็ต้องแสดงออกถึงความเชื่อมั่นต่อผู้ใต้บังคับบัญชา โดยการมอบอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบให้อย่างเต็มที่ เพื่อให้เขาได้ทำงานได้สำเร็จลุล่วง



? การจัดการต้องมีระบบที่ระบุถึงความรับผิดชอบอย่างชัดเจน เพื่อให้พนักงานรับผิดชอบต่อผลการกระทำของตน พนักงานจะต้องทราบว่าความรับผิดชอบของตนคืออะไร
อำนาจของตนเองมีแค่ไหนและต้องสามารถระบุถึงความสำเร็จในงานที่ตนเองรับผิดชอบได้

? สนับสนุนให้ผู้ใต้บังคับบัญชาได้ใช้วิธีการของตัวเองในการตัดสินใจ เพราะจะทำให้พนักงานรู้สึกว่าคุณพร้อมที่จะสนับสนุนในการตัดสินใจและการกระทำของเขา เขาก็พร้อมที่จะทุ่มเทแรงใจและแรงกายให้กับการทำงาน เพื่อให้งานออกมามีคุณภาพมากที่สุด

? มอบหมายให้เขาเรียนรู้งานในหน้าที่ที่สูงขึ้น โดยเรียนรู้จากหัวหน้างาน และพยายามให้เขาได้ฝึกหรือมีโอกาสในการทำงานนั้นให้มากที่สุด รวมถึงการมอบหมายความรับผิดชอบในการแก้ปัญหาจะเป็นการทำให้พนักงานมีจิตสำนึกต่อการทำงานได้มากขึ้น ขณะเดียวกันจะทำให้องค์กรมีพนักงานที่มีความสามารถหลากหลายและมีองค์ความรู้จากการเรียนรู้ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น
พฤติกรรมในการทำงานที่ดี
1. พฤติกรรมในการทำงาน พฤติกรรมในการทำงานที่ดี จะ เป็นพฤติกรรมที่เราสมควรที่จะทำในการทำงานเช่น การตรงต่อเวลา ไม่โต้เถียงเจ้านายโดยไม่ใช้เหตุผล แก้ปัญหาต่างๆได้ด้วยดี นั่งฟังการประชุมอย่างตั้งใจ พฤติกรรม ในการทำงานที่ไม่ดี จะเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในองค์กร เช่น เล่นเกมส์ในที่ทำงานหรือพูดคุยกันเสียงดัง นอนหลับในที่ประชุม ไม่มีความรับผิดชอบและไม่ตรงต่อเวลา
2. จริยธรรมในการทำงาน จริยธรรม ในการทำงานที่ดี จะเป็นหลักการเหตุผลที่ดีที่พึงปฏิบัติในการทำงาน เช่น การทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่คดโกง ไม่นำความลับของทางบริษัทไปเผยแพร่ให้บุคคลภายนอกรู้ ไม่ยักยอกเงินบริษัทไปเป็นของตนเอง จริยธรรม ในการทำงานที่ไม่ดี จะทำให้ส่งผลเสียต่อองค์กร เช่น การขายความลับให้บริษัทคู่แข่งเพราะมันอาจจะทำให้บริษัทของเราถึงกับล้ม ละลายก็ได้ ทำให้ส่งผลเสียต่อทุกฝ่ายและทุกคนอาจจะตกงานได้

3. การทำงานร่วมกับผู้อื่น การทำงานร่วมกับผู้อื่นในทางที่ดี จะเป็นการมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี เช่น เข้ากับเพื่อนร่วมงานได้ง่าย ชอบ ช่วยเหลือเพื่อนร่วมงานด้วยกัน แบ่งปันสิ่งของให้กัน สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นร่วมกันได้ ยิ้มแย้มแจ่มใส ทักทายเพื่อนร่วมงานเสมอที่เข้ามาทำงาน การ ทำงานร่วมกันผู้อื่นที่ไม่ดี เป็นการที่ไม่มีความมีมนุษยสัมพันธ์ในการทำงานร่วมกับผู้อื่น เช่น การไม่ทักทายเพื่อนร่วมงาน ไม่ช่วยเหลือเพื่อนร่วมงานด้วยกัน หลีกหนีปัญหาหรือแก้ปัญหาเพียงลำพังไม่ปรึกษาเพื่อนร่วมงาน ชอบทำงานคนเดียวคือเข้ากับผู้อื่นไม่ได้

4. บุคลิกภาพในการทำงาน บุคลิกภาพ ในการทำงานที่ดี คือ จะเป็นการแสดงบุคลิกภาพในการทำงานที่ดี เช่น การนั่งอย่างสำรวมในห้องประชุม ไม่เดินหลังค่อม ไม่กัดแทะเล็บต่อหน้าผู้อื่น ไม่นั่งเอามือเท้าคางในที่ประชุม บุคลิกภาพ ในการทำงานที่ไม่ดี คือ การแสดงกิริยาไม่สุภาพในการทำงาน เช่น นั่งไขว้ห้าง แต่งตัวสกปรก ไม่รีดเสื้อผ้า เมามาทำงาน นั่งเอามือเท้าคางในที่ประชุม นอนในเวลาทำงาน

การสร้างจิตสำนึกที่ดีทำอย่างไร

          ? ให้พนักงานมีอิสระในการทำงานในแบบของเขามากที่สุด หมายถึงให้พนักงานเป็นผู้ตั้งเป้าหมายในการทำงาน และกำหนดวิธีการที่ทำให้บรรลุเป้าหมายโดยพนักงานผู้นั้นเป็นผู้ระบุขึ้นมา ตามสายงายของตนเอง รวมทั้งกระบวนการในการแก้ปัญหาในการผลิต และข้อเสนอแนะต่างๆในการทำงาน โดยไม่ขัดแย้งกับกฎเกณฑ์และระเบียบของการทำงาน

          ? มอบอำนาจให้กับพนักงานในการตัดสินใจตามกรอบงานที่เขารับผิดชอบ จะเป็นการพัฒนาความมั่นใจและความเคารพนับถือในตัวเอง นั่นเท่ากับเป็นการกระตุ้นให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเกิดความคิดริเริ่มที่จะทำให้งานสำเร็จอย่างไรโดยได้รับความร่วมมือจากผู้ที่เกี่ยวข้อง ในฐานะผู้จัดการคุณก็ต้องแสดงออกถึงความเชื่อมั่นต่อผู้ใต้บังคับบัญชา โดยการมอบอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบให้อย่างเต็มที่ เพื่อให้เขาได้ทำงานได้สำเร็จลุล่วง

          ? การจัดการต้องมีระบบ ที่ระบุถึงความรับผิดชอบอย่างชัดเจน เพื่อให้พนักงานรับผิดชอบต่อผลการกระทำของตน พนักงานจะต้องทราบว่าความรับผิดชอบของตนคืออะไร อำนาจของตนเองมีแค่ไหนและต้องสามารถระบุถึงความสำเร็จในงานที่ตนเองรับผิดชอบได้

          ? สนับสนุนให้ผู้ใต้บังคับบัญชาได้ใช้วิธีการของตัวเองในการตัดสินใจ เพราะจะทำให้พนักงานรู้สึกว่าคุณพร้อมที่จะสนับสนุนในการตัดสินใจและการกระทำของเขา เขาก็พร้อมที่จะทุ่มเทแรงใจและแรงกายให้กับการทำงาน เพื่อให้งานออกมามีคุณภาพมากที่สุด

          ? มอบหมายให้เขาเรียนรู้งานในหน้าที่ที่สูงขึ้น โดยเรียนรู้จากหัวหน้างาน และพยายามให้เขาได้ฝึกหรือมีโอกาสในการทำงานนั้นให้มากที่สุด รวมถึงการมอบหมายความรับผิดชอบในการแก้ปัญหาจะเป็นการทำให้พนักงานมีจิตสำนึกต่อการทำงานได้มากขึ้น ขณะเดียวกันจะทำให้องค์กรมีพนักงานที่มีความสามารถหลากหลายและมีองค์ความรู้จากการเรียนรู้ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น




พฤติกรรม "ยี้" ในที่ทำงาน (Lisa)

         ทำไมบางคนทำงานมาเกือบ 10 ปี แต่ตำแหน่งยังแป๊กอยู่ที่เดิมไม่เปลี่ยนแปลง ในขณะที่บางคนรุ่งเอารุ่งเอา ไม่พ้น 5 ปี ได้ขึ้นเป็นผู้จัดการซะแล้ว พฤติกรรมที่ควรเลี่ยง ให้ไกล ๆ ต่อไปนี้ อาจส่งให้คุณเป็นดาวรุ่งอนาคตสดใสในที่ทำงานยิ่งกว่าเดิม

พฤติกรรมที่ควรเลี่ยงเพื่อความรุ่ง

         1. อย่าใช้อารมณ์กับหัวหน้าและเพื่อนร่วมงาน เป็นธรรมดาเหลือเกิน ที่จะต้องมีการกระทบกระทั่งกันบ้างในที่ทำงาน ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้ากับลูกน้องหรือระหว่างเพื่อนร่วมงาน แต่ "อย่าใช้อารมณ์" มาตัดสินปัญหาเป็นดีที่สุด ทางที่ดีเมื่อมีเรื่องเกิดขึ้นให้สงบใจประมาณ 10 นาทีถึงครึ่งชั่วโมง แล้วค่อยจัดการกับปัญหาตรงหน้าจะเป็นการแก้ปัญหาได้ดีกว่า

         2. อย่าเกี่ยงว่าไม่ใช่งานของเรา โดยเฉพาะงานที่มีลักษณะเป็นทีมเวิร์ก เพราะบางครั้งการได้ลองทำสิ่งใหม่ๆ ที่อยู่นอกเหนือขอบเขตงานของเราบ้าง ก็เป็นความท้าทายและโชว์ให้เห็นถึงสปิริตของการทำงานร่วมกันเป็นทีม

         3. เลี่ยงการซุบซิบนินทามากเกินไป คงเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ ในการห้ามเสียงซุบซิบนินทาในที่ทำงาน เพราะนั่นถือเป็นกิจกรรมทางสังคม และการสร้างความสนิทสนมอย่างหนึ่งเหมือนกัน ร่วมวงพอหอมปากหอมคอ แต่อย่ากลายเป็น "ยายขาเมาท์" ซะเอง เพราะอาจถูกแทงข้างหลังได้ทุกเมื่อ

         4. ประจบสอพลอแต่ไม่เคยทำงาน อาจจะมีบางคนที่ได้ดีเพราะการประจบสอพลอเจ้านาย แต่เขาอาจไม่ได้ประจบเพียงอย่างเดียว หากมีผลงานควบคู่ไปด้วย เพราะเจ้านายฉลาด ๆ ต้องดูออกว่านี่คือการเลียแข้งเลียขา เพราะพฤติกรรมแบบนี้ นอกจากจะแสดงถึงความไม่นับถือตนเองแล้ว เพื่อนร่วมงานจะพาลรังเกียจซะเปล่าๆ

         5. สูบบุหรี่หรือดื่มของมึนเมา สาวๆ สมัยใหม่ บางคนเห็นว่าการสูบบุหรี่ในที่ทำงาน แม้จะไปสูบในโซนที่จัดให้ก็เถอะ เป็นเรื่องโก้เก๋ หนักกว่านั้นอาจมีการดื่มแม้จะเป็นช่วงการทำงานล่วงเวลาแล้วก็ตาม ถ้ายังอยากก้าวหน้าก็หยุดพฤติกรรมเหล่านี้ดีกว่า เพราะกลายเป็นแฟชั่นเก่า ๆ ที่สาวอินเทรนด์ตัวจริง เขาเลิกไปตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว

         6. ใช้เครื่องใช้สำนักงานในการรับจ๊อบนอก ผิดมหันต์นะคุณขา แค่รับงานไซด์ไลน์ในเวลางานก็เป็นเรื่องที่แสนจะคอรัปชั่นบริษัทอยู่แล้ว นี่ยังจะมาใช้คอมพิวเตอร์ของเขาพิมพ์งาน แถมใช้โทรศัพท์โทรออกอย่างกระหน่ำแบบไม่เกรงใจอีก หากใครทำอยู่ขอร้องให้เลิกเสียที ถึงแม้ไม่มีใครรู้แต่คุณก็ย่อมรู้อยู่แก่ใจตัวเองดี

         7. ใส่สายเดี่ยว เกาะอก โนบรา แต่งกาย ล่อแหลมเสี่ยงสูง คงไม่งามแน่ ๆ ถ้าต้องไปพบผู้ใหญ่ เพราะจะดูไม่น่าเชื่อถือ หมดเครดิตกันทันที แต่ถึงจะอ้างว่าอยู่แต่ในออฟฟิศก็เถอะ คุณต้องเตรียมพร้อมรับมือกับงานทุกอย่างอยู่เสมอ และชุดแบบนี้ ถ้าฝนตก เสื้อผ้าแนบเนื้อ หรือเกิดเอ็กซิเดนต์ เกาะอกลื่นหลุด คงหยุดสายตาชาวบ้านไม่อยู่แน่ๆ เลย

         หากรักตัวเองก็ต้องให้เกียรติตัวเองมาก ๆ แล้วคนอื่นเขาก็จะต้องทึ่งในความสวย สง่า ทั้งภายนอกและภายในของคุณ
                                               คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของข้าราชการ
      คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของข้าราชการ
         ๑.   ทักษะการใช้ความคิด
            ๑.๑      คิดภาพรวม  ลุ่มลึก  และกว้างไกล  ไม่หยุดความคิด
            ๑.๒      รู้จักปรับยืดหยุ่น  ไม่ว้าวุ่นเป็นเถรตรง
            ๑.๓      คิดทำงานเชิงรุก  ไม่ขลุกอยู่กับที่
            ๑.๔      คิดป้องกันดีกว่า  อย่าวัวหายจึงล้อมคอก
         ๒.   การทำงานให้บรรลุผลสัมฤทธิ์
            ๒.๑      กระบวนทัศน์ต้องรู้ปรับ  ไม่อยู่กับกระบวนเดิม
            ๒.๒      สร้างเครื่องมือไว้ชี้วัด  ดีกว่าหัดนั่งดูเทียน
            ๒.๓      เช้าชามเย็นชามขอให้งด  จงกำหนดเวลาแล้วเสร็จไว้
            ๒.๔      อุทิศซึ่งเวลา  ไม่แสวงหาประโยชน์ตน
            ๒.๕      สัมพันธ์กับลูกค้า  อย่าทำหน้าไม่บอกบุญ
         ๓.   การบริหารทรัพยากร
            ๓.๑      คำนึงถึงต้นทุน  ไม่คุ้มทุนจงอย่าทำ
            ๓.๒      บริหารแบบประหยัด  จงอย่าหัดเป็นหนี้เขา
            ๓.๓      สร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของ  อย่าเป็นทองไม่รู้ร้อน
            ๓.๔      รู้จักบำรุงและรักษา  อย่าดีแต่ใช้เครื่องเป็น
         
      ๔.   ความสามารถและทักษะในการสื่อสาร
            ๔.๑      ใช้เทคโนโลยีใหม่  ไม่ล้าสมัยไดโนเสาร์
            ๔.๒      สร้างเครือข่ายให้กว้างขวาง  อย่าปล่อยวางเรื่องทีมงาน
            ๔.๓      รู้จักพูดให้ได้ผล  อย่าทำตนเป็นเบื้อใบ้
            ๔.๔      อดทนต่อถ้อยคำ  ไม่จดจำมาต่อกร
            ๔.๕      แถลงเรื่องลึกล้ำได้  อย่าตอบง่ายไม่ศึกษา
         ๕.   ความน่าเชื่อถือไว้วางใจ
            ๕.๑      ซื่อสัตย์สุจริต  ไม่คิดคอรัปชั่น
            ๕.๒      พร้อมรับผิดชอบ  ตรวจสอบได้
            ๕.๓      สร้างศรัทธาประชา  เงินตราไม่รับ
            ๕.๔      ไม่เป็นอภิสิทธิชน  เป็นคนของรัฐและประชาชน
            ๕.๕      บริการยอดเยี่ยม  คุณภาพเปี่ยมล้น
      ๖ .   การมุ่งเน้นให้บริการ
             ๖.๑     บริการแบบโปร่งใส  พ้นสมัยเป็นความลับ
            ๖.๒      คำนึงถึงลูกค้า  ให้มากกว่าคำนึงตน
            ๖.๓      มุ่งผลอันสัมฤทธิ์  คือผลผลิตและผลลัพธ์
            ๖.๔      เสมอภาคและเป็นธรรม  ไม่ห่วงย้ำแต่พวกพ้อง
             ๖.๕      บริการประชาชน  ไม่ทำตนเป็นนายเขา
         ๗.   จริยธรรม
            ๗.๑      มีศีลธรรม  พฤติกรรมเป็นแบบอย่าง
            ๗.๒      คำนึงประโยชน์ราษฎร์  อย่าฉลาดเอาแต่ได้
            ๗.๓      ร่วมทำกิจ  ขจัดจิตเห็นแก่ตัว
            ๗.๔      ตระหนักถึงครอบครัว  ไม่พึงมั่วด้วยโลกีย์
            ๗.๕      ไม่ก่อมลภาวะ  แต่ควรจะพิทักษ์และรักษา
         ๘.   ความสามารถในการปฏิบัติงาน
            ๘.๑      รู้จริง  รู้ลึก  รู้กว้าง  ไม่รู้อย่างงู ๆ ปลา ๆ
            ๘.๒      ทำงานวางแผนได้  ไม่ทำตามอำเภอใจ
            ๘.๓      อธิบายชี้แจงได้  ไม่ผลักไสให้ผู้อื่น
            ๘.๔      สร้างองค์ความรู้ใหม่  ไม่ใส่ใจแต่ของเดิม
      

         ๙.   การแก้ปัญหา
            ๙.๑      ยิ้มสู้ปัญหา  ไม่เบือนหน้าหนี
            ๙.๒      แก้ปัญหาด้วยปัญญา  ไม่รอช้าหาคนช่วย
            ๙.๓      พบปัญหาก็รู้แก้  ไม่ยอมแพ้วิ่งหาแพะ
            ๙.๔      เห็นปัญหาเป็นโอกาส  ไม่ขลาดเห็นเป็นอุปสรรค
         ๑๐.   การทำงานเป็นทีม
            ๑๐.๑   มีมนุษย์สัมพันธ์  ไม่แบ่งกันเป็นก๊กเหล่า
            ๑๐.๒   ร่วมคิดร่วมทำ  ไม่นำตนไปโดดเดี่ยว
            ๑๐.๓   แบ่งปันซึ่งความรู้  ไม่ใส่ตู้รู้ผู้เดียว
            ๑๐.๔   ให้อภัยเมื่อพลั้งพลาด  ไม่คาดโทษให้แก่กัน
         ๑๑.   ความสามารถในการใช้คอมพิวเตอร์
            ๑๑.๑   ฝึกฝนให้เชี่ยวชาญ  ไม่รำคาญหาความรู้
            ๑๑.๒   คุ้มค่าด้วยการใช้  ไม่เก็บไว้ประดับห้อง
            ๑๑.๓   ถนอมใช้ด้วยระวัง  ไม่ตึงตังให้แตกหัก
            ๑๑.๔   บำรุงและรักษา  ไม่เรียกหาแต่ของใหม่









1294  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / บทโทรทัศน์วัฒนธรรมเรื่องการละเล่นเด็กไทย เมื่อ: กันยายน 05, 2010, 06:27:11 pm
การละเล่นของไทย
                คนไทย มีสติปัญญา ในการดัดแปลง วิถีชีวิต มาเป็นการละเล่นของเด็กไทยซึ่งมีมากมายหลายชนิด
เท่าที่สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร สืบค้น วัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ มีสามเรื่อง คือ อีเตะ  ไม้หึ่ม
และ วัวล้อมคอก เพื่อสืบทอดวัฒนธรรมทั้งสามเรื่องสู่คนรุ่นหลัง ไม่ให้สาบสูญ     เป็นการบันทึกไว้
เพื่อให้เป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของเมืองกำแพงเพชร
การละเล่นของไทย เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนไทย   มนุษย์ทุกชาติทุกภาษาไม่ว่าจะอยู่ในวัยใด มีการละเล่นกันทุกชาติ   การละเล่นทำให้มนุษย์ได้ผ่อนคลายความตึงเครียดจากงานในชีวิตประจำวัน นอกจากนั้นยังเป็นการเสริมสร้างกำลังกายให้แข็งแรง ลับสมองให้มีสติปัญญาแหลมคม มีจิตใจเบิกบานร่าเริง สนุกสนาน ทั้งยังทำให้เกิดความสัมพันธ์อันดีขึ้นในหมู่มวลมนุษย์ ของคนในชาติ ในท้องถิ่น การละเล่นมีมาแต่สมัยใดไม่มีใครกำหนดแน่นอนได้เพียงแต่สันนิษฐานกันว่าตั้งแต่มีมนุษยชาติเกิดขึ้นในโลก
การละเล่นของเด็กไทย ไม่เฉพาะแต่การพัฒนาบุคคลเท่านั้น การละเล่นยังช่วยพัฒนาสังคมด้วย
การละเล่นต่างๆ ย่อมจะแตกต่างกันไปตามวัยของบุคคลและตามสภาพท้องถิ่น การละเล่นบางอย่างไม่สามารถจะชี้ขาดลงไปได้ว่าเป็นการละเล่นของเด็กหรือของผู้ใหญ่ เช่น การเล่นว่าว การเล่นช่วงชัย เป็นต้น อย่างไรก็ตาม จากวิธีการเล่นต่าง ๆ จะเห็นได้ว่าการละเล่นของไทยมีคุณค่าในทางเสริมสร้างพลานามัย ประเทืองปัญญาช่วยให้อารมณ์แจ่มใส ฝึกจิตใจให้งดงามมีความสามัคคี และช่วยสร้างคนดีให้สังคม วันนี้ โทรทัศน์วัฒนธรรม มีการนำเสนอ สามเรื่องคือ  อีเตะ  ไม้หึ่ม และวัวล้อมคอก เพื่อบันทึกการละเล่น ของกำแพงเพชรไว้ในหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์การละเล่นของไทย
                                                                                                                   สันติ อภัยราช
1295  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / นักเรียนโรงเรียนอุทิศศึกษาเข้าค่ายที่วัดหนองปลิง เมื่อ: กันยายน 03, 2010, 11:50:40 am
โรงเรียนอุทิศศึกษา เข้าค่ายวัดหนองปลิง หลานสาวคนเก่ง



ร้องเพลงของขวัญจากก้อนดิน



1296  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / ภาพถ่าย ในงานประเพณี แข่งเรือยาวประเพณีลำน้ำปิง ฝีมืออาจารย์เรืองศักดิ์ แสงทอง เมื่อ: กันยายน 02, 2010, 04:04:40 pm
ภาพถ่าย ในงานประเพณี แข่งเรือยาวประเพณีลำน้ำปิง ฝีมืออาจารย์เรืองศักดิ์  แสงทอง

















































































































































































































   
                                                                                                อาจารย์สันติ  อภัยราช
1297  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / ชมภาพตลาดย้อนยุคสมัยรัชกาลที่ ๕ จำนวน ๕๐ร้านค้า ชมสาวชาวเขา ชมช่างฝีมือเรือไทย เมื่อ: กันยายน 02, 2010, 11:22:47 am
 วันที่ ๒๕ ถึง ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๓  จัดตลาดย้อนยุคสมัยรัชกาลที่ ๕ เสด็จเมืองกำแพงเพชร ชมสาวงามขายอาหาร คาวหวาน แต่งตัวย้อนยุค เมื่อ ๑๐๔ ปีก่อน จำนวน ๕๐ ร้านค้า สวยทั้งคนขาย สวยทั้งร้านค้า อร่อยทั้งอาหารโบราณ เชิญทัศนา ภาพอย่างจุใจ ไร้คำบรรยาย ขอบคุณองต์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชร ที่มอบหมายให้ อาจารย์สันติ อภัยราช ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร ดำเนินการจัดตลาดย้อนยุค ให้น่าสนใจที่สุด ในงานประเพณี แข่งเรือยาวกลางลำน้ำปิง จังหวัดกำแพงเพชร

ภาพบรรยากาศตลาดย้อนยุค วันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๓































































































ภาพบรรยากาศตลาดย้อนยุค วันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๓





























































ภาพบรรยากาศตลาดย้อนยุค วันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๓












































                                                                                                              
                                                                                                              สันติ อภัยราช
1298  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / โครงการร่วมใจไกล่เกลี่ย โดยอาจารย์วันชัย กลิ่นหอม เมื่อ: สิงหาคม 31, 2010, 04:08:15 pm
   จากการที่สำนักงานศาลยุติธรรม  มีนโยบายในการสนับสนุนและพัฒนาระบบการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทของศาลยุติธรรมเพื่อเป็นการรักษาความเข้มแข็งและมุ่งสู่ความเป็นเลิศในการอำนวยความยุติธรรม  มีการนำระบบการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทมาปรับใช้ควบคู่กับการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีของศาล  เป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับประชาชนในการยุติข้อพิพาท  สนับสนุนการระงับข้อพิพาทด้วยหลักสมานฉันท์  และสันติวิธี  สร้างจิตสำนึกให้คนในสังคมมีความรู้รักสามัคคี  ทางศาลจังหวัดกำแพงเพชร  ได้สนองนโยบายนี้และจัดโครงการ  ร่วมใจใกล่เกลี่ย  ประจำปี  2553  ขึ้นระหว่างเดือน  มิถุนายน -  กรกฎาคม  2553 

   



   







ศาลจังหวัดกำแพงเพชรแถลงข่าวโครงการ ? ร่วมใจไกล่เกลี่ย ประจำปี 2553 ?

       คนไทยส่วนใหญ่ที่นับถือศาสนาพุทธและสนใจเกี่ยวกับเรื่องพระพุทธรูป  คงเคยเห็นหรือเคยได้ยินได้ฟังเกี่ยวกับเรื่อง  พระพุทธรูปปาง  ? ห้ามญาติ  ? กันมาบ้าง  พระพุทธรูปปางนี้เกิดขึ้นมาจากเมื่อครั้งสมัยพุทธกาล  ซึ่งครั้งหนึ่งได้เกิดการทะเลาะวิวาทกันระหว่างญาติทางฝ่ายบิดาและญาติทางฝ่ายมารดาของพระพุทธเจ้า  สาเหตุเกิดจากการแย่งน้ำในแม่น้ำโรหินีเพื่อทดน้ำขึ้นมาทำนา  โดยทางกรุงกบิลพัสดุ์ซึ่งเป็นฝ่ายพุทธมารดาทดน้ำเข้าทำนาทางใต้คือนครเทวทหะก็ขาดน้ำ  ทั้งสองฝ่ายแม้พยายามจะแก้ปัญหาด้วยการประชุมกันแต่ก็ไม่สำเร็จ  จนเกิดเป็นเรื่องราวเตรียมจะทำสงครามกัน  ดีที่พระพุทธเจ้าล่วงรู้เสียก่อนและไปห้ามทัพทัน  โดยพระองค์ชี้ให้เห็นว่า  ?  ระหว่างน้ำกับชีวิต  ?  อะไรมีความสำคัญกว่ากัน  ควรแล้วหรือที่จะต้องมาทำสงครามกัน  เมื่อทุกฝ่ายได้คิดก็สามารถแก้ปัญหาได้
      นี่คือวิธีการไกล่เกลี่ยที่พระพุทธเจ้าได้ทรงทำขึ้นในสมัยพุทธกาล  ปัจจุบันปัญหาต่าง ๆ  ที่มนุษย์ทุกคนต่างต้องเผชิญมีมากมาย  เพราะการอยู่ร่วมกันในสังคมหมู่ใหญ่  หลายครั้งถึงกับลงไม้ลงมือกันเป็นปัญหาบานปลายออกไปอีกมากมาย  ทั้ง ๆ  ที่ไม่อยากให้เกิด  หลายครั้งต้องเสียทั้งทรัพย์สินเงินทอง  บางรายต้องเสียชีวิตไปก็มี  ทำไมเราไม่หันมาพูดคุยกัน  ร่วมกันแก้ปัญหาโดยสันติวิธี  ด้วยตัวเราเองหรือคู่กรณีของเรา  สาเหตุอาจจะมาจาก  อารมณ์  ของผู้ที่เกี่ยวข้องเมื่อเจอความขัดแย้งที่รุนแรงก็ควบคุมไม่ได้  ขาดสติและมุ่งมั่นที่จะเอาชนะอีกฝ่ายหนึ่งให้ได้  เลยขาดเหตุผลหรือไม่คิดที่จะนำข้อเท็จจริงออกมาเจรจากัน  อีกปัญหาหนึ่งที่ทำให้ร่วมมือกันแก้ปัญหาไม่ได้ก็คือ  ทิฐิ  ซึ่งเป็นธรรมดาที่มนุษย์ทุกคนย่อมเชื่อมั่นในตนเองมากกว่าคนอื่น  เมื่อเกิดความขัดแย้งก็จะเข้าข้างตนเองก่อนอื่น  เห็นฝ่ายตรงข้ามพูดหรือทำอะไร  จะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องไปเสียหมด  จึงยากที่จะแก้ไขปัญหาได้  ความหวาดระแวง  ก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้แก้ปัญหาความขัดแย้งไม่ได้  เพราะเมื่อเกิดปัญหาขึ้นมา  เราย่อมจะมีความรู้สึกไม่ดีกับอีกฝ่ายหนึ่ง  ความรู้สึกนี้จะค่อย ๆ  พัฒนาตัวเองไปเรื่อย ๆ  จนกลายเป็นความไม่เชื่อใจและระแวงสงสัย  โดยเฉพาะถ้าเป็นเรื่องที่มีปัญหา  เป็นเรื่องที่มีผลประโยชน์เป็นตัวเงินมาก ๆ  ยิ่งจะทำให้เกิดความระแวงสงสัยมีมากขึ้น  จะพูดจะคุยตกลงกัน  อาจจะส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์  จึงไม่กล้าที่จะแก้ปัญหานั้น ๆ  เพราะกลัวจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบนั่นเอง
 
คณะสื่อมวลชน จ.กำแพงเพชร
      จากสาเหตุหรือเหตุผลดังกล่าว  ทำให้การพูดคุยหรือเจรจากันเองระหว่างคู่กรณีประสบปัญหา  ไม่สามรถจะตกลงกันได้  จำเป็นต้องมีคนกลางมาช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้โดยวิธีการไกล่เกลี่ยที่ทางศาลจังหวัดกำแพงเพชรได้จัดทำขึ้นมา  โดยใช้ชื่อโครงการว่า  ?  ร่วมใจไกล่เกลี่ย  ?  คำว่าไกล่เกลี่ย  หมายถึง  การพูดจาให้ปรองดองกัน, พูดจาให้ตกลงกัน  เป็นการเจรจา เพื่อทำการตกลงกันด้วยความพึงพอใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย  โครงการร่วมใจไกล่เกลี่ยนี้จะจัดให้มีคนกลางคอยประสานความเข้าใจระหว่างคู่กรณี  เนื่องจากในการเจรจาปัญหาต่าง ๆ  ที่เกิดขึ้นอาจจะมีความเข้าใจไม่ตรงกัน  คนกลางหรือผู้ไกล่เกลี่ยจะช่วยในการสื่อสารข้อมูล  ความคิดหรือความเข้าใจที่ถูกต้องให้แต่ละฝ่ายรับรู้  เพื่อจะทำให้แต่ละฝ่ายเข้าใจปัญหาและมุมมองของอีกฝ่ายหนึ่ง  ก่อนที่จะหาทางแก้ไขปัญหาที่เหมาะสม  ความเข้าใจที่ถูกต้องจะช่วยลดความหวาดระแวงสงสัย  ความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างคู่กรณี  เพราะเมื่อเข้าใจเหตุผล  เข้าใจแนวคิดอันเป็นสาเหตุของปัญหาให้เข้าใจตรงกัน  ความรู้สึกอคติเป็นศัตรูก็จะลดน้อยลงไป  ทิฐิที่เคยมีก็อาจลดตามไปด้วย  การแก้ปัญหาก็ย่อมง่ายขึ้น  ฉะนั้นคนกลางหรือผู้ไกล่เกลี่ยจึงมีความสำคัญมาก  ซึ่งมีทั้งคนนอกหรือคนที่ทางศาลจัดขึ้นมาโดยมีคุณสมบัติพร้อมตามที่ศาลกำหนด
      เมื่อเห็นรูปแบบโครงการแล้วเชื่อว่า  โครงการนี้จะทำให้ทุกฝ่ายเกิดความพอใจ  ปัญหาต่าง ๆ  คงจะตกลงกันได้ด้วยดีมากยิ่งขึ้น  ช่วยแก้ปัญหาสังคมไทยได้ในระดับหนึ่ง  ทุกวันนี้ปัญหาบ้านเมืองก็มากอยู่แล้ว  ถ้าทุกฝ่ายนำโครงการนี้ไปใช้แก้ปัญหา  ไม่ว่าจะเป็นปัญหารัฐบาลกับกลุ่มประชาชน  ปัญหาชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน  ปัญหาเขาพระวิหาร  เป็นต้น  เป็นอีกโครงการหนึ่งที่ศาลจังหวัดกำแพงเพชรนำมาเผยแพร่ให้กับชุมชนได้อย่างถูกเวลาถูกจังหวะ  นอกเหนือโครงการดี ๆ  อื่น ๆ  ในวันรพีที่ผ่านมา  ถือเป็นการทำงานเชิงรุกที่มีคุณค่ายิ่งให้กับสังคม
 
นายวันชัย  สุทิน  ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชรเยี่ยมชมการออกร้านโครงการร่วมใจไกล่เกลี่ย
      การรณรงค์ให้มีการไกล่เกลี่ย  สร้างการมีส่วนร่วมของบุคลากรและหน่วยงานศาลยุติธรรม  ร่วมถึงการเปิดโอกาสให้ประชาชนผู้มีคดีความได้รับประโยชน์  โดยมีเป้าหมายสำคัญที่จะทำให้การยุติข้อพิพาทเป็นไปด้วยความสะดวก  รวดเร็วและเป็นธรรม  สร้างความพึงพอใจร่วมกันทุกฝ่าย  ไม่มีฝ่ายใดแพ้  ไม่มีฝ่ายใดชนะ  ทั้งสองฝ่ายชนะร่วมกัน  อีกทั้งยังสามารถรักษาสัมพันธภาพอันดีต่อกัน  ย่อมทำให้เกิดการสงบสุขในสังคม  ในฐานะสื่อมวลชนขอสนับสนุนโครงการนี้อย่างจริงใจที่สุด  ?  ความยุติธรรมไม่จำเป็นต้องมาจากกฎหมาย  แต่กฎหมายต้องมาจากความยุติธรรม  ปัญหาต่าง ๆ  จะคลี่คลายลงได้  ถ้าร่วมใจไกล่เกลี่ยอย่างยุติธรรม  ?
                                 จาก....วันชัย  กลิ่นหอม
                                                                          นายกสมาคมสื่อสารมวลชนเพื่อสังคมกำแพงเพชร
      

1299  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ เชื้อสายบ้านโคนเมืองกำแพงเพชร สืบค้นโดย นายรุ่งเรือง สอนชู เมื่อ: สิงหาคม 31, 2010, 03:43:51 pm
พ่อขุนศรีอินทราทิตย์  :  เจ้าเมืองสุโขทัยเชื้อสายเมืองกำแพงเพชร
สืบค้นโดย นายรุ่งเรือง  สอนชู

               ข้อความในจารึกหลักที่ 2  ศิลาจารึกวัดศรีชุม  ในหนังสือประชุมศิลาจารึกภาคที่ 1
หน้าที่ 37-39  อธิบายว่าก่อนที่พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ได้ขึ้นครองราชย์เป็นเจ้าเมืองสุโขทัยนั้น   
พ่อขุนศรีนาวนำถม ได้ครอบครองเมืองสุโขทัยและเมืองศรีสัชชนาลัยมาก่อน  แต่ถูกขอมขยายอำนาจมาครอบครอง   พ่อขุนผาเมือง เจ้าเมืองราดซึ่งเป็นโอรสของพ่อขุนศรีนาวนำถม ได้นำทหารเข้าร่วมวางแผนกับพ่อขุนบางกลางหาว ที่เมืองบางยาง เพื่อขับไล่ขอมออกไป    โดยพ่อขุนบางกลางหาวยึดได้เมืองศรีสัชชนาลัย  พ่อขุนบางกลางหาวและพ่อขุนผาเมืองร่วมกันไล่ขอม
สมาดโขลญลำพง แตกหนีไป  พ่อขุนผาเมืองได้เข้าเมืองสุโขทัยและได้อภิเษกพ่อขุนบางกลางหาวขึ้นเป็นเจ้าเมืองสุโขทัยทรงพระนามว่า ?ศรีอินทรบดินทราทิตย์?    
                   ข้อความในจารึกหลักที่ 1 ศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง ในหนังสือประชุมศิลาจารึก
ภาคที่ 1 หน้า  17 ได้กล่าวถึงราชวงศ์พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ว่า มีมเหสีชื่อนางเสือง  โอรสองค์โตเสียชีวิตเมื่อยังเล็ก  โอรสองค์ที่  2  พ่อขุนบานเมือง โอรสองค์ที่  3 พ่อขุนรามคำแหง หรือรามราช  องค์ที่ 4  และ 5  เป็นราชธิดา
                    จากจารึกหลักที่ 2 และ 1  นั้นไม่ได้กล่าวถึงเชื้อชาติตระกูล หรือถิ่นฐานของ
พ่อขุนศรีอินทราทิตย์  ว่ามาจากที่ใด   
              การขื้นครองราชย์และสิ้นรัชกาลของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์นั้น ผู้เขียนจะขอกล่าวถึงเอกสารต่าง ๆ ที่มีผู้มีความรอบรู้ทางประวัติศาสตร์นำข้อมูลมาเสนอลงในเอกสารดังต่อไปนี้
                   ในหนังสือประวัติศาสตร์ไทย ตั้งแต่สมัยเริ่มแรกจนถึงสิ้นอยุธยา  หน้าที่ 85-86 กล่าวถึงบุคคล  2  ท่านที่เกี่ยวข้องกับพ่อขุนศรีอินทราทิตย์
                     1   นายตรี  อมาตยกุล    เสนอว่าพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ขี้นครองราชย์    เมื่อ 
พ.ศ.  1781  ไม่ระบุว่าสิ้นรัชกาล เมื่อใด                   
                     2.  ดร. ประเสริฐ ณ นคร เสนอว่าพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ขึ้นครองราชย์เมื่อ 
พ.ศ. 1762-1781 ไม่ระบุว่าสิ้นรัชกาล เมื่อใด                 
                     ในหนังสือประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เล่ม 1 หน้า 371 ทำตารางเสนอว่า  พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ขึ้นครองราชย์เมื่อ พ.ศ.  1792   ไม่ระบุสิ้นรัชกาล แต่ระบุสิ้นรัชกาล
ของพ่อขุนบานเมืองว่า พ.ศ. 1822  และพ่อขุนรามคำแหงขึ้นครองราชย์เมื่อ พ.ศ. 1822
                     ในหนังสือชินกาลมาลีปกรณ์  หน้า 108  ไม่ระบุการขึ้นครองราชย์ และสิ้นรัชกาลของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์  แต่ระบุว่าพ่อขุนบาลเมืองขึ้นครองราชย์เมื่อ พ.ศ. 1821 และพ่อขุนรามคำแหงขึ้นครองราชย์ในปีเดียวกันคือ  พ.ศ. 1821

2

                   ตามหลักฐานของการขึ้นครองราชย์และสิ้นรัชกาลนั้น  ผู้เขียนพอจะสรุปได้ว่า
พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ขึ้นครองราชย์  พ.ศ. 1762-1792  และสิ้นรัชกาลเมื่อ  พ.ศ. 1821
พระร่วงเจ้าเมืองสุโขทัยมีเชื้อสายเป็นชาวเมืองกำแพงเพชร
                   จากหนังสือประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เล่ม 1  หน้า  177-188  ได้กล่าวถึงพระร่วงองค์หนึ่งซึ่งภายหลังได้ขึ้นเป็นเจ้าเมืองสุโขทัย  โดยมี อัยกา(ปู่) และ ชนก (พ่อ) เป็นเจ้าเมืองกำแพงเพชร  โดยจะขอนำเรื่องราวโดยย่อมาเสนอดังนี้
                    เมื่อ จุลศักราช  536   พระเจ้าสุริยราชาเชื้อพระวงศ์ของพระเจ้าปทุมสุริยวงษ์ได้มาครอบครองเมืองพิจิตรปราการแล้วขึ้นครองราชย์  หลังสิ้นพระชนม์ลง  โอรสคือพระเจ้าจันทกุมาร ขึ้นครองราชย์ต่อมาเมื่อจุลศักราช 570  ทรงพระนามว่าพระเจ้าจันทราชา  ในเวลาต่อมาทรงทิ้งเมืองกำแพงเพชรไปสร้างเมืองสุโขทัย
              อยู่มาวันหนึ่ง พระเจ้าจันทราชาเสด็จประพาสป่าพร้อมด้วยทหารจำนวนมาก พบหญิงสาวนางหนึ่งมีรูปโฉมงดงาม พระองค์มีความเสน่หา  รักใคร่และได้นางนั้น  ชักชวนให้เข้าไปอยู่ในวังเพื่อให้เป็นเอกอัครนารี  แต่นางปฏิเสธ ทำให้พระเจ้าจันทราชากลับคืนสู่พระราชวังโดยไม่มีหญิงงามนั้นติดตามไปด้วย   ต่อมาหญิงนั้นตั้งครรภ์และคลอดออกมาเป็นบุตรชาย  ทิ้งไว้ในไร่อ้อย  ตากับยายเจ้าของไร่อ้อยมาพบเข้าจึงนำไปเลี้ยงไว้  เมื่อโตขึ้นอายุได้ 15 ปี มีรูปโฉมลักษณะงดงาม มีอานุภาพมากจะออกปากสิ่งใดก็เป็นไปตามนั้น และได้ตั้งชื่อว่า พระร่วง
                      กิตติศัพท์อันนี้ทราบไปถึงพระเจ้าจันทราชาผู้ปกครองกรุงสุโขทัย  จึงเกิดสงสัย
ตรัสสั่งทหารให้ไปหาตายายเจ้าของไร่อ้อยพร้อมเด็กหนุ่มนั้นเข้าเฝ้า  ตาและยายได้เล่าถึงการได้มาของเด็กหนุ่มนั้นตามลำดับ  พระเจ้าจันทราชาจึงเชื่อว่าเด็กหนุ่มนั้นเป็นโอรสของพระองค์เองที่เกิดกับหญิงสาวในคราวที่ออกประพาสป่าและนางนั้นไม่ยอมที่จะเข้าไปอยู่ในวังด้วย  จึงให้รับพระร่วงนั้นเลี้ยงไว้เป็นพระราชโอรสของพระองค์ในพระราชวัง
                     ในช่วงระยะนั้นเมืองสุโขทัยได้ถูกขอมขยายอำนาจมาครอบครอง จำเป็นต้องส่งส่วยน้ำให้กับขอม  พระร่วงได้ทูลให้พระเจ้าจันทราชา งดส่งส่วยน้ำ   ทางฝ่ายขอมเห็นว่าสุโขทัยเริ่มแข็งข้อกระด้างกระเดื่อง จึงยกทัพมาปราบปราม  พระร่วงได้นำกองทัพเข้าต่อสู้จนสามารถขับไล่กองทัพขอมออกไป และได้ช่วยดูแลเมืองสุโขทัยตลอดมา  พระเจ้าจันทราชาขึ้นครองราชย์ได้ 30 ปี ก็สิ้นพระชนม์  พระร่วงได้ขึ้นครองราชย์เป็นเจ้าเมืองสุโขทัยต่อมา
                       ในปลายรัชกาลนั้น มีชาวมอญชื่อมะกะโท้ เข้ามาค้าขายในเมืองสุโขทัย  แล้วเลิก 
เข้าไปฝากตัวอยู่กับนายช้างพระที่นั่งโรงใน ช่วยดูแลรักษาเก็บกวาดมูลช้างทำให้โรงช้างสะอาด

3

อยู่เสมอ นายช้างให้ความเมตตารักใคร่  นายมะกะโท้ทำความดีเรื่อยมาจนเป็นที่โปรดปรานของพระร่วงเจ้า จนได้เลื่อนให้มะกะโท้ขึ้นเป็นขุนวัง  ตำแหน่งกรมวัง 
                       เกิดขบถขึ้นตามชานเมือง  พระร่วงทรงเสด็จกรีฑาทัพไปปราบปรามด้วย
พระองค์เอง ตรัสสั่งให้มะกะโท้ผู้เป็นกรมวังเฝ้ารักษาพระนคร  มะกะโท้ซึ่งมีความรักใคร่ต่อนางสุวรรณเทวีพระราชธิดาของพระร่วงอยู่แล้ว  ก็ลอบรักใคร่กับพระราชธิดานั้น  ข้าราชการทั้งหลายในวังนั้นรู้เรื่องทั้งหมด   ทำให้มะกะโท้กลัวพระราชอาชญาสมเด็จพระร่วงเจ้า  จึงตัดสินใจพาพระราชธิดานั้นหนีออกจากสุโขทัยไปอยู่ที่บ้านตะเกาะวุนซึ่งเป็นบ้านเดิมของตน
                           เมื่อพระร่วงเจ้าได้ปราบปรามชาวขบถตามชายแดนจนราบคาบแล้วก็เสด็จกลับเมืองสุโขทัย  ข้าราชการได้รายงานเรื่องการกระทำของมะกะโท้ให้พระร่วงเจ้าทรงทราบ 
พระร่วงเจ้าทรงโปรดปรานมะกะโท้อยู่ก่อนแล้ว  จึงไม่ทรงพิโรธแต่ประการใด แต่กลับทรงอวยพรให้ไป ทั้งนี้ด้วยอำนาจบุญบารมีของมะกะโท้ จะได้เป็นกษัตริย์ใหญ่ในประเทศรามัญ
                          ในเวลาต่อมา  ด้วยอำนาจวาสนาของมะกะโท้  ได้ตั้งตัวขึ้นเป็นกษัตริย์เมือง
เมาะตะมะ  ทรงพระนามว่า พระเจ้าฟ้ารั่ว
                           พระร่วงได้ครองราชย์สมบัติเป็นเป็นสุขมาช้านาน เมื่อแรกขึ้นครองราชย์สมบัติ
มีพระชนม์ได้ 35 พรรษา อยู่ในราชสมบัติได้  40  พรรษา รวมพระชนมายุ 75 พรรษาก็เสด็จสวรรคต
ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของผู้เขียน
                          ผู้เขียนได้สืบค้นหาชื่อเมืองพิจิตรปราการที่พระเจ้าสุริยราชาเชื้อสายเขมร
มาครอบครอง เมื่อจุลศักราช 536 หรือ พ.ศ. 1717 ได้พบในหนังสือคำให้การชาวกรุงเก่า
หน้า 11, 180 และ201 ได้อธิบายว่าเมืองพิจิตรปราการนั้นคือเมืองกำแพงเพชร
                           จากเรื่องราวที่นำมาเสนอนั้น สรุปได้ว่าพระร่วง มีอัยกาและชนก เป็นเจ้าเมืองกำแพงเพชร จริง พระร่วงได้เป็นเจ้าเมืองสุโขทัยเมื่อ พ.ศ. 1781 และสิ้นรัชกาลเมื่อ พ.ศ. 1821
                           หนังสือคำให้การกรุงเก่า หน้า 180 พระเจ้าจันทราชาได้ไปครอบครอง
เมืองสวรรคโลกด้วย  ผู้เขียนเชื่อว่าคงทิ้งเมืองกำแพงเพชรไปสวรรคโลกก่อนที่จะมาครอบครองสุโขทัยในคราวหลัง
                    จากการตรวจสอบเรื่องราวของมะกะโท้ ในระยะเวลาที่เข้ามาอยู่ที่เมืองสุโขทัย
ในหนังสือประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เล่ม 10  หน้า  14  ซึ่งเป็นพงศาวดารของพม่ารามัญ พบว่ามะกะโท้ได้เข้ามารับราชการที่กรุงสุโขทัยในรัชกาลของพระร่วง

             4
เมื่อ จุลศักราช 634 (พ.ศ. 1815)  ในคราวหลังได้หลบหนีกลับไปอยู่ที่เมืองเมาะตะมะ  เมื่อถึงจุลศักราช 643 (พ.ศ. 1824) คิดขบถจับอลิมามางเจ้าเมืองเมาะตะมะฆ่าเสีย มะกะโท้ก็ได้เป็นใหญ่ในเมืองเมาะตะมะ  ครั้นต่อมามีอานุภาพมาก แล้วตั้งตัวข้นเป็นกษัตริย์ทรงพระนามว่า ?สมิงวาโร? แต่คนไทยเรียกว่า  ?พระเจ้าฟ้ารั่ว?
                         เมื่อมะกะโท้เข้ามารับราชการที่เมืองสุโขทัย เมือจุลศักราช 643 (พ.ศ. 1815) นั้นแสดงว่ามาในปลายสมัยของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ก่อนที่พ่อขุนบานเมืองและพ่อขุนรามคำแหงจะขึ้นครองราชย์  6-7 ปี 
                         หลักฐานจากศิลาจารึก  หลักที่ 2 และหลักที่ 1 ได้กล่าวถึงการขึ้นครองราชย์
เมืองสุโขทัย ใช้พระนามว่า พ่อขุนศรีอินทราทิตย์   ส่วนประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เล่ม1 
ใช้พระนามว่า พระร่วง  ระยะเวลาการขึ้นครองราชย์นั้นมีทั้งตรงกันและแตกต่างกัน ส่วนวัน
สิ้นรัชกาลนั้นตรงกัน
                           ดังนั้น เจ้าเมืองสุโขทัย ทรงพระนามว่า ?พ่อขุนศรีอินทราทิตย์?  จากศิลาจารึก  และ ?พระร่วง?  จากประชุมพงศาวดารฯ ย่อมเป็นบุคคลคนเดียวกัน โดยอาศัยหลักฐานต่อไปนี้
                           1.เป็นไปได้ยากที่เจ้าเมืองสุโขทัยจะมีเจ้าเมืองสองพระองค์ ขึ้นครองราชย์ ในเวลา
เดียวกันหรือใกล้เคียง และสั้นรัชกาลในปีเดียวกัน 
                           2.พ่อขุนบานเมืองและพ่อขุนรามคำแหงคงไม่ยอมที่จะให้ผู้อื่นเป็นเจ้าเมืองคู่กับ
พ่อขุนศรีอินทราทิตย์
                           3. พงศาวดารพม่าได้บันทึกว่า มะกะโท้ เข้ามารับราชการที่กรุงสุโขทัยกับพระร่วง
 เมื่อ พ.ศ. 1815  พระร่วงยกกองทัพไปปราบขบถที่ชานเมือง โดยมอบมะกะโท้ อยู่รักษาพระราชวัง  ย่อมหมายถึงไม่มีเจ้าเมืองสุโขทัยอีกแล้วถึงต้องมอบอำนาจ ให้กับมะกะโท้
                  4. จากหนังสือชินกาลมาลีปกรณ์  หน้า 112  เจ้าเมืองสุโขทัยมีพระนามได้ 3 พระนาม คือพระโรจราช  หรือพระร่วง  หรือ  พ่อขุนศรีอินทราทิตย์
พ่อขุนศรีอินทราทิตย์หรือพระร่วงประสูติที่ใด
                        จากชินกาลมาลีปกรณ์ ในหน้า 112-113 ตอนหนึ่งมีข้อความถึงการประสูติ
                    ? ได้ยินว่า  ที่ตำบลที่บ้านโค  ยังมีชายคนหนึ่งรูปงาม มีกำลังมาก  ท่องเที่ยวอยู่ในป่า มีนางเทพธิดาองค์หนึ่ง  เห็นชายคนนั้นแล้ว ใคร่จะร่วมสังวาสด้วย  จึงแสดงมารยาหญิง  ชายคนนั้นก็ร่วมสังวาสกับนางเทพธิดาองค์นั้น  เนื่องจากการร่วมสังวาสของเขาทั้งสองนั้น  จึงเกิดบุตรชายหนึ่ง


และบุตรชายคนนั้นมีกำลังมาก  รูปงาม เพราะฉะนั้น  ชาวบ้านทั้งปวงจึงพร้อมใจกันทำราชาภิเษกบุตรชายคนนั้น  บุตรชายซึ่งครองราชย์สมบัติในเมืองสุโขทัยนั้น ปรากฏพระนามในครั้งนั้นว่า
โรจราช ภายหลังปรากฏพระนามว่า พระเจ้าล่วง?
                              ผู้แปลหนังสือเล่มนี้มีคำอธิบายว่า   บ้านโค  อาจเป็น  บ้านโคน จังหวัดกำแพงเพชร   
                              ผู้เขียนเชื่อว่า บ้านโค ก็คือ บ้านโคน อันเป็นที่เกิดของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์เพราะมีอัยกาและชนกเป็นเจ้าเมืองกำแพงเพชรอยู่แล้ว และพระร่วงนั้นเกิดก่อนที่พระเจ้าจันทราชาจะขึ้นเป็นเจ้าเมืองกำแพงเพชร 6-7 ปี 
                               ประชุมศิลาจารึก ภาค 1 ในหน้า  144-146  เป็นจารึก หลักที่ 13  จารึกบนฐานรูปพระอิศวรสัมฤทธิ์ สร้างเมื่อพ.ศ. 2053 โดยเจ้าเมืองกำแพงเพชร คือเจ้าพระยาศรีธรรมมาโศกราช ปัจจุบันอยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จังหวัดกำแพงเพชร  เรื่องราวที่จารึกนั้นข้อความตอนหนึ่งเมื่อแปลแล้วได้ความว่า ? อนึ่งท่อปู่พระยาร่วงทำเอาน้ำไปถีงเมืองบางพานนั้น ก็ถมหายสิ้นและเขาย่อมทำนาทางฟ้า และหาท่อนั้นพบ กระทำท่อเอาน้ำเข้าไปเลี้ยงนา? 
                                แสดงว่า พระร่วงองค์นั้นจะต้องเป็นชาวกำแพงเพชรด้วย เพราะมี ปู่เป็นเจ้าเมืองกำแพงเพชร จึงมีความสามารถที่สั่งให้ขุดคลองส่งน้ำจากกำแพงเพชรไปถึงเมืองบางพานได้  และอาจเป็นเป็นไปได้ว่า ปู่พระยาร่วงองค์นั้น คือ พระเจ้าสุริยราชา พระอัยกาของ
พ่อขุนศรีอินทราทิตย์นั่นเอง
บรรณานุกรม
กรมศิลปากร, คำให้การชาวกรุงเก่า  คำให้การขุนหลวงหาวัด และ พระราชพงสาวดารกรุงเก่า ฉบับ         
                   หลวงประเสริฐอักษรนิติ์. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์คลังวิทยา,2515.
คณะกรรมการพิจารณาและจัดพิมพ์เอกสารทางประวัติศาสตร์, ประชุมศิลาจารึก ภาคที่ 1. 
                    กรุงเทพมหานคร : สำนักนายกรัฐมนตรี, 2521.
คณะกรรมการอำนวยการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี, ประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนา
                    ภิเษก เล่ม 1. กรุงเทพมหานคร : กรมศิลปากร, 2542.
คณะกรรมการอำนวยการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี, ประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนา
                    ภิเษก เล่ม 10. กรุงเทพมหานคร : กรมศิลปากร, 2542.
ถนอม  อานามวัฒน์และคณะ,ประวัติศาสตร์ไทยตั้งแต่สมัยเริ่มแรงจนถึงสิ้นอยุธยา. 
                     กรุงเทพมหานคร : คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ,  2528.
แสง  มนวิทูร, ร.ต.ท.  ชินกาลมาลีปกรณ์.(พิมพ์อนุสรณ์นายกี่  นิมมานเหมินทร์) มิตรนราการพิมพ์,
                      2510.

1300  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / ชมภาพการแสดงแสงเสียงสื่อผสมม่านน้ำสามมิติท้าทายที่สุดเท่าที่เคยทำมากว่า๓๐ครั้ง เมื่อ: สิงหาคม 31, 2010, 10:04:02 am
      จัดการแสดง แสงเสียงมาตั้งแต่ ปี ๓๕ ในงานประเพณี นบพระเล่นเพลง ทำที่วัดพระแก้วเป็นส่วนใหญ่ วัดพระสี่อิริยาบถ ๒ ครั้ง วัดช้างรอบ ๑ครั้ง ครั้งที่พิสดารที่สุดคือ การทำในคูเมืองปี ๒๕๕๐ จัดให้เทศบาลเมืองกำแพงเพชร ๒ ครั้ง ในงานลอยกระทง จัดให้คลองขลุง ๑ครั้ง คราวเปิดบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ ๕ จัดให้วัดพระบรมธาตุอีกกว่า ๑๐ครั้ง
                          จัดการแสดงแสงเสียงครั้ง ที่ท้าทายที่สุด ในการดำเนินการมากว่า ๒๐ ครั้ง  การแสดง แสงเสียงครั้งที่สำคัญที่สุดครั้งนี้คือ การแสดง แสงเสียงสื่อผสมสามมิติ ผ่านม่านน้ำ เรื่อง พระบารมีมากล้น เสด็จประพาสต้น กำแพงเพชร  ในงานแข่งขันเรือยาว ประเพณีลำน้ำปิง ประจำปี ๒๕๕๓เหตุที่ท้าทายที่สุดเพราะจัดกลางลำน้ำปิง และไม่มีสะพานข้ามไป ใช้เรือขนส่งนักแสดงและผู้กำกับ
             ความจริงกลางลำน้ำปิงได้จัดการแสดงมา สองครั้งแล้ว งานของเทศบาลเมืองกำแพงเพชร แต่ทำได้ง่ายกว่า ในคราวนี้มีการจัดสื่อผสมม่านน้ำด้วย ทำให้การดำเนินการลงตัวได้ยากยิ่ง นับว่าเป็นการแสดงที่ท้าทายความสามารถทั้งหมด ของเรา
         เริ่มต้นอาจารย์สันติ อภัยราช ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร ได้รับมอบหมาย การจัดงานสองงานพร้อมกัน จากนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชร คุณจุลพันธ์ ทับทิม และคุณจักรไตรภพ หนุนเพชร ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชร ประมาณ เดือนพฤษภาคม ๒๕๕๓ ความจริงท่านทาบทามไว้ ตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๕๒ แล้ว สองเรื่องดังกล่าวคือ
๑.   การแสดงแสงเสียง สื่อผสมสามมิติ ผ่านม่านน้ำ เรื่องเกี่ยวกับพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสต้นกำแพงเพชร ในเดือนสิงหาคม ๒๔๔๙
๒.   การแสดงตลาดย้อนยุคสมัยพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จประพาสต้นกำแพงเพชรกว่า ๕๐ร้านค้า
เป็นอาหารคาวหวาน สมัยรัชกาลที่ ๕
          รับปากว่าจะทำให้ดีที่สุดเริ่มเขียนบทใช้เวลา สามสัปดาห์  เป้าหมายให้คนรักบ้านเมืองมากที่สุด โดยอ่านวรรณกรรมทุ่งมหาราชใหม่อีก ๒ จบ เพื่อนำตัวละครสำคัญคือ พะโป้ ทิด รื่น มาพบกันอย่างอาจหาญและจงใจอย่างที่สุด บรรจงเขียนอย่างตั้งใจที่สุด เพื่อให้คนในชาติเกิดความสามัคคีกัน
และให้คนกำแพงเพชร ระลึกถึงพระปิยมหาราชและพระเจ้าอยู่หัวของเราอย่างดีที่สุด
          ที่สำคัญที่สุดคือการสอดแทรกวัฒนธรรมประเพณีของกำแพงเพชร ลงไปให้มากที่สุด
โดยใส่เพลงเรือ เพลงแม่ศรี รำกลองยาว รำโทน ลงไปอย่างแนบเนียนที่สุด และสิ่งที่ให้เป็นเอกที่สุดคือการนำเสนอภาพของพระพุทธเจ้าหลวงผ่านม่านน้ำ ประมาณ ๑๕๐ ภาพจะทำอย่างไรให้ดีที่สุด
เป็นการบ้านที่แสนท้าทายมากที่สุด





           ต้นเดือนกรกฏาคม ๒๕๕๓ บทเสร็จ วางแผนเสร็จ ส่งบทไปให้อาจารย์ชนินทร์ อ้นอารี อ่าน
ส่งบทไปให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดดู ทาบทามนักแสดง จากวิทยาลัยภักดีพณิชยการและเทคโนโลยี
โดยผ่านอาจารย์ธิติมา มหะบุญพาชัย (อาจารย์จ๋า) ได้รับการตอบรับอย่างดีที่สุด คือใช้จินตลีลาชุด    เพลง ปิยราชาบารมี ของคุณอธิคม สือพัทธิมา เพลงที่บรรยายถึงพระพุทธเจ้าหลวงอย่างดีที่สุดเห็นภาพชัดเจนที่สุด และขอจินตลีลาชุด จบอีกหนึ่งชุด อาจารย์จ๋า แนะนำให้ใช้ เพลงแผ่นดินของเรา เพลงพระราชนิพนธ์ เพราะในเพลงมีบรรยากาศคล้ายของเมืองกำแพงเพชร มากที่สุด ตกลงเรื่องชุดและค่าใช้จ่ายทั้งหมด อาจารย์จ๋า น่ารักที่สุด คือทำให้ ซ้อมให้ หาชุดให้ เบ็ดเสร็จหมดเลย เบาใจไปหนึ่งเรื่อง



     มาถึงตอนหนักใจอีกตอนหนึ่ง ประสานงานไปทางวชิรปราการวิทยาคม ถึงอาจารย์สุปราณี แสงทอง น้องสาวที่น่ารัก เรื่องขอนักเรียนวชิรปราการวิทยาคม  ประมาณ ๒๐คน เพื่อเล่นเพลงเรือ และรำโทนตลอดจนเป็นชาวบ้าน ทั้งเรื่อง และขอพระเอก คือทิดรื่น  (เพราะพระเอกเก่าของเรา       คือเทพนิมิตร คุณุ ถึงแก่กรรม ไปเมื่อต้นปี) อาจารย์สุปราณี แสงทอง แนะนำ ให้รู้จักธวัช ให้พร ครูจ้างสอนโรงเรียนกำแพงเพชรพิทยาคม ว่าเป็นคนเก่งมีฝีมือ เป็นศิลปิน     และให้หมายเลขโทรศัพท์มา
เมื่อได้คุยกับครูธวัช ให้พร แล้วไม่ผิดหวัง เพราะนับว่าเป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง จึงเลือกครูธวัชเป็นพระเอกคือทิดรื่น ครูธวัช ได้แนะนำให้รู้จัก อาทิตยา ทองคลัง นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ จากโรงเรียนกำแพงเพชรพิทยาคม ซึ่งพอใจในความสามารถและคุณสมบัติของเธอมากที่สุดเธอชื่อเล่นชื่ออูม ตกลงได้คนเก่งสองคนแล้ว
      คนสำคัญอีกคนคือป้าแคล้ว ผู้หญิงแกร่งของปากคลอง นักแสดงที่เหมาะสมสองคน    คืออาจารย์สุภาณี พิทักษ์วงษ์  และอาจารย์กรองใจ สว่างแจ้ง ทาบทามอาจารย์สุภาณี สายันต์ (ครูตุ่ม) ตกลงเพราะท่านเข้าใจในบุคลิกของป้าแคล้วเป็นอย่างดี ลงตัวไปอีกคน งานใกล้สำเร็จแล้ว



    พะโป้ เป็นคนสำคัญมาก เลือกหลายคน แต่คุณสมบัติไม่ครบ เพราะพะโป้ เป็นคนที่มีบทบาทดีและมากที่สุด  ในเรื่อง ต้องเป็นคนอ่อนนอกแข็งใน ใจเหี้ยม คุณจันทรา กุลนันทคุณ นักวิชาการวัฒนธรรมแนะนำ ให้เลือกครูเผ (ครูสะเทื้อน นาคเมือง ) เจ้าของคณะลิเกเด็กคลองขลุงบำรุงศิลป์  ท่านมีคุณสมบัติใกล้เคียงพะโป้มาก จึงตกลง ให้ครูเผ เป็นพะโป้ เบาใจไปอีกคน



   พระยาวิเชียรปราการ เจ้าเมืองกำแพงเพชร ท่านเป็นคนมีบุคลิกเป็นผู้ใหญ่และสง่างามมาก เยือกเย็น พูดเพราะ เป็นยอดทางมนุษยสัมพันธ์  มองไปที่น้องรัก ของเรา อาจารย์สมพร จันทรปิฎก บุคลิก ตรงที่ สุด แต่มีปัญหาว่า จะว่างหรือไม่ จึงโทรไปทาบทาม  อาจารย์สมพร จันทรปิฎก ตอบตกลง เบาใจไปอีกเรื่อง



     สุดใจ นางเอก มองไปที่สุชาดา บางโปร่ง ( อ้อ) นักเรียนโรงเรียนวชิรปราการวิทยาคม ถามไปทางวชิรปราการวิทยาคม ตอบตกลง เธอรำแม่ศรีได้สวยมาก จำเป็นต้องเป็นสุชาดา บางโปร่ง
และเธอเป็นศิลปินเต็มตัว ไม่ให้ด้อยไปกว่า อาทิตยา ทองคลัง (แม่ทองย้อย) เพราะสร้างบุคลิกไว้เสมอกัน



      เพลงเรือ ได้ร้องขอให้ ครูลมัย มีขันหมาก ช่วยประพันธ์ให้ และอัดเสียงให้ด้วย ได้รับความกรุณาจากครู ลมัย พี่เกริก และหลานๆของครูละมัย
ท่านอาจารย์เกริก   เกิดพันธุ์   นักร้องเพลงพื้นบ้านกิตติมศักดิ์
นางสาว ปัทมา  มีขันหมาก  นศ.ปี 4   คณะศึกษาศาสตร์   สาขาวิชาภาษาไทย ,มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
เด็กหญิง พิมพ์ลภัส  วัดพ่วงแก้ว
เด็กหญิง  หทัยภัทร  แกมสุข
เด็กชาย  จักรณรงค์  อินพหล
เด็กชาย  ตะวัน  ปรารสุนทร
     อาจารย์ขนินทร์ อ้นอารี มาอัดเสียงสำเร็จ เกือบ ๖ โมงเย็น  
จบไปอีกเรื่อง





     ส่วนกลองยาว ได้ไปพบครูสกุล ตะปินตา ท่านตกลงและ แต่งเพลงให้ด้วย นำเสนอนักแสดงกว่า ๔๐คน เราไม่ขัดข้อง ขอให้เริ่มฝึกซ้อมและอัดเสียง ทำได้ดีมากทั้งคณะ







   คราวนี้ ต้องไปหาเรือ หาแพ มาเข้าฉาก  ไปหานายเล็ก อาจหาญ ชาวเรือ ที่เคยมาช่วยงานแสง เสียงลอยกระทงของเทศบาลกำแพงเพชร
ไปยืมเรือ นายแหลม แห่งร้าน ซุ้มมะขาม เรือสวยแต่ต้องซ่อมทั้งหมดตกลงออกค่าใช้จ่ายในการซ่อมให้ทั้งหมด เป็นเรือชะล่า ร่อนกรวดเมื่อกว่า๕๐ปีที่ผ่านมา ไปหาเรือพระวิเชียรปราการ ไปได้เรือ ที่ร้านโมฬี คอมพิวเตอร์ คุณปุ๊  บ้านอยู่บ้านดิบให้ยืมมา แต่ต้องซ่อมทั้งหมด ไปยืมแพของคุณปรีดา ร้านเทคโน (เจ้าของเทคโน รีสอร์ท) ๒ แพ ต้องซ่อมตามปกติ  ไปเช่าเรือสำราญ ของอบต.ดำ มาอีกลำ เรือให้นักแสดงได้พักผ่อน
ให้นายเล็กพาลูกน้อง มาช่วยอีก ๑๐คน กว่าจะเสร็จเข้าไป ๑๐ กว่าวัน ขอให้คุณปรีชา แก้วสุข ปิยมิตร ที่น่ารัก ช่วยลำเลียงเรือให้ ทั้งหมด ต้องขอบคุณไว้มากอีกท่านหนึ่ง
  เรื่องเงินทุนในการดำเนินการ ทั้งสองเรื่องกว่าล้านบาทเป็นเรื่องใหญ่มาก แต่คงไม่พูดถึงเพราะมีเรื่องที่ซับซ้อนมากๆ และมีหลายอย่างที่ไม่สามารถกล่าวได้  แต่ก็ใช้เงินส่วนตัว ในการดำเนินการล่วงหน้าก่อน ขอบคุณเจ้าหน้าที่ อบจ.ทุกท่าน คุณเรียม คุณเพทาย ช่างป๊อบ ช่างโต










ท่านจุลพันธ์ ทับทิม นายก คุณจักรไตรภพ หนุนเพชร ปลัด ที่อำนวยความสะดวกให้ทุกเรื่อง  ขอบคุณคุณวิไล สรรพากรอำเภอเมือง ที่กรุณาชี้แนะทางออกไห้
  อาจารย์ชนินทร์ อ้นอารีแห่งวิทยาลัย เทคนิค ทำระบบเทคนิคทั้งหมด เพราะเป็นงานในน้ำยากมากๆ แต่ได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายอย่างยอดเยี่ยม ม่านน้ำและเครื่องฉายราคาสูงมาก แต่ก็สามารถประสานงานเอามาได้ ต้องขอบคุณ อาจารย์ชนินทร์ อ้นอารี อย่างมาก มันไม่ง่ายอย่างที่ทุกคนคิด เพราะตั้ง ทำเวที ให้เข้ากับการแข่งเรือด้วย วางแผนไว้เป็นแผนหนึ่ง แผนสอง แผนสาม ตกลงต้องใช้แผนพิเศษ เพราะทุกแผนใช้ไม่ได้ เพราะสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้คือธรรมชาติ ระดับน้ำ ในแม่น้ำ และฝน ที่ตกอย่างไม่ลืมหูลืมตา

 ต้องพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คือ เจ้าพ่อหลักเมืองกำแพงเพชร  หลวงพ่อโม้ พระยาวชิรปราการ บนบานศาลกล่าวให้ท่านช่วย ในการ ดำเนินการทั้งหมด คือให้ปลอดภัย และฝนไม่ตก เพราะแสดงในน้ำอันตรายมากๆ
  ตกลงท่านช่วยเราจริงๆ คือปลอดภัย แบบไม่มีปัญหาตามมา สามารถแสดงได้อย่างดีมากๆ คนชมกันทั้งเมือง คงเป็นเพราะความตั้งใจจริงที่จะรับใช้บ้านเมือง

  พิธีกร กิตติมศักดิ์ ครูอ้อย อารีรักษ์ ปานพรหม ทำหน้าที่อย่างมีหัวใจทองคำ ช่วยอย่างดีที่สุด ต้องบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์กำแพงเพชรหน้าหนึ่ง
  ครูชุติมา เคหะลูน ครูยุพิน เรียนทัพ ครูปองสุข แดงศิริ ครูสุปราณี แสงทอง ครุศิริลักษณ์ ยศปัญญา  และน้องๆอีกหลายท่าน ช่วยกำกับการแสดงได้อย่างคาดไม่ถึง แก้ปัญหาให้ทุกเรื่อง ขอขอบคุณแทนกำแพงเพชร   ครูเรืองศักดิ์ แสงทอง ช่วยถ่ายภาพ เพราะท่านเป็นยอดฝีมือ  คุณจักรพรรดิ์ ร้องเสียง  ตากล้องบันทึกวิดิทัศน์    อาจารย์ศิรินุช ศิริชัย บริการเรื่องอาหาร อย่างน่ารัก



 คุณจันทรา กุลนันทคุณ คุณพชรพรรณ ขุ่มเปี่ยม ดูแล ช่วยเหลือ และให้กำลังใจอย่างดีมาก ตลอดงาน คุณอธิคม สือพัทธิมา หาเสื่อยางมาให้ปูเวที คุณสุรศักดิ์ (ร้านศ.ศิลป์) ช่วยแต่งเวทีให้ ทำให้ดูดีขึ้น


  ความจริงแล้ว เป็นบุญของเรา และบ้านเมือง  ที่มีคนช่วยมากขนาดนี้ เริ่มซ้อม วันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๓ สิงหาคม ซ้อมใหญ่ ๒๔ สิงหาคม
ฝนตกทุกวันแต่ไม่เป็นอุปสรรค เพราะสามารถซ้อมได้ นักแสดงทุกคน ให้ความร่วมมืออย่างดีเยี่ยม ไม่มีใครย่อท้อต่อความยากลำบาก ทุกคนทำงานเพื่อบ้านเมืองร่วมกัน อย่างสุดจิต สุดใจ และอาจเป็นบุญบันดาล ให้มาพบแต่คนดีๆ มารับใช้กำแพงเพชรร่วมกัน งานจึงมีข้อบกพร่องน้อยที่สุด การซ้อมผ่านไป ถามว่าเหนื่อยไหม เหนื่อยมาก เพราะเป็นงานยากที่สุด ท้าทายที่สุด เท่าที่เคยทำมา และการติดต่อไม่มีสะพาน นับว่ายากที่สุด แต่แล้ว ด้วยความตั้งใจจริงใจ กับบ้านเมืองทำให้ทุกอย่างผ่านพ้นไป อย่างงดงามที่สุด ท่ามกลางคำยกย่องชมเชยจากทุกฝ่าย มีอุบัติเหตุ วันซ้อมวันสุดท้าย แต่ไม่มีใครเป็นอะไร สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ช่วยจริงๆ










 การแสดงวันแรก วันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๓ เรียบร้อยดี มีผู้คนชมมากมาย หลวงพ่อพระศรีวชิราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุ รองเจ้าคณะจังหวัดกำแพงเพชร ให้กำลังใจออกอากาศทาง สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดกำแพงเพชร ตอนเช้าวันที่ ๒๖ สิงหาคม ต้องขอบพระคุณท่านที่ท่าน ดูการแสดงอย่างเข้าใจ ในบทประพันธ์ ท่านชื่นชม อย่างจริงใจ และท่านมาชมอีกในวันที่ ๒๗ สิงหาคม ได้มีโอกาส ไปนมัสการท่าน















  การแสดงวันที่ ๒ วันที่ ๒๖ สิงหาคม  มีฝนตกลงมา หนักมากในตอนหัวค่ำ ตอนแสดงตกพรำๆ แต่คนชมไม่ถอย นักแสดง ไม่ถอย สำเร็จไปด้วยดี วันนี้ ต้องไปนั่งเฝ้า นักแสดงด้วนตนเองบนแพ เพื่อให้กำลังทุกคน ที่เสียสละเพื่อบ้านเมืองร่วมกัน แม้สาหัสเพียงใดก็ต้องทน เพราะทุกคนทนเพื่อบ้านเมืองร่วมกัน วันนี้เมื่อแสดงเสร็จต้องรื้อเวทีการแสดงออกเพื่อแข่งเรือ เลยกลับดึกมาก แต่โก้ (ณัฏฐ์พล สุขสอน) ลูกศิษย์ ทำหน้าที่เหมือนเลขา ช่วยดูแล ทำให้สบายมากขึ้น ต้องขอบคุณ




















 วันสุดท้าย ๒๗ สิงหาคม ต้องนำเวที มาติดตั้งใหม่ เสร็จเกือบสองทุ่ม เริ่มแสดง วันนี้ มีคนชมมากจริง ๆ คิดว่านับหมื่นคน นักแสดง แสดงอย่างสุดชีวิต ฝนไม่ตก อากาศดีมาก ทุกอย่างสำเร็จ ไปด้วยดี ขอบคุณทุกท่าน ที่กรุณาทำให้งานสำเร็จไปด้วยดี พระบารมี มากล้น เสด็จประพาสต้นกำแพงเพชรจริงๆ





























  เหลือเบิกเงิน ที่ จ่ายล่วงหน้าไปแล้ว  และตามใช้หนี้ ทุกคน เพื่อไม่ให้ติดค้าง คืนของทุกอย่างที่ยืมมาในสภาพดีกว่าเดิม มีเวลาจะเล่าให้ฟังต่อถึงเมื่องานสำคัญเสร็จแล้ว

                                                                                                               สันติ อภัยราช
                                                                                                                ๑ กันยา ๕๓



  
1301  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / เชิญ ชม และ ชิม ตลาดวัฒนธรรมย้อนยุคสมัยพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จประพาสต้น เมื่อ: สิงหาคม 18, 2010, 12:09:37 pm
เชิญ ชม  และ ชิม
         ตลาดวัฒนธรรมย้อนยุคสมัยพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จประพาสต้นเมืองกำแพงเพชร
๑๐๔ ปี ที่ผ่านมา ชมการแต่งกายของบรรดาแม่ค้า พ่อค้า สวยสดงดงาม เหมาะสมยุคสมัย
ชิมอาหารหลากหลาย นานาชนิด ที่แทบจะหารับประทานไม่ได้ ในปัจจุบัน บรรยากาศย้อนอดีต ท่านจะประทับใจไม่รู้ลืม  ท่ามกลางบรรยากาศริมน้ำปิง
เชิญชาวกำแพงเพชร และนักท่องเที่ยว แต่งกายย้อนยุค สมัยรัชกาลที่ ๕ ถ้าท่านแต่งกายสมัยรัชกาลที่ ๕ มาชมงานท่านสามารถมารับหอยเบี้ย และเงินพดด้วง
จากเจ้าหน้าที่ต้อนรับได้ และไปแลกซื้ออาหารได้ทุกร้านและหางบัตร ยังสามารถ
จับสลากเรือพระที่นั่งหางแมงป่องจำลองเป็นของที่ระลึกได้ ฟรี
ระหว่างรับประทานอาหารอร่อย  ชมการแสดงของ ศิลปินพื้นบ้านกำแพงเพชร
อาทิ สะล้อซอซึง จากบ้านแม่นารี    ,    รำโทน รำเพลงพวงมาลัย ของศิลปินบ้านบุ่ง อำเภอขาณุวรลักษบุรี , รำชี้บท รำวงย้อนยุคบ้านเขาทอง ปากดง , ระบำเป่าแก้ว ทรายทองวัฒนา , การแสดงเทิดพระเกียรติจากโรงเรียนวรนาถวิทยา  การแสดงโปงลางของ ศิลปินชาวปางศิลาทอง การปักผ้า ของชาวเขากำแพงเพชร  หลากหลายวัฒนธรรมและชมการแสดงลำตัดของโรงเรียนอนุบาลกำแพงเพชร
ก่อนชมการแสดงแสงเสียงสื่อผสม  ม่านน้ำสามมิติ เรื่อง     พระบารมีมากล้น เสด็จประพาสต้นกำแพงเพชร
วันที่ ๒๕ ๒๖ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๓ ตั้งแต่เวลา ๑๗.๐๐ น. ? ๒๐.๐๐ น. ณ ริมน้ำปิง หน้าสนามกีฬา โรง เรียน อบจ.กำแพงเพชร  ดำเนินงานโดย สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร สภาวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร
นำเสนอโดย องค์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชร โดยการนำของนายจุลพันธ์  ทับทิม  นายกอบจ.และคณะผู้บริหาร
ประสานงานโดย นายจักรไตรภพ  หนุนเพชร ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชร

1302  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / เชิญชม การแสดง แสงเสียง สื่อผสมม่านน้ำ สามมิติ สูง ๑๒ เมตร กว้าง ๒๔ เมตร เมื่อ: สิงหาคม 18, 2010, 12:07:59 pm
เชิญชม
การแสดง แสงเสียง  สื่อผสมม่านน้ำ สามมิติ  สูง ๑๒ เมตร กว้าง ๒๔ เมตร        ฉายภาพ พระพุทธเจ้าหลวงเสด็จประพาสต้นกำแพงเพชร กว่าร้อยภาพ
เรื่อง
พระบารมี มากล้น เสด็จประพาสต้นกำแพงเพชร
แสดงในงานแข่งขันเรือยาวประเพณี ลำน้ำปิง จังหวัดกำแพงเพชร
ในวันที่ ๒๕-๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๓ เวลา ๒๐.๐๐ น. หน้าลานอนุรักษ์วัฒนธรรม
เป็น การแสดงที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ความรักและความแค้น ระหว่างหนุ่มใหญ่ต่างถิ่นคือพะโป้ และทิดรื่นเจ้าของพื้นที่ กำแพงเพชร พระบารมีปกเกล้าของพระพุทธเจ้าหลวงทำให้ สองผู้ทรงอิทธิพลสามัคคีปรองดอง กันได้อย่างไร
  ท่านจะได้ชมวัฒนธรรมกำแพงเพชร และซึมซาบ อย่างเอิบอิ่มที่สุดในเวลา ๖๐นาที
ประพันธ์บทและกำกับการแสดง       โดย   อาจารย์สันติ อภัยราช       ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร                                            กำกับเทคนิคระบบแสงเสียง ม่านน้ำ    โดย  อาจารย์ชนินทร์ อ้นอารี     วิทยาลัยเทคนิคกำแพงเพชร
กำกับการแสดงและแสดงโดย ศิลปินจาก  กำแพงเพชรพิทยาคม  วชิรปราการวิทยาคม  ภักดีพณิชยการและเทคโนโลยี อนุบาลกำแพงเพชร  ศิลปินกลองยาวจากวังแขม คณะลิเกเด็กคลองขลุงบำรุงศิลป์ และนักแสดงกิตติมศักดิ์จากหลายสถาบัน
นำเสนอโดย
องค์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชร โดยการนำของนายจุลพันธ์  ทับทิม  นายกอบจ.และคณะผู้บริหาร
ประสานงานโดย นายจักรไตรภพ  หนุนเพชร ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชร
เชิญ ชม  และ ชิม
1303  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / การฟื้นฟูและอนุรักษ์ศิลปะการแสดงพื้นบ้าน ลิเก ( คณะคลองขลุงบำรุงศิลป์) เมื่อ: สิงหาคม 17, 2010, 05:23:30 pm
                  ที่อำเภอคลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร มีลิเกเด็กอยุ่คณะหนึ่งชื่อว่า  คณะคลองขลุงบำรุงศิลป์ หัวหน้าคณะคือ นายสะเทื้อน นาคเมือง หรือครูเผ  ท่านทำหน้าที่ คณะกรรมการสภาวัฒนธรรมอำเภอคลองขลุง ด้วย  เนื่องจากลิเกเด็กคณะคลองขลุงบำรุงศิลป์  ได้ทำประโยชน์ต่อสังคมกำแพงเพชรอย่างมากมาย ล่าสุดตามโครงการ ทูบีนัมเบอร์วัน ลิเกเด็กของครูเผ มีส่วนทำให้จังหวัดกำแพงเพชร ชนะเลิศระดับประเทศ นับว่ามีผลงานที่สมควรได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
        เมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๓  ทางสภาวัฒนธรรมอำเภอคลองขลุง นำโดย นางมยุรี ทรัพย์ประสม ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอคลองขลุง ดำเนินโครงการ            การฟื้นฟูและอนุรักษ์ศิลปะการแสดงพื้นบ้าน                      ลิเก ( คณะคลองขลุงบำรุงศิลป์)  โดยมีนางจันทรา กุลนันทคุณ
วัฒนธรรมอำเภอคลองขลุงเป็นผู้ปฏิบัติงานในฐานะเลขาธิการสภาวัฒนธรรมอำเภอคลองขลุง มีการเรียนรู้ตามรอยยุคลบาทบนเศรษฐกิจพอเพียง
โดยอาจารย์สันติ  อภัยราชและการเรียนรู้เรื่องนาฏศิลป์ไทยเรียนรู้เรื่องลิเก โดยผู้เชี่ยวชาญ ทางด้านนาฏศิลป์หลายท่าน  เยาวชนคณะลิเกเด็กคลองขลุงบำรุงศิลป์ ให้ความสนใจในการเรียนรู้อย่างดียิ่งทุกคนใฝ่รุ้ใฝ่เรียนและทำบทบาทสมมุติเรื่องการเรียนรู้ตามรอยยุคลบาทได้ยอดเยี่ยม มีการประกวดกัน กลุ่มที่ทำได้ดีได้รับการนำเสนอในรายการโทรทัศน์วัฒนธรรม เยาวชนทั้งหมดได้รับความรู้เป็นอย่างดี เขาและเธอมีจิตสำนึกในการเป็นศิลปินลิเก ยอมรับและภาคภูมิใจในการทำงานของตนเองว่าเป็นงานมีเกียรติและมิได้ดูถูกเหยียดหยามวิชาชีพของตนแต่
ประการใด นับว่าน่ายกย่องผู้ใหญ่อย่างนางมยุรี ทรัพย์ประสม  ครูสะเทื้อน นาคเมืองและคุณจันทรา กุลนันทคุณ ที่สนับสนุนและร่วมฟื้นฟูและอนุรักษ์ศิลปะการแสดงลิเก อย่างต่อเนื่องและยาวนาน ขอขอบคุณผู้ใหญ่ที่รักในศิลปวัฒธรรมทุกคน
                                                                                                                  สันติ อภัยราช


1304  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / ตาลโตนด เมื่อ: สิงหาคม 17, 2010, 05:21:23 pm
เจ้าของตาลรักหวานขึ้นปีนต้น      ระวังตนตีนมือระมัดมั่น
เหมือนคบคนคำหวานรำคาญครัน   ถ้าพลั้งพลันเจ็บอกเหมือนตกตาล

ตาลถูกกล่าวขานเปรียบเทียบในวรรณกรรมมาช้านาน ตาลจึงเป็นพืชที่ชาวไทยรู้จักเป็นอย่างดี และนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างกว้างขวางและเหมาะสม ทุกส่วนของตาลล้วน นำมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งสิ้น
ตาลโตนด  เป็นต้นไม้ตระกูลเก่าแก่ มีมากกว่า 4000 ชนิด  ขึ้นอยู่ทั่วประเทศไทย มีอายุยืนนับร้อยๆปี นัก ชีววิทยา มีความเห็นว่า ตาลโตนด มีถิ่นกำเนิดทางฝั่งตะงันออกของอินเดีย ขยายไปสู่ศรีลังกา สหภาพเมียนม่าร์  ไทย อินโดนีเซีย กัมพูชา ในประเทศไทยะพบมากที่ จังหวัดเพชรบุรี สุพรรณบุรี   นครปฐม. มีปลูกมาก่อนสมัยทวาราวดี 
ตาลโตนดเป็นพืชตระกูลปาล์มพัด  มีชื่อหลายชื่อด้วยกัน เช่นตาลใหญ่ ตาลนา ภาคเหนือเรียกปลีตาล ภาคใต้เรียกโนด เขมรเรียกตะนอย
ตาลโตนดที่พบในจังหวัดกำแพงเพชร มีสามสายพันธ์ คือ
1.ตาลหม้อ?.. เป็นตาลที่มีลำต้นแข็งแรง ดูจากลำต้นไม่สามารถแบ่งแยกได้ สังเกตได้จากผลตาล ที่ให้ผลใหญ่ ผิวดำเป็นมันเรียบ แทบไม่มีสีอื่นปน  เวลาแก่ผลมีรอยขีดเป็นแนวยาวของผล  เปลือกหนา ในผลจะมี 2- 4เมล็ด  ในหนึ่งทะลายจะมีประมาณ 10 ? 20ผล จะให้ผลเมื่ออายุ 10 ปีขึ้นไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของต้น?..
2. ตาลไข่  มีลำต้นแข็งแรง ผลค่อนข้างเล็ก  ตลาดนิยมตาลหม้อมากกว่า สีผลค่อนข้างเหลือง ในหนึ่งทะลายจะมีผล 10 ?20 ผล  จะให้ผลเมื่ออายุ 10 ปีขึ้นไป
3. ตาลพันธุ์ลูกผสม   เป็นลักษณะสีดำผสมสีน้ำตาล พบที่จังหวัดเพชรบุรี ส่วนใหญ่จะให้ผลเมื่ออายุ 15 ปีขึ้นไป?
อาชีพขึ้นตาลเพื่อนำผลไปจำหน่าย ในจังหวัดกำแพงเพชร มีมาช้านาน ตาลจะนิยมปลูกไว้ตามหัวไร่ปลายนา?.ไม่ทำเป็นพืชเศรษฐกิจ เพราะโตช้า ให้ผลช้า การเก็บผลค่อนข้างยาก?
จึงไม่มีการปลูกไว้ เพื่อการค้าขาย? นักขึ้นตาลที่กำแพงเพชร มีไม่กี่คนที่ยังเหลืออยู่ พากันไปประกอบอาชีพอื่นๆ จนหมดสิ้น เนื่องจากเมื่อสูงอายุมากขึ้น ก็จะไม่สามารถขึ้นตาลได้ เพราะเต็มไปด้วยอันตราย
   ที่กำแพงเพชร เราพบหนุ่มสมชาย  ภู่สอน ที่สืบทอดอาชีพการขึ้นตาลมาจากพ่อของเขา
1305  หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / สิบสาม สิงห์ ห้าสาม วันคล้ายวันเกิดน้องสาว สุปราณี แสงทอง เมื่อ: สิงหาคม 16, 2010, 09:32:47 am
                
                            สิบสาม สิงห์ ห้าสาม
            
                                    สานไกลสานเกือบใกล้             อรอุรา
                            สิบสามสิงห์ห้าสามมา                 เบิกฟ้า
                             สองฉนำยังตรึงตรา             จิตมั่น
                             ขอสุขสวัสดิ์เจิดจ้า                        เทิดล้ำมวลประชา
                                                                        

                                                                                       สันติ อภัยราช
                                                                                        ๑๓  สิงห์  ๕๓
หน้า: 1 ... 85 86 [87] 88 89 ... 95
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.11 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!